วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 545

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 545 ศาสตราต้องห้ามที่ทรงพลังสูงสุด

“นี่คือพลังของเจ้างั้นรึ?” มันไม่โกรธเกรี้ยวอีก บนใบหน้าแห้งเหี่ยวปรากฎรอยยิ้มทะมึน

“ถูกต้อง” เย่หวูเฉินยิ้มตอบเช่นเดียวกัน “บอกกับเจ้าตามตรง นี่คือพลังสูงสุดของข้า เจ้าคงอยากจะบอกว่า ถึงแม้เจ้าไม่อาจเอาชนะข้าได้ แต่ข้าเองก็ไม่อาจเอาชนะเจ้าได้เช่นกัน ใช่หรือไม่?”

กระทั่งทลายสวรรค์แดนฟ้าของกระบี่ตัดดารายังไม่อาจสร้างบาดแผลสาหัสให้กับมัน เย่หวูเฉินทราบดีตั้งแต่ต้นว่าพลังของเขาไม่อาจทำลายราชันจอมปีศาจได้จริงๆ หากมิใช่เพราะมุกสางทมิฬที่ทำให้ไม่เกรงกลัวต่อพลังทมิฬ เขาคงไม่ใช้พลังธาตุทุกชนิดล้อเล่นกับราชันจอมปีศาจตนนี้อย่างไร้หัวใจ

“ฮ่า ฮ่า.... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” ราชันจอมปีศาจหัวเราะร่วน ทว่าเสียงหัวเราะของมันแฝงความฝืดฝืนอยู่เล็กน้อย หลังจากถูกเล่นปั่นหัว มันต้องทุ่มเทพยายามเก็บระงับอารมณ์ เผยออกมาเพียงความทรนงเท่านั้น “ข้า.... แม้ไม่อาจสังหารเจ้าได้โดยง่ายจริงๆ แต่เจ้าก็ไม่มีวันฆ่าข้าได้.... แม้ข้ายังไม่อาจฆ่าเจ้าในยามนี้ แต่ก็สามารถทำให้เจ้าเจ็บปวดยิ่งกว่าตายได้.... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า.... มนุษย์แห่งทวีปเทียนเฉิน.... ข้าจะทำลายดินแดนชั้นต่ำแห่งนั้น! ไหนลองให้ข้าดูสิว่า เจ้าจะหยุดพลังของข้าได้อย่างไร ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า....”

เสียงหัวเราะบ้าคลั่ง ร่างโครงกระดูกเปลี่ยนเป็นเงาบินพุ่งไปยังดาวสีน้ำเงินที่อยู่ไกลลิบ สีหน้าทั้งตื่นเต้นและบิดเบี้ยวอย่างเหี้ยมเกรียม พลังของเย่หวูเฉินไม่อาจสร้างบาดแผลร้ายแรงต่อมันได้ จึงย่อมไม่มีทางหยุดมันให้ทำลายสิ่งใด.... ตอนนี้ ถึงแม้ตัวมันถูกเย่หวูเฉินยั่วยุจนหัวเสีย ทั้งยังหมดปัญญาฆ่าเย่หวูเฉิน แต่มันมิได้เลิกล้มในทันที มันจะต้องทำให้มนุษย์ผู้นี้ลิ้มรสความทรมานที่โหดเหี้ยมที่สุด.... ยกตัวอย่างเช่น ปล่อยให้มันมองดูทุกอย่างของตัวเองถูกทำลายลงต่อหน้า!

ซู่ว!

เงาร่างสีขาวไหววูบ เย่หวูเฉินยามนี้อยู่เบื้องหลังราชันจอมปีศาจห่างออกไปหมื่นเมตร ทว่าเขาไม่ได้เข้าไปหยุดมัน กระทั่งสีหน้ายังไร้ความแตกตื่นแม้แต่น้อย เขาหรี่ตาลงและกล่าวเสียงเย็น “การเล่นจบแล้ว ดูเหมือนถึงเวลาที่ต้องฆ่าเจ้าเสียที”

ราชันจอมปีศาจหยุดร่างทันที ค่อยๆหันกายมองมาทางเย่หวูเฉิน วาจาไม่กี่คำอันไร้ระลอก นำเงาทะมึนหนักหน่วงพาดผ่านหัวใจมันทันที จิตใต้สำนึกบอกกับมันว่านี่มิใช่เพียงคำขู่.... ในเส้นสายตามันเห็นแสงขาวสว่างวาบ ที่ข้างกายของเย่หวูเฉินพลันปรากฎดรุณีเยาว์วัย เส้นผมยาวสยายทั่วร่างกายเป็นสีขาว แผ่ไอพลังที่ไม่สมควรมีอยู่ ทว่ามันคุ้นเคยต่อพลังนี้เป็นอย่างยิ่ง หัวใจมันเต้นกระตุกรุนแรง มีสองคำปรากฎขึ้นในสมอง

“จิ้งจอกมังกร!!” หลังจากที่กล่าวสองคำนี้ สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนในฉับพลัน มันเข้าใจทันทีว่าความกังวลก่อนหน้านี้เกิดขึ้นจากสิ่งใด มันขบฟันแน่น และส่งเสียงเย็นชา “เจ้า.... ที่แท้ก็ยังไม่ตาย!!”

เย่หวูเฉินมองเซียงเซียงอย่างเงียบงัน ก่อนกล่าวคำเนิบนาบ “ขนาดเจ้ายังไม่ตาย มีหรือจิ้งจอกมังกรจะตายได้ หากมิใช่จักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือสร้างบาปกรรมในอดีต ต่อให้เจ้าถือกำเนิดขึ้นมาได้ ในที่สุดก็ต้องตกตายด้วยน้ำมือของจิ้งจอกมังกร หากพลังของนางเติบโตขึ้น ต่อให้มีเจ้าอีกหลายคนก็ไม่อาจเทียบนางได้ จักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือตระหนักถึงข้อนี้ดี เพราะนางเกิดมาเพื่อเป็นราชันหนึ่งเดียวในห้วงโกลาหลนี้ มุกเซียนโกลาหลทั้งสิบต่างดำรงอยู่เพื่อนาง ทว่าการกระทำผิดบาปของจักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือ ทำให้ชะตาของโกลาหลแห่งนี้บิดผัน จิ้งจอกมังกรเกือบถูกฆ่าตาย ส่วนมุกเซียนโกลาหลกลับตกเป็นของข้า”

เย่หวูเฉินชี้กระบี่ไปที่ราชันจอมปีศาจ แค่นเสียงเย็นกล่าว “เจ้าสมควรตายไปนานแล้ว.... แต่ถึงเจ้ามิได้ตกตายด้วยน้ำมือจิ้งจอกมังกรในอดีต เจ้าก็ไม่อาจหลบเลี่ยงชะตากรรมดับสูญ เจ้าไม่ควรดำรงอยู่ตั้งแต่แรก! แม้ข้าไม่อาจทำลายเจ้าได้ จิ้งจอกมังกรที่ยังเยาว์วัยไม่อาจทำลายเจ้าได้เช่นเดียวกัน แต่หากข้ากับจิ้งจอกมังกรร่วมมือกัน คิดหวังทำลายเจ้า.... ล้วนใช้เวลาเพียงพริบตา.... เจ้าเชื่อหรือไม่!”

ร่างกายของราชันจอมปีศาจสั่นสะท้าน มันมองกระบี่ตัดดาราและคันศรบาปวิบัติในมือของเย่หวูเฉิน จากนั้นเคลื่อนตาไปหยุดที่ร่างของเซียงเซียง มันสั่นกลัวและถอยร่างอย่างไม่รู้ตัว สีหน้าแตกตื่นราวประสบสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในโลก.... มันกำลังหวาดกลัว เป็นความกลัวอย่างสมบูรณ์แบบ ราชันจอมปีศาจผู้แข็งแกร่งสุดในห้วงโกลาหลนี้ กลับกำลังตื่นกลัวสุดขีดในชีวิต

กระบี่ตัดดารา , คันศรบาปวิบัติ.... จิ้งจอกมังกร หัวใจของมันสับสนอลม่านจากจิตใต้สำนึกเพราะการปรากฎของสิ่งในตำนาน ดวงตาโลหิตเบิกกว้างแทบปริแตก ม่านตาหดวูบเป็นระลอก ในที่สุดมันส่งเสียงกรีดร้อง ก่อนพุ่งทะยานบินหนีอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้สิ่งเดียวที่มันทำได้คือการหนี.... รีบหนีออกห่างจากความตาย ไปให้ไกลจากสายตาของมนุษย์ตนนี้และจิ้งจอกมังกร หลบซ่อนตัวอย่าได้เจอพวกมันอีก

ทำให้ราชันจอมปีศาจถึงกับสิ้นหวัง.... อะไรที่ทำให้มันหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้....

เย่หวูเฉินไม่ไล่ตาม เพียงมองอย่างสมเพชยังเงาที่บินลิ่วไปไกลห่าง เขาค่อยๆ ยกกระบี่ตัดดาราและคันศรบาปวิบัติในสองมือขึ้น ส่งเสียงประดุจฝันร้ายดังขึ้นที่ข้างหูของราชันจอมปีศาจ “สามศาสตราต้องห้ามแห่งห้วงโกลาหล.... หนึ่งคือกระบี่ตัดดารา , หนึ่งคือคันศรบาปวิบัติ ทว่าศาสตราต้องห้ามที่ทรงพลังสูงสุดนั้น กลับเป็นจิ้งจอกมังกรที่มีชีวิต! เพราะพลังสูงสุดแห่งห้วงโกลาหล ย่อมตกเป็นของราชันจิ้งจอกมังกร”

แสงทองคำและแสงโลหิตสว่างขึ้นจากกระบี่ตัดดาราและคันศรบาปวิบัติ ส่องสะท้อนใบหน้าและร่างกายของเย่หวูเฉิน เขากล่าวคำช้าๆ “ตำนานได้กล่าวไว้ จิ้งจอกมังกรสามารถท่องไปทั่วทุกแห่งในห้วงโกลาหล สามารถเพิกเฉยต่อกฎเกณฑ์ใดๆ นั่นเพราะจิ้งจอกมังกรครองพลังมิติที่แข็งแกร่งที่สุด พลังของนางมิได้เกิดขึ้นจากเจ็ดธาตุธรรมชาติที่ผสานกัน ทว่ามันเหนือล้ำยิ่งกว่านั้น นี่คือพลังที่แข็งแกร่งที่สุด สามารถตัดผ่านมิติใดๆ และใช้ได้อย่างต่อเนื่องเมื่อจิ้งจอกมังกรโตขึ้น ในขณะเดียวกัน การมีจิ้งจอกมังกรเท่ากับครองสิ่งที่เข้มแข็งสูงสุดในโลกหล้า.... สิ่งที่เข้มแข็งที่สุดมิใช่ตัวจิ้งจอกมังกร หากแต่เป็นพลังที่จิ้งจอกมังกรถือครองอยู่! และสิ่งมีชีวิตน่าสมเพชอย่างเจ้าจะเป็นสิ่งแรกที่ได้ลิ้มรสพลังสูงสุดนี้!”

“บาปวิบัติตัดดารา , ผสาน!”

ท่ามกลางเสียงกู่ก้องของเย่หวูเฉิน ร่างของเซียงเซียงพลันกลายเป็นแสงพร่า แสงขาวที่พร่าเลือนนั้นยังแปรเปลี่ยนดุจมายา เคลื่อนคลุมเหนือกระบี่ตัดดาราและคันศรบาปวิบัติช้าๆ คันศรบาปวิบัติค่อยๆยกขึ้นในแสงขาว กระบี่ตัดดาราวางพาดบนคันศร ด้ามกระบี่วางแตะกับสายธนู กระบี่ตัดดาราผสานกับคันศรบาปวิบัติอย่างเรียบง่าย เพียงใช้กระบี่ต่างลูกศร ทว่าการผสานที่ดูเรียบง่ายอย่างที่สุดนี้ หากไร้พลังของจิ้งจอกมังกรและผสานกันอย่างส่งเดช มันย่อมไม่มีทางแสดงพลังของศาสตราต้องห้ามทั้งสองได้.... การผสานกระบี่และคันศรภายใต้พลังของจิ้งจอกมังกรนี้ พลังที่เกิดขึ้นมิได้เรียบง่ายเหมือนหนึ่งบวกหนึ่ง อำนาจของมันยิ่งใหญ่เป็นทวีคูณ

หนึ่งกระบี่ หนึ่งคันศร ถูกพันรอบด้วยแสงขาวของจิ้งจอกมังกร สายธนูแบบบางที่ไม่อาจมองเห็นกำลังเรืองรองด้วยแสงขาว เย่หวูเฉินน้าวสายธนูทีละน้อย ทันใดนั้น แสงทองคำและโลหิตของกระบี่ตัดดาราและคันศรบาปวิบัติถูกกลืนกินด้วยแสงขาว ภายใต้การควบกลั่นของพลัง สรรพสิ่งโดยรอบถูกผลักออกจนหมดสิ้น ที่ระยะห่างไกล ไม่ทราบดวงดารามากเท่าใดที่เบี่ยงวิถีเพราะพลังอำนาจมหาศาลนี้

“ดับสูญ.... ตั้งแต่ขณะแรกที่เจ้าถือกำเนิด ผลลัพธ์วันนี้ของเจ้าก็ถูกกำหนดไว้แล้ว!” เย่หวูเฉินส่งเสียงทุ้มต่ำ ในห้วงสติปรากฎภาพราชันจอมปีศาจ พลังเพิ่มทวีคูณในระดับที่เหลือเชื่อ ความเร็วในการควบกลั่นยิ่งมายิ่งบ้าคลั่ง

ราชันจอมปีศาจบินหนีอย่างคลุ้มคลั่ง มันไม่คิดหยุดเย่หวูเฉินในระหว่างรวบรวมพลัง เพราะเย่หวูเฉินใช้พลังมิติได้ตามปรารถนาแม้ยามที่รวมพลัง มันไม่มีทางโจมตีถูกกายเขาได้ และตอนนี้ไม่ว่ามันทุ่มเทพลังหลบหนีเพียงใด มันกลับสัมผัสได้อย่างแจ่มชัดถึงดวงตาโลหิตที่จับจ้องมายังมัน.... ความทรงจำของจักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือบอกมันว่านี่คือพลังของ ‘ศรตามจิตโลหิตดำ’ ตราบใดที่ถูกพลังล็อคตรึงไว้ ไม่ว่าจะหลบหนีไปแห่งใดก็ไม่อาจหนีพ้น

ซวี่!

ดาวตกสีทองพุ่งตัดอวกาศว่าง คันศรบาปวิบัติมิได้ปล่อยศรสีแดงอีกต่อไป หากแต่เป็นศรทองที่ถูกพันรอบด้วยแสงขาว ศรที่แล่นออกไปนี้ แปรเปลี่ยนห้วงอวกาศในสายตาให้มืดลง ทุกสรรพธาตุ ทุกการดำรงแปรเปลี่ยนเป็นความว่าง ถูกกลืนกินด้วยพลังอำนาจมหาศาลเกินอธิบาย ในสายตาที่มองเห็นนั้น ดาวตกสีทองราวกับผ่าห้วงอวกาศให้กลายเป็นสองซีก

ราชันจอมปีศาจคำรามลั่น สัมผัสถึงความเย็นเยียบแผ่ใกล้จากเบื้องหลัง ในเมื่อนี่คือพลังที่ทำลายได้กระทั่งดารา ทำลายได้กระทั่งห้วงมิติ คือศรตามจิตโลหิตดำที่มันไม่อาจหลีกเลี่ยง เช่นนั้นก็เหลือทางเดียวเท่านั้น คือใช้ทุกอย่างที่มีเข้าต่อต้าน ลบล้างอำนาจยิ่งใหญ่ของศรนี้

ทว่าแรงกดดันที่แผ่มาไกลๆ นั้นถึงกับทำให้มันสิ้นหวัง ไม่ทราบความทรงจำที่ได้รับมาหลอกลวงมันหรือไม่ เมื่อสองศาสตราต้องห้ามผสานกันภายใต้พลังของจิ้งจอกมังกร พลังที่เกิดขึ้นล้วนเพียงพอทำลายทุกชีวิต.... ทำลายได้กระทั่งจักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือ.... รวมทั้งราชันจอมปีศาจอย่างมัน!

พลังของศรตามจิตโลหิตดำมิได้ทำให้ราชันจอมปีศาจต้องผิดหวัง ม่านตาของมันขยายใหญ่ วังวนทมิฬถูกส่งออกต้านรับลูกศรทองคำ ทว่ายังมิทันสัมผัสกับลูกศรก็ระเบิดออกอย่างไร้หนทางต้าน ศรทองคำแหวกผ่านเศษชิ้นวังวนทมิฬ พุ่งตรงสู่อกของราชันจอมปีศาจพร้อมเสียงโหยหวน พลังไร้ทัดเทียมระเบิดออกในทันที ร่างของราชันจอมปีศาจกลายเป็นเศษชิ้นปลิวว่อนในแสงทองคำ

กระบี่ตัดดารากลับคืนวางพาดบนคันศรบาปวิบัติ กระบี่กับคันศรเชื่อมโยงถึงกันภายใต้แสงขาว เย่หวูเฉินเผยรอยยิ้มพึงใจมองไปที่ห่างไกล คันศรบาปวิบัติถูกยกขึ้นอีกครั้ง

“อ๊าก! อ๊ากกก....”

ยังคงมีเสียงกรีดร้องของราชันจอมปีศาจ ร่างของมันแตกทำลายย่อยยับอย่างเห็นได้ชัด ทว่านอกจากความเจ็บปวด เสียงนี้กลับยังคงชัดเจน มีหมอกทมิฬไม่ทราบจากไหนไหลมารวมตัวกัน ท่ามกลางหมอกทมิฬนั้น ร่างสีดำเหี่ยวแห้งกำลังก่อตัวขึ้นช้าๆ มีเสียงชิงชังโกรธแค้นอย่างล้ำลึกดังขึ้น

“เจ้าไม่มีทางฆ่าข้า.... ไม่มีวันฆ่าข้าได้! ข้ามีวิญญาณปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ตราบใดที่ความมืดไม่ถูกทำลาย วิญญาณปีศาจจะไม่มีวันดับสูญ.... ต่อให้เจ้าทำลายร่างข้าสักกี่ครั้ง หากวิญญาณปีศาจของข้ายังคงอยู่ ข้าจะไม่ถูกทำลายจนตราบนั้น.... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า.... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

สมเพช , เวทนา , และดูถูก.... ในที่สุดรอยยิ้มบางได้หายไปจากใบหน้าของเย่หวูเฉิน ราชันจอมปีศาจหัวเราะอย่างอวดดี ในขณะที่สายธนูถูกน้าวออกทีละน้อย



<<<PREV    .    NEXT>>>