วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 304

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 304 ล่วงล้ำนายข้า – ตาย!

กฎ... ด้วยศรทลายผาดาวตก กฎแห่งจักรพรรดิมารจะต่างอะไรกับกฎแห่งความตาย นักบวชไร้บุปผายังถูกกำจัดไม่เหลือซากต่อหน้าเหล่ายอดฝีมือชนิดที่ไม่สนกฎงานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉินแม้แต่น้อย ดังนั้นหากต้องการฆ่า ไหนเลยเขาจะสนใจว่าพวกเขาคือคนของสำนักจักรพรรดิเหนือ

“ประเสริฐ....ประเสริฐนักสำนักมาร สำนักจักรพรรดิเหนือของพวกเราจะจดจำนามของพวกเจ้าเอาไว้” อาวุโสสองย่ำเท้ากับพื้นสบถสาบาน แล้วหันร่างกลับด้วยความเกลียดชัง แม้ว่าเขาจะหันร่างไปแล้ว หากยังคงรู้สึกได้ว่าสายตาเย็นเยียบของจักรพรรดิมารยังคงจดจ้องอยู่ที่แผ่นหลัง ความรู้สึกหวั่นกลัวในใจหนุนเนื่องไม่อาจระงับ

อาวุโสอีกสองคนอดกลั้นความรู้สึกอึดอัดที่แทบไม่อาจหายใจ พวกเขาหันกายเข้าไปหาเหยียนซีหมิงที่นั่งบาดเจ็บอยู่ ยามนี้พวกเขากำลังเป็นที่สนใจของเหล่าผู้มาร่วมงานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉิน หากมิใช่เพราะงานนี้สำคัญอย่างยิ่ง สามอาวุโสที่เสียหน้าอย่างนักคงแทบหนีออกจากงานทันที ไม่อยากรั้งรอแม้ชั่วอึดใจเดียว อยากรีบกลับไปรักษาเหยียนซีหมิง , รายงานการตายของอาวุโสใหญ่ , รายงานเรื่องสำนักมารและจักรพรรดิมารอันน่ากลัว , เรื่องสี่ยอดฝีมือขอบเขตเทวะอันน่าหวาดหวั่น , รวมถึงสามรุ่นเยาว์ผู้อัศจรรย์ หนึ่งคือทายาทเทพกระบี่ที่สามารถเอาชนะอาวุโสใหญ่ สองคือเนตรปีศาจสังหารโลหิตผู้ลงมือสังหาร สามคือผู้ยิงศรปราณทำร้ายนายน้อยจนสาหัสโดยที่เขาไม่อาจเข้าใกล้

ในอดีต แม้ว่างานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉินจะมีบ้างที่พวกคนผิดปกติจะปรากฎตัวในฉาก ทว่าผลลัพธ์มีเพียงแค่ทำให้โลกสนใจจับจ้อง ครั้งนี้สำนักจักรพรรดิเหนือส่งคนมาเพียงเพื่อเสียหน้าอย่างหนัก ทั้งไม่อาจหุบหางวิ่งหนีได้ แม้ว่านี่เป็นการรวมตัวของผู้แข็งแกร่งสูงสุดในโลก ทว่างานชุมนุมยุทธเวทย์แห่งเทียนเฉินก็คงถึงเวลายุติลงแล้ว.... เพราะการปรากฎตัวของคนเหล่านั้นทำให้เหล่ายอดฝีมือได้แต่ตะลึงลานไปตามกัน ความมั่นใจหดหายไปสิ้น ได้แต่กดข่มยับยั้งตัวเอง จะมีกี่คนที่อยากออกมาเป็น “กระสอบทราย” และหลายคนอยากรอถกสนทนาเรื่องนี้กันต่อแล้ว

“ช้าก่อน....ล่วงล้ำนายของพวกเรา พวกเจ้าคิดจะไปทั้งอย่างนี้เรอะ?” สามอาวุโสเพิ่งหันกายเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เหยียนเทียนเว่ยก็ส่งเสียงเย็นเยียบสะท้อนในหูของพวกเขา

ทั้งสามคนหันกลับมา กล่าวด้วยคิ้วขมวดมุ่น “เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าไง?”

“เฮอะ เรียบง่ายยิ่งนัก ล่วงล้ำนายข้าเท่ากับตาย!” แววตาสงบนิ่งของเหยียนเทียนเว่ยพลันแผ่จิตสังหารออกมา

สามอาวุโสถูกจิตสังหารติดตรึง ทั้งร่างเย็นวูบลง พวกเขาตกใจรีบเคลื่อนพลังเพลิงวิญญาณเพื่อเตรียมต้าน เวลานี้เอง มีร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาหมายจับที่ลำคออาวุโสสอง อาวุโสสองกำลังจะเคลื่อนร่างหลบ หากพลันพบว่ามีพลังปราณสี่สายตรึงที่ร่างของตน เขารู้สึกราวกับถูกขุนเขามหึมากดทับไว้ พลังเพลิงวิญญาณเพียงเคลื่อนออกกลับถูกข่มระงับสิ้น พลังในอกสับสนปั่นป่วน เลือดลมแทบกระอักออกมา

ยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์แกร่งกล้าเพียงใดย่อมไม่มีผู้สงสัย ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้ายอดฝีมือขอบเขตเทวะก็ล้วนไม่ต่างจากเด็กหัดคลาน ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าเขากำลังถูกสี่เทวะกดดัน และหนึ่งในนั้นคือบุคคลที่ติดคาอยู่ในขอบเขตเทวะขั้นสูงสุด สี่ขอบเขตเทวะรับมือกับหนึ่งขอบเขตสวรรค์ ตราบเท่าที่พวกเขาต้องการ แม้ไม่ต้องขยับสักนิ้วเดียว เพียงพลัง “ปราณ” ก็เพียงพอกับการสังหารแล้ว

ขณะที่เลือดลมพุ่งขึ้นมาจุกในลำคอของอาวุโสสอง ก็มีมือเบื้องหนึ่งคว้าจับลำคอเขาเอาไว้ เหยียนต้วนชางไม่หยุดรอและขยับมือเล็กน้อย เกิดเสียงกระดูกหักดังลั่นขึ้นชัดเจน จากนั้นเขาปล่อยมือทันที แล้วเคลื่อนสายตาไปที่อาวุโสสามผู้ตกตะลึง เขาลงมือสังหารอย่างสบายมือเพียงพริบตาเดียว ไม่ลังเลกับสถานะอาวุโสแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือแม้แต่น้อย สีหน้าราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลง ราวกับว่าเขาคุ้นชินกับการพรากชีวิต

อาวุโสสองดวงตาเหลือกขึ้น ลำคอบิดเบี้ยวและร่วงลงกองบนพื้น

เหยียนต้วนชางไหวกายไปทางขวาหมายคว้าอาวุโสสาม อาวุโสสามรีบผลักสองฝ่ามือเพื่อปัดป้อง พร้อมทะยานร่างออกด้วยความเร็วสูงสุด อย่างไรก็ตาม แม้จะเห็นชัดว่าเขาถอยหนีอย่างรวดเร็ว แต่เหยียนต้วนชางก็ทะยานเข้าใกล้ด้วยความเร็วยิ่ง เพียงพริบตาก็เข้าถึงตัว เขาเคลื่อนพลังแกร่งกล้าใช้มือต่างกระบี่เล็งตัดที่ลำคออาวุโสสามผู้สิ้นหวัง

ด้วยพลังของอาวุโสสาม เขาทำได้เพียงขัดขืนไม่กี่กระบวนท่าต่อหน้าเหยียนต้วนชาง และเช่นเดียวกับอาวุโสสอง พลังคุ้มร่างของเขาถูกตรึงไว้ด้วยสี่เทวะจนแทบไม่อาจต่อต้าน ทำให้เขาไร้การป้องกัน ฝ่ามือเปล่าเป็นดั่งใบมีดคมกล้า ตัดผ่านแขนสองข้างที่ยกขึ้นป้องกัน ตัดแยกศีรษะออกจากร่างกาย เลือดสาดกระจายทั่วทว่าไม่ได้เปื้อนร่างของเหยียนต้วนชาง

เหยียนต้วนชางหมุนร่างอีกครั้ง ครั้งนี้เพียงพริบตาลำคอของอาวุโสสี่ก็ถูกเหยียนต้วนชางตัดออก เมื่อเสียง “ฉัวะ” ดังขึ้น ร่างไร้ศีรษะของอาวุโสสามก็ร่วงถึงพื้นในขณะเดียวกัน

กะทันหันเกินจะกล่าว เพียงเสียงเย็นของเหยียนเทียนเว่ยจบลง สามอาวุโสคุมกฎของสำนักจักรพรรดิเหนือก็ตกตายด้วยน้ำมือของเหยียนต้วนชางในชั่วเวลาไม่ถึงสามอึดใจ กระทั่งขณะที่อาวุโสสี่ตาย ผู้คนก็ยังไม่ทันได้ตอบสนอง

ทั้งสี่ยอดฝีมือของเขตสวรรค์ถือว่าเข็มแข็งมากในสำนักจักรพรรดิเหนือ ทว่าพวกเขากลับตกตายเป็นใบไม้ร่วง ซึ่งหากมีเพียงเหยียนต้วนชางที่เผชิญหน้ากับสามยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ เขาก็คงต้องออกแรงเพิ่มบ้าง ทว่าเมื่อต้องรับมือกับพลังของสี่เทวะ พวกเขาก็ไร้พลังที่จะดิ้นรนขัดขืน

ทั่วทั้งทวีปเทียนเฉิน ผู้ที่ก้าวสู่ขอบเขตเทวะจะมีสักกี่คน? ดังนั้นไม่ต้องกล่าวถึงศัตรูที่คู่ควรกับพวกเขาสี่คน เอาแค่ผู้ที่รับมือพวกเขาหนึ่งต่อหนึ่งได้จะมีสักเท่าใด!? พวกเขาต่างจากเทพทั้งสี่เมื่อ 25 ปีก่อน เทพกระบี่ , เทพสงคราม , เทพหิมะ , และเทพมายา ล้วนแต่ต่างคนต่างอยู่ นอกจากการต่อสู้กับสตรีเทพพิโรธพวกเขาก็ไม่เคยร่วมมือกัน ทว่า “เทพ” ทั้งสี่ที่อยู่ตรงนี้ล้วนแต่เป็นพรรคพวกเดียวกัน การประสานงานกันจึงลงตัวเป็นอย่างยิ่ง กองทหารม้านับหมื่นยังไม่อาจต่อต้าน และยิ่งยังมียอดฝีมือขอบเขตเทวะขั้นสูงสุด ที่เพียงคนเดียวก็รับมือกับสามเทวะได้โดยไม่พ่ายแพ้

และสำหรับจักรพรรดิมารนั้น เพียงหนึ่งศรสะเทือนฟ้าที่เขาสำแดงออกมาก็เหนือล้ำความเข้าใจของผู้คนโดยสิ้นเชิง เกินขอบเขตของ “มนุษย์” ทั้งไม่อาจหยั่งวัดได้อย่างแท้จริง

ยิ่งกว่านั้น สำนักจักรพรรดิเหนือยังถูกสังหารทิ้งอย่างง่ายดายเพราะแค่ “ล่วงล้ำ” เพียงครั้งเดียว ผู้ใดบ้างจะไม่หวาดกลัว และยังแทบจะกล่าวได้ว่านี่เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งที่โผล่ออกมา ดังนั้นยังจะมีผู้ใดคู่ควรให้พวกเขาต้องหวั่นเกรงอีก

ไม่สงสัยเลยว่า สำนักมารและสำนักจักรพรรดิเหนือจะต้องกลายเป็นศัตรูต่อกัน สำนักจักรพรรดิเหนือแต่เดิมไม่เคยมีใครกล้ายุแหย่ แต่ครั้งนี้ถูกสำนักมารใช้กระบี่ทิ่มแทงสาหัส ไม่ทราบว่าหลังจากนี้สำนักจักรพรรดิเหนือจะเลือกสงบเงียบหรือแก้แค้นรุนแรง ทว่าด้วยสถานะและตัวตนของสำนักจักรพรรดิเหนือ ตัวเลือกที่จะเงียบย่อมไม่อาจทำได้ ดังนั้น คงทราบได้ไม่ยากว่า ความขัดแย้งของสองขุมกำลังยิ่งใหญ่นี้จะสร้างความปั่นป่วนในทวีปเทียนเฉินครั้งใหญ่หรือเล็ก?

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พลังของสำนักมารสามารถเทียบได้กับสำนักจักรพรรดิเหนือและสำนักจักรพรรดิใต้ หากขุมกำลังระดับนี้ปะทะกัน ผลลัพธ์ย่อมไม่ต่างอะไรกับหายนะ

เหยียนซีหมิงเดินทางมากับสี่อาวุโสคุมกฎเพื่อมาชมผู้กล้าแห่งโลก ทว่าตอนนี้กลับทำได้เพียงมองดูพวกเขาตกตายอย่างน่าอนาถต่อหน้าทีละคน หัวใจเขาสั่นสะท้านจนไม่อาจบรรยาย เขาสอดมือเข้าไปในอกเสื้อ จับสิ่งของเล็กๆและหนักไว้มั่น มันคือศรสัญญาณของสำนักจักรพรรดิเหนือ เมื่อใดที่ถูกประจุด้วยพลังเพลิงวิญญาณ มันจะพุ่งทะยานขึ้นฟ้าและกลายเป็นรูปหงส์เพลิง คนของสำนักจักรพรรดิเหนือที่อยู่โดยรอบรัศมีเมื่อเห็นสัญญาณนี้ก็จะเร่งรุดมาที่นี่ทันที

มือเขาสั่นเล็กน้อย หากในใจสั่นไหวอย่างรุนแรง สุดท้ายเขากดระงับความโกรธและอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในหัวใจ จากนั้นดึงมือออกมาโดยใช้เหตุผล คนที่ตกตายมีเพียงสามอาวุโสที่ล่วงล้ำจักรพรรดิมาร พวกมันไม่ได้พุ่งเป้ามาที่เขาซึ่งไม่ได้กล่าวคำล่วงเกิน เช่นนี้แล้วการเงียบย่อมเป็นทางรอด แต่หากเขายิงศรสัญญาณออกไป แม้ว่าจะเรียกคนของสำนักจักรพรรดิเหนือที่อยู่ใกล้ๆให้มาหาในเวลาอันสั้น แต่ต่อหน้าเทวะทั้งสี่และจักรพรรดิมารผู้น่าสะพรึง นี่จะต่างอะไรกับการเรียกมาถูกสังหาร? ยิ่งกว่านั้น ตัวเขาที่เป็นผู้เรียกคนมาก็คงเอาชีวิตไม่รอดแน่

เขารู้สึกกดดันแทบไม่อาจหายใจ ได้แต่อดทนไว้ ถูกหมิ่นหยามไม่ต่างจากมี “ชีวิตอัปยศ” ทำให้นายน้อยจักรพรรดิเหนือผู้มักทอดตาดูแคลนผู้คนแทบไม่อาจทนรับได้

เขาทำได้เพียงปิดตาลงและระงับกลิ่นอาย เพื่อหวังไม่ให้จักรพรรดิมารหันมาสนใจทางตน เขาคือนายน้อยแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือ ไม่อาจมาตายอย่างไร้ประโยชน์ที่นี่ได้

ดวงตาใต้หน้ากากเงินของจักรพรรดิมารไหววับไปตกอยู่ที่เหยียนซีหมิง สายตาแฝงแววเหยียดหยันและช่วยไม่ได้ หนึ่งขุนเขาย่อมไม่อาจมีสองพยัคฆ์อยู่ร่วมกัน การต่อสู้ของสำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือไม่เคยหยุดลง แม้ว่าในหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาบรรลุข้อตกลงเพราะมีเป้าหมายร่วมกัน ทำให้ความขัดแย้งระหว่างพวกเขาลดลงอย่างมาก หลังจาก “การแสดง” ว่า “พ่ายแพ้” เมื่อ 20 กว่าปีก่อน สำนักจักรพรรดิเหนือได้หนีหายไปจากสายตาผู้คน จนกระทั่งวันนี้พวกเขาได้ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง แสดงให้เห็นว่าการต่อสู้ครั้งนั้นไม่ได้มีอยู่จริง อย่างไรก็ตาม หากในหนึ่งขุนเขาซึ่งมีสองพยัคฆ์อยู่กลับปรากฎมังกรขึ้นมากะทันหัน พวกเขาย่อมไม่ลังเลที่จะร่วมมือกันเข้าต่อสู้

ในเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา จักรพรรดิมารเข้าใจสำนักจักรพรรดิเหนือและสำนักจักรพรรดิใต้แจ่มแจ้งขึ้นเรื่อยๆ รู้ลึกถึงขุมกำลังและทรัพยากร ตัดสินจากพลังที่ได้ค้นพบ สำนักมารของเขาสามารถรับมือได้หนึ่งสำนัก และยังห่างไกลที่จะรับมือกับสองสำนักพร้อมกัน ดังนั้นในเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา พวกเขาจึงเฝ้าสังเกตสำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือ รวมทั้งเลือกที่จะยังไม่ก่อความขัดแย้งกับพวกนั้น

เขาไม่ได้สังหารเหยียนซีหมิงนายน้อยแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือเนื่องเพราะมีเหตุผล หากแต่เป็นเหตุผลอื่น....



<<<PREV    .    NEXT>>>