วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2562

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 554

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 554 การปะทะครั้งสุดท้าย (3)

พวกเขามองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเผยรอยยิ้มแห่งความสุขแบบเดียวกัน ชายชุดดำเปิดปากกล่าว “กลายเป็นว่า ผลแพ้ชนะของพวกเรายังไม่ถูกตัดสิน”

“ท่านต้องการผลลัพธ์อย่างนั้นหรือ?” เย่หวูเฉินถาม

“ยังไม่ใช่ตอนนี้” ชายชุดดำส่ายศีรษะ กล่าวคำสื่อความจากระยะห่างไกล ฉับพลันนั้น พลังของเขาเพิ่มทวีขึ้นอีกหนึ่งระดับ อัคคีทองคำยังเผาไหม้รุนแรงขึ้น กระบี่ซวนหยวนในมือถูกยกชูขึ้นสูง

“สิ่งที่เจ้าต้องการ คือสิ่งเดียวกันกับข้า”

มิติถูกตัดผ่าน กระบี่ทองคำฟาดฟันกันอีกครั้ง และยังคง.... เป็นการปะทะระยะประชิด

กระบี่ตัดดาราที่เหวี่ยงวาดก่อม่านแสงเป็นผืนใหญ่ ทุกครั้งที่ม่านแสงกระทบกับกระบี่ซวนหยวน ล้วนเกิดคลื่นพลังเขย่าผืนทวีปทั้งสาม ตามด้วยเสียงเลือนลั่นดุจฟ้าผ่า พวกเขายกระดับพลังขึ้นถึงขีดสุด ไม่มีเก็บยั้งไว้แม้แต่น้อย ระหว่างโจมตีต่างมองหาช่องว่างของอีกฝ่าย ทว่าด้วยพลังอันเท่าเทียมของพวกเขา ทำให้ยากยิ่งที่จะหาโอกาศนั้นจากฝ่ายตรงข้าม

เวลาไหลผ่านอย่างรวดเร็ว เพราะพวกเขาเพิกเฉยต่อเวลาระหว่างการต่อสู้อันดุเดือด แสงทองคำฉาบย้อมใบหน้าราวกับไม่เคยจางลง อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้คนบนผืนทวีปทั้งสาม ทุกวินาทีของพวกเขาราวกับยาวนานเป็นปี ประกายแสงยังพอทนได้ แผ่นดินไหวมิได้รุนแรงถึงขั้นทำลาย มันจึงไม่ได้น่ากลัวนัก แต่เสียงอันเลือนลั่นนั้นแทบทำลายแก้วหูของผู้คน

รุนแรงต่อเนื่อง 20 นาที.... หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ยังคงไร้วี่แววว่าจะหยุดลง

เย่หวูเฉินและชายชุดดำครองพลังเข้มข้นปานใด หลังการต่อสู้อันยาวนาน พวกเขาไม่มีทีท่าอ่อนแรงแม้แต่น้อย แต่เห็นได้ชัดว่าลมหายใจของพวกเขาไม่ได้สงบเหมือนตอนแรก ทุกครั้งที่ปะทะนำความอัดความอึดอัดมาสู่พวกเขามากขึ้น ประกายคมกล้าของศาสตราต้องห้ามและกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เริ่มตัดเฉือนเสื้อผ้าของพวกเขา ติดตามด้วยบาดแผลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวกเขาไม่ได้รักษาบาดแผลของตนเอง ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือดพวกเขาไม่อาจหยุดได้ หากแบ่งแยกพลังเพื่อรักษาบาดแผล ย่อมกลายเป็นช่วงโหว่ให้อีกฝ่ายฉวยโอกาสได้

พลังใช้ออกถึงขีดสุด ทุกทักษะถูกใช้อย่างเต็มที่ สองกระบี่ยังคงปะทะกันต่อเนื่อง สองบุคคลมักมีสายตาแกร่งกร้าวสลับสงบนิ่ง ลึกลงไปในความเงียบงันคือความตื่นเต้นที่ไม่เคยจางคลาย การต่อสู้ถึงปานนี้ทำให้เลือดลมเดือดระอุทั่วร่าง แพ้พ่ายหรือชนะดูคล้ายไม่ใช่สิ่งสำคัญ พวกเขากำลังเพลิดเพลินกับการต่อสู้ เพราะนี่คือการต่อสู้ที่แทบไม่มีโอกาสเกิดขึ้นอีกครั้ง

การต่อสู้ทำให้ตะวันจันทราหม่นแสงลงอย่างไม่อาจอธิบายได้ ภายใต้พลังนี้ ดาราจำนวนมากมีชะตากรรมต้องดับสูญ

เป็นอีกครั้งที่ ‘แยกฟ้าผ่าปฐพี’ ตวัดเหวี่ยงและถูกรับไว้ด้วย ‘บัญญัติโลกา’ ท่ามกลางห้วงมิติที่สั่นสะเทือน สองบุคคลปลิวจากกันไปไกลลิ่ว ก่อนหยุดร่างแล้วพุ่งเข้าหากันอีกครั้ง ทว่าในที่สุด การปะทะเริ่มปรากฎร่องรอยอ่อนโทรมของพลัง ยิ่งกว่านั้น ไม่เพียงพลังของทั้งสองไม่ได้อยู่ในสภาพสูงสุด หากยังอ่อนโทรมลงเสมอกันอย่างน่าประหลาด การต่อสู้ถึงปานนี้ ทั้งสองไม่มีการเก็บยั้งใดๆ ต่างใช้ออกอย่างเต็มที่ด้วยพลังสูงสุด นี่คือการเผชิญหน้ากับศัตรูผู้แกร่งกร้าว จนในที่สุดพวกเขาเริ่มเผยอาการอ่อนโทรมของพลัง ทั้งยังมีบาดแผลน้อยใหญ่เพิ่มมากขึ้น ความถี่ในการเข้าปะทะยังลดลงอย่างมีนัยยะ

ยังคงมีเสียงสะเทือนลั่นหูดับ แยกฟ้าผ่าปฐพีและบัญญัติโลกาปะทะกันอย่างมุ่งร้าย การใช้กระบวนท่าพิเศษอย่างเต็มที่ย่อมสูบกลืนพลังมากอย่างไม่ต้องสงสัย หลังจากที่สองบุคคลปลิวออกจากกันอีกครั้ง ราวกับพวกเขานัดหมายกันหยุดลง เย่หวูเฉินไม่อาจหยัดร่างยืนตรง สองมือกุมกระบี่ตัดดาราไว้ด้วยอาการสั่นเทาเล็กน้อย ใบหน้าซีดขาว มุมปากไหลย้อยเป็นรอยเลือด ทั่วร่างเต็มไปด้วยคราบโลหิต ส่วนชายชุดดำอีกฝ่ายมีสภาพยับเยินไม่ต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือสายตาเย็นเชียบและเหี้ยมเกรียมของทั้งสอง

พวกเขาจ้องมองกัน ห้วงมิติที่สั่นสะเทือนยาวนานได้สงบลงในที่สุด บรรยากาศเงียบงันอย่างน่ากลัว พวกเขาไม่สนใจต่อบาดแผลที่ได้รับ ต่างชูศาสตราในมือสองข้างขึ้นช้าๆ....

“หนึ่ง.... วิญญาณ.... ดับ.... สูญ....”

ชายชุดดำเอ่ยคำช้าๆ อย่างแจ่มชัด พลังยิ่งใหญ่เหนือบรรยายแผ่จากร่างและกระบี่ซวนหยวน ห้วงอวกาศไพศาลกลายเป็นสีทองคำในยามนี้ แสงนี้มาจากกระบี่ทองคำนับไม่ถ้วนที่พลันปรากฎอยู่เบื้องบน กระบี่ซวนหยวนจำนวนมหาศาลบดบังท่วมฟ้า บางทีมันอาจแผ่กว้างนับพันลี้ , หมื่นลี้ , หรือไกลกว่านั้นอย่างน่าสะพรึง ทุกแห่งหนถูกปกคลุมด้วยเงากระบี่ทองคำ เงากระบี่แต่ละเล่มทรงพลังทำลาย ด้วยจำนวนที่มากมหาศาล หากมันโจมตีสอดประสานย่อมเพียงพอเปลี่ยนทุกอย่างรวมทั้งสรวงสวรรค์ให้พินาศลง!

“ดา.... รา.... วินาศ....”

กระบี่ตัดดาราส่งเสียงกรีดร้องอย่างต่อเนื่อง ความผันผวนของพลังได้บิดผันห้วงมิติจนเกิดคลื่นระลอก ทันใดนั้น เย่หวูเฉินและกระบี่ตัดดาราเกิดพลังพวยพุ่ง กระบี่ตัดดาราในมือเริ่มขยายออก มันยืดยาวออกเป็นสิบเมตร.... ร้อยเมตร.... พันเมตร.... หมื่นเมตร.... จนกระทั่งไม่เห็นปลายกระบี่ พลังพุ่งทะยานตามการขยายตัวของมัน ไต่สู่ระดับน่าสะพรึงยิ่ง

นี่คือพลังทั้งหมดของพวกเขา ในที่สุด การปะทะครั้งรุนแรงที่สุดก็ได้เริ่มขึ้น!

“ฮ่าห์!!”

“ฮ่าห์!!”

ทุกแห่งหนบิดเบือนด้วยแสงทองคำ ภูเขา , พฤกษา , ตะวัน , จันทรา , และดาราประหนึ่งถูกฉายออกอย่างต่อเนื่องภายใต้ห้วงมิติทองคำ ทว่ากระบี่ทองคำขนาดใหญ่อีกเล่มหนึ่งเหวี่ยงตัดลงมาด้วยพลังมหาศาลอันน่าพรั่นพรึง....

จินตนาการได้เลยว่าเมื่อกระบวนท่าสูงสุดของกระบี่ตัดดาราและกระบี่ซวนหยวนกระทบกันจะเกิดเสียงสะเทือนเลือนลั่นปานใด.... พลังของสองกระบี่เปลี่ยนโลกหล้าให้กลายเป็นสีทองคำจนหมดสิ้น ใจกลางโกลาหลอันเป็นที่ตั้งของหมู่ดาวถูกทำลายย่อยยับ นอกจากสองอาชญากรผู้ก่อเรื่องแล้ว ในห้วงอวกาศโดยรอบไม่เหลือสิ่งใดอีก กลายเป็นทะเลแห่งความว่างเปล่า พลังสีทองยังคงแผ่ขยายอย่างต่อเนื่อง การปะทะยังคงดำเนิน ราวกับหวังทำลายห้วงมิติแห่งนี้ให้สลายเป็นผุยผง

ขณะเดียวกัน ทวีปทั้งสามราวกับกลายเป็นลูกบอลที่ถูกเตะอย่างโหดเหี้ยม แม้นี่คือการปะทะครั้งสุดท้าย หากชั่วขณะที่เสียงเลือนลั่นแผ่มาถึงจากห้วงอวกาศ ผู้คนล้วนเกิดความคิดว่าจุดจบได้มาเยือนแล้ว ไม่มีใครคาดคิดหรือฝันถึง ว่าปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้นจากสองบุคคลที่ต่อสู้กัน ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังอยู่ห่างไกลเกินกว่าครึ่งทางของโกลาหล

ไม่ทราบว่านานเพียงใด ในที่สุดแสงทองคำได้เริ่มคลายออก ห้วงอวกาศปรากฎแสงรางของดวงดาวขึ้นอีกครั้ง นี่คือแสงจากดาวที่อยู่ไกลๆเท่านั้น ดาวที่อยู่ใกล้จำนวนนับไม่ถ้วนได้หายไป เหลือเพียงสองบุคคลที่อยู่ตรงนั้น กระบี่ในมือของพวกเขาหายไปเช่นเดียวกัน

ในที่สุด แสงทองคำได้คลายออกจนเกือบหมด ทว่ายังคงเหลือพลังเล็กน้อยที่สามารถฉีกห้วงมิติได้โดยง่าย จึงยังคงมีเสียงมิติฉีกขาดน่าประหวั่น สีหน้าของเย่หวูเฉินขาวซีดยิ่งกว่าเดิม เสื้อผ้าขาดวิ่นเป็นเศษริ้วไม่ต่างจากชายชุดดำ ร่างกายสั่นสะท้านเล็กน้อย พวกเขาจับจ้องมองกัน บนใบหน้าพาดผ่านด้วยรอยยิ้มเล็กๆ นี่คือรอยยิ้มอันลึกลับ.... สองบุรุษผู้ครองพลังไร้เทียมทานกลับมีสีหน้าแววตาแห่งความสุข ในขณะที่ร่างกายกำลังสั่นสะท้าน

เย่หวูเฉินเคลื่อนกายอย่างเงียบงัน เขาสืบเท้าหนึ่งก้าวผ่านความว่าง ร่างที่เคลื่อนไปข้างหน้าสั่นเทาเล็กน้อย ดาราวินาศถูกใช้ออกด้วยพลังสูงสุด พลังของเขาจึงแทบแห้งเหือด การเคลื่อนตัดมิติในยามนี้จึงกลายเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง เขาค่อยๆลดระยะเข้าใกล้ชายชุดดำ ส่วนชายชุดดำนิ่งงันขณะมองดูคนที่เดินเข้ามาใกล้ แววตาของเขาสั่นไหวจากภายในในยามนี้

ในที่สุด เย่หวูเฉินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าชายชุดดำ พร้อมเผยยิ้มอ่อนโยน น้ำตาที่เกือบหยดไหลได้ถูกระเหยหายไปอย่างรวดเร็ว เขาจะไม่ยอมแสดงด้านอ่อนแอต่อหน้าชายผู้นี้ นั่นก็เพราะ....

“ท่านพ่อ!”

เย่หวูเฉินใช้พลังทั้งหมดเพื่อเอ่ยขานคำเรียกที่ห่างหายไปแสนนาน จากนั้นโผร่างเข้าสวมกอด ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะอดกลั้นไว้เพียงใด น้ำตาก็ร่วงไหลออกมาในที่สุด ได้พบญาติใกล้ชิดสนิทสุดที่จากกันนานกว่า 17 ปี ผู้ใดจะเข้าใจความรู้สึกของเขาในยามนี้

ชายชุดดำกอดเขากลับอย่างแน่นหนา รอยยิ้มดีใจบนใบหน้าและภาคภูมิในตัวเขา เขาแหงนมองท้องฟ้าไร้สิ้นสุด มองยังหมู่ดาวอันไพศาล.... ในที่สุด ชีวิตนี้ก็ไร้ห่วงกังวลอีก หมดแล้วซึ่งความเสียใจ ครั้งหนึ่งเคยสิ้นหวังและโศกเศร้า ทว่าสุดท้ายก็ได้รับผลลัพธ์สมบูรณ์แบบเช่นยามนี้

“ท่านพ่อ.... ในที่สุด.... ข้าก็ได้พบท่าน!”

ใบหน้าเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งสั่นไหวและเศร้าโศก น้ำเสียงยังคล้ายไม่ใช่ของเขา เขาไม่อาจระงับอารมณ์ที่ถาโถมเข้ามาในยามนี้ จักรพรรดิมารแห่งทวีปเทียนเฉิน จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แห่งห้วงโกลาหล บุคคลผู้ก้าวผ่านอุปสรรคสูงเสียดทีละก้าว ผู้ที่หลั่งน้ำตาเฉพาะต่อหน้าหนิงเสวี่ย บัดนี้กลับกำลังร้องไห้ราวเด็กน้อย.... บางที อาจมีเพียงเฉพาะต่อหน้าชายผู้นี้ เขาจึงสามารถไร้ความกังวลใจ สามารถปลดปล่อยอารมณ์ทั้งหมดของตนได้

ไม่ว่าคนผู้หนึ่งจะเข้มแข็งเพียงใด ก็ย่อมมีด้านหนึ่งที่เป็นจุดอ่อน ต่อหน้าชายผู้นี้ เย่หวูเฉินอยากแสดงให้เขาเห็นว่าตนได้เติบโต ให้เขาได้ชื่นชมพลังและภาคภูมิใจ.... ทว่าสุดท้าย เย่หวูเฉินก็ไม่อาจระงับใจ ยังคงระบายอารมณ์อย่างไร้ความอายต่อหน้าเขา

ชายชุดดำมิได้กล่าวคำ เพียงรับฟังอย่างเงียบงันขณะที่เย่หวูเฉินระบายอารมณ์ออก น้ำตาของสองพ่อลูกคือสิ่งล้ำค่าอย่างยิ่ง บางที นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตที่เย่หวูเฉินหลั่งน้ำตา ทว่าต่อหน้าบุตรชาย เขาไม่อาจหลั่งน้ำตาได้ แม้ว่าในมุมหางตาตอนนี้กำลังเปียกชื้น

ชายชุดดำขยับกายและดึงผ้าคลุมออกจากร่าง เผยใบหน้าและศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีเงินยวง นอกจากความต่างของสีผมแล้ว นี่คือสองบุคคลที่มีใบหน้าเหมือนกันกว่าเจ็ดในสิบส่วน รูปโฉมโดดเด่นเหนือล้ำให้ความรู้สึกเดียวกัน อายุของใบหน้าดูแทบไม่แตกต่าง หากไม่ทราบถึงความสัมพันธ์ทางสายเลือดของทั้งสอง ผู้คนย่อมยากจะตัดสินว่าใครมีอายุมากกว่า

ความทรงจำ กำลังไหลย้อนคืนสู่วัยเด็ก.... ในวัยเด็กนั้น.... มีความทรงจำที่ถูกลืมไว้



<<<PREV    .    NEXT>>>