วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2562

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 550

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 550 ด้านมารและปีศาจ (2)

“เจียเสี่ยวหลัว เจ้าจงดีใจที่ได้เป็นมารดาครึ่งหนึ่งของเสวี่ยเอ๋อร์และทงซิน เป็นเทพจักรพรรดิแห่งทวีปเทวะ ไม่อย่างนั้น ชีวิตเจ้าจะต้องจบสิ้นในวันนี้! ไม่ว่าเหตุผลใด ไม่ว่าจุดยืนใด ไม่ว่าถูกหรือผิด มันผู้ใดที่กล้าทำร้ายเสวี่ยเอ๋อร์และทงซิน ต่อให้ตกตายพันครั้งก็ยังไม่สาสม!”

ขณะที่เย่หวูเฉินกล่าวคำ มือของเขาตวัดขึ้น หน้ากากทองคำของเทพจักรพรรดิถูกผ่าเป็นสองซีกทันที มันร่วงลงสู่พื้นส่งเสียงกระทบบางเบา ดวงตาของเย่หวูเฉินทอประกายในยามนี้ เขาเคลื่อนมือลูบใบหน้าของเทพจักรพรรดิด้วยรอยยิ้ม สัมผัสอันนุ่มนวลส่งผ่านจากนิ้วไปสู่หัวใจ

เป็นใบหน้าที่สามารถนำหายนะมาสู่อาณาจักรและผู้คน.... หากต้องนิยามใบหน้าดุจสวรรค์สร้างนี้คงใช้ได้เพียงคำว่า ‘สมบูรณ์แบบ’ เมื่อมองจับจ้องอยู่ใกล้ๆ ไม่ว่าใครต้องรู้สึกว่านี่คือสตรีที่งดงามที่สุดในโลกหล้า เส้นผมสีทอง ม่านตางดงาม คิ้วรูปพระจันทร์เสี้ยว ริมฝีปากสีเชอร์รี่.... เพียงส่วนใดส่วนหนึ่งเล็กๆของนาง ก็ล้วนงามล้ำประทับถึงจิตใต้สำนึก ภายใต้การผสานของเสน่ห์ , ความสง่า , สูงส่ง , ความอ่อนหวาน , และความงาม.... แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่สิ่งเหล่านี้จะปรากฎอยู่บนใบหน้าเดียวกัน

เย่หวูเฉินยิ่งมายิ่งฉีกยิ้ม เขาพลันยินดีที่นางเป็นมารดาครึ่งหนึ่งของหนิงเสวี่ยและทงซิน ไม่อย่างนั้น เขาคงลังเลอยู่นานเพื่อสังหารนางจริงๆ

“เจ้า!!”

ถูกล่วงเกินดูหมิ่นถึงเพียงนี้จากเย่หวูเฉิน ในที่สุดเทพจักรพรรดิไม่อาจอดทนได้อีก นางเหวี่ยงหลังมือตบไปที่เย่หวูเฉิน ทว่าเพิ่งเคลื่อนฝ่ามือ กระแสลมประหลาดจากเย่หวูเฉินได้พันรอบมือนางไว้ พลังเทพทั้งหมดของนางถูกสกัดกั้นด้วยพลังไร้ต้าน หลังมือของนางฟาดถูกแขนของเย่หวูเฉินอย่างอ่อนแรงจนแทบไม่ต่างจากการลูบไล้ สีหน้าของเย่หวูเฉินแปรเปลี่ยนในยามนี้ เขาคว้ามือลงบนชุดของนาง ออกแรงฉีกกระชากอย่างรุนแรง

“แคว่ก!” เสียงชุดทองคำอันศักดิ์สิทธิ์ฉีกขาดออกเป็นริ้ว

ชุดทองคำของเทพจักรพรรดิฉีกออกเป็นริ้วยาว เผยหัวไหล่อันงดงามที่อยู่ใต้นั้น ผิวขาวละมุนและคู่อกขาวอันศักดิ์สิทธิ์เผยออกมาต่อหน้าเย่หวูเฉิน เขาฉีกทึ้งชุดทองคำที่เหลืออยู่บนร่างส่วนบน เผยให้เห็นผิวเย็นและนุ่มลื่น ราวกับมีน้ำหล่อเลี้ยงไหลซึม เทพจักรพรรดิร้องอุทานอย่างอับอาย เย่หวูเฉินวางมือลูบไล้ทั่วร่างงามอย่างหยาบโลน

เทพจักรพรรดิไม่เคยคิดฝันว่าเย่หวูเฉินจะกระทำเรื่องไร้ยางอายต่อนางเช่นนี้ หลังจากตื่นตระหนกชั่วสั้นๆ นางพยายามดิ้นรนเต็มที่ ทว่ายามนี้ต่อหน้าเย่หวูเฉิน นางไร้พลังใดๆเพื่อดิ้นรน มือเดียวของเย่หวูเฉินควบคุมความเป็นตายของนางได้ นางทำได้เพียงมองดูฝ่ามือลูบไล้ขึ้นมาที่ยอดอกของตนอย่างหมดหนทาง

“เจ้า.... ปล่อยข้าไปเถอะ....” นางวิงวอนด้วยน้ำเสียงสงบ ด้วยเกียรติของจักรพรรดิทำให้นางกัดฟันไม่แสดงอาการตื่นตระหนก นางกระทั่งเลิกล้มความพยายามในการดิ้นรน หวังเพียงการลงทัณฑ์ของเขาจะหยุดลงเพียงตรงนี้ นางคือเทพจักรพรรดิ ไหนเลยจะคิดฝันว่าวันหนึ่งจะถูกบุรุษลวนลามเช่นนี้ได้

ทว่าเสียงของเทพจักรพรรดิที่เปล่งออก กลับกระตุ้นความอับอายและคับข้องใจจนทำให้นางสั่นสะท้านทั่วร่าง เย่หวูเฉินออกแรงบีบมือ ฝากรอยแดงไว้บนยอดเนินหิมะทันที จากนั้น เขาโยนร่างที่อ่อนแอเพราะถูกปิดกั้นพลังลงพื้น

มองเทพจักรพรรดิที่ร่างส่วนบนเปลือยเปล่า นอนนิ่งงันอยู่บนพื้นต่อหน้าตนเอง ในใจของเย่หวูเฉินบังเกิดความรู้สึกยินดีแห่งการได้พิชิตและล้างแค้น เขาตะปบสองมือลงบนเนินหิมะที่ไม่มีทางปรากฎในโลกมนุษย์ธรรมดา.... ค่อยๆ เสพสัมผัสถึงรสละมุนนั้นช้าๆ

เกียรติภูมิยังถูกเหยียบย่ำทำลายจนหมดสิ้น กระทั่งพลังยังไร้ที่จะต่อต้าน เทพจักรพรรดิยังคงรักษาท่าทีแห่งความทรนง ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอต่อหน้าเย่หวูเฉิน ทว่าหัวใจนางไม่อาจสงบนิ่งเหมือนผิวน้ำ กล่าวคือนางกำลัง ‘อับอายและขุ่นข้อง’ บนยอดเนินหิมะอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งไม่เคยถูกผู้ใดสัมผัส กลับถูกเขากำลังบีบเล่นอย่างไร้เหตุผล สัมผัสเจ็บแปลบแปลกประหลาดที่แผ่ซ่านทำให้นางไม่อาจควบคุมจมูกงามให้พ่นเสียงครางอันบางเบา

“อย่าพึ่งกังวลไป นี่เพียงแค่เริ่มต้น”

ออกแรงดึงเม็ดปทุมบนเนินหิมะ จากนั้นปล่อยมือออก เย่หวูเฉินชื่นชมผลงานชั้นเลิศด้วยความพึงพอใจ บนเนินหิมะไร้มลทินทั้งสองก้อน บัดนี้ปรากฎรอยนิ้วสีแดงประทับอยู่ เม็ดเชอร์รี่สีแดงตั้งตรงบนยอดเนินนั้น เขาเหยียดยิ้มและคว้าชุดสีทองตรงส่วนล่าง ใช้พลังแผดเผากลายเป็นเถ้าธุลีในพริบตา ทันใดนั้น ชุดชั้นในสีขาวนวลได้ปรากฎตรงหน้า มันพันรอบดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสุดท้ายของเทพจักรพรรดิไว้ เบื้องล่างลงไปเป็นเรียวขายาว เย่หวูเฉินมองลามไล้อย่างไม่อาจละสายตา

“อย่านะ! ปล่อยข้าไปเถอะ.... ข้าคือแม่ของเฮยเย่และไป่เย่นะ!”

เห็นเย่หวูเฉินเอื้อมมือมายังชุดชั้นในของตนเอง เทพจักรพรรดิแตกตื่นในที่สุด นางบิดร่างอ่อนนุ่มไปมาเพื่อดิ้นรน ทว่าพลังของนางถูกสกัดไว้ จึงทำได้เพียงบิดเอวกิ่งหลิวไปมาเท่านั้น ไม่อาจดิ้นรนด้วยวิธีอื่นอีก เห็นร่างสมบูรณ์แบบของเทพจักรพรรดิบิดไปมาต่อหน้าตน คู่อกหยกงามตรงหน้ายังกระเพื่อม เพลิงราคะของเย่หวูเฉินจึงลุกโชน ไม่สนใจต่อเสียงวิงวอนและการดิ้นรนของเทพจักรพรรดิอีก เขาส่งมือฉีกทึ้งอาภรณ์สุดท้ายของนางออก ฉีกทำลายความภาคภูมิสุดท้ายของนางทิ้ง

ความเย็นโชยสัมผัสที่ระหว่างต้นขาทำให้สติของเทพจักรพรรดิกลายเป็นว่างเปล่า นางหนีบขาตัวเองไว้แน่นและสิ้นหวัง ทั่วร่างสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุม เย่หวูเฉินส่งยิ้มยิ่งชั่วร้าย “เจ้ายังจำได้อยู่หรือว่าตัวเองเป็นแม่ของพวกนาง? คนที่เกือบทำให้พวกนางต้องถูกทำลาย กลับกลายเป็นแม่อย่างเจ้า”

หวนนึกกลับไปยังตอนที่อยู่ในโลกสีขาวอันสิ้นหวัง ความโหดเหี้ยมพลันแผ่พุ่งขึ้นจากอก ความอัดอั้นที่รอดพ้นจากความตายในครานั้นถูกปลดปล่อยออกมาในคราวนี้ เขายกนางขึ้นวางพาดบนเก้าอี้ทองคำที่นางเพิ่งนั่งเมื่อครู่ ร่างกายส่วนบนวางพาดอยู่บนพนักวางแขนด้านหนึ่ง ใบหน้าหันลงสู่พื้นเบื้องล่าง แผ่นหลังเปลือยเปล่าหันขึ้นด้านบน ผิวพรรณนางกระจ่างขาวดุจหยกงาม แม้ใบหน้าหันลงจากเก้าอี้ ไม่อาจเห็นร่างกายของตนเองได้ แต่เทพจักรพรรดิล้วนจินตนาการออกว่าตัวเองในยามนี้อยู่ในสภาพที่ไม่อาจยอมรับได้

เพราะเอวบางของนางวางพาดอยู่บนพนักวางแขนอีกด้านหนึ่ง ต้นขาหิมะสีขาวอมชมพูย่อมเปิดเผยจากทางด้านหลัง ต่อให้นางพยายามบีบรัดต้นขาเพียงใด ทุกอย่างย่อมแผ่เผยออกต่อหน้าบุรุษที่อยู่เบื้องหลัง

“สมกับที่เป็นเทพจักรพรรดิ กระทั่งบั้นท้ายยังสมบูรณ์แบบได้ถึงเพียงนี้” เย่หวูเฉินลูบไล้บั้นท้ายที่โค้งมนได้รูปสมบูรณ์แบบ กลมกลึงประดุจหยกงามชั้นเลิศของโลกหล้าที่ถูกแกะสลัก

“เจ้าจะทำอะไร?!”

น้ำเสียงของเทพจักรพรรดิสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด ท่วงท่าน่าละอายนี้ทำให้นางอับอายและคับข้อง นางค้นพบว่าวันนี้ตนคงไม่รอดพ้นจากเงื้อมมือมาร จิตใต้สำนึกของนางคาดเดาได้ถูกต้องแล้วว่าวันนี้ตัวเองต้องเจอกับสิ่งใด

“เพี๊ยะ....”

ฝ่ามือฟาดลงฉับพลัน หวดบั้นท้ายหิมะของนางอย่างหนักหน่วง นางรู้สึกเจ็บแปลบเล็กน้อยเพราะถูกสกัดกั้นพลังไว้ ทว่าสิ่งที่เหนือกว่าความเจ็บปวด คือความอัปยศที่แทบไม่อาจทานทน นางกำลังถูกข่มเหงบนเก้าอี้....

“เจียเสี่ยวหลัว ข้าเชื่อว่าชั่วชีวิตของเจ้าจะไม่มีทางลืมวันนี้”

เย่หวูเฉินกล่าวคำเรียบเรื่อย ฝ่ามือยังคงหวดฟาด แต่ละครั้งเกิดเสียงสะท้อนดังก้อง

“นี่คือการลงทัณฑ์สถานเบาของเจ้า ชั่วชีวิตนี้อย่าลืมเสียล่ะ!”

“เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ....”

บั้นท้ายหิมะงามงอนจากสีขาวอมชมพูแผ่ลามเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว เทพจักรพรรดิอดกลั้นเสียงร้องจากการถูกหยามอัปยศ ทว่าด้วยการหวดฟาดที่รุนแรงของเย่หวูเฉิน ร่างของนางจึงแกว่งไกวอย่างต่อเนื่อง คู่อกขาวทรนงสั่นกระเพื่อมเป็นจังหวะ ยอดปทุมถันอันไวต่อสัมผัสเบียดเสียดกับเก้าอี้ เกิดความรู้สึกแปลกประหลาดแผ่ซ่านเป็นพักๆ ทำให้นางไม่อาจอดกลั้นเสียงครางจากจมูก เสียงครางอันบางเบาของเทพจักรพรรดิได้ยินถึงหูของเย่หวูเฉิน กระตุ้นเพลิงตัณหาที่อดอั้นมานานให้ลุกกระพือขึ้น

“ตอนนี้ จงเตรียมตัวรับการลงทัณฑ์ขั้นต่อไป!”

ร่างอันสั่นเทาของเทพจักรพรรดิถูกยกขึ้นอีกครั้ง นางถูกโยนลงยังเตียงที่อยู่ไม่ห่าง เสวี่ยเย่ที่กำลังหลับไหลถูกกระแทกไปทีหนึ่ง หัวใจของเทพจักรพรรดิเพิ่งผ่อนคลายได้เล็กน้อย สะโพกของนางก็พลันถูกเกี่ยวด้วยสองมือ มันถูกยกคาไว้อยู่เนิ่นนาน เจ้าของมือคู่นั้นกำลังชื่นชมฉากงามด้วยสายตา เทพจักรพรรดิกำลังอ้าปากจะกล่าวคำ ฉับพลันความเจ็บเสียดได้แผ่ลามมาจากระหว่างขา นางราวกับหงส์ที่ถูกศรปัก ศีรษะงดงามผงะยกขึ้น ในปากส่งเสียงร้องครางอย่างน่าสงสาร

ศีรษะเล็กๆ ที่สะบัดขึ้นได้ร่วงลงกลับ มือเล็กๆ คู่งามไขว่คว้าไปเบื้องหน้าอย่างไร้ประโยชน์ ไม่ทราบว่าคว้าจับสิ่งใดได้ นางใช้เรี่ยวแรงสุดท้ายบีบไว้จนสุดแรง.... นั่นคือมือของเสวี่ยเย่ นางรู้ว่าความเจ็บเสียดนี้หมายถึงสิ่งใด สำหรับนางแล้วนี่คือสิ่งสำคัญล้ำค่ายิ่งกว่าชีวิตนับพันเท่า กระทั่งต้องตายก็ไม่อาจสูญเสีย

สายตาของเทพจักรพรรดิสูญเสียจุดศูนย์รวม โลกของนางกำลังถล่มลง ความรับรู้ถูกลบล้าง ความภาคภูมิและเชื่อมั่นทลายลงป่นปี้.... ความรู้สึกจากด้านหลังยิ่งมายิ่งป่าเถื่อน นางไร้การดิ้นรนใดๆอีก การขัดขืนล้วนเป็นสิ่งไร้ประโยชน์ ทว่าเมื่อหัวใจเลิกล้มการดิ้นรน ห้วงสติจึงเคลื่อนไปยังจุดสัมผัส ความรู้สึกแผ่ซ่านรัญจวนที่ไม่อาจยอมรับกำลังลามไปทั่วร่าง ร่างกายไม่อาจอดห้ามนอกจากขยับเคลื่อนเบาๆ ตอบรับการพิชิตของบุรุษผู้นั้น

ด้วยการกระตุ้น นางจึงหมดหนทางนอกจากส่งเสียงครางเป็นพักๆ เทพจักรพรรดิราวกับสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเอง นางส่งเสียงครางและเคลื่อนร่างตอบรับการกระแทก

เวลานี้เอง ในเบื้องลึกของห้วงสตินาง ทุกอย่างได้หายไปหมดสิ้น เหลือเพียงเงาร่างของบุรุษผู้หนึ่ง ตลอดชั่วชีวิตนางตราบจนวันตาย นางจะไม่มีวันลบล้างเงานี้ออกไปได้

ท่ามกลางจังหวะบรรเลงที่ยิ่งมายิ่งดุเดือด ในมือพลันแผ่สัมผัสที่ทำให้ของเทพจักรพรรดิผู้กำลังครวญครางต้องเงยขึ้นมองเบื้องหน้า สายตาสบประสานกับเสวี่ยเย่ที่เพิ่งลืมตา ทันใดนั้นเอง นางราวกับถูกน้ำเย็นรดราดศีรษะ คนสะดุ้งตื่นตัวทันที ในปากส่งเสียงอุทานผสานเสียงคราง บิดร่างไปมาซ้ายขวาเพื่อดิ้นรนให้หลุดจากเขา ทว่าทันใดนั้น ร่างของนางถูกกดลง จังหวะบรรเลงถูกเร่งเร็วขึ้นเป็นสองเท่า นางที่กำลังตื่นตระหนกพลันได้ยินเสียงที่ข้างหู “ถูกพบเห็นแล้วอย่างไร หากเจ้าไม่ต้องการให้ทั้งทวีปเทวะรับรู้ว่าเทพจักรพรรดิอย่างเจ้ากระทำเรื่องเสื่อมเสียเกียรติ ข้าขอแนะนำเจ้าไว้สองวิธี หนึ่งคือสังหารนางซะ สองคือให้นางเข้าร่วม.... หากเจ้าเลือกวิธีแรก ข้าจะขัดขวางเจ้า จะคอยปกป้องนางเพราะเชียนจ้ง หากเจ้าเลือกวิธีที่สอง.... เช่นนั้นจงช่วยข้าปลดชุดของนางออก ก่อนการชำระจิตใจ สิ่งแรกที่ต้องทำคือชำระร่างกาย อย่างน้อยก่อนอื่นต้องเปลี่ยนนางให้กลายเป็นเด็กที่เชื่อฟัง”

สติของเสวี่ยเย่ยังไม่ตื่นเต็มที่ ในหูได้ยินเสียงเพียงรางๆ ทว่านี่เป็นเสียงที่คุ้นเคยยิ่ง ในสายตาที่พร่าเลือนนั้น นางเห็นมือหยกงามปลดเปลื้องชุดของนางอย่างสั่นเทา เมื่อความง่วงเข้าจู่โจมอีกครั้ง นางจึงหลับตาลงพร้อมผ้าชิ้นสุดท้ายที่ถูกปลดออก



<<<PREV    .    NEXT>>>