วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 190

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 190 ผู้ใดก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินความสุขของนาง (2)

เย่หวูเฉินยื่นมือออกสะบัด แหวนเทพกระบี่เปล่งแสง ผลไม้ขนาดเล็กเท่ากับเล็บมือปรากฎขึ้นบนฝ่ามือจำนวนสองลูก เป็นผลไม้สีแดงก่ำ ผิวของมันยังคงเปล่งแสงเพลิง ขณะเดียวกันมีความร้อนแผ่ออกมา แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ผลมังกรเพลิงฟ้า แต่เป็นเพียงผลไม้ที่มีลักษณะเหมือนกันซึ่งเก็บมาจากข้างทาง เขาใช้พลังหวูเฉินเป็นตัวนำ เคลื่อนธาตุไฟจำนวนเล็กน้อยใส่เข้าไว้ข้างใน ทำให้มันเปล่งแสงเพลิงและแผ่ความร้อนออกมาได้ในช่วงเวลาสั้นๆ นี่เป็นแผนที่เขาวางไว้ตั้งแต่เริ่มต้น

ด้วยผลไม้จำนวนสองลูกที่ใช้สำหรับ “ช่วยชีวิตสองคน” เขาเชื่อว่าต่อให้หลงหยินสงสัย เขาก็ไม่กล้าสละชีวิตของอีกคนเพื่อผ่ามันออกมาดู

“นี่คือผลมังกรเพลิงฟ้าอย่างนั้นหรือ?” หลงหยินกล่าวด้วยความประหลาดใจ

“ถูกต้อง ที่ใจกลางของภูเขาไฟเทียนเม่ยมีอยู่เพียงสองผล ตรงกับที่ต้องใช้รักษาพิษของฝ่าบาทและจักรพรรดินีพอดี ข้าเคยได้ยินอาจารย์เล่าให้ฟังว่า ผลมังกรเพลิงฟ้านั้นคือสิ่งสว่างที่สุดและร้อนที่สุดในโลก แม้ว่าพื้นผิวภายนอกของมันไม่ได้ร้อนหรือสว่างถึงเพียงนั้น แต่ภายในมันอัดแน่นไปด้วยธาตุอัคคี เมื่อคนธรรมดากลืนกินเข้าไป อวัยวะภายในจะถูกแผดเผาจนสิ้นชีพ แต่หากเป็นฝ่าบาทและจักรพรรดินี พวกมันจะตอบสนองต่อพิษที่เย็นสุดขั้วและมืดสุดขีด จากนั้นพิษเย็นพรากวิญญาณจะถูกขจัดจนสิ้นสมบูรณ์ ข่าวลือที่ว่ามันจะช่วยเพิ่มพลังธาตุไฟให้นั้นไม่ใช่ความจริง” เย่หวูเฉินอธิบายและวาง ‘ผลมังกรเพลิงฟ้า’ สองลูกลงในมือของหลงหยิน จากนั้นเขากล่าวอย่างเคร่งขรึม “ฝ่าบาท ท่านต้องกลืนมันลงไป ห้ามเคี้ยวให้มันแตกออก ยิ่งกว่านั้นห้ามตัดมันออกเป็นชิ้น”

หลงหยินเข้าใจอย่างแจ่มชัด เขาหัวเราะและกล่าว “ขืนผ่ามันออกเป็นชิ้น อัคคีธาตุคงได้พวยพุ่งออกมา บางทีห้องหนังสือของข้าคงถูกเผาเป็นจุณ แต่ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาถึงเดือนครึ่งแล้ว พิษเย็นอาจกำเริบขึ้นได้ทุกเวลา ข้าจะไม่รั้งรออีก ขุนพลเย่ อย่าลืมพาหวูเฉินไปรับรางวัล ข้าจะตบรางวัลใหญ่ให้ตระกูลเย่ของพวกเจ้าต่อหน้าเหล่าขุนนางนายพล”

“พะยะค่ะ” เย่เว่ยรับคำ

“โอ้ จริงสิ” หลงหยินที่กำลังจะออกไปหันกลับมา ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มขณะกล่าว “หวูเฉิน หลายวันมานี้ฮวงเอ๋อร์ของข้าไม่เจริญอาหารเพราะนางเอาแต่คิดถึงเจ้า หากเจ้าพอมีเวลาจงไปอยู่เป็นเพื่อนนางสักสองสามวัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

เมื่อหลงหยินหันกลับไป รอยยิ้มบนใบหน้าก็พลันสลายกลายเป็นหม่นลง หลงฮวงเอ๋อร์หลงใหลเขามากเกินไป ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย

เย่หวูเฉินที่อยู่เบื้องหลังเห็นความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของใบหู เขารู้ว่าหลงหยินมีอารมณ์เปลี่ยนไปและลอบแค่นเสียง

เมื่อหลงหยินจากไป หวังเวิ่นชูกล่าวอย่างกังวล “เฉินเอ๋อร์ เจ้าเดินทางไกลติดต่อกันนาน เจ้าคงรู้สึกเหน็ดเหนื่อย เร็วเข้า เจ้ารีบไปพักผ่อนก่อน เดี๋ยวแม่จะเตรียมอาหารไปให้เจ้า”

เย่หวูเฉินส่ายศีรษะ “ไม่จำเป็น ข้าไม่เหนื่อย” เขาหยุดคำพูดลง มองที่ใบหน้าของนางแล้วกล่าว “ที่ผ่านมาพี่หญิงเป็นอย่างไรบ้าง?”

หวังเวิ่นชูใบหน้าเย็นวาบในทันที เย่เว่ยและเย่หนู่มีสีหน้าชะงักค้างไม่ต่างกัน กระทั่งเย่หวูหยุนยังก้มศีรษะลงด้วยความเสียใจ

เย่หวูเฉินหัวใจบีบรัดแน่น เขาขมวดคิ้วมุ่นแล้วถาม “อย่าบอกข้านะว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับพี่หญิง?”

เย่ฉุ่ยเหยาจากไปได้ห้าวัน สันนิษฐานได้ว่านางคงไปถึงอาณาจักรต้าฟงแล้ว หลายวันมานี้หวังเวิ่นชูไม่อาจหลับนอนอย่างสงบใจ ตอนนี้เมื่อเย่หวูเฉินเอ่ยขึ้นมา จมูกนางเริ่มสะอื้น ไม่อาจหยุดน้ำตาที่ไหลร่วงออกจากดวงตาของนางอีกครั้ง

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ รีบบอกข้ามาเร็วเข้า!” สีหน้าของพวกเขาทำให้เย่หวูเฉินกระวนกระวายยิ่ง ความรู้สึกไม่ดีที่เกิดขึ้นระหว่างทางกลับ-กลับกลายเป็นเรื่องจริง จะต้องเกิดเรื่องร้ายบางอย่างขึ้นกับเย่ฉุ่ยเหยา.... แต่ความรู้สึกนี้ไม่เหมือนว่านางจะบาดเจ็บหรือเป็นอันตรายถึงชีวิต ที่แท้มันคืออะไร?

“พี่สาวของเจ้า นาง.... เฮ้อ จะต้องแต่งงาน” เย่เว่ยถอนหายใจยาว

“แต่งงาน....” เย่หวูเฉินทวนคำซ้ำ มันดังกังวาลก้องอยู่ในใจ เขาหันใบหน้ามองไปรอบๆ ถามอย่างงงงัน “แต่งกับใคร?”

ความเจ็บปวดที่แทบฉีกหัวใจบอกเขาว่า เขาไม่อาจยอมรับความจริงนี้ได้

“รัชทายาทฟงหลิงแห่งอาณาจักรต้าฟง” เย่เว่ยตอบ สีหน้าของเย่หวูเฉินในยามนี้ ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ ก่อนที่เขาจะเดินทางออกจากบ้าน เย่หวูเฉินมักไปหาเย่ฉุ่ยเหยาอยู่ทุกวัน ทุกคนต่างก็เห็นและรู้เรื่องนี้ดี ความรักระหว่างพี่น้องคู่นี้นับว่าแน่นแฟ้น

อาณาจักรต้าฟง....

อารมณ์สับสนของเย่หวูเฉินกลายเป็นกระจ่างในฉับพลัน เขานั่งลงอย่างหนักหน่วง อาณาจักรต้าฟง... ชื่อนี้ทำให้เขาเข้าใจทันทีถึงสาเหตุ

“อาณาจักรคุยชุยกลายเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรต้าฟง จักรพรรดิองค์ใหม่ของอาณาจักรต้าฟงวางแผนรุกรานหลังจากขึ้นครองราชย์ จะโจมตีตอนที่พวกเราไม่ทันตั้งตัว เข้าประชิดปิดล้อมทางทิศตะวันตก เขาส่งรัชทายาทฟงมาที่นี่เพื่อส่งสานส์ประกาศสงคราม... ฟงหลิงลุ่มหลงเหยาเอ๋อร์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น มันจึงใช้เงื่อนไขนี้แลกเปลี่ยนกับการถอยทัพกลับไปและรักษาความสงบสุขห้าปี เรื่องนี้จำต้องทำเพราะไร้ทางเลือก... เฮ้อ” เย่เว่ยกล่าวสรุปสั้นๆ กระนั้นเขายังเห็นเย่หวูเฉินนั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้น ถึงแม้เย่เว่ยจะไม่อธิบาย เขาก็ยังคงคาดเดาเรื่องราวได้อยู่ดี

เขากำลังรู้สึกผิด สำนึกเสียใจว่าเหตุใดตนเองถึงต้องไปจากเมืองเทียนหลงในช่วงเวลาดังกล่าว ไม่อย่างนั้น เขาจะไม่มีทางปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เขาและสำนักจักรพรรดิใต้ได้ทำข้อตกลงกัน ซึ่งลึกๆแล้วไม่ใช่เพียงการปกป้องตระกูลเย่เท่านั้น หากอาณาจักรต้าฟงคิดจะเริ่มสงครามจริงๆ สำนักจักรพรรดิใต้ย่อมเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องตระกูลเย่ และเมื่ออาณาจักรต้าฟงได้รู้เรื่องราวพวกมันย่อมชะลอสงครามไปอีกสามปี ดังนั้นต่อให้เย่ฉุ่ยเหยาไม่ได้กลายเป็นเบี้ยหมากในสงคราม อาณาจักรต้าฟงย่อมไม่กล้ารุกรานอาณาจักรเทียนหลงในเวลาสามปีนี้

แต่นอกเหนือจากเขาก็ไม่มีผู้ใดรู้เรื่องข้อตกลงดังกล่าว และยิ่งคิดไม่ถึงเลยว่า จะเกิดเรื่องขึ้นในตอนที่เขาไม่ได้อยู่ในเมืองเทียนหลง ไม่คาดฝันว่าอาณาจักรต้าฟงจะไม่อาจอดทนและเริ่มรุกรานในช่วงเวลานั้น

“พี่หญิงไปนานแล้วหรือยัง?” ความเจ็บปวดแพร่ไปทั่วอก เขาหรี่ตาลงแล้วถามเสียงต่ำ

“นางได้จากไปเป็นเวลาห้าวัน ตอนนี้ นางคงไปถึงอาณาจักรต้าฟงแล้ว” เย่เว่ยมองที่เย่หวูเฉินครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “เฉินเอ๋อร์ พวกเราต่างก็เสียใจเช่นเดียวกันกับเจ้า แต่ว่า... โชคดีที่ฟงหลิงมีความจริงใจให้เหยาเอ๋อร์ เขาสาบานว่าจะไม่ทำให้นางเสียใจ ยิ่งกว่านั้น เรื่องนี้ยังเป็นการตัดสินใจของเหยาเอ๋อร์ นางสละความสุขของตัวเองเพื่อกลายเป็นเบี้ยต่อรอง ยอมแลกกับความปลอดภัยของเมืองเทียนหลง ตระกูลเย่จะต้องภาคภูมิใจในตัวนาง และนางจะต้องภูมิใจกับทางเลือกของนางเอง”

“พี่หญิงเลือกเอง.... พี่หญิงเลือกเอง....”

พี่หญิง นี่คือสิ่งที่ท่านต้องการจริงๆหรือ

เย่หวูเฉินยืนขึ้นและจากไปอย่างเหม่อลอย เห็นร่างที่เดียวดายของเขา เย่เว่ยและเย่หนู่ถอนหายใจตามๆกัน หากแต่พวกเขาไม่ได้รู้ถึงเหตุผลแท้จริงที่เย่หวูเฉินเสียใจ

หนิงเสวี่ยและทงซินกำลังเล่นอยู่ในสวนหน้า เย่หวูเฉินเดินเข้ามาและจับมือพวกนางไว้ จากนั้นกลับสวนของตนเองอย่างลังเล สาวน้อยทั้งสองรู้สึกได้ถึงอารมณ์ของเขาที่แปลกไป พวกนางจึงหม่นหมองตาม หนิงเสวี่ยถามอย่างกังวล “ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกับท่านเหรอ? มีอะไรที่ทำให้ท่านพี่ไม่มีความสุข?”

เย่หวูเฉินใบหน้าหม่นหมอง เมื่อได้ยินคำเขาส่ายศีรษะ เขาหยุดเท้าลงตรงปากประตูของสวนน้อยตัวเอง จากนั้นเปลี่ยนทิศทางเดินตรงไปที่สวนของเย่ฉุ่ยเหยา

ในสวนยังคงเงียบเหมือนปกติ มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไป ท่ามกลางความเงียบนี้กลับเหน็บหนาวและโดดเดี่ยว เนื่องจากบางสิ่งได้หายไป เมื่อผลักประตูเปิดออก ห้องหับที่จัดวางคุ้นตาปรากฎอยู่เบื้องหน้า ทุกสิ่งยังคงเหมือนเดิมและยังดูสะอาดตา แสดงว่ามีคนมาทำความสะอาดที่นี่ทุกวัน บนโต๊ะมีชั้นกระดาษวาดวางซ้อนกันอยู่หนา เมื่อนางยังอยู่ที่นี่ เวลาส่วนใหญ่ของนางใช้กับการวาดภาพ มีเพียงเย่หวูเฉินเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ นางไม่ได้วาดเพื่อวาดภาพ แต่นางวาดเพื่อหัวใจ

กระดาษวาดภาพแผ่นบนสุด เป็นหนึ่งในภาพดอกบัวจำนวนมากที่นางวาด เดิมทีดอกบัวต้องเบ่งบานเป็นคู่อยู่ด้วยกัน แต่ในภาพนี้กลับมีเพียงดอกเดียวที่กำลังเบ่งบาน ทั้งงดงามและโศกเศร้า สง่างามและโดดเดี่ยว เย่หวูเฉินยื่นมือออกสัมผัสภาพ ไม่อาจสงบอารมณ์ได้เป็นเวลานาน

ดันประตูห้องนอนเปิดออก กลิ่นหอมบางโชยแผ่ว เป็นกลิ่นหญิงสาวตามธรรมชาติของเย่ฉุ่ยเหยาที่ยังไม่จางหายไปโดยสมบูรณ์ ทั้งเจือจาง และคุ้นเคย หนิงเสวี่ยมองไปรอบๆห้องนอนอันว่างเปล่าและอ้างว้าง ในที่สุดนางก็เอ่ยถาม “ท่านพี่ พี่สาวอยู่ที่ไหน?”

“นางไปแล้ว” เย่หวูเฉินตอบ

“ไปแล้ว? นางไปไหนเหรอ?” หนิงเสวี่ยจับมือเขาไว้ สีหน้าของเขาทำให้นางรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งท่วมทับในหัวใจ

“นางไปอาณาจักรต้าฟง” เย่หวูเฉินตอบอย่างเลื่อนลอย แต่งเข้าสู่สถานที่แห่งนั้น นับได้ว่านางเป็นคนของตระกูลฟงแล้ว ชั่วชีวิตนี้ของนางจะไม่อาจกลับมาที่ตระกูลเย่ได้อีก

“อาณาจักรต้าฟง?”

เย่หวูเฉินค่อยๆกวาดตามองทั่วทุกซอกมุม บนเตียงที่เย่ฉุ่ยเหยาหลับนอนมามากกว่าสิบปี มีสองม้วนภาพวาดวางอยู่อย่างเงียบงัน หัวใจเขาสะท้าน เขาเดินเข้าไปหยิบภาพวาดสองม้วนนั้นขึ้นมา

กางมันออกดู จึงรู้ว่าสองภาพวาดนี้คือภาพที่เขาวาดไว้ให้กับนาง เมื่ออยู่เบื้องหน้าภาพวาด ราวกับว่าร่างของเย่ฉุ่ยเหยาปรากฎออกมา เหมือนว่านางกำลังอยู่ข้างเขา

“พี่หญิง.... นี่คือสิ่งที่ท่านเลือกหรือ?” มองภาพสตรีที่งดงามที่สุดในภาพวาด เย่หวูเฉินพึมพำออกมาแผ่วเบา

สายตางดงามเพียงขณะเดียวของเย่ฉุ่ยเหยา ได้กระชากหัวใจของฟงหลิงในครั้งแรกที่เห็น เย่หวูเฉินก็หลงใหลนางอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน ดังนั้นเพียงครั้งแรกที่พบกัน เขาจึงกล่าวถ้อยคำมากมายกับนาง หลังจากนั้นเขาใช้ทุกโอกาสเพื่อเข้าใกล้ ระหว่างที่ได้คลุกคลีเขาใช้ทุกวิธีเพื่อเปิดหัวใจนางที่ปิดอยู่ ทุกการเปลี่ยนแปลงของสายตานางที่มองมายังเขา เขารู้ดีว่านางมีความรู้สึกให้เขาโดยไม่รู้ตัว

และตอนนี้ ภาพวาดสองรูปนี้กลับถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง เป็นคำตอบของนางว่านางเลือกที่จะลืมเขา

เหตุใดเวลาสั้นๆเพียงเดือนครึ่งถึงทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่? นางเลือกที่จะไปยังอาณาจักรต้าฟง นางเลือกที่จะลืมเขา... และเลือกที่จะไม่รอให้เขากลับมาถึงบ้าน

เย่หวูเฉินแน่นหน้าอกขณะปิดภาพวาดทั้งสอง ในหัวใจรู้สึกทรมานเจ็บปวด เขารู้จักเย่ฉุ่ยเหยาเป็นอย่างดี หากนางไม่ได้สมัครใจ ต่อให้ฟ้าถล่มลงมานางก็จะไม่มีทางยอมรับ นี่คือทางเลือกของนาง เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะก้าวก่าย

“ท่านพี่...” หัวใจของหนิงเสวี่ยเริ่มเจ็บปวด ดวงตานางปริ่มไปด้วยน้ำตา นางพิงซบร่างกับเขา ใช้ตัวนางปลอบโยนหัวใจเขา

ข้างๆมือของเขา เป็นหมอนสีแดงอ่อน มีกลิ่นหอมเบาบาง ด้านข้างมีลายปักรูปเป็ดแมนดารินเล่นน้ำอยู่ ลายปักไม่ได้ดีมากมาย จากรอยปักที่เบี้ยวเห็นได้ชัดว่าขาดประสบการณ์ และดูเหมือนว่ามันพึ่งถูกปักมาได้ไม่นาน เย่หวูเฉินหยิบหมอนขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ เขาจำได้ว่าตอนที่เขากำลังออกจากเมืองเทียนหลง เย่ฉุ่ยเหยากำลังเริ่มหัดเย็บปัก วันนั้นเมื่อนางเริ่มลงมือทำ นางรีบซ่อนมันไว้อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นเขาเข้ามา

เขาค่อยๆพลิกหมอนดูอีกด้านหนึ่ง ด้านหลังนั้นมีลายปักที่เหมือนกัน ตรงกลางเป็นรูปดอกบัวคู่บนก้านเดียว ด้านข้างดอกบัวมีสองคำที่ปักแยกกันไว้ เมื่อเขาเห็นอักษรสองคำนี้ เย่หวูเฉินสะท้านเหมือนพึ่งตื่นขึ้นจากสายฟ้าฟาด

ตัวอักษรสองคำ คำหนึ่งคือเหยา อีกคำหนึ่งคือเฉิน

เย่หวูเฉินหัวใจเต้นกระหน่ำ.... ใช่แล้ว นางกำลังหนีอยู่ นางไม่ได้หนีจากหัวใจตัวเองหรือหนีจากเขา แต่หนีจากความสัมพันธ์ทาง ‘สายเลือด’ ระหว่างพวกเขา เพราะว่าในหัวใจนาง เขาคือน้องชายในสายเลือด นางย่อมตระหนักว่าความรู้สึกของนางเป็นบาปที่ไม่อาจให้อภัย มันจะทำลายนาง และยังจะทำลายบุคคลที่เปิดหัวใจนางออก นางย่อมตระหนักรู้ถึงความรู้สึกของเขาจากการเย้าแหย่และแสดงเป็นนัย... ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะเงียบไว้ ฝืนบังคับให้ลืมเลือนความรู้สึกเหล่านั้นไป นางอาจเพิกเฉยต่อตนเองได้ แต่นางไม่สามารถทำลายชีวิตของ ‘น้องชาย’

ระหว่างที่เขาสับสน เขากลับลืมเหตุผลที่เด่นชัดข้อนี้ไปได้อย่างไร! เพราะเหตุผลข้อนี้ย่อมทำให้หัวใจสับสนได้อย่างง่ายดาย...

หัวใจเขาอัดแน่นไปด้วยความรู้สึก เขาลุกขึ้นจากเตียง อุ้มหนิงเสวี่ยและจูงมือทงซินในขณะเดียวกัน จากนั้นตะโกนขึ้นมาอย่างหนักแน่น “ไปกันเถอะ!”

เขาเดินออกจากสวนอย่างเร่งร้อน มุ่งหน้าตรงไปที่ประตูหลัก

“เฉินเอ๋อร์ เจ้าจะไปไหน ทำไมถึงไม่พักผ่อนก่อน” หวังเวิ่นชูที่อยู่ในสวนเห็นเขารีบร้อนออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง นางจึงลากเขากลับมาและถามอย่างกังวล

“ไปอาณาจักรต้าฟง!” เขาหยุดเท้าและรีบตอบ

“.....เอ๋? เจ้าจะไปทำอะไรที่อาณาจักรต้าฟง?” หวังเวิ่นชูมองตากว้าง นางสงสัยว่าตัวเองจะต้องฟังผิดไป

เย่หวูเฉินหันหน้ามา สายตาลึกล้ำและหม่นหมองมองสบตาทีละคนกับหวังเวิ่นชู , เย่เว่ย และเย่หนู่ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นราวเหล็กกล้า เน้นชัดทุกถ้อยคำขณะเอ่ย “ข้าจะไปชิงตัวพี่หญิงกลับมา... ผู้ใดก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินความสุขของนาง!!”



<<<PREV    .    NEXT>>>