วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2562

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 547

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 547 ร่างจริงของหนานเอ๋อร์

ทวีปปีศาจ

เวลานี้ทวีปปีศาจมิได้ตกอยู่ในความมืดอีก นอกจากรอยแยกบนผืนดินอันเป็นผลงานการทำลายของเทพลึกลับ ที่เหลือก็ไร้สิ่งใดผิดปกติใดอีก ทว่าพลังชั่วร้ายของราชันจอมปีศาจได้สร้างเงาทะมึนฝังลึกในหัวใจผู้คน บางทีชั่วชีวิตนี้คงไม่อาจลบล้างออกได้

หลังจากที่เย่หวูเฉินและราชันจอมปีศาจพากันออกไป ชาโหวและเทพจักรพรรดิยังคงอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน พวกเขารอคอยผลลัพธ์อย่างไม่อาจคลายใจ ในขณะเดียวกัน สองตัวตนยิ่งใหญ่ได้ปรากฎภาพในหัวใจ สร้างความสั่นไหวต่อความรู้สึกภายในของทั้งสองคน

คลื่นพลังกระเพื่อมจากภายนอกอวกาศ ส่งผลให้สีหน้าและความรู้สึกของทั้งสองหวั่นไหว นี่คือพลังน่าสะพรึงปานใด แม้ทั้งสองคือเทพจักรพรรดิและจักรพรรดิปีศาจ หากกลับทำได้เพียงตื่นตะลึงและสั่นไหวภายใต้พลังนี้ กระทั่งทวีปเทวะและทวีปปีศาจหากถูกพลังปานนี้เข้าไปย่อมกลายเป็นเถ้าธุลีในพริบตา

เย่หวูเฉิน.... มนุษย์จากทวีปเทียนเฉินผู้นี้ แท้จริงแล้วเป็นตัวตนศักดิ์สิทธิ์จากไหน หรือเขาจะเป็น....

คลื่นพลังรุนแรงแผ่จากห้วงอวกาศห่วงไกล ทั้งสองแหงนศีรษะขึ้น เหนือสรวงสวรรค์ปรากฎดาราสว่างจ้าเป็นสีทองคำและสีแดง จากนั้น กลิ่นอายของราชันจอมปีศาจได้พร่าเลือนลง จนกระทั่ง.... หายไปหมดสิ้น! ชาโหวและเทพจักรพรรดิทราบทันทีว่านี่หมายถึงสิ่งใด

หัวใจที่บีบรัดพลันคลายออก ในอกเต็มไปด้วยความปั่นป่วน ผ่อนคลายสุดขีดและตกตะลึงสุดชีวิตเป็นเวลายาวนาน หายนะไร้เทียมทานได้ถูกกำจัดแล้ว แต่พวกเขามิได้จากไปและยังรออยู่

เย่หวูเฉินปรากฎกายขึ้นต่อหน้าพวกเขา ปลายเท้าสองข้างชี้ลงเบื้องล่าง สายตามองสองบุคคลที่อยู่บนพื้น ชาโหวที่สูญสิ้นพลังตะเกียกตะกายดันร่างลุกขึ้น ขณะที่มันกำลังอ้าปาก เย่หวูเฉินชิงกล่าวก่อน “เทพลึกลับดำและเทพลึกลับขาวต่างถูกทำลาย ราชันจอมปีศาจตกตายหมดสิ้น หากพวกเจ้าไม่ปรารถนาให้หายนะเช่นนี้เกิดขึ้นอีก จงหยุดการต่อสู้ไร้สาระของพวกเจ้า พวกเจ้าต่างก็เป็นมนุษย์ เพียงต่างกันที่เผ่าพันธุ์ ไม่มีความหมาดหมางใดที่ไม่อาจคลี่คลายได้ แม้เผ่าพันธุ์ปีศาจเกิดขึ้นจากราชันจอมปีศาจ ทว่าเหล่าปีศาจมิได้สืบทอดความชั่วช้ามาจากมัน ไม่มีผู้ใดสมควรถูกลบล้างการดำรงอยู่” เย่หวูเฉินเหลือบมองเทพจักรพรรดิปราดตาหนึ่งอย่างเย็นชา “ข้าไม่สนว่าพวกเจ้ามีความแค้นกันมาแต่ปางใด จะเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันก็ดี หรือเป็นศัตรูไม่อาจอยู่ร่วมฟ้ากันก็ดี จากนี้ต่อไปหากผู้ใดก่อสงครามขึ้น ข้าจะลบล้างการดำรงของมันผู้นั้น!”

เย่หวูเฉินกล่าวคำจบ สายตาดุจสายฟ้าตวัดผ่านใบหน้าของชาโหวและเทพจักรพรรดิ

ชาโหวขยับยกมุมปาก ราวกับแสดงสีหน้าแห่งความสุข ทว่าในที่สุดมันไม่อาจยิ้มได้ มันคล้ายกับเกรงกลัวและนับถือ กล่าวคำอย่างนอบน้อมด้วยสีหน้าประหลาดล้ำลึก “ต่อหน้าจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ข้าเผ่าพันธุ์ปีศาจขอน้อมเชื่อฟังตลอดไป!”

“โอ้? จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์?” เป็นครั้งที่สองที่เย่หวูเฉินได้ยินสมญานามนี้ เขาเอ่ยถามอย่างเป็นธรรมชาติ

“ถูกต้อง! นี่คือคำพยากรณ์ในอดีตที่จักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือได้รักษาไว้ วันหนึ่งราชันจอมปีศาจจะตื่นขึ้นในที่สุด และบุคคลที่สามารถทำลายราชันจอมปีศาจได้มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นคือจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ตำนานนี้ ทวีปปีศาจของข้าต่างรู้กันทั่ว ทวีปเทวะเองก็เช่นเดียวกัน ราชันจอมปีศาจได้ตายลง นามของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ย่อมระบือลือลั่นไปทั่วหล้าในวันนี้” ชาโหวก้มหัวลง กล่าวอธิบายด้วยสีหน้าจริงจังถึงขีดสุด

เย่หวูเฉินไม่แสดงอาการยอมรับหรือปฏิเสธ สายตาเคลื่อนมองยังเทพจักรพรรดิ จับจ้องที่ใบหน้านางขณะหนึ่ง จากนั้นเคลื่อนมองไปยังเสวี่ยเย่ที่ยังคงไร้สติ เขายังคงเรียกเทพจักรพรรดิจากนามโดยตรง “เจียเสี่ยวหลัว ก่อนหน้านี้หากไม่ใช่เพราะเชียนจ้ง ข้าคงไม่อาจช่วยทงซินได้ และคงไม่ได้รับพลังที่สามารถเอาชนะราชันจอมปีศาจ บุญคุณของมันข้าไม่อาจตอบแทนได้ ฉะนั้น ลูกสาวของมัน ข้าจะดูแลเอง ข้าจะชำระหัวใจกระหายเลือดของนางช้าๆ.... แต่ตอนนี้ จงพานางกลับไปที่ทวีปเทวะก่อน หลังจากนั้น....” เย่หวูเฉินกดหัวคิ้วลงเล็กน้อย เผยรอยยิ้มอันตราย “อย่าได้ลืมถ้อยคำของข้าที่เคยกล่าวไว้”

เย่หวูเฉินหายไปในกลุ่มแสงขาว เทพจักรพรรดิมองไปยังตำแหน่งของเย่หวูเฉินและยืนโง่งมอยู่ชั่วขณะ ก่อนหันร่างบินกลับไปยังประตูที่นำกลับสู่ทวีปเทวะ

.....................

.....................

ทวีปเทียนเฉิน ทะเลตะวันตก

ลอยตัวอยู่เหนือห้วงทะเลไร้ขอบเขต เย่หวูเฉินหวนนึกถึงครั้งแรกที่มายังที่แห่งนี้ หลังจากคิดคำนึงชั่วสั้นๆ เขาดิ่งร่างจมลงสู่ท้องทะเล

“เอ๋? เจ้านาย ท่านมาที่นี่ทำไมเหรอ?” หนานเอ๋อร์เอ่ยถามอย่างสงสัย

“แน่นอนว่ามาที่นี่เพื่อทำให้หนานเอ๋อร์กลายเป็นเด็กสาวจริงๆ” เย่หวูเฉินยิ้มตอบ

“อ่ะ? อ๋า?” หนานเอ๋อร์ร้องอุทานสองครั้ง นางไม่เข้าใจเลยว่าทะเลแห่งนี้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนเป็นเด็กสาวของนางอย่างไร

ความเร็วในการดำดิ่งของเย่หวูเฉินเหนือล้ำเร็วยิ่ง เพียงครู่เดียวก็ลงไปถึงก้นทะเล ใต้ทะเลดำมืดปรากฎเป็นดุจกลางวันสำหรับเขา นี่คือสถานที่ซึ่งในอดีตได้รับผลไม้วิญญาณ ในเส้นสายตานั้น ส่วนอื่นๆอย่างใบและลำต้นยังคงอยู่ที่เดิม ไร้ร่องรอยเสียหายใดๆ

เย่หวูเฉินเข้าไปใกล้และย่อกายลง อาศัยความรู้สึกยื่นมือกดลงบนแผ่นหินเย็นเยียบที่ก้นทะเล จากนั้นดึงมือขึ้นช้าๆ

เกิดเสียงหนักทึบลั่นขึ้นใต้ท้องทะเล แผ่นหินหนักแตกทำลายเป็นเศษๆ มีแสงทองคำสว่างโรจน์ออกมา แสงนี้นุ่มนวลและสว่างอย่างยิ่ง ทว่ายังคงสามารถมองเห็นร่างเล็กๆบอบบางในนั้นได้รางๆ

อย่างที่คาดไว้ เย่หวูเฉินเผยยิ้มบางอย่างไม่อาจสังเกต

ธิดาแห่งจักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือ....หนานเอ๋อร์ ครั้งก่อนที่เย่หวูเฉินมาเก็บผลไม้วิญญาณในที่แห่งนี้ เขาก็สามารถคาดเดาความจริงอันน่าตกตะลึงนี้ได้ถูกต้อง และนับตั้งแต่ตอนนั้น เย่หวูเฉินจึงทราบว่าจักรพรรดิเหนือเป็นสตรี

กระบี่ตัดดาราและคันศรบาปวิบัติถูกทิ้งไว้เบื้องหลังโดยจักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือ ทว่านอกเหนือจากศาตราสองชิ้นนี้แล้ว พวกเขายังจำเป็นต้องอาศัยวิญญาณเพื่อชี้นำศาสตราทั้งสอง.... ดังนั้น พวกเขาจึงเลือกธิดาของตัวเอง ผนึกวิญญาณของลูกสาวไว้ในกระบี่ตัดดารา ส่งมอบความทรงจำที่ไม่สมบูรณ์ไว้ ให้นางคอยชี้นำกระบี่ตัดดาราให้ตามหาผู้เป็นนาย ในขณะเดียวกัน พวกเขาปรารถนาว่าหลังจากที่เรื่องราวทุกอย่างยุติลงแล้ว ลูกสาวของพวกตนจะได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง.... ดังนั้น ก่อนตายจักรพรรดิเหนือจึงนำร่างของลูกสาวมาเก็บรักษาไว้ใต้ท้องทะเลตะวันตก พร้อมหว่านเมล็ดผลไม้วิญญาณไว้ใกล้ๆนาง ในวันที่เย่หวูเฉินเสาะหาผลไม้วิญญาณพบ เขาสัมผัสได้ถึงพลังที่คุ้นเคยอย่างยิ่ง ความคิดอันซับซ้อนจึงทำงาน ในที่สุดเขาคาดเดาความน่าจะเป็นบางอย่างได้ถูกต้อง ทว่ามิได้เปิดเผยออกมา และเมื่อเขาได้รับการยืนยันจากปากของมุกเรืองปฐพีว่าจักรพรรดิเหนือเป็นสตรี สิ่งที่เขาคาดเดาไว้จึงไร้ข้อสงสัยอีก

เย่หวูเฉินส่งมือลงเบื้องล่าง ก่อนเคลื่อนร่างตัดผ่านมิติ นำตนเองและรัศมีสีทองเจิดจ้าหายไปจากก้นท้องทะเล ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งเหนือหาดทรายที่เต็มไปด้วยลมทะเลอันสดชื่น

เห็นได้ชัดว่ารัศมีสีทองนี้คือพลังของจักรพรรดิใต้ ด้วยการคงอยู่ของมัน ทำให้ร่างไร้วิญญาณที่อยู่ภายในไร้ความเสียหายใดๆ แม้ผ่านกาลเวลายาวนานนับไม่ถ้วน กระทั่งชีวิตยังคงดำรงอยู่ เย่หวูเฉินย่อกายลง ยื่นมือสัมผัสม่านพลังทองคำที่ปกคลุมไว้

“อ๊ะ? เจ้านาย ในนั้นคือ....” หนานเอ๋อร์ถามด้วยความแปลกใจ

“คือร่างของหนานเอ๋อร์” เย่หวูเฉินกล่าวตอบ เคลื่อนฝ่ามือเหนือม่านพลังทองคำนั้น จับจ้องม่านพลังที่จางลงอย่างแช่มช้า ในใจมุ่งมาดคาดหมาย ลูกสาวของจักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือ.... หนานเอ๋อร์จะมีรูปร่างหน้าตาปานใด ในช่วงเวลานั้นจักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือคือเทพแท้จริงเพียงสองตน และหนานเอ๋อร์คือลูกสาวของเทพแท้จริงสองตนนั้น

“ร่าง.... ของข้า?” หนานเอ๋อร์เอ่ยทวนเสียงแผ่วด้วยความประหลาดใจ

ติ้ง.....

ม่านพลังทองคำสลายหมดไปในยามนี้ ปรากฎร่างบอบบางขึ้นในสายตา พริบตาที่เห็นร่างของหนานเอ๋อร์ มือเท้าของเย่หวูเฉินพลันสั่นและอ่อนยวบ เกือบทรุดล้มลงบนชายหาด

นี่.... นี่มัน....

นี่มันช่าง....

“อ๊า!! เจ้านาย.... ท่านบอกว่านางคือร่างของข้างั้นเหรอ?.... ไม่เอานะ.... ข้าไม่เอา!” หนานเอ๋อร์ส่งเสียงร้องคร่ำครวญมิใช่น้อย

ร่างที่อยู่ตรงหน้าสวมใส่ในชุดสีชมพู ร่างเล็กๆบอบบางประดุจสลักขึ้นจากหยกเนื้อละเอียด นางกำลังหลับไหลนิ่งงันอย่างน่ารัก ร่างกายสมบูรณ์แบบไร้ที่เปรียบ ผู้ใดได้เห็นย่อมเชื่อว่าหลังจากที่นางโตขึ้น ย่อมกลายเป็นสตรีผู้งามล่มอาณาจักร ทว่านางในตอนนี้.... ยังมิได้เติบโต

ในปราดตาแรกที่เห็น นี่คือเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง อายุราว 4-5 ขวบที่มีแต่ฟันน้ำนม!

หากพบหนานเอ๋อร์ในร่างสตรีงามล้ำล่มอาณาจักร เขาคงจะไม่แปลกใจใดๆ ทั้งยังคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดายิ่ง เขากระทั่งเตรียมใจไว้แล้ว ทว่าภาพที่เห็นเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆนี้ ทำให้เขาแทบไม่ทันตั้งตัว

กลายเป็นว่า หนานเอ๋อร์ที่ถูกจักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือผนึกวิญญาณไว้ในกระบี่ตัดดารา แท้จริงแล้วเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆ.... ภายหลังต่อมา วิญญาณของหนานเอ๋อร์เติบโตขึ้นช้าๆระหว่างการหลับลึกอันยาวนาน.... อย่างไรก็ตาม หากมองอีกด้านหนึ่ง อุปนิสัยของหนานเอ๋อร์ยังคงแสดงออกเหมือนกับเด็ก นางตื่นขึ้นจริงๆ เมื่อสี่ปีก่อนตอนที่เขาพบกระบี่หนานฮวง ก่อนหน้านั้น นางยังคงอยู่ในสภาพหลับลึกอย่างต่อเนื่องยาวนานในกระบี่

นี่หรือว่า.... เขาจะต้องอุ้มเด็กน้อยคนหนึ่งกลับบ้านด้วย?

“เอาล่ะ หนานเอ๋อร์ นี่คือร่างกายของเจ้า เจ้าไม่รู้สึกคุ้นเคยอย่างยิ่งกับร่างนี้เลยหรือ?” เย่หวูเฉินรู้สึกปวดหัวเล็กน้อยและทำได้เพียงปลอบใจหนานเอ๋อร์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าร่างจริงของหนานเอ๋อร์จะอยู่ในสภาพใด นี่ก็เป็นร่างจริงหนึ่งเดียวของนางเท่านั้น

“ฮือ.... แต่.... แต่ว่าเจ้านาย ข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะ.... ข้าไม่ใช่เด็ก” หนานเอ๋อร์คร่ำครวญด้วยความเสียใจล้ำลึก ทุกวันคืนนางปรารถนาให้ตนกลายเป็นสตรีเช่นเย่ฉุ่ยเหยาหรือฮั่วฉุ่ยโหรว หรือกระทั่งเป็นแบบหนิงเสวี่ยและทงซินได้ก็ยังดี ทว่านางกลับกลายเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆเช่นนี้ คนจึงทำได้เพียงร้องไห้ อย่างไรเสียอายุแท้จริงของจิตใจนางก็มากกว่าหมื่นปี ถึงแม้การแสดงออกของนางจะไม่ต่างจากเด็กน้อยทั่วไปก็เถอะ

“นี่คือร่างกายของหนานเอ๋อร์ในอดีต ดูสิ เมื่อก่อนเจ้าน่ารักมากเลยนะ” เย่หวูเฉินยิ้มและส่ายศีรษะอย่างเสียไม่ได้ เขาขยับไปข้างหน้าและอุ้มเด็กหญิงตัวเล็กๆในชุดสีชมพูขึ้น ในวินาทีที่สัมผัสร่าง นอกจากความอ่อนนุ่มแล้วยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายชีวิตได้อย่างชัดเจน ภายใต้พลังของจักรพรรดิใต้ที่คอยปกป้อง กลิ่นอายชีวิตของนางมิได้เสื่อมถอยลงแม้แต่น้อย

“แต่ว่า....”

“สำหรับข้าแล้ว ไม่ว่าหนานเอ๋อร์จะมีรูปร่างแบบใด เจ้าก็จะเป็นหนานเอ๋อร์ของข้าตลอดไป ถูกต้องมั้ย?”

“แต่....”

“หากหนานเอ๋อร์ไม่ชอบร่างนี้ งั้นเจ้าจะทำได้เพียงอยู่ในกระบี่ตลอดไป หนานเอ๋อร์ เจ้าไม่อยากออกจากกระบี่ ไม่อยากกลับสู่ร่างของตนและกลับบ้านไปพร้อมกับข้าหรือ?”

“ขะ.... ข้า.... ข้าอยากกลับบ้านไปพร้อมกับเจ้านาย”



<<<PREV    .    NEXT>>>