“ใช่แล้ว ความทะยานอยากคือสิ่งน่ากลัวที่สุดในโลก มันสามารถทำให้พี่น้องห้ำหั่นกัน สามีภรรยากลายเป็นศัตรู มือเท้าเกิดความขัดแย้ง กัดกร่อนหัวใจผู้คนให้ค่อยๆผุพัง กลายเป็นตัวน่าเกลียดด้วยตัณหา.... ฉุ่ยหยุนหลันกับข้าเกิดห่างกันไม่กี่วัน รูปร่างหน้าตายังเหมือนกันอย่างน่าอัศจรรย์ และคงเป็นเพราะฟ้ากำหนด ข้ากับเขาได้กลายเป็นสหายสนิทกัน เติบโตขึ้นพร้อมกัน พรสวรรค์ของเขาสูงล้ำทั้งยังทะเยอทะยาน ตั้งแต่เด็กเขาทุ่มเทฝึกฝนเกินคนทั่วไปหลายเท่า โดยปกติ สำนักจักรพรรดิใต้ทุกรุ่นที่ผ่านมา ผู้ที่แกร่งกล้าสูงสุดคือผู้มีสายโลหิตบริสุทธิ์แห่งจักรพรรดิใต้ ถูกชะตากำหนดให้เป็นประมุขสำนักจักรพรรดิใต้ ทว่าในรุ่นของข้านั้น เขามีพลังเหนือกว่าข้าห่างไกล ผู้คนในสำนักต่างยกย่อง กระทั่งท่านพ่อและท่านปู่ของข้ายังชื่นชม ข้าในฐานะมิตรสนิทไม่เคยอิจฉาใดๆ หัวใจมีแต่ความชื่นชมและภูมิใจไปด้วยกับเขา”
ฉุ่ยหยุนเทียนหยุดเสียงลง จากนั้นคิดย้อนกลับไปถึงต้นตอของฝันร้าย “ในวัยหนุ่ม ข้ากับเขาชอบพอแม่ของเจ้า ทว่าน้องหญิงฟู๋ชอบพอข้ามาตั้งแต่เด็ก หลังจากที่พวกเราครองคู่กัน ข้าก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความห่างเหินของฉุ่ยหยุนหลัน กระทั่งยังสัมผัสได้ถึงสายตาเกลียดชังเมื่อเขาอยู่เบื้องหลัง ตอนนั้นข้ายังไร้เดียงสา ไม่เคยเข้าใจลึกซึ้งว่าความเกลียดชังและอิจฉาของคนผู้หนึ่งน่าหวาดกลัวเพียงใด ข้าไม่เพียงไม่ตำหนิเขาแต่ยังรู้สึกเสียใจแทน ทว่าในเวลาเดียวกันนั้น ภายในสำนักเกิดความแตกแยกที่ดังชัดขึ้นเรื่อยๆ คนจำนวนน้อยยืนกรานสืบต่อภารกิจที่บรรพบุรุษทิ้งไว้เบื้องหลัง เชื่อมั่นว่าหากฝ่าฝืนต่อเจตจำนงค์ฟ้า วันหนึ่งจะต้องถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ ทว่าคนอีกส่วนหนึ่งยืนยันที่จะให้สำนักจักรพรรดิใต้เลิกชะลอมือต่อโลก ต้องการถืออำนาจปกครองใต้หล้า เหมือนเช่นสำนักจักรพรรดิเหนือ ที่ในเวลานั้น ทั่วทั้งทวีปเทียนเฉินไม่มีผู้ใดรู้เลยว่า อาณาจักรคุยชุยทั้งหมดได้ตกอยู่ใต้กำมือของสำนักจักรพรรดิเหนือไปแล้ว ผู้ปกครองหลายรุ่นของอาณาจักรคุยชุย ล้วนแต่เป็นหุ่นเชิดของสำนักจักรพรรดิเหนือ”
ฉุ่ยเมิ่งฉานพยักหน้าบาง หัวใจบีบรัดแน่น เรื่องที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ นางพอจะคาดเดาได้ถูกต้องบ้างแล้ว ปีศาจที่เกิดจากความโหยหาในอำนาจ ผสมกับความอิจฉาและชิงชัง
“ต่อมา เรื่องทั้งหมดจู่ๆก็สงบเงียบลง ไม่มีใครกล่าวถึงเรื่องแตกแยกนี้อีก นี่กลับทำให้ท่านปู่กับท่านพ่อกังวล เพราะคล้ายกับว่าพวกเขาบรรลุข้อตกลงกันลับๆ และรอคอยเวลาปะทุออก สถานการณ์ตอนนั้นซับซ้อนไม่ธรรมดา เหล่าคนที่ยึดถือคำสั่งของบรรพบุรุษมีน้อยเกินไป แม้ว่าจะรวมผู้ที่มีสายโลหิตบริสุทธิ์แห่งจักรพรรดิใต้ซึ่งภักดีต่อบรรพบุรุษ และเหล่าคนที่ภักดีต่อปู่และพ่อของข้าเข้าด้วยกันแล้วก็ตาม ไหนเลยคนส่วนมากจะอยากไล่ตามกระบี่เล่มเดียวทั้งชีวิต นี่ยังเป็นเหตุผลเดียวกันที่ทำให้สำนักจักรพรรดิเหนือเกิดการเปลี่ยนแปลง แม้ไม่มีใครทราบว่าสำนักจักรพรรดิเหนือเปลี่ยนไปด้วยวิธีการใด ทว่าสามารถยืนยันได้ ว่าประมุขที่แท้จริงของสำนักจักรพรรดิเหนือได้ตายไปแล้ว ตกตายพร้อมเหล่าคนที่ยึดมั่นในจุดยืนเดียวกัน.... เพราะการเปลี่ยนแปลงในครั้งนั้น สำนักจักรพรรดิเหนือจึงไม่รอนานอีก เหยียบเท้าเข้าสู่อาณาจักรคุยชุยที่อ่อนแอกว่า การเคลื่อนไหวนี้เพียงพออธิบายทุกสิ่ง และเหตุการณ์แบบเดียวกันกำลังเกิดขึ้นกับสำนักจักรพรรดิใต้ของพวกเรา หัวใจของมนุษย์นั้น อย่างไรก็ไม่ใช่ ‘นักบุญ’ ที่ไร้ซึ่งตัณหา....”
“ท่านพ่อและท่านปู่ของข้ากังวลว่าวันหนึ่งจะเกิดเรื่องซ้ำรอยสำนักจักรพรรดิเหนือ ทว่าแม้กังวลเพียงใดก็ไม่อาจเปลี่ยนความจริงได้ ความสงบเงียบดำเนินต่อเป็นเวลาหลายปี ระหว่างนั้นข้ากับน้องหญิงฟู๋แต่งงานกันและให้กำเนิดเจ้า.... หลังจากที่เจ้าเกิดมาได้สองปี น้องหญิงฟู๋ก็ตั้งครรภ์อีกครั้ง แม่ของข้าบอกว่าในครรภ์ของน้องหญิงฟู๋เป็นเด็กชาย.... ได้มีลูกชายและลูกสาวอย่างละคน ข้าก็นับได้ว่าเป็นพ่อที่มีความสุขที่สุดในโลก หากข้าไม่คิดเลยว่า.... นั่นคือยามอัสดงสวยงามเพียงสั้นๆ ก่อนที่รัตติกาลทมิฬจะกลืนกิน”
“ท่านพ่อ” ฉุ่ยเมิ่งฉานเรียกเสียงแผ่ว “บอกข้าสิ ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น....”
“หลังจากนั้น ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า....” ฉุ่ยหยุนเทียนยิ้มเหี่ยวแห้ง “วันนั้น เป็นวันครบรอบวันเกิด 25 ปีของฉุ่ยหยุนหลัน เทียบกับข้าที่มีลูกคนที่สองแล้ว เขายังคงเดียวดาย ทั้งสำนักต่างรู้เหตุผลที่เขายังครองโสด ทำให้ข้ารู้สึกผิดต่อเขามาตลอด ในวันเกิดครั้งนั้น ไม่ทราบเหตุใดจึงได้จัดงานฉลองขึ้นมา ข้ากับน้องหญิงฟู๋ รวมถึงท่านพ่อที่เป็นประมุขและท่านแม่ ได้เข้าร่วมงานฉลองวันเกิดที่จัดขึ้นอย่างประหลาดตามคำเชิญของฉุ่ยเสวียนฟงพ่อของฉุ่ยหยุนหลัน ขณะที่ปู่ของข้าอีกสามวันจะมีอายุครบ 70 ปี ดังนั้น....เขาจึงเก็บตัวในห้องลับ เตรียมพร้อมเพื่อการถ่ายทอดพลังยุทธ ทำให้ไม่ได้มาร่วมงาน ฉานเอ๋อร์ เจ้ารู้แล้วใช่ไหมว่าเหตุใดพวกมันถึงเลือกเป็นวันนั้น....”
ฉุ่ยเมิ่งฉานดวงตาสั่นไหวรุนแรง ริมฝีปากถูกเม้มแน่น
ในสำนักจักรพรรดิใต้ เมื่อมีอายุครบ 70 ปี พลังหยกวารีจะค่อยๆเสื่อมถอยลง ดังนั้น เพื่อให้เหล่าทายาทในสำนักจักรพรรดิใต้มีพลังแกร่งกล้า ผู้ที่สืบสายโลหิตตรงแห่งจักรพรรดิใต้พออายุครบ 70 ปี จะทำการส่งผ่านพลังตนเองด้วยการเจิมศีรษะส่งพลังแห่งสวรรค์และปฐพี มอบให้กับหลานชาย เพื่อช่วยให้เขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตวิถีเทวะโดยตรง สำหรับคนของสำนักจักรพรรดิใต้นั้น ไม่ทราบว่าการฝึกฝนให้บรรลุถึงขอบเขตสวรรค์นั้นง่ายกว่าคนธรรมดาเพียงใด แต่ระหว่างขอบเขตสวรรค์จนถึงขอบเขตเทวะนั้นเป็นช่วงชั้นที่กว้างอย่างยิ่ง ต่อให้บรรลุขอบเขตสวรรค์ตั้งแต่ยังหนุ่ม ก็ยังยากนักที่ก้าวขึ้นสู่วิถีเทวะ ทว่าสำนักจักรพรรดิใต้แต่ละรุ่นมีวิธีช่วยรุ่นเยาว์ให้สามารถก้าวสู่วิถีเทวะได้โดยตรง สำนักจักรพรรดิเหนือก็เช่นเดียวกัน จักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือที่ต่อสู้กันในครั้งอดีตกาล กลับตกทอดมรดกไว้เบื้องหลังเหมือนๆกัน
การที่พวกเขาเลือกวันนั้น เห็นได้ชัดว่า....
“งานฉลองวันเกิดครั้งนั้น นอกจากพวกเราแล้ว ก็ยังมีอีก 30 คน.... 30 คนนี้ ต่อให้พวกมันเหลือแต่เถ้าถ่าน ข้าก็ไม่มีวันลืมพวกมัน ครอบครัวของพวกเราเข้าไปสู่รังของพวกมัน แม้ว่าข้ากับท่านพ่อจะได้กลิ่นผิดปกติ แต่ทั้ง 30 คนนั้นมีพลังสูงยิ่งในสำนักจักรพรรดิใต้ แกร่งกล้าพอจะครอบงำโลก กล่าวได้ว่าเป็นตัวแทนของคนพวกนั้น แม้ว่าท่านพ่อ, ท่านแม่, และตัวข้าจะเพิ่มความระวังถึงขีดสุด แต่พวกมันยังคงลงมือเคลื่อนไหว ใช้พิษที่ไม่อาจต้านทาน ตัวข้า , น้องหญิงฟู๋ , รวมทั้งท่านพ่อท่านแม่ ต่างก็ถูกพิษทั้งหมด อาวุโสเย่เอ้อที่มักอยู่กับพ่อแม่ข้ายังถูกพิษไปด้วย”
เมื่อนึกถึงภาพในวันนั้น ฉุ่ยหยุนเทียนก็กำหมัดทั้งสองข้างไว้แน่น
“พิษ? เป็นไปไม่ได้.... วิชาหยกวารีของพวกเรา เห็นได้ชัดว่าพิษนับร้อยย่อมไม่อาจทำอันใด.... เดี๋ยวนะ หรือว่า หรือว่าจะเป็น....” พอนึกถึงความเป็นไปได้ สีหน้าของฉุ่ยเมิ่งฉานก็พลันซีดขาว ความสงสัยที่ต่อเนื่องมานานถูกคลายลงอย่างง่ายดาย
“ถูกต้อง.... มันคือผงเพลิงวารีอิสระ เมื่อวิชาหยกวารีบรรลุถึงขอบเขตวิญญาณ จะทำให้ไม่เกรงกลัวต่อพิษนับร้อย จะกลัวก็แต่สิ่งที่ไม่ใช่พิษ และผงเพลิงวารีอิสระนี้คือสิ่งที่ร้ายกาจยิ่งกว่าพิษ!! คนพวกนี้ลอบแหกกฎ ติดต่อกับสำนักจักรพรรดิเหนือและตกลงกันเป็นการลับมาตลอดหลายปี ร่วมกันใช้พลังเพลิงวิญญาณและพลังหยกวารีสร้างผงเพลิงวารีอิสระขึ้นมา มันสามารถผนึกพลังหยกวารีได้เป็นเวลานาน เมื่อพวกเราสูญเสียพลังหยกวารีจึงถูกจับกุมไว้ ข้าได้แต่มองท่านพ่อและท่านแม่ตกตายอย่างน่าอนาถโดยไม่อาจช่วยได้....”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้....ไม่แปลกใจ ที่เมื่อ 23 ปีก่อนสำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือร่วมมือกันจัดฉากลวงโลก ไม่แปลกใจที่ข้อตกลงนี้ไม่ถูกขัดขวาง กลับกลายเป็นว่าพวกเขาสมรู้ร่วมคิดกันไว้ก่อนแล้ว” ฉุ่ยเมิ่งฉานตื่นจากฝันทันที เพราะการแสดงละครฉากใหญ่ครั้งนั้น ทำให้สำนักจักรพรรดิใต้ย่ำเข้าสู่เมืองเทียนหลงได้อย่างอิสระ ขณะที่สำนักจักรพรรดิเหนือกลับเข้าสู่แดนลับของตัวเอง แม้ว่าสำนักจักรพรรดิใต้และสำนักจักรพรรดิเหนือจะมียอดฝีมือแกร่งกล้าอยู่มากมาย ทว่าพวกเขาไม่มี “กองทัพและม้าศึก” แม้มีขุมกำลังแกร่งกล้าแต่เมื่อเทียบกันแล้วมีจำนวนที่ต่างกันเกินไป หากอาศัยเฉพาะกำลังตน ไม่ทราบกว่าจะย่ำเท้าครอบงำโลกได้จะใช้เวลากี่ปี บางทีหมดไปหนึ่งชั่วรุ่นแล้วยังไม่อาจได้เห็น ดังนั้นเหล่าคนทรยศของสำนักจักรพรรดิเหนือและสำนักจักรพรรดิใต้จึงร่วมมือกัน ลบประมุขสำนักที่ “ดื้อด้าน” ออกไป และหลังจากนั้นก็แบ่งกันครองโลกคนละครึ่ง ด้วยวิธีนี้ ย่อมประหยัดเวลาและพลังงานได้มากกว่าครึ่ง
ทว่าในที่สุด.... แม้ว่าพวกเขายังไม่เอ่ยถึงมัน แต่ต่างฝ่ายต่างรู้ดี ว่าหนึ่งขุนเขาไม่อาจมีสองพยัคฆ์อยู่ร่วมกันได้ หลังจากแต่ละฝ่ายบรรลุเป้าหมายของตนเอง วันที่พวกเขาจะต่อสู้กันถึงชีวิตย่อมมาถึงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ฉุ่ยหยุนเทียนดูคล้ายไม่ได้ยินเสียงกระซิบพึมพำของลูกสาวตน เขาเล่าต่อด้วยความเกลียดชัง “พวกคนคลั่งไร้สติเหล่านั้น ในที่สุดก็ปลดการอำพรางออก เผยธาตุแท้ที่น่าสะอิดสะเอียนออกมา พวกมันใช้ทุกวิธีหยาบช้าหมิ่นหยามต่อพ่อข้า และสุดท้ายบังคับให้เขากลืนพิษลงไป พิษอันร้ายแรงทำให้พลังหยกวารีของท่านพ่อแตกสลาย เพียงไม่นานเขาก็สิ้นลมหายใจ และก่อนที่จะขาดใจนั้น เขาได้บอกกับข้าว่าจงมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ว่าอัปยศอดสูเพียงใดก็จะต้องอยู่ต่อ มีเพียงรักษาชีวิตไว้เท่านั้นถึงจะแก้แค้นได้ และเพื่อรักษาสายโลหิตจักรพรรดิใต้ไม่ให้เสื่อมสลายไป ส่วนท่านแม่กัดลิ้นฆ่าตัวตายในทันทีที่ท่านพ่อสิ้นลมอย่างน่าอนาถ นางยังบอกกับข้าว่าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป.... ต่อหน้าสายตา ทุกฉากในเวลานั้น ทุกใบหน้าอันน่าเกลียดชัง ทุกน้ำเสียงอันน่าขยะแขยง ข้ายังคงจดจำได้ชัดเจน แม้จะผ่านมามากกว่า 20 ปีแล้ว ชิงชังมามากกว่า 20 ปี ข้ายังคงจดจำใบหน้าบิดเบี้ยวของฉุ่ยหยุนหลัน และมือเท้าที่มันประเคนใส่ข้าไม่หยุด....”
“ข้าไม่ตาย.... เพราะน้องหญิงฟู๋ ข้าจะตายไม่ได้ เพราะหากว่าข้าตาย น้องหญิงฟู๋จะตามข้าและพ่อแม่ของข้าไป สำหรับฉุ่ยหยุนหลันแล้ว แม้มันจะเกลียดข้าถึงกระดูกดำ แต่มันก็ไม่อยากเห็นน้องหญิงฟู๋ฆ่าตัวตายเพื่อบูชาความรัก และน้องหญิงฟู๋เพื่อให้ข้าได้มีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อลูกน้อยในภรรค์ นางจึงรับคำยอมอยู่เคียงข้างฉุ่ยหยุนหลัน และเก็บงำความลับทั้งหมดให้กับพวกมัน เพื่อแลกกับสัญญาไม่ให้ทำร้ายข้าและลูกของนาง.... พวกมันทั้งหมดให้สัญญา ที่เป็นผลลัพธ์นี้เพราะพวกมันได้ตกลงกันไว้ก่อน เนื่องจากฉุ่ยหยุนหลันคือบุคคลสำคัญที่สุดในแผนของพวกมัน มันย่อมไม่อยากเห็นน้องหญิงฟู๋ถูกบีบคั้นจนฆ่าตัวตาย หากมันสับสนแผนทั้งหมดย่อมปั่นป่วน ดังนั้นตัวตนของน้องหญิงฟู๋พวกมันจึงไม่แตะต้อง”
“ข้าในตอนนั้นถูกสกัดจุดไว้ และถูกฉุ่ยหยุนหลันสับเปลี่ยนเสื้อผ้า มันได้กลายเป็น ‘ฉุ่ยหยุนเทียน’ ส่วนข้ากลายเป็น ‘ฉุ่ยหยุนหลัน’ ข้าทำได้เพียงหายใจไม่อาจกล่าวคำ ถูกพวกมันลากออกไปแสดงต่อหน้าสำนักและประกาศ ‘ความผิด’ ด้วยข้อหาว่าข้า ‘ฉุ่ยหยุนหลัน’ ด้วยความอิจฉาและเกลียดชังได้ร่วมมือกับสำนักจักรพรรดิเหนือ สังหารประมุขด้วยการวางยาพิษ ทำให้นายหญิงแห่งประมุขฆ่าตัวตายตามไปด้วยความรัก กว่า 30 คนในเหตุการณ์ที่ถูกพิษ ‘ผงเพลิงวารีอิสระ’ มีเพียงฉุ่ยเสวียนฟงผู้เป็นพ่อของ ‘ฉุ่ยหยุนหลัน’ เท่านั้นที่ไม่ถูกพิษ เขาสกัดจุด ‘ฉุ่ยหยุนหลัน’ เอาไว้และช่วยผู้คนที่เหลือ”
ฉุ่ยหยุนเทียนน้ำเสียงเริ่มแปลกแปร่ง เมื่อนึกถึงฉากในอดีตที่แสดงได้สมบูรณ์แบบ เห็นได้ชัดว่าพวกมันซักซ้อมกันมาเป็นอย่างดี เขาอยากหัวเราะซ้ำๆตอกย้ำความเจ็บปวด คนของสำนักจักรพรรดิใต้อันสูงส่ง กลับกระทำการเห็นแก่ตัวได้อย่างน่าสลดใจ และยิ่ง 30 คนเหล่านี้คือผู้มีสถานะสูงส่งในสำนัก ใครเล่าจะสงสัยพวกเขา ใครจะคิดว่าฉุ่ยหยุนหลันแท้จริงคือฉุ่ยหยุนเทียน และฉุ่ยหยุนเทียนแท้จริงคือฉุ่ยหยุนหลัน ระหว่างการตัดสิน “โทษทัณฑ์” ฉุ่ยเสวียนฟงได้อ้อนวอนขอให้เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อนต่อ ‘ฉุ่ยหยุนเทียน’ ‘ฉุ่ยหยุนหลัน’ จึงไม่ถูกสังหารแต่ถูกตัดลิ้น และพันธนาการไว้ด้วยโซ่ตรวนผนึกปีศาจ ขังไว้ไม่ให้เห็นแสงตะวัน ปล่อยให้มันสำนึกความผิดที่สังหารประมุขกับนายหญิงอย่างทรมานอยู่ในความมืด