วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2562

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 537

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 537 วิญญาณอัคคี

ดวงหน้าดุจเทพธิดาในความฝัน ประหนึ่งบุปผาพร่างน้ำงามในมายา เผยความอ่อนแอบาดเจ็บบนใบหน้า มองเห็นนางแล้วเย่หวูเฉินพลันยิ้มอ่อนโยน ปาดน้ำตาให้นางและกล่าวอย่างนุ่มนวล “ที่แท้ ทงซินของข้าก็ชมชอบการร้องไห้”

ทงซินห่อไหล่อันสั่นเทา ไม่อาจยับยั้งความโศกเศร้า ทั้งดีใจและเจ็บปวดอย่างไม่เป็นธรรม พอความคิดเริ่มประดัง.... อารมณ์หลากหลายและน้ำตาก็เริ่มหลากหลั่ง เขาปรากฎขึ้นอย่างฉับพลันในยามที่นางสิ้นหวัง คำพูดใดๆ ล้วนไม่อาจอธิบายความตื้นตันในยามนี้ นางยึดติดเย่หวูเฉินจากจิตวิญญาณที่ไม่มีวันตัดขาด ไม่ยิ่งหย่อนกว่าหนิงเสวี่ย ในจิตใต้สำนึกจดจำเขาเป็นนายดุจเดียวกับที่จดจำเขาไว้ว่าเป็นที่พึ่งพิง

นางเงยหน้าขึ้น ดวงตาเป็นประกายดุจดารา ส่งเสียงสะอื้นกล่าวคำ “ข้า.... ก่อนหน้านี้ พี่หญิงก็เคย.... พูดแบบนี้กับข้า....”

พี่หญิง.... เสวี่ยเอ๋อร์อย่างนั้นเหรอ? ที่แท้ เสวี่ยเอ๋อร์ก็เป็นพี่สาว ส่วนทงซินเป็นน้องสาว

นางเป็นทั้งทงซินและมิใช่ทงซิน อย่างน้อย นางมิได้ถูกคำสาปที่บิดผันนิสัยนางอีก เย่หวูเฉินกอดนางไว้และกล่าวคำอย่างอ่อนโยน “ทงซิน หลับตาลงเสีย ข้าจะพาเจ้าออกไป.... หลังจากที่ออกไปแล้ว เจ้าจะได้ไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก”

โลกสีขาวเกิดสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง นี่คือการดิ้นรนอย่างดุร้ายของเทพลึกลับดำ ทงซินผสานกลายเป็นร่างสติของมัน ดังนั้น ภายในจิตวิญญาณของเทพลึกลับดำ นางมิได้ปรากฎอยู่ในรูปวิญญาณ หากแต่คงอยู่ในรูปลักษณ์เฉพาะตัว เนื่องจากเทพลึกลับขาวมิได้ตื่นขึ้นอย่างแท้จริง สติของมันจึงเกิดการคลุ้มคลั่ง ทงซินจึงมีอิสระอยู่ในโลกแห่งนี้.... เพียงแต่นางไม่อาจออกไปได้

โลกสีขาวแตกออกในยามนี้ เย่หวูเฉินและทงซินตัดมิติออกมาในขณะเดียวกัน ปรากฎกายอยู่ข้างเทพจักรพรรดิด้วยพลังของเซียงเซียง

เทพลึกลับดำคำรามลั่น ผืนปฐพีแตกแยกเป็นคูร่องตามเสียงคำราม แผ่ลามขยายออกไปทั่วทิศ....

ในที่สุด ทงซินก็ได้สูดสัมผัสอากาศของโลกแท้จริงอีกครั้ง มองทิวทัศน์ของโลกหล้าที่อยู่รอบกาย ราวกับยังไม่อาจเชื่อลงว่าตนเพิ่งหลุดพ้นจากมฤตยูดำ เมื่อนางผสานร่างเข้ากับสติของเทพลึกลับดำ นางคิดเพียงว่าจุดจบของชีวิตได้มาถึงแล้ว ไม่คาดคิดว่าจะได้กลับมา ไม่คิดฝันว่าจะได้เห็นเย่หวูเฉินอีก.... หากสุดท้ายนางได้เห็นเขาและท้องฟ้าอีกครั้ง ทุกอย่างช่างงดงามราวกับความฝัน

พอเห็นเทพจักรพรรดิ ร่างของทงซินพลันหดวูบลงเล็กน้อย นางซุกกายอยู่ในอกของเย่หวูเฉิน เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ท่านแม่จักรพรรดิ”

เห็นลูกสาวของตนแสดงท่าทีหวาดกลัวต่อนาง.... กระทั่งน้ำเสียงยังแฝงด้วยความกลัว หัวใจของเทพจักรพรรดิพลันท่วมท้นด้วยความขมขื่น วันนี้ ต่อให้นางทำลายเทพลึกลับดำลงได้ นางก็ไม่ทราบว่าควรเผชิญหน้าลูกสาวทั้งสองอย่างไร ลูกสาวหวาดกลัวต่อมารดา.... สำหรับมารดาแล้ว ไม่มีสิ่งใดน่าเศร้าไปกว่านี้ นางกล่าวเสียงแผ่ว “เฮยเย่.... เป็นข้าที่ไม่ยุติธรรมต่อเจ้า.... หลังจากนี้ ไม่ว่าเจ้าคิดทำสิ่งใด ข้าจะไม่บีบบังคับเจ้าอีก”

นางกลับได้ยินท่านแม่จักรพรรดิของตนยอมรับความผิด เป็นถ้อยคำที่ผิดแปลกไปจากความคาดหมายโดยสิ้นเชิง นางมองเทพจักรพรรดิที่กำลังมองมาเช่นเดียวกัน

เย่หวูเฉินปราดมองเทพจักรพรรดิอย่างลึกล้ำคราหนึ่ง เขาปล่อยร่างของทงซินออกและกล่าวนุ่มนวล “เอาละ อย่างที่พี่หญิงของเจ้าบอกไว้ ภายหลังอย่าร้องไห้อีก เข้าใจมั้ย?” เขาเงยศีรษะขึ้น กล่าวกับชาโหว “ท่านออกไปจากที่นี่ก่อน ยิ่งไกลยิ่งดี”

“เจ้าคิดทำสิ่งใด?” ชาโหวมุ่นคิ้วถาม

“แน่นอนว่าย่อมต้อง.... ทำลายหุ่นเทพลึกลับที่ไม่สมควรดำรงอยู่ตนนี้!” เย่หวูเฉินยิ้มตอบ

ชาโหวสีหน้าชะงักงัน มันกล่าวอย่างจริงจัง “เจ้ามีหนทางทำลายมันจริงอย่างนั้นรึ?”

ทงซินหัวใจร้อนรนทันที นางคว้าแขนของเขาไว้และสั่นศีรษะ “ท่านพี่ อย่าเข้าไปใกล้มันนะ พลังของมันน่ากลัวมาก ท่านพี่ไม่อาจเอาชนะมันได้”

เย่หวูเฉินยังคงเผยยิ้มไม่ใส่ใจเหมือนแต่ต้น เขายื่นนิ้วแตะจมูกของทงซินเบาๆ มองใบหน้าของนางอย่างอ่อนโยน ประทับภาพของทงซินที่เติบโตแล้วไว้มั่นในหัวใจ “ทงซินเด็กโง่ พวกเราอยู่ร่วมกันมานานมากแล้ว เจ้าสมควรรู้ว่าข้าไม่ใช่พวกที่ชอบแส่หาความตายอย่างเปล่าประโยชน์ จงเชื่อข้า ว่าข้าเอาชนะมันได้.... ตอนนี้เสวี่ยเอ๋อร์อยู่ในร่างของเทพลึกลับขาว มีเพียงต้องเอาชนะมันเท่านั้นจึงจะช่วยเสวี่ยเอ๋อร์ได้.... เชื่อมั่นในตัวข้า ตกลงมั้ย?”

“แต่ว่า....” ทงซินยังคงจับแขนเขาไว้แน่น พลังของเทพลึกลับดำน่าสะพรึงเกินไป นางเคยผสานกลายเป็นร่างสติของเทพลึกลับดำ จึงเข้าใจแจ่มแจ้งว่ามันครองพลังที่น่ากลัวเพียงใด นั่นคือพลังอันไร้สิ่งใดต่อต้าน

“ถ้าอย่างนั้น ข้าขอสาบานต่อหน้าทงซินเด็กโง่ของข้า” เย่หวูเฉินกุมมือของนางไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและจริงจังยิ่ง “ข้าให้สัญญา ข้าจะไม่ปล่อยให้ตัวเองบาดเจ็บ จะไม่ปล่อยให้ตัวเองสูญสิ้นชีวิต.... และข้า จะคอยอยู่เคียงข้างทงซินของข้าตลอดไป....”

ทันใดนั้น ความอ่อนโยนทำให้ทงซินนิ่งงันและฟังคำทันที นางกระพริบตาปริบและกระซิบ “อื้ม”

“เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าช่วยบอกเสวี่ยเอ๋อร์และเสี่ยวโม่.... รวมถึงบรรดาพี่หญิงของเจ้า ว่าข้าจะอยู่ข้างกายพวกนางตลอดไป”

“อื้ม....” ทงซินรับคำคราหนึ่งอย่างงมงาย

เย่หวูเฉินปล่อยมือนางออก สายตามองไปยังที่ไกล.... เทพลึกลับดำกำลังคำรามลั่น

เทพจักรพรรดิทำท่าจะกล่าวคำทว่าลังเล แววตากลายเป็นซับซ้อนยิ่ง.... เขาพึ่งกล่าวกับทงซิน ฝากนางให้บอกแก่เหล่าสตรีว่าจะอยู่เคียงข้างพวกนางตลอดไป.... แต่เหตุใดเขาจึงไม่คิดบอกกล่าวด้วยตัวเอง....

เขากำลังคิดทำสิ่งใดกันแน่.... วิธีใดที่เขาจะใช้ทำลายเทพลึกลับดำผู้ไร้เทียมทานตนนี้

“เจ้านาย.... ท่าน ท่านคิดทำเรื่องโง่เขลาอีกแล้วเหรอ?” ในห้วงสติของเย่หวูเฉิน พลันแว่วเสียงกระวนกระวายของหนานเอ๋อร์ เพราะจากที่ผ่านมา หลายต่อหลายครั้งแล้วที่เย่หวูเฉินกระทำเรื่อง ‘โง่เขลา’

“ใครว่า” เย่หวูเฉินยิ้มตอบ พลังประหลาดเริ่มโคจรขึ้นในร่างอย่างเงียบงัน

“แต่ว่า.... เจ้านายจะเอาชนะมันได้ยังไง.... ข้ากลัว กลัวจริงๆว่าท่านจะทำเรื่องโง่เขลาอีก.... ฮือออ....” หนานเอ๋อร์เริ่มส่งเสียงคร่ำครวญ

เย่หวูเฉินยิ้มบางอย่างเสียงไม่ได้ ภายในใจโชยแผ่ความรู้สึกอบอุ่น “หนานเอ๋อร์ เจ้าไม่ได้ฟังข้าพูดกับทงซินเมื่อครู่นี้หรือ? ข้าบอกแล้วว่าจะไม่ปล่อยให้ตัวเองบาดเจ็บ จะไม่ปล่อยให้ตัวเองสูญสิ้นชีวิต ข้าขอสัญญาต่อหนานเอ๋อร์แบบเดียวกัน.... หากข้าทำสำเร็จ หนานเอ๋อร์ต้องสัญญากับข้า ว่าจะไม่ร้องไห้แบบนี้อีก ตกลงมั้ย?”

“ข้า.... ข้า....” เห็นได้ชัดว่าเขาสัญญาจริงจัง ทว่าน้ำเสียงอ่อนโยนของเขานั้น กลับยิ่งทำให้นางรู้สึกกระวนกระวายและหวาดกลัว นางถามอย่างหวาดวิตก “เจ้านาย บอกหนานเอ๋อร์สิ ท่านจะทำลายมันยังไง....”

เย่หวูเฉินยื่นมือออก ลูบสัมผัสเซียงเซียงที่อยู่บนไหล่อย่างเบามือ เขาหลับตาลงช้าๆ ก่อนกล่าวอย่างนุ่มนวล “เผามัน”

“เผามัน?”

“อืม” เย่หวูเฉินยิ้มอย่างมั่นใจ “หนานเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าในความทรงจำข้า มีสัตว์อสูรตนหนึ่งที่ทรงพลังยิ่งเรียกว่า ‘วิหคเพลิง’ มันมีพลังธาตุอัคคีที่รุนแรงที่สุด และพลังไฟสุดขั้วของมันเรียกว่า ‘วิญญาณอัคคี’ วิหคเพลิงสามารถใช้พลังนี้ได้เพียงครั้งเดียวในช่วงชีวิต เพราะไฟสุดขั้วนี้จะเผาผลาญชีวิตและวิญญาณของวิหคเพลิง ได้ยินว่า วิญญาณอัคคีนี้ร้อนแรงยิ่งกว่าใจกลางของดวงอาทิตย์ สามารถเผาผลาญทุกสรรพสิ่งในโลกหล้า ไม่ว่าสรรพสิ่งเหล่านั้นทรงพลังเพียงใด ก็ย่อมถูกแผดเผากลายเป็นเถ้าต่อหน้าวิญญาณอัคคีนี้” เขาหรี่ตาลง พลิกร่างหายไปจากตรงนั้น ปรากฎอยู่เบื้องหน้าเทพลึกลับดำด้วยกลุ่มแสงขาว “อย่างไรก็ตาม ข้ามีมุกมังกรอัคคีอยู่ในร่าง จึงสามารถใช้วิญญาณอัคคีออกได้โดยการทดแทนของมัน”

หนานเอ๋อร์ “!!!!”

“เจ้านาย.... ท่าน.... ท่าน....”

แสงไร้สีปะทุขึ้นจากผิวของเย่หวูเฉินช้าๆ เขาหลับตาลง ใบหน้าสงบนิ่งพลันเผยรอยยิ้มบาง “หนานเอ๋อร์ นี่คือทางเลือกที่ดีที่สุด วิญญาณอัคคีแท้จริงแล้วไม่อาจเผาผลาญทุกสรรพสิ่ง เผอิญว่ามันไม่อาจแผดเผาทำลายร่างของข้าได้.... แม้วิญญาณของข้าจะถูกผลาญทำลาย แต่ร่างกายและชีวิตจะยังคงอยู่ ข้าจะไม่ตกตาย.... เพียงสละดวงวิญญาณก็สามารถช่วยเสวี่ยเอ๋อร์ได้ สามารถช่วยทวีปเทียนเฉินและทวีปปีศาจ สำหรับข้าแล้ว นี่เป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง.... หนานเอ๋อร์ เซียงเซียง พวกเจ้าไม่คิดอย่างนั้นหรือ?”

“.... จะ.... เจ้านาย.... อ๊า!! อย่านะ....” หนานเอ๋อร์ตะโกนกรีดร้อง ทว่าไม่อาจหยุดยั้งเย่หวูเฉินที่ได้เริ่มแผดเผาวิญญาณตัวเอง

หากไร้วิญญาณ ต่อให้ยังคงมีชีวิต ก็เป็นได้เพียงชีวิตที่มีร่างกายกลวงเปล่า ไร้ซึ่งความรู้สึกรับรู้ใดๆ

ไม่แปลกใจเลยที่เขาบอกว่าตนเองจะไม่บาดเจ็บ ไม่แปลกที่เขาบอกว่าจะอยู่ร่วมกับพวกนางตลอดไป.... ที่เขาเผานั้นกลับเป็นวิญญาณของตัวเอง! สูญสิ้นวิญญาณ โหดเหี้ยมยิ่งกว่าสูญสิ้นชีวิต ทันทีที่วิญญาณเริ่มถูกเผา หนานเอ๋อร์ก็ไม่อาจหยุดเขาได้ต่อให้ตะโกนรั้งเพียงใด

ชีวิตที่ปรากฎขึ้นตรงหน้า ทำให้เทพลึกลับดำพลันพบเป้าหมายสำหรับจู่โจม มันส่งพลังลงเบื้องล่าง เหยียบเท้าไปยังตำแหน่งของเย่หวูเฉิน ทว่ามันกลับหยุดการเคลื่อนไหวในฉับพลัน จากนั้นคำรามลั่นและล่าถอย มันสัมผัสได้ถึงความร้อนแผดเผา ร้อนแรงชนิดที่มันไม่กล้าเข้าใกล้ กระทั่งห้วงสติคลุ้มคลั่งของมันยังรู้สึกร้อนเร่าอย่างไร้ที่เปรียบ

วิญญาณอัคคี คือเพลิงไร้สี ทันทีที่เพลิงไร้สีปะทุขึ้นจากผิวกายของเย่หวูเฉิน ผืนแผ่นดินที่ยับเยินพลันระเหยกลายเป็นไอ อากาศถูกแผดเผาแทบไม่หลงเหลือ คลื่นความร้อนแผ่ไปถึงเทพจักรพรรดิที่อยู่ห่างออกไปนับหมื่นเมตร อุณหภูมิน่าสะพรึงทำให้พวกนางรู้สึกว่าร่างเกือบละลายในทันที ทว่าในพริบตานั้น ความรู้สึกแผดเผาได้หายไป

อากาศถูกเผาผลาญไปจนหมด ก่อเกิดสูญญากาศรอบร่างของเย่หวูเฉิน ไม่เหลือสิ่งใดให้ถ่ายเทความร้อนอีก ไม่อย่างนั้น หากวิญญาณอัคคีลุกไหม้นานกว่านี้อีกสักเล็กน้อย ทั่วทั้งทวีปปีศาจคงถูกหลอมละลายไปแล้ว

ห้วงสติเริ่มหลุดออกจากร่าง ทั้งยังลอยล่องออกห่างอย่างเร็วรุด ภาพต่างๆ เริ่มเลือนหายไปจากเบื้องลึกของจิตใจ เขาส่งยิ้มอย่างอาลัยอาวรณ์ เหนี่ยวร่างเข้าปะทะกับเทพลึกลับดำ

พลังที่ไม่อาจต่อต้าน จงแผดเผาร่างของมัน สลายพลังมันให้หมดสิ้น....

ชั่วขณะที่สติถูกลบเลือน เขารู้สึกว่าร่างกายที่เข้าปะทะได้สัมผัสถูกความว่าง.... ภายใต้วิญญาณอัคคี ทุกอย่างถูกระเหยหายกลายเป็นความว่างเปล่า

เสวี่ยเอ๋อร์.... พวกเราช่างโง่เขลาไม่ต่างกัน รู้อยู่แก่ใจว่าหากไม่มีอีกฝ่าย ต่อให้มีชีวิตนิรันดร์ก็ไม่อาจหาความสุขที่แท้จริงได้ ทว่าเพื่อให้ฝ่ายหนึ่งมีชีวิตอยู่ต่อ พวกเรากลับไม่ลังเลพรากชีวิตของตนและทุกสิ่ง เพราะสำหรับพวกเราแล้ว ความปลอดภัยของอีกฝ่าย ล้วนสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง

เสวี่ยเอ๋อร์.... ทงซิน.... พี่หญิง.... โหรวโหรว.... ฮวงเอ๋อร์.... ครั้งนี้ บางทีข้าคงต้องหลับพักไปยาวนาน แต่ไม่ว่าข้าจะหลับไปนานเพียงใด ข้าจะคอยอยู่เคียงข้างพวกเจ้า ไม่หนีหายจากไปไหน

เขาแย้มยิ้มพร้อมห้วงสติที่กลายเป็นว่างเปล่า....

ในสถานที่ห่างไกล เทพจักรพรรดิและจักรพรรดิปีศาจต่างตะลึงลาน จ้องมองตำแหน่งที่เทพลึกลับดำหายไปอย่างไม่อาจเข้าใจได้ เพียงชั่วเวลาพริบตาเดียว ร่างของมันเริ่มหายจากกลางลำตัวลามไปจนถึงเท้า จนกระทั่งหายไปไม่หลงเหลือ.... ไร้เศษเสี้ยวใดๆ ไว้เบื้องหลัง เทพลึกลับดำน่าหวั่นกลัวเพียงใด กระทั่งเทพจักรพรรดิและจักรพรรดิปีศาจผสานพลังยังไม่อาจล้มมันได้ มันกลับถูกทำลายลงง่ายๆเช่นนี้ ความแตกต่างอันห่างไกลทำให้ทั้งสองต่างสงสัยว่าตนกำลังอยู่ในความฝันอันน่าหัวร่อ

ความตกตะลึงในยามนี้ เทพจักรพรรดิและจักรพรรดิปีศาจไม่อาจลบลืมได้ตลอดกาล พลังที่สามารถทำลายล้างเทพลึกลับดำได้ในชั่วเวลาสั้นๆ.... กลับถูกใช้ออกโดยเย่หวูเฉิน จริงๆแล้วเขามีความเป็นมาอย่างไรกันแน่?



<<<PREV    .    NEXT>>>