วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2562

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 553

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 553 การปะทะครั้งสุดท้าย (2)

ในชั่วเวลาเพียงสั้นๆ สองกระบี่ของสองบุรุษปะทะกันนับร้อยๆครั้ง เหนือท้องฟ้าของสามทวีปที่เดิมทีเป็นสีครามหรือสีขาว ตอนนี้ส่องสะท้อนด้วยแสงทองคำวูบไหว บางครั้งสว่างจ้า บางครั้งมืดลง เทพจักรพรรดิเจียเสี่ยวหลัว และจักรพรรดิปีศาจชาโหวต่างรับรู้ได้ถึงการปะทะพลังอันยิ่งใหญ่ ในสมองก้องถ้อยคำประหลาดของเย่หวูเฉินที่เพิ่งกล่าวไว้

พวกเขาต่างเข้าใจว่าเย่หวูเฉินมีพลังหยุดอยู่ ณ เมื่อสามปีก่อน เทียบเท่ากับตอนที่ทำลายราชันจอมปีศาจ ทว่าตอนนี้ พวกเขาพลันตระหนักได้ว่าตนเองเข้าผิดพลาดอย่างร้ายแรง.... ในเวลาสั้นๆ เพียงสามปี พลังของเย่หวูเฉินกลับบรรลุถึงอีกหนึ่งขอบขั้นอย่างคาดไม่ถึง เป็นขอบเขตที่พวกเขาไม่กล้าจินตนาการถึง

ถ้าอย่างนั้น นี่ก็หมายว่า ตอนนี้กำลังมีคนต่อสู้กับเขาอยู่.... มันผู้นั้นเป็นใคร!? ในห้วงโกลาหลแห่งนี้ ปรากฎอีกหนึ่งตัวตนที่แข็งแกร่งสุดขั้วตั้งแต่เมื่อใด?

ที่ข้างๆ ชาโหว มีบุรุษผู้หนึ่งลักษณะเย็นชายืนอยู่ เป็นเล่งหยาที่มีอาการสงบนิ่งยิ่งกว่าชาโหว เขาอาศัยอยู่ในทวีปปีศาจได้สามปีแล้ว ชาโหวมีบุตรชายเพียงคนเดียวคือชาหลัว ขณะที่เล่งหยาสืบทอดทุกความทรงจำและทุกพลังของชาหลัว เท่ากับว่าครึ่งหนึ่งของเขาคือชาหลัว ดังนั้น ชาโหวจึงรับเล่งหยาเป็นบุตรชายตน.... กระทั่งแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้สืบทอดคนต่อไป แน่นอนว่าอีกหนึ่งเหตุผลคือความสัมพันธ์ระหว่างเล่งหยากับเย่หวูเฉิน เล่งหยาไม่ปฏิเสธใดๆ เขาได้ตอบตกลงเพื่อชาหลัว หนึ่งปีก่อน เขายังแต่งงานกับสตรีนางหนึ่งแห่งทวีปปีศาจนามว่าปี้โยว นางคือคนที่ชาหลัวเคยสละชีวิตตนเองเพื่อช่วยนางไว้ เล่งหยายอมรับนางเพื่อชาหลัวเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม หัวใจน้ำแข็งของเขาค่อยๆ ละลายลงโดยไม่รู้ตัว เกิดความรู้สึกต่อปี้โยวขึ้นในก้นบึ้งของหัวใจช้าๆ

เล่งหยาทราบว่าตอนนี้เย่หวูเฉินต่อสู้กับใครอยู่ นอกจากเย่หวูเฉินแล้ว มีเพียงเขากับฉู่จิงเทียนเท่านั้นที่ทราบเรื่อง ในขณะที่ฉู่จิงเทียนยามนี้กำลังสะพายกระบี่ชางหมิง นั่งพิงอยู่บนต้นไม้ในทวีปเทวะ จ้องมองไปยังแสงทองคำที่วูบไหวบนท้องฟ้าอย่างเงียบงัน เวลานี้ ยอดยุทธแห่งทวีปปีศาจต่างคุ้นเคยกับเขา ยอดฝีมือแห่งทวีปเทวะต่างคุ้นเคยกับเขาเช่นเดียวกัน หลายปีที่ผ่านมาเขาท้าประลองไปทั่ว มีแต่ความเพลิดเพลินไม่รู้เหน็ดเหนื่อย การหยั่งรู้ในวิถีกระบี่ก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่องผ่านการประลอง เขาเข้าใกล้วิถีกระบี่ไร้พ่ายในตำนานทีละก้าว

ตูม!!

ดาราสามดวงที่อยู่ใกล้สุดระเบิดออก ภายใต้พลังที่ถูกรั้งไว้ ดาราทั้งสามยังคงกลายเป็นเถ้าธุลีและดับสูญ ระดับพลังของพวกเขาสูงล้ำเกินไป เพียงหนึ่งกระบี่ก็สามารถทำลายผืนทวีปได้ ดังนั้น พวกเขาจึงเลือกมายังสถานที่แห่งนี้

“แยกฟ้าผ่าปฐพี!”

พลังทำลายล้างถูกเหวี่ยงจากเบื้องบนลงสู่เบื้องล่าง แสงทองคำเจิดจ้าครอบคลุมกระบี่ตัดดาราและร่างของเย่หวูเฉินไว้ กระทั่งไม่อาจมองเห็นร่างของเขาได้ชัดเจน เวลานี้ ‘แยกฟ้าผ่าปฐพี’ คือแยกฟ้าผ่าปฐพีอย่างแท้จริง เพียงหนึ่งกระบี่ก็สามารถผ่าปฐพีได้ เย่หวูเฉินใช้พลังของตนเติมลงไป เหนี่ยวนำพลังทำลายล้างแท้จริงของมันออกมาใช้

ชายชุดดำมิได้หลบเลี่ยง กล่าวได้ว่าภายในอวกาศ เมื่อพวกเขารักษาระยะห่างไว้ก็เท่ากับการหลบเลี่ยงที่สมบูรณ์แบบ ตอนนี้แสงทองคำจากกระบี่ของชายชุดดำสว่างออก รูปสลักภูเขา , พฤกษา , ตะวัน , จันทรา และดาราปรากฎบนใบกระบี่อย่างแจ่มชัด ประกายแสงอันเจิดจ้าไม่ด้อยกว่ากระบี่ตัดดาราของเย่หวูเฉินถูกเหวี่ยงขึ้นจากล่างขึ้นสู่บน ต้อนรับการมาเยือนของกระบี่ตัดดารา

“บัญญัติโลกา!”

การปะทะพลังอันรุนแรงระเบิดขึ้นบนท้องฟ้า เกิดเสียงอื้ออึงขนาดใหญ่ ทันใดนั้น ดาราโดยรอบนับสิบๆ ดวงแตกทำลายลงทันที สองบุคคลที่ต่อสู้พัวพันกันอยู่ครู่ใหญ่ได้แยกออกจากกันในคราวนี้ พวกเขาหยุดร่าง ระงับเลือดลมที่พวยพุ่งภายใน การปะทะพลังครั้งนี้ทำให้สามทวีปสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ‘แผ่นดินไหว’ ที่เย่หวูเฉินกล่าวไว้ได้เกิดขึ้นจริงๆ.... ยิ่งกว่านั้น นี่ยังเพียงแค่เริ่มต้น

“ยอดเยี่ยม สามารถรับกระบี่นี้ของข้าได้โดยไม่พ่ายแพ้ ทั่วหล้านี้เจ้านับเป็นหนึ่งในสาม แต่สามารถรับมือได้อย่างเท่าเทียม นับว่ามีเพียงเจ้าเท่านั้น” ชายชุดดำหอบหายใจเล็กน้อยก่อนกลับสู่ปกติ เขากล่าวชมเชยเย่หวูเฉินช้าๆ ระหว่างนั้นสายตาเริ่มกลายเป็นเหี้ยมเกรียม “บางทีหากว่ากันด้วยพลัง เจ้าคงไม่ด้อยไปกว่าข้า ทว่าในด้านของศาสตรา.... ศาตราต้องห้ามที่เจ้าถืออยู่นั้นไม่มีทางเหนือล้ำไปกว่าข้า.... อัคคีศักดิ์สิทธิ์ซวนหยวน!”

ฮู่ม!

กระบี่ทองคำชองชายชุดดำลุกท่วมด้วยเพลิงทองคำ เพลิงนี้ลุกลามอย่างเร็วรุด ปกคลุมชายชุดดำไปทั่วร่าง ชุดดำของเขาพัดพริ้วในเพลิงทองคำ การลุกไหม้ของมันแผ่แรงกดดันน่าสะพรึง บีบคั้นเย่หวูเฉินให้ถอยหลัง นี่ไม่ใช่อุณหภูมิของเปลวไฟ หากเป็นสิ่งหนึ่งที่ร้อนแรงยิ่งกว่าดวงอาทิตย์

“จิตใจที่ประสานกับศาสตรา ย่อมสามารถสำแดงพลังสูงสุดของมันได้ เพลิงทองคำนี้จึงรุนแรงกว่าปกติถึงสองเท่า เจ้าที่มิได้ประสานจิตใจกับศาสตราจะรับมือกับพลังนี้ด้วยวิธีใด?” ชายชุดดำที่ลุกท่วมด้วยเพลิงทองคำเอ่ยปากอย่างเย็นชา

เพลิงทองคำนี้ไม่เพียงเพิ่มอานุภาพของศาสตรา หากยังเพิ่มแรงกดดันของชายชุดดำขึ้นเป็นสองเท่า เย่หวูเฉินทนรับแรงกดดันจนแทบไม่อาจหายใจ ทว่าเขาไม่ได้ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย เขาเอ่ยคำเพียงบางเบา “เซียงเซียง”

แสงขาวสว่างวาบที่กลางลำตัวของเย่หวูเฉิน มันเรืองรองขยายออกปกคลุมกระบี่ตัดดาราและร่างเขา ทันใดนั้น ความรู้สึกอัดอัดไม่อาจหายใจได้หายไป กระบี่ตัดดาราทวีพลังและความดุดันขึ้น พลังของเย่หวูเฉินยังเดือดพล่านอยู่ภายใน เซียงเซียงไม่เพียงสามารถผสานกระบี่ตัดดาราเข้ากับคันศรบาปวิบัติได้เท่านั้น ในฐานะศาสตราต้องห้ามที่ทรงพลังสูงสุด แม้ผสานเข้ากับกระบี่ตัดดาราหรือคันศรบาปวิบัติเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง พลังของมันก็ยังคงเพิ่มทวีเป็นสองเท่า หลังจากที่เย่หวูเฉินบรรลุพลังหวูเฉินขั้นที่เจ็ด ร่างกายและพลังของเซียงเซียงก็เติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์ เขาได้ค้นพบเรื่องหนึ่งที่น่าแปลกใจยิ่ง นั่นก็คือพลังของเขาและเซียงเซียงสามารถผสานกันได้.... สายพันธุ์จิ้งจอกมังกรเพียงหนึ่งเดียวที่เกิดขึ้นจากใจกลางโกลาหลนี้ ราวกับดำรงอยู่เพื่อเขาโดยเฉพาะ

ชายชุดดำกลายเป็นนิ่งงัน ความประหลาดใจลึกล้ำวาบผ่านในแววตาก่อนถูกซ่อนไว้ เขาเคลื่อนมือขึ้นช้าๆ คราวนี้เป็นเขาที่เริ่มโจมตีก่อน แสงทองคำของกระบี่ผสานกับอัคคีทองคำอย่างสมบูรณ์แบบ ในขณะเดียวกัน เย่หวูเฉินเองก็ขยับร่าง แสงทองคำของกระบี่ผสานเข้ากับแสงขาว กลายเป็นประดุจสายฟ้าสองสี พวกเขาเข้าปะทะกันอีกครั้ง คลื่นพลังแผ่กว้างยิ่งกว่าครั้งก่อน ทุกครั้งที่สองกระบี่สัมผัสกันจะเกิดคลื่นพลังมหึมาแผ่กว้างในห้วงมิติ เมื่อคลื่นพลังระลอกที่หนึ่งจางลง คลื่นระลอกใหม่ก็ตามมาดุจพายุ ห้วงอวกาศไพศาลถูกคลื่นพลังแผ่ท่วมเกือบทุกมุม

ไม่ว่าทวีปเทวะ , ทวีปปีศาจ , หรือทวีปเทียนเฉิน ‘คำพยากรณ์’ เรื่องแผ่นไหวของเย่หวูเฉินได้เกิดขึ้นจริงในที่สุด เพราะรู้จักความเข้มแข็งของตนเองดี เย่หวูเฉินจึงเลือกสถานที่ต่อสู้ที่จะไม่ส่งผลกระทบเสียหายต่อดินแดนเหล่านี้ ทว่าแผ่นดินไหวไม่หยุดหย่อนบนทวีปต่างๆ ทำให้ชีวิตมากมายแตกตื่นโกลาหล ผู้ใดจะคาดคิดว่าแสงทองคำที่วูบไหวดุจสายฟ้าบนท้องนภานี้ จะเป็นผลลัพธ์จากการต่อสู้ของสองบุคคลในห้วงอวกาศ

นี่คือพลังล้วนๆ เป็นการประชันด้านพลังโดยตรง ไม่มีการยับยั้งพลังไว้ ไม่มีการเล่นลูกไม้ ดังนั้น พวกเขาจึงปะทะฟาดฟันด้วยพลังล้วนๆ การต่อสู้ถึงปานนี้ พวกเขาไม่อาจวอกแวกเสียสมาธิได้ การต่อสู้จึงนำหายนะมาสู่หมู่ดาว ก่อเกิดหลุมดำที่มองไม่เห็นและไม่อาจปิดลงจำนวนมาก แต่ไม่ว่าเกิดผลลัพธ์น่าสะพรึงปานใดจะเกิด พวกเขาล้วนไม่ลังเลแม้แต่น้อย

ตูม

สองร่างปลิวแยกจากกันอีกครั้งไปไกลลิ่ว พวกเขาเคลื่อนไหวแบบเดียวกัน.... ยกมือขึ้นปาดเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก สีโลหิตของพวกเขา.... กลับเจือด้วยสีทองเล็กน้อย

สองฝ่ายเสมอกัน! ไม่มีใครด้อยกว่า หรือเหนือกว่า อันที่จริง พวกเขามีพลังต่างกันอยู่เล็กน้อย ทว่าความต่างนี้แทบไม่นับเป็นสิ่งใดเมื่อเทียบกับความเข้มข้นพลังของพวกเขา ที่น่าเหลือเชื่อก็คือ ไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ใดมีพลังมากกว่าหรือน้อยกว่า

หากไร้ปัจจัยอื่นเข้าสอดแทรก และหากการปะทะพลังนี้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ อย่าว่าแต่สิบวันสิบคืนเลย กระทั่งสิบปียังยากจะตัดสินผู้ชนะ ดังนั้น ทักษะ , แผนการ , เล่ห์เหลี่ยม , และประสบการณ์จึงเป็นปัจจัยตัดสินผลแพ้ชนะนอกเหนือจากพลัง

“ยอดเยี่ยม” ชายชุดดำเอ่ยคำช้าๆ “ข้าโหยหาการบาดเจ็บมานานแสนนานแล้ว”

“แต่สำหรับข้า หลายปีมานี้ข้าบาดเจ็บมากกว่านี้เยอะ” เย่หวูเฉินยิ้มกล่าวอย่างปลอดโปร่ง

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า แต่ข้าคิดว่า ตอนนี้นอกจากข้าแล้ว ผู้ใดก็ไม่อาจทำอันตรายเจ้าได้อีก นับจากนี้ ต่อให้เจ้าอยากบาดเจ็บก็ล้วนยากดุจปีนป่ายขึ้นสวรรค์ เป็นเช่นเดียวกันกับข้า” ชายชุดดำหัวเราะร่า รอยยิ้มเต็มไปด้วยความพอใจ

“ถ้างั้น” เย่หวูเฉินยิ้มบาง “นี่จะเป็นอีกครั้งที่บาดเจ็บ! ฮ่าห์!!”

เย่หวูเฉินไม่ได้พุ่งไปเบื้องหน้า เขาเหวี่ยงกระบี่ตัดดาราที่เรืองแสงทองและแสงขาวอย่างรวดเร็ว ส่งเงากระบี่นับไม่ถ้วนที่งดงามยิ่งพุ่งไปยังชายชุดดำ ชายชุดดำหุบยิ้มบนใบหน้า เพลิงทองคำบนกระบี่ลุกไหม้อย่างบ้าคลั่ง เขาส่งเงากระบี่นับไม่ถ้วนออกมาเช่นเดียวกัน มันพุ่งเข้าปะทะกับเงากระบี่ของเย่หวูเฉิน.... พลังกราดเกรี้ยวส่งเสียงปะทะกันเลือนลั่น เฉพาะเพียงเสียงก็สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อมิติได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม เงากระบี่ไม่ใช่การโจมตีที่แท้จริงของเย่หวูเฉิน เขาล่อให้ชายชุดดำใช้พลังตาม เมื่อชายชุดดำปล่อยเงากระบี่ออกมา เย่หวูเฉินได้หายไปปรากฎตัวอยู่ที่เขา เหวี่ยงกระบี่ทองคำจากล่างขึ้นสู่บน นำพลังไร้ต้านของ ‘ทลายสวรรค์แดนฟ้า’ สู่ชายชุดดำที่เผยช่องโหว่ออกมาชั่วสั้นๆ ในเมื่อพลังล้วนๆ ไม่อาจตัดสินผลแพ้ชนะได้ เช่นนั้นก็ต้องเล่นลูกไม้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ขอเพียงช่องโหว่เล็กน้อยก็พอแล้ว!

ชายชุดดำเพิ่งเหวี่ยงวาดกระบี่เสร็จ ทลายสวรรค์แดนฟ้าของเย่หวูเฉินก็แทบสัมผัสถึงชุดดำของเขา เวลานี้เอง ร่างของชายชุดดำระเบิดแสงทองคำสว่างเจิดจ้า เป็นแสงบดบังทำให้ดวงตาของเย่หวูเฉินเบิกกว้างทันที....

‘ทลายสวรรค์แดนฟ้า’ เมื่อใช้ออกจะไม่สามารถถอนกลับ เย่หวูเฉินไม่อาจหยุดแรงเหวี่ยงของกระบี่ได้ ในช่วงเวลาที่สั้นยิ่งกว่าชั่วฟ้าแลบ ปฏิกิริยาตอบสนองไร้ที่เปรียบทำให้เขาตัดสินใจเลือกทางได้ถูกต้อง....

แสงขาวนำร่างของเย่หวูเฉินออกไปจากตรงนั้นฉับพลัน เขาปรากฎตัวอยู่ห่างออกไปนับหมื่นเมตร ทลายสวรรค์แดนฟ้าฟาดถูกความว่างเปล่า ห้วงมิติตรงนั้นแตกออกถล่มทลาย

เย่หวูเฉินยังคงอยู่ในท่าถือกระบี่ บนศีรษะหลั่งเหงื่อกาฬอันเย็นเยียบ มันระเหยหายไปทันทีด้วยพลังของเขา พวกเขามองประสานสายตากันอีกครั้ง ต่างฝ่ายต่างทราบว่าเมื่อครู่เสี่ยงอันตรายเพียงใด หากชายชุดดำถูกทลายสวรรค์แดนฟ้าฟาดใส่โดยตรง และเย่หวูเฉินตัดมิติหนีออกมาช้ากว่านี้เล็กน้อย เขาจะถูกพลังสะท้อนรุนแรงเป็นห้าเท่าของทลายสวรรค์แดนฟ้า พลังที่รุนแรงถึงปานนี้สามารถตัดสินผลแพ้ชนะได้โดยตรง

เพราะนี่คือกระบวนท่าที่สองของกระบี่ซวนหยวน – สะท้อนพลังห้าเท่า!



<<<PREV    .    NEXT>>>