วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2562

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 555

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 555 ความทรงจำที่ถูกลืม

ก่อนเย่หวูเฉินอายุครบเจ็ดขวบ เขามีชื่อว่าหลงเซียว

ชายที่มีผมสีเงินยวงมีชื่อว่าเฟิงเซียว.... แม้ชายผู้นี้มีแซ่ที่ต่างกัน แต่อย่างไรเขาก็คือบิดาของเย่หวูเฉินที่อาศัยอยู่ในอีกห้วงโกลาหลหนึ่ง มีสถานะสูงสุดคือราชันโกลาหลที่ไม่มีผู้ใดก้าวข้าม แต่เขามีเรื่องเจ็บปวดสูงสุดอย่างหนึ่งในชีวิต นั่นคือเรื่องบุตรชายเพียงคนเดียวของเขา

พลังหวูเฉินมีชื่อเรียกที่แท้จริงว่าพลังโกลาหล เขาถือครองร่างโกลาหลอันพิเศษจำเพาะ ทว่าโกลาหลดำรงอยู่เพียงหนึ่งเดียว ดังนั้นร่างโกลาหลจึงมีได้เพียงร่างเดียวเท่านั้น หากสองบุคคลผู้มีร่างโกลาหลปรากฎขึ้นพร้อมกัน ผู้ที่อ่อนแอกว่าจะถูกลบล้างเมื่อพลังโกลาหลตื่นขึ้นอย่างเต็มที่

ในตอนที่หลงเซียวอายุสี่ขวบ นั่นเป็นแรกที่พ่อลูกได้พบหน้ากัน เวลานั้นหลงเซียวหมดสติลงต่อหน้าเขา ลมปราณรั่วไหลปั่นป่วน.... สาเหตุเพราะเขาถือครองร่างโกลาหลเช่นเดียวกัน เวลานั้น สองพ่อลูกจากความดีใจกลายเป็นตื่นตระหนก ประดุจมีสายฟ้าฟาดลงมาจากฟ้าว่าง

อีกทั้งเพราะเหตุนี้ ก่อนหน้าที่พวกเขาจะได้พบกัน ด้วยความขัดแย้งของร่างโกลาหล หลงเซียวต้องทนเจ็บปวดทรมานในทุกวันคืน ยามพระจันทร์เต็มดวงแต่ละครั้งพลังโกลาหลจะเร่งเร้าถึงขีดสุด ความเจ็บปวดทรมานจึงทบทวีขึ้นหลายเท่า ผู้ใดก็ตามหากได้ลองลิ้มความเจ็บปวดนี้สักครั้ง มันย่อมปรารถนาตกตายในทันที ทว่าเขา.... ด้วยวัยเยาว์ถึงเพียงนั้นกลับอดกลั้นความเจ็บปวดทรมานไว้ ไม่ให้มารดาหรือผู้ใดรับรู้.... เวลานั้น แม้พลังโกลาหลยังไม่ตื่นเต็มที่ หากแต่ละวันมันเข้าใกล้การตื่นเต็มที่ทุกขณะ ในขณะเดียวกัน พลังโกลาหลเพื่อปกป้องผู้เป็นนายจึงซ่อนตัวอยู่ในสมองอย่างแนบเนียน ทำให้สมองของเขาพัฒนาเกินขีดจำกัดของมนุษย์ ด้วยวัยเพียงน้อยนิดก็สามารถคิดอ่านได้อย่างน่าสะพรึงกลัว

ส่วนสำหรับเฟิงเซียว หลังจากที่หลงเซียวอายุครบสี่ขวบ เขาก็ไม่เคยทำหน้าที่ของบิดาอีก กระทั่งไม่ทราบสมควรทำอย่างไร เพราะตัวตนของเขานำความทุกข์ทรมานดุจขุมนรกมาสู่บุตรชาย ในใจจึงเจ็บปวดและสิ้นหวังประหนึ่งสวรรค์ถล่มลง เขาคือราชันโกลาหล ในโลกหล้าไม่มีสิ่งใดที่ไม่อาจบรรลุ.... ทว่าเขากลับไม่สามารถช่วยเหลือบุตรชายเพียงคนเดียวของตนได้ นี่จึงกลายเป็นความเจ็บปวดและเสียใจล้ำลึกที่สุดในชีวิต

ราวกับว่า โชคชะตาได้กลั่นแกล้งเล่นตลกร้ายกับสองพ่อลูก....

เย่หวูเฉินเคลื่อนกายออก น้ำตาบนใบหน้าได้เหือดหายด้วยพลังเขา เขาจ้องมองชายที่อยู่ตรงหน้า.... นี่คือบิดาที่เขาเคารพมากที่สุด เลื่อมใสมากที่สุด ยึดติดมากที่สุดในวัยเด็ก.... ระหว่างพวกเขา  สายเลือดและสายสัมพันธ์ไม่เคยถูกตัดขาด ในคืนวันแรกที่เขากับพ่อได้พบหน้ากัน พ่อได้โอบอุ้มเขาในวัยสี่ขวบไว้และกล่อมหลับนอน.... ทว่าในคืนนั้น เขาไม่อาจหลับลงได้ ในความเงียบงันเขาแทบได้ยินเสียงหัวใจของพ่อตนแตกสลายด้วยความเจ็บปวด เพราะนั่นคือวันแรกที่สองพ่อลูกได้พบหน้า.... ทว่าวันสุดท้ายช่างอยู่ใกล้เหลือเกิน ในรุ่งเช้าวันหนึ่งพวกเขาต้องแยกจากกันให้ไกลห่าง หากสองบุคคลที่มีร่างโกลาหลอยู่ใกล้ชิดกัน พลังชีวิตย่อมเหือดหายอย่างเร็วรุด ความเจ็บปวดยิ่งเพิ่มทวีคูณ.... กระทั่งอาจตกตายได้ในทันที

นี่คือบิดาคนเดียวกับในความทรงจำ ผ่านไปเนิ่นนานหลายปี เขาไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย

ขณะที่บุตรชายเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทั้งอายุและร่างกาย ทุกอย่างในตัวเขา.... ล้วนอยู่บนวิถีใหม่แห่งชะตา เฟิงเซียวเผยรอยยิ้ม “เซียวเอ๋อร์ เจ้าโตขึ้นแล้ว”

ถูกต้อง เขาโตขึ้นแล้ว ทั้งยังเติบโตขึ้นจนถึงระดับเดียวกันกับเขา

“แต่ท่านพ่อไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด” เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้มดุจเดียวกัน ระหว่างสองพ่อลูกอบอวลด้วยบรรยากาศอันอบอุ่น “ท่านแม่ , ท่านปู่ , ท่านย่า.... และท่านอา พวกเขาสบายดีไหม?” เขาถามคำถามที่ค่อนข้างโง่เขลา

เฟิงเซียวพยักหน้ายิ้มอย่างผ่อนคลาย “พวกเขาสบายดี เพียงแต่ว่ากังวลถึงเรื่องเจ้า.... เซียวเอ๋อร์ พลังของเจ้าในยามนี้สามารถกลับไปได้แล้ว.... แม่ของเจ้ากำลังรออยู่ ปู่ย่าของเจ้ากำลังรอ หลายปีที่ผ่านมารั่วรั่วห่วงหาเจ้าอย่างงมงาย.... หากเจ้าตัดสินใจอยู่ในโลกนี้ เช่นนั้น อีกไม่นานจงเตรียมตัวไปรับรั่วรั่ว” เขายิ้มกล่าวอย่างอ่อนโยนประดุจสายลมโชย เป็นรอยยิ้มแห่งการปลดวาง ไร้ความกังวลใดๆอีก มีแต่ความยินดีและผ่อนคลายเท่านั้น

“อื้ม ข้าก็คิดถึงพวกเขาเช่นกัน....”

เฟิงเซียวแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า ถอนหายใจคราหนึ่งอย่างผิดหวัง “จะว่าไปแล้ว โชคชะตาช่างน่าอัศจรรย์ พวกเราพ่อลูกมีเส้นทางชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทว่าปลายทางกลับเป็นจุดเดียวกัน ความแตกต่างคือข้าติดตามความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียว ส่วนเจ้า.... ต้องเผชิญความทุกข์ทรมานไม่จบสิ้น.... ข้าไม่รู้ว่าสมควรขอบคุณหรือสาปแช่งโชคชะตาดี”

“แน่นอนว่าต้องขอบคุณ” เย่หวูเฉินเผยยิ้มสลดเช่นเดียวกัน “แม้ประสบความทุกข์ทรมานอย่างไร้สิ้นสุด ครั้งหนึ่งยังเกือบสูญสิ้นวิญญาณ แต่ว่า.... หากข้าไม่มีร่างโกลาหลนี้ เมื่อก่อนข้าคงไม่อาจช่วยท่านปู่ท่านย่า , ท่านลุงเซียวเทียน.... รวมทั้งผู้คนทั้งโลกได้ หากข้าไม่มีร่างโกลาหล ข้าจะไม่ได้มายังโลกแห่งนี้ จะไม่ได้รู้จักผู้คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตข้า ไม่อาจใช้พลังของตนปกป้องโลกแห่งนี้ได้ หากข้าต้องเลือกอีกครั้ง.... ต่อให้ต้องเจ็บปวดกว่านี้อีกสิบเท่า ข้าก็ยินดีเลือกเส้นทางนี้”

“นั่นสินะ....” เฟิงเซียวพยักหน้า จ้องมองเย่หวูเฉินด้วยแววตาล้ำลึก “พ่อ จะภาคภูมิใจในตัวเซียวเอ๋อร์ตลอดไป”

ภาคภูมิใจในตัวเซียวเอ๋อร์ตลอดไป.... ถ้อยคำนี้ ทำให้เย่หวูเฉินหวนนึกกลับไปเมื่อ 17 ปีก่อน ตอนที่เขาอยู่ในห้วงมิติแห่งนั้นเป็นครั้งสุดท้าย.... ในปีนั้น ดวงดาวในระบบสุริยะส่องแสงสุกสว่าง เพราะเกิดสงครามรุนแรงกับจ้าวปีศาจ

จ้าวปีศาจยึดครองหอวิสุทธิ์ฟ้าเพื่อหวังเป็น ‘ราชันปีศาจโกลาหล’ ทว่ามันถูกดรุณีน้อยนามว่าซื่อเอ๋อร์ใช้ขวานผานกู่ตรึงไว้ด้วย ‘ข่ายปราณทัณฑ์ปีศาจ’ ทำให้มันหมดหวังเอาชนะในที่สุด อย่างไรก็ตาม เฟิงเซียวผู้เป็นราชันโกลาหลต้องใช้ ‘ทัณฑ์เทวะ’ เพื่อทำลายจ้าวปีศาจ และในพริบตาที่มันดับสูญ เฟิงเซียวแทบไม่หลงเหลือพลังอีก แม้ว่าจ้าวปีศาจถูกทำลาย แต่คลื่นพลังของเขาได้แผ่ลามไปยังโลก

ดังนั้น โลกจึงเผชิญชะตากรรมถูกทำลาย ทว่าท่ามกลางความสิ้นหวัง หลงเซียวที่อายุเพียงเจ็ดขวบในครานั้น หรือคือเย่หวูเฉินในตอนนี้.... เขาได้ใช้กระจกคุนหลุนแห่งสิบยุทธภัณฑ์เทวะเป็นจุดศูนย์กลาง สร้างข่ายปราณโกลาหลขึ้นร่วมกับ ระฆังจักรพรรดิบูรพา , กระบี่ซวนหยวน , ขวานผานกู่ , หม้อกลั่นอสูร , หอวิสุทธิ์ฟ้า , ตราประทับคงถง , พิณฝูซี , เตาเสินหนง , และศิลาหนี่วา หมุนย้อนเวลานำโลกกลับคืนจากการถูกทำลายล้าง การกระทำฝืนเจตจำนงค์ของสวรรค์ทำให้หลงเซียวต้องจ่ายราคายิ่งยวด นั่นคือต้องหายไปจากห้วงโกลาหล.... เนื่องจากก่อนหน้าเพียงเล็กน้อย ตอนที่โลกถูกทำลายลง เขามิได้อยู่ในห้วงมิติแห่งนั้น ทุกอย่างที่ไม่ได้ดำรงอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าวจึงต้องถูกลบล้าง

ทางเลือกที่โหดเหี้ยมฉีกทำลายหัวใจผู้คนจำนวนมาก ทว่าเขามีแต่เพียงรอยยิ้ม ด้วยหวังปลอบประโลมหัวใจผู้คนที่โศกเศร้า....

“ท่านพ่อ มีคนมากมายปรารถนาเป็นผู้กล้า สามารถช่วยผู้คนจำนวนมากด้วยพลังตน เซียวเอ๋อร์ก็เช่นเดียวกัน ข้าหวังว่าวันหนึ่งจะกลายเป็นผู้เข้มแข็งดุจเดียวกับท่านพ่อ สามารถช่วยเหลือผู้คนจำนวนมากด้วยพลังตนเอง วันนี้ ข้าสามารถช่วยผู้คนมากมายด้วยพลังตนเองแล้ว ข้ารู้สึกสุขใจยิ่งนัก.... ท่านพ่อ ท่านพอใจกับความปรารถนาของเซียวเอ๋อร์หรือเปล่า?”

“ท่านพ่อ เซียวเอ๋อร์ใช้ชีวิตตนเองแลกกับชีวิตผู้คนจำนวนมาก ท่านจะภาคภูมิใจในตัวเซียวเอ๋อร์หรือเปล่า?”

ในตอนนั้น เฟิงเซียวตัดสินใจเลือกทางที่เจ็บปวดมากที่สุด เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือกับบุตรชายของตนเอง “พ่อ.... จะภาคภูมิใจในตัวเซียวเอ๋อร์ตลอดไป”

อย่างไรก็ตาม ไหนเลยเขาจะยอมปล่อยให้บุตรชายหายไปต่อหน้าต่อตาตลอดกาลได้.... ชั่วขณะสุดท้ายก่อนข่ายปราณโกลาหลเริ่มทำงาน เขาไม่สนใจผลลัพธ์ใดๆ ทั้งสิ้น กรอกน้ำแห่งสระหยกเซียนเข้าสู่ร่าง อดทนต่อความเจ็บปวดของร่างที่ปริแตก เพิ่มพูนพลังเพื่อฝืนใช้วิชาต้านเจตจำนงค์ของสวรรค์เป็นครั้งที่สอง นั่นคือเวทย์ผ่านมิติต้องห้าม....

มือซ้ายขยับยกขึ้น เวทย์ผ่านมิติต้องห้ามถูกใช้ออก มันหยุดเวลาของห้วงโกลาหลทั้งหมดไว้ หยุดไว้ในขณะที่โลกกำลังคืนกลับ ในช่วงเวลานั้น หลงเซียวยังไม่ถูกผลสะท้อนของกฎโกลาหล....

มือขวาตวัดวาดขึ้น เวทย์ผ่านมิติต้องห้ามราวกับตัดสรวงสวรรค์ มันมิได้ตัดมิติเพียงธรรมดา แต่ตัดไปถึงอีกหนึ่งระนาบ.... เปิดทางไปยังมิติอีกแห่งที่อยู่ภายนอก ก่อนหน้านี้ เขาตกตะลึงที่พบว่าห้วงโกลาหลมิได้มีอยู่เพียงหนึ่งเดียว ในตอนที่ขวานผานกู่ถูกใช้ห้วงโกลาหลได้เปิดออก ทำให้เขาค้นพบว่ามีห้วงโกลาหลแห่งอื่นดำรงอยู่ นอกเหนือจากห้วงโกลาหลแห่งนี้.... สองร่างโกลาหลไม่อาจอยู่ร่วมในห้วงโกลาหลเดียวกัน ถ้าอย่างนั้น สองห้วงโกลาหลที่ต่างกัน....

เขาทำสำเร็จ ไม่มีใครรู้ว่าระหว่างเวลาที่หยุดนิ่ง มิติได้ถูกตัดผ่านไปยังอีกระนาบหนึ่ง เขาส่งบุตรชายตนเองไปยังอีกมิติหนึ่งที่ไม่รู้จัก.... ที่แห่งนั้นคือความหวังสุดท้าย

และตำแหน่งที่หลงเซียวถูกส่งมาในครานั้น คือผืนทวีปที่มีนามว่า ‘เทียนเฉิน’

พ่อลูกมีชะตาชีวิตแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทว่าสุดท้ายแล้ว ยามนี้วิถีชะตาได้มาบรรจบกันอย่างน่าอัศจรรย์.... เงื่อนไขเดียวที่สามารถทำให้สองร่างโกลาหลอยู่ร่วมกันได้ คือต้องบรรลุพลังโกลาหลขั้นสูงสุด เวลานั้นกฎเกณฑ์โกลาหลจะถูกกำหนดโดยพวกเขา มันจึงไม่อาจทำร้ายพวกเขาได้อีก

......................

ความคิดลอยล่องในความทรงจำ ห้วงคำนึงย้อนสู่ระหว่างปีที่อยู่ในทวีปเทียนเฉินอันเปรียบประดุจความฝัน ร้อยพันความรู้สึกเคลื่อนหมุนในความทรงจำ ยามนี้เมื่อนึกดูแล้ว แม้เขาถือกำเนิดขึ้นที่โลกอื่น แต่ราวกับเขาเกิดมาเพื่ออยู่ในห้วงโกลาหลแห่งนี้ เพราะทุกสิ่งในชีวิตได้ผูกโยงสนิทแนบกับโลกนี้ และไม่มีวันตัดขาดได้อีก

การต่อสู้ระหว่างพ่อลูกไม่มีผู้แพ้หรือชนะ ทั้งยังถูกกำหนดให้เป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของพวกเขา เนื่องจากอีกหลายร้อยปีหลังจากนี้ พลังโกลาหลของเฟิงเซียวและเย่หวูเฉินจะเติบโตเต็มที่อย่างแท้จริง จนกระทั่งเทียบเท่าสวรรค์และปฐพี พวกเขาจะไม่มีวันเหน็ดเหนื่อยอีก เมื่อถึงตอนนั้น การต่อสู้ก็กลายเป็นสิ่งไร้ความหมายสำหรับพวกเขา เพราะถึงต่อให้สู้กันตลอดหนึ่งพันปี ก็ไม่อาจตัดสินผู้แพ้ชนะได้

“ท่านพ่อ อย่าลืมว่าท่านได้สัญญาว่าจะมอบของสิ่งหนึ่งให้กับข้า”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า งั้นเจ้าเดาได้หรือไม่ว่ามันคือสิ่งใด?”

เย่หวูเฉินยกยิ้มมุมปาก เอ่ยสองคำอันเพียงพอทำให้ทุกชีวิตต้องคลุ้มคลั่ง “ชีวิตนิรันดร์!”



<<<PREV    .    NEXT>>>