วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2562

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 544

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 544 ล้อเล่น

เย่หวูเฉินไม่ขยับตัวไม่หลบเลี่ยง ปล่อยให้พลังทมิฬโจมตีถูกร่าง ไม่เพียงไม่ล่าถอยเท่านั้น กลับกันยังเหยียบความว่างตรงเข้าหาราชันจอมปีศาจผู้ตกตะลึง ติดตามมาพร้อมน้ำเสียงชั่วร้าย “สมแล้วที่เป็นราชันจอมปีศาจ ผู้ซึ่งในอดีตเพียงแพ้ให้กับจักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือที่ประสานพลังกัน พลังของข้าเทียบกับเจ้านับว่ายังห่างไกล ทว่าโชคร้ายที่ในโลกนี้ บุคคลที่ไม่เกรงกลัวต่อความมืดโดยสิ้นเชิงมิได้มีเพียงเจ้า!”

พลังแสงที่ปลดปล่อยถูกพลังทมิฬของราชันจอมปีศาจซัดกระจายอย่างง่ายดาย เห็นได้ชัดถึงช่องว่างพลังขนาดใหญ่ ทว่าพลังทมิฬที่ใช้ออกเต็มที่กลับไร้ผลใดๆต่อเย่หวูเฉิน เขาครอบครองพลังของมุกเซียนโกลาหลทั้งสิบ จึงสามารถบัญชาพลังธาตุได้ทุกชนิด เป็นอมตะต่อธาตุทั้งหมด ไม่เพียงเท่านั้น.... ด้วยมุกเซียนโกลาหลที่อยู่ในร่าง เขาจึงสามารถดูดกลืนพลังธาตุได้

ขณะที่รากฐานพลังของราชันจอมปีศาจ ทั้งการโจมตีและการป้องกันนั้น แทบทั้งหมดล้วนมาจากพลังทมิฬ เผชิญหน้ากับเย่หวูเฉินที่ไร้ความกลัวต่อพลังธาตุ มันราวกับถูกตัดมือออกทั้งสองข้าง

ซู่ว!

เงาทมิฬย้ายเคลื่อน รวดเร็วประดุจสายฟ้า และในระหว่างที่เคลื่อนกาย แขนข้างหนึ่งของราชันจอมปีศาจยื่นยาวออกมานับพันเมตร แหวกห้วงอวกาศเป็นคูร่อง ตรงสู่เย่หวูเฉินที่อยู่ห่างไกล

อย่างไรก็ตาม การโจมนี้พลาดเป้า ที่เบื้องหลังมันพลันปรากฎพลังมหาศาลขึ้น

“ทลายสวรรค์แดนฟ้า!!”

แสงสีทองสว่างจ้า แขนที่ยืดยาวของราชันจอมปีศาจยังไม่ทันหดกลับ กระบี่ตัดดาราก็หวดฟาดร่างมันอย่างหนักหน่วง ส่งพลังรุนแรงดุจอัศนีบาตฟาดทำลายขุนเขา

ทวีปเทวะและทวีปปีศาจพลันได้ยินเสียงเลือนลั่น ดังขึ้นจากภายนอกอวกาศแทบในเวลาเดียวกัน ราชันจอมปีศาจทรงพลังเพียงใด? มันสามารถเอาชนะจักรพรรดิใต้และจักรพรรดเหนือคนหนึ่งคนใดได้ ขณะที่จักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือล้วนสามารถทำลายห้วงโกลาหล และเย่หวูเฉินยามนี้เฉียดใกล้พลังระดับนั้นแล้ว ทลายสวรรค์แดนฟ้าที่ใช้ออกจึงสามารถทำลายสรวงสวรรค์ได้อย่างแท้จริง หากการโจมตีนี้มิได้ใช้กับราชันจอมปีศาจ แต่ฟาดใส่ผืนทวีปปีศาจแทน เช่นนั้น ทวีปปีศาจคงถล่มย่อยยับในชั่วพริบตา

กระบี่ตัดดาราที่ฟาดออกด้วยแสงแจ่มจ้า เปลี่ยนห้วงมิติโดยรอบรัศมีพันๆเมตรให้กลายเป็นหลุมดำ กระทั่งเทพจักรพรรรดิและจักรพรรดิปีศาจหากโผล่กายอยู่ในหลุมดำนี้ ทั้งสองย่อมถูกฉีกกระชากและกลืนกินทันที แต่ที่ราชันจอมปีศาจและเย่หวูเฉินรู้สึกได้ คือแรงฉีกกระชากที่พอทน มิติหลุมดำไม่อาจสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับทั้งสอง

ราชันจอมปีศาจหยุดร่างลงหลังปลิวไปหลายพันเมตร เหนือแผ่นหลังมีรอยบาดเล็กน้อยอยู่ ทว่ารอยเล็กๆนี้ทำให้ดวงตาของมันแทบปริแตก มันไม่คิดไม่ฝันว่าในห้วงโกลาหลแห่งนี้ นอกจากจักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือแล้ว กลับยังมีคนที่สามารถทำร้ายมันได้ดำรงอยู่

เย่หวูเฉินสะบัดมือ หลุมดำที่เกิดขึ้นภายใต้พลังของทลายสวรรค์แดนฟ้าถูกเคลื่อนย้ายไปยังที่อื่นห่างไกลนับพันลี้ด้วยพลังมิติอันยิ่งใหญ่ เย่หวูเฉินทอดสายตามองไปไกล จับจ้องราชันจอมปีศาจที่แทบไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เขาแค่นเสียงเย็น ก่อนเหวี่ยงวาดกระบี่ในมือขวา มือซ้ายขยับเคลื่อนคันศร ทันใดนั้น ประกายสีทองและประกายโลหิตนับร้อยพันถึงนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหาราชันจอมปีศาจพร้อมเสียงมิติฉีกขาด จากผืนทวีปปีศาจ หากแหงนมองขึ้นไปบนฟ้า จะเห็นกลุ่มฝนดาวตกขนาดมหึมาสว่างจ้าเป็นสีทองและสีแดงก่ำพุ่งผ่านฟ้า

ปราณกระบี่ทองคำ ลูกศรสีโลหิต เย่หวูเฉินพลิกร่างในยามนี้ สำหรับดาวตกนับหมื่นๆแล้วระยะทางไกลลิบล้วนไม่ต่างจากระยะทางเพียงสั้นๆ ทว่าร่างของเย่หวูเฉินกลับปรากฎต่อหน้าราชันจอมปีศาจก่อนที่ประกายแสงทรงพลังทำลายล้างเหล่านั้นจะมาถึง เขาเหวี่ยง ‘แยกฟ้าผ่าปฐพี’ ลงสู่เหนือศีรษะมัน

หอกทมิฬยาวเล่มหนึ่งปรากฎในมือเหี่ยวแห้งของราชันจอมปีศาจ มันเหวี่ยงยกขึ้นรับกระบี่ตัดดาราโดยตรง มิติแตกร้าวแผ่ลามออกไปทั่ว ดุจแผ่นกระจกแตกแยกออกเป็นชิ้นๆ หนึ่งมนุษย์หนึ่งปีศาจกระเด็นออกจากกันด้วยแรงปะทะ ผ่านไปหมื่นเมตรจึงหยุดร่างลงได้ ทว่าเวลานี้เอง ประกายแสงจากกระบี่ตัดดาราและคันศรบาปวิบัติได้มาถึง ราชันจอมปีศาจเหวี่ยงหอกทมิฬในมือ ปลดปล่อยพลังทมิฬอย่างลวกๆ เกิดหลุมดำใหญ่โตขึ้นตรงหน้า พริบตานั้นประแสงทั้งหมดถูกกลืนเข้าสู่หลุมดำ ไร้การกระเพื่อมไหวของพลังแม้แต่น้อย

เย่หวูเฉินเหลือบมองที่มือขวาของตัวเอง หัวคิ้วมุ่นลงเล็กน้อยอย่างไม่อาจสังเกต ก่อนเคลื่อนตามองตรงไปเบื้องหน้า กล่าวคำเนิบนาบด้วยรอยยิ้ม “เจ้าแข็งแกร่งจริงๆ กระทั่งทลายสวรรค์แดนฟ้ายังไม่อาจทำอันตรายเจ้าได้ แยกฟ้าผ่าปฐพียังถูกเจ้ารับไว้อย่างสะดวกสบาย หากเทียบกันด้านพลังแล้ว ข้าไม่ใช่คู่มือของเจ้าจริงๆ”

“ทว่า....” เย่หวูเฉินยิ้มแปลกแปร่ง “ที่เจ้าเหนือกว่าข้ามีเพียงพลัง แต่สิ่งที่ข้าเหนือกว่าเจ้านั้น.... สามารถทำให้เจ้ากลัวจนหัวหดได้!”

“ตาย!” ราชันจอมปีศาจกู่ร้องด้วยความเกลียดชัง ร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นแสงทมิฬ นำหมอกทมิฬหนาแน่นพุ่งไปยังร่างของเย่หวูเฉิน พลังของมันเหนือกว่าห่างไกลอย่างเห็นได้ชัด ทว่าต่อหน้ามนุษย์ผู้นี้ ตั้งแต่เริ่มจนจบมันกลับรู้สึกกดดัน ไม่อาจรักษาความสงบเยือกเย็นอันชั่วร้าย มีเพียงความเกรี้ยวโกรธดุจคนไร้พลัง เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามแสดงออกเพียงความผ่อนคลาย ราวกับว่าทุกอย่างถูกควบคุมในมือแล้ว.... รวมกระทั่งชีวิตของมัน!

ในอดีต กระทั่งจักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือยังไม่เคยนำพาความรู้สึกนี้มาสู่มัน ความรู้สึกนี้ทำให้มันชิงชังและโกรธเกรี้ยว และทำให้มันคลั่ง!

ตูม!!!

หอกทมิฬและกระบี่ทองคำฟาดปะทะ ห้วงมิติพังถล่มเป็นผืนใหญ่ นี่คือการเปรียบวัดพลังโดยตรง แสงทองคำและแสงทมิฬระเบิดพวยพุ่ง เย่หวูเฉินสูญเสียสัมผัสทั้งห้าไปชั่วขณะ หน้าอกแน่นหนักพร้อมปลิวไปไกลลิ่วกลางอวกาศ ราชันจอมปีศาจทะยานร่างติดตามอย่างบ้าคลั่ง ส่งแขนยืดยาวนับหมื่นเมตรเหวี่ยงหอกทมิฬหมายผ่าร่าง พลังทมิฬของมันไร้ผลต่อเย่หวูเฉิน มีเพียงอาศัยศาสตราทมิฬเข้าโจมตี.... และนั่นนับว่าพอแล้ว ตราบใดโจมตีถูกอีกฝ่ายแม้คราวเดียว ย่อมเพียงพอทำร้ายอีกฝ่ายให้เจ็บหนักได้!

อย่างไรก็ตาม เย่หวูเฉินเบี่ยงร่างแล้วหายไปทันที หอกทมิฬเหวี่ยงวืดถูกความว่าง สัมผัสเย็นยะเยือกไร้คำเตือนแผ่ท่วมลงมาเหนือศีรษะมัน “นี่คือพลังของวารี ลองชิมดู!”

เสียงเย็นชามาพร้อมอุณหภูมิที่เย็นเยือก อุณหูมิโดยรอบดิ่งลงในระดับที่น่าหวาดหวั่น ทำให้ราชันจอมปีศาจร่างแข็งไปชั่วขณะอย่างคาดไม่ถึง ในเพียงพริบตา อุณหภูมิร่วงต่ำลงจนเกือบแตะศูนย์องศาสัมบูรณ์ นี่คือความน่ากลัวของพลังวารีที่เย่หวูเฉินถือครองในตอนนี้ ในขณะเดียวกัน เศษน้ำแข็งนับไม่ถ้วนร่วงหล่นจากความว่าง บินละลิ่วตัดตรงไปยังร่างของราชันจอมปีศาจ

“ฮ่าห์!!”

แสงทมิฬกลุ่มใหญ่ระเบิดจากร่างราชันจอมปีศาจ เศษน้ำแข็งนับไม่ถ้วนถูกทำลายจนหมด สีหน้าของมันยิ่งน่ากลัว ประดุจภูติผีคลั่งพุ่งตามกลิ่นอายและโจมตีไปยังเย่หวูเฉิน ทว่าการโจมตีของมันยังคงถูกต้องแต่ความว่าง

“นี่คือพลังของอัคคี!”

ห้วงอวกาศที่เย็นเยือกระดับศูนย์องศาสัมบูรณ์ กลับกลายเป็นร้อนระอุดุจขุมนรกลาวา อุณหภูมิที่เปลี่ยนไปสุดขั้วได้บิดผันห้วงมิติอย่างรุนแรง เพลิงไร้สิ้นสุดไม่ทราบจากไหนได้ไหลร่วงจากเบื้องบน เกิดเป็นทะเลเพลิงแผ่กว้างนับร้อยๆลี้ ราชันจอมปีศาจปรากฎอยู่ตรงใจกลางทะเลเพลิง นี่อัคคีสีขาวที่เรียกว่า ‘เพลิงเก้าสวรรค์’ มันร้อนแรงยิ่งกว่าพื้นผิวของดวงอาทิตย์

ความร้อนแผดเผาทำให้ราชันจอมปีศาจคำรามลั่นดุจปีศาจจากขุมนรก พลังทมิฬระเบิดออกอีกครั้ง ปัดเป่าและกลืนกินทะเลเพลิงผืนใหญ่ ทว่ามันยังไม่ทันหาตัวเย่หวูเฉินพบ ในหูพลันแว่วเสียงที่ทำให้มันต้องบ้าคลั่งอีกครั้ง

“นี่คือพลังของวายุ”

สิ้นเสียงจบลง ทุกลมสุริยะในห้วงอวกาศพลันเบนเปลี่ยนทิศ ไหลตัดตรงสู่ร่างราชันจอมปีศาจด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ ทุกขอบคมกรีดตัดมิติขาดออกเป็นริ้วใหญ่ ขอบคมวายุที่ควบกลั่นจากลมสุริยะนี้ทรงพลังเพียงใด? มันสามารถบาดเฉือนทุกสรรพสิ่งในโลก กระทั่งเทพจักรพรรดิและจักรพรรดิปีศาจหากเผชิญหน้ากับขอบคมวายุนี้ ในชั่วเวลาสั้นๆ ย่อมถูกตัดเฉือนตกตายไม่เหลือซาก

ราชันจอมปีศาจส่งพลังทมิฬต้านรับพลังวายุน่าสะพรึงนี้ เสียงคำรามยิ่งเจ็บปวดและชิงชังขึ้น มันอาจไม่เกรงกลัวต่อพลังน้ำแข็ง , อาจไม่เกรงกลัวต่อพลังความร้อน , และอาจไม่เกรงกลัวต่อพลังวายุ ทว่ามันไม่อาจทนรับกับการล้อเล่นอันหยามหยันนี้ได้.... พลังทมิฬของมันไร้ผลต่อเย่หวูเฉิน สิ่งเดียวที่มีผลคือการโจมตีทางกายภาพระยะใกล้ อย่างไรก็ตาม ภายใต้พลังมิติของเย่หวูเฉิน มันจึงยากที่จะสัมผัสร่างเขา ขณะที่การโจมตีของเย่หวูเฉินล้วนมาจากระยะไกล ร่วงหล่นใส่หัวมันอย่างต่อเนื่อง มันกลับทำได้เพียงตั้งรับ ไม่อาจสัมผัสร่างของอีกฝ่ายได้

“ราชันจอมปีศาจ พลังของเจ้าเข้มแข็งกว่าข้า แต่โชคร้ายที่ข้าถือครองพลังมิติที่ใช้ออกได้ในทุกเวลา ตราบใดที่ข้าต้องการ พลังสูงสุดของเจ้าล้วนไม่มีวันถูกร่างข้า.... และนี่คือพลังของอัสนี!”

ท่ามกลางกระแสลมสุริยะที่ยังไม่ทันหยุดนิ่ง สายฟ้าสีม่วงผ่าลงมาจากความว่างเปล่า ฟาดสู่กลางกระหม่อมของราชันจอมปีศาจ ท่วมท้นร่างของมันด้วยสายฟ้า มันกู่ร้องด้วยความเกรี้ยวกราด.... ระหว่างนั้นเอง หมอกทมิฬหนาแน่นได้แตกทำลายสายฟ้าม่วง พลังทมิฬพวยพุ่งไปยังตำแหน่งใหม่ของเย่หวูเฉิน สองมือเสือกส่งอย่างดุร้ายไปยังตำแหน่งใหม่ ทว่ามันคว้าได้แต่ความว่างเปล่า เป็นอีกครั้งที่เย่หวูเฉินหายไปอย่างไร้ร่องรอย

เย่หวูเฉินสามารถเคลื่อนพลังมิติย้ายตัดระยะหมื่นลี้ได้ในพริบตา ทั้งยังสามารถได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าระยะทางห่างไกลเพียงใด ก็ล้วนไปถึงได้ในชั่วพริบตาเท่านั้น นี่คือความน่ากลัวของพลังมิติ เขาลอยร่างอยู่ในอวกาศห่างไกลเหนือศีรษะของราชันจอมปีศาจ มองอย่างสมเพชไปยังมันที่ไม่อาจเป็นคู่มือเขามาตั้งแต่เริ่ม.... ข้อเท็จจริงก็คือ หากไร้ตัวตนของเย่หวูเฉิน ห้วงโกลาหลแห่งนี้ย่อมถูกทำลายลงโดยมัน

บางที นี่อาจเป็นภารกิจที่เขามายังโลกแห่งนี้

เขาชี้นิ้วลงไปเบื้องล่าง น้ำเสียงเย็นเชียบแผ่ผ่านอวกาศนับร้อยลี้ “นี่คือพลังแสง!”

ธาตุแสงสีขาวนับไม่ถ้วนดุจดาวตกขนาดใหญ่ ขณะที่ร่วงลงมาได้ครึ่งทางนั้น พลังทมิฬจากราชันจอมปีศาจได้พุ่งเข้าปะทะ ลบล้างพลังแสงเหล่านั้นจนหมดจด ระหว่างที่ทั้งสองนิ่งงันเป็นชั่วเวลาสั้นๆ ราชันจอมปีศาจกลับมิได้ไล่ตามในคราวนี้ ตรงกันข้ามมันไร้สุ้มเสียง สีหน้าที่บิดเบี้ยวในตอนแรกกลับสงบลง



<<<PREV    .    NEXT>>>