วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2562

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 543

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 543 เทพแท้จริง

“เจ้า.... เป็น.... ใคร?”

ราชันจอมปีศาจมิได้มีน้ำเสียงอหังการเหมือนก่อนหน้า ตรงกันข้ามมันเผยความแปลกใจและทรนงที่ไม่ควรมีอยู่ เหนือนภาอันมืดดำ ดวงตาโลหิตคู่นั้นไหววูบอย่างต่อเนื่อง เพราะมันรับรู้ถึงแรงกดดันที่ไม่อาจอธิบายได้จากเย่หวูเฉิน.... ร่างกายของเขาไม่อาจสัมผัสถึงพลังใดๆ ได้อย่างเห็นได้ชัด ทว่าแรงกดดันที่รู้สึกนั้นกลับเป็นของจริง

ความรู้สึกนี้ มีเพียงจักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือในอดีตเท่านั้นที่นำพามาสู่มันได้ มันบังเกิดความสงสัยว่าคนที่พลันปรากฎขึ้นเบื้องหน้านี้คือผู้ใด

“ข้า คือคนที่จะฆ่าเจ้า” เย่หวูเฉินยิ้มเย็น แสงสีทองสว่างวาบขึ้นในมือขวา ปรากฎเป็นกระบี่ทองคำ เขายกกระบี่ขึ้นช้าๆ ชี้ปลายขึ้นสู่ฟ้า

“กระบี่ตัดดารา.... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ที่แท้ เจ้าก็คือมนุษย์ในคำพยากรณ์ตอนปีนั้น.... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าด้วยพลังของเจ้าในยามนี้ คู่ควรที่จะฆ่าข้าได้....” เสียงหัวเราะอันเหี้ยมเกรียม.... ราชันจอมปีศาจถือกำเนิดขึ้นจากอารมณ์ด้านลบของจักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือ ทำให้วิญญาณของทั้งสามเชื่อมโยงถึงกัน ความทรงจำก่อนตายทั้งหมดของจักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือจึงถูกถ่ายทอดไปยังห้วงสติส่วนลึกของราชันจอมปีศาจ รวมทั้งคำพยากรณ์ฝืนเจตจำนงค์ของสวรรค์ที่ได้รับมาในปีนั้น เพราะคำพยากรณ์นี้ จักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือจึงมุ่งหน้าไปยังทวีปเทียนเฉิน ตกทอดกระบี่ตัดดาราและคันศรบาปวิบัติ พร้อมทั้งมอบสายเลือดไว้ยังผืนทวีปแห่งนั้น

“ด้วยพลังของข้าในตอนนี้ ต่อให้นับรวมกระบี่ตัดดาราเข้าไปด้วย ก็ยังไม่อาจเพียงพอฆ่าเจ้าจริงๆ” เย่หวูเฉินส่ายศีรษะ หากใบหน้ากลับยังคงปลอดโปร่ง ไร้วี่แววกังวลใจแม้แต่น้อย ราวกับทุกสิ่งได้ตกอยู่ใต้การควบคุมของเขาแล้ว เวลานี้ ที่มือซ้ายของเขาวาบแสงโลหิต คันศรบาปวิบัติปรากฎขึ้นในมือซ้าย มันถูกชูขึ้นช้าๆ เช่นเดียวกัน รอยยิ้มตรงมุมปากยิ่งเหยียดขึ้น

“คันศรบาปวิบัติ.... ที่แท้ มนุษย์ที่พวกมันมองเห็น.... กลับเป็นบุคคลเดียวกัน.... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า คิดไม่ถึงว่ากระบี่ตัดดาราและคันศรบาปวิบัติที่ไม่อาจเข้ากันได้เหมือนน้ำกับไฟกลับอยู่ร่วมในร่างคนๆเดียวกัน.... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า.... มนุษย์โง่เง่า เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าตนเองคู่ควรโอหังต่อหน้าข้า เจ้า.... รนหาที่ตายแล้ว”

ครืน!!

ทวีปปีศาจสะเทือนเลือนลั่นฉับพลัน การสั่นไหวนี้ทำให้ทวีปปีศาจตกสู่ความตื่นตระหนก เพราะนี่คล้ายกับสัญญาณเตือนว่าการทำลายล้างได้เริ่มต้นขึ้น.... ดวงตาโลหิตเหนืออากาศได้หายไป เมฆทมิฬที่ไม่อาจมองเห็นกำลังควบกลั่นในอากาศอย่างรวดเร็ว

ผู้คนทั้งหมดแห่งทวีปปีศาจแหงนหน้ามองฟ้าในยามนี้ จับจ้องไปยังมฤตยูดำ แทบทุกคนในทวีปปีศาจครอบครองพลังทมิฬไม่ว่าเข้มข้นหรืออ่อนจาง ทว่าพลังทมิฬบนฟากฟ้า ทำให้พวกมันรู้สึกถึงเพียงความสิ้นหวัง.... ด้วยความเข้มข้นปานนี้ มันย่อมทำลายทวีปปีศาจให้ย่อยยับได้ในทันที

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายแรกของพลังนี้กลับกลายเป็นเย่หวูเฉิน

“ได้โปรดช่วย.... เผ่าพันธุ์ปีศาจของข้าด้วย....” ชาโหวสูญเสียพลังไปจนหมด ส่งเสียงอ่อนแอดุจคนชราที่เหลือชีวิตปีสุดท้าย มันแทบเห็นความล่มสลายของทวีปปีศาจจากพลังทมิฬที่กลั่นตัว ความหวังทั้งหมดของมันฝากไว้กับเย่หวูเฉิน ผู้ครองพลังลึกลับที่ไม่อาจเข้าใจ มันกล่าววิงวอนด้วยน้ำเสียงอ่อนแอยิ่ง

เย่หวูเฉินเคลื่อนสายตาไปด้านข้าง มองตรงไปยังเทพจักรพรรดิ เทพจักรพรรดิมองเขาในขณะเดียวกัน สายตาของทั้งคู่สบประสาน ก่อนที่นางจะเคลื่อนสายตาออกอย่างไม่เป็นธรรมชาติ

“เจียเสี่ยวหลัว” เย่หวูเฉินเอ่ยนามเทพจักรพรรดิที่ไม่มีผู้ใดกล้าเรียก “อย่าคิดว่าข้าอภัยให้กับเจ้า ที่ข้าไม่แสดงโทสะต่อเจ้าก่อนหน้านี้ เพราะข้ายังไม่อาจเอาชนะเจ้าได้ อีกทั้งยังต้องพึ่งเจ้าเพื่อช่วยทงซิน.... ทว่าตอนนี้ จงตั้งตารอข้ากลับมาให้ดี เตรียมตัวรับการลงโทษที่น่าละอายสูงสุดจากข้า!”

เทพจักรพรรดิ “.......”

“เซียงเซียง ไปกันเถอะ!”

เย่หวูเฉินเอ่ยเรียกแผ่วเบา ร่างกายพุ่งทะยานขึ้นฟ้าดุจลูกศร ก่อนหายลับในพริบตาเดียว ทันใดนั้น เหนือท้องฟ้าพลันปรากฎดวงตาสีขาวสว่างจ้า รัศมีแสงขาวได้ฉีกทึ้งทำลายความมืดทุกแห่งหน ทั่วทั้งทวีปปีศาจสามารถมองเห็นรัศมีแสงขาวนี้ได้อย่างเด่นชัด.... ทว่ามันปรากฎขึ้นเพียงชั่วพริบตา ก่อนหายลับไปไม่อาจมองเห็นอีก

ทันใดนั้น แรงกดดันมหาศาลได้หายไปจากฟากฟ้า ท้องฟ้ามืดมิดค่อยๆคลายออก แสงสลัวส่องผ่านรอยแยกของความมืด ยิ่งมายิ่งพร่างพรมลงสู่แผ่นดิน

ประหนึ่งคนตื่นขึ้นจากฝันร้าย ผู้คนนับไม่ถ้วนแห่งทวีปปีศาจเงยหน้าขึ้น หอบหายใจหนักหน่วงด้วยปากกว้าง ร่างกายชุ่มโชกด้วยเหงื่อกาฬเย็นเยียบ

เกิดอะไรขึ้น.... เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดกลิ่นอายของราชันจอมปีศาจจึงหายไปอย่างฉับพลัน....

......................

......................

ณ ห้วงมิติอีกแห่งหนึ่ง เป็นดุจดั่งมิติแห่งความฝัน ปราดตาแรกที่มองเห็นคือดาราส่องแสงระยิบ มีทั้งดวงที่อยู่ใกล้และดวงที่อยู่ไกล ห้วงมิติไพศาลถูกล้อมด้วยดวงดารา ดาราสีดำคือทวีปปีศาจ ในทางกลับกัน ดาราสีทองสว่างเจิดจ้าคือทวีปเทวะ ในที่ไกลลิบมีดาวสีน้ำทะเลครามเด่นสะดุดตา และนั่นคือทวีปเทียนเฉิน

เย่หวูเฉินกุมกระบี่ตัดดาราในมือขวา มือซ้ายกุมคันศรบาปวิบัติไว้ ชัดเจนว่านี่คือครั้งแรกที่เขาอยู่ในห้วงอวกาศนอกผืนทวีป ทว่าเขาไม่รู้สึกตื่นเต้นหรือแปลกใจแม้แต่น้อย กลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด สิ่งที่เขาสนใจยิ่งกว่าคือบุคคลตรงหน้าที่อยู่ไม่ไกล ถ้าหากสามารถเรียกมันว่าบุคคลได้

คงดีกว่าหากไม่เรียกมันว่าบุคคล.... เพราะมันเหมือนกับโครงกระดูกสีดำเสียมากกว่า

พลังทมิฬรุนแรงถึงขั้นปฏิเสธความเป็นมนุษย์ เนื่องเพราะมันมีความสามารถกลืนกินได้เกือบทุกสรรพสิ่ง กลืนกินร่างกายของศัตรู.... กลืนกินร่างกายของตัวเองช้าๆ แต่พลังกลืนกินนี้มีอยู่ในพลังทมิฬอันชั่วช้าเท่านั้น มิได้ปรากฎขึ้นในร่างของทงซิน , เสี่ยวโม่ , และชาโหว ทว่ามีอยู่ในร่างของราชันจอมปีศาจอย่างรุนแรง จนสามารถสัมผัสได้อย่างเด่นชัด

ราชันจอมปีศาจมีร่างผอมแห้งเหนือคำบรรยาย ปราดตาแรกที่เห็นราวกับโครงกระดูก ร่างของมันเหลือเพียงผิวหนังสีดำและประกายแสงทมิฬเท่านั้น แววตาเย็นเยียบทำผู้คนที่ได้เห็นบังเกิดความกลัว ร่างกายเต็มไปด้วยกระดูกปูดโปนอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ยิ่งมองเห็นผิวหนังแบบบาง ใบหน้าของมันมิอาจเรียกว่าเป็นใบหน้า ด้วยมันน่าเกลียดถึงขนาดที่เย่หวูเฉินไม่อาจหาศัพท์ใดมาบัญญัติได้

“สมแล้วที่เป็นราชันจอมปีศาจ ร่างกายบิดเบี้ยวเหมาะสมกับสิ่งที่เจ้าเป็นอยู่ และผลลัพธ์ของเจ้า.... ยังคงไม่มีทางเป็นสอง” เย่หวูเฉินยกกระบี่ตัดดาราชี้ไปที่มัน ยกยิ้มเย็นชาแสดงความเหยียดหยัน

“พลังมิติ!?” ราชันจอมปีศาจจับจ้องที่เขาด้วยดวงตาโลหิตอันเหี้ยมเกรียม ส่งเสียงเย็นยะเยือกเสียดโสต

“ถูกต้อง ที่นั่นไม่เหมาะกับการฆ่าเจ้า เจ้าถือกำเนิดขึ้นในห้วงโกลาหล จึงสมควรดับสูญในที่แห่งนี้”

หากต่อสู้กับมันในทวีปปีศาจ แล้วเผลอความระวังเพียงนิด ทวีปปีศาจย่อมกลายเป็นธุลีผงในทันที เย่หวูเฉินทราบดีว่าราชันจอมปีศาจทรงพลังเพียงใด ทราบว่าพลังของตนแกร่งกล้าถึงระดับใดแล้ว จากพลังหวูเฉินขั้นห้าบรรลุสู่ขั้นที่หก ความห่างชั้นของพลังไม่อาจหยั่งวัดได้ เขาในยามนี้คือเทพ ทั้งยังเป็นเทพแท้จริง

อะไรคือเทพ? เทพคือผู้บัญญัติและควบคุมกฎเกณฑ์แห่งห้วงโกลาหล ชาวทวีปเทวะเรียกขานตัวเองว่าเป็นเทพ แต่แท้จริงแล้วเป็นเพียงกลุ่มคนที่มีพลังแกร่งกล้าและอ้างตนว่าเป็น ‘เทพ’ เท่านั้น กระทั่งเทพจักรพรรดิเจียเสี่ยวหลัว นางยังคงไม่ก้าวพ้นจากคำว่ามนุษย์

เทพคือตัวตนที่หาได้ยากยิ่ง ในอดีต ห้วงโกลาหลแห่งนี้ปรากฎเทพเพียงสองตนคือจักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือ เทพแต่ละตนล้วนคู่ควรให้สิ่งมีชีวิตทั้งมวลแหงนมองขึ้น ความห่างชั้นระหว่างมนุษย์และเทพแท้จริงนั้น.... กว้างใหญ่จนไม่อาจสรรหาคำใดๆ มาอธิบายได้

ที่นี่คือห้วงอวกาศ คำว่าอวกาศเป็นศัพท์บัญญัติสำหรับโลก ทว่าเมื่อบรรลุวิถีแห่งเทพแท้จริงแล้ว ทั้งอุณหภูมิ , สูญญากาศ , รังสี , และปัจจัยอื่นๆ ล้วนไม่มีผลกระทบต่อเขา แน่นอนมันไร้ผลต่อราชันจอมปีศาจที่ถือกำเนิดขึ้นในห้วงอวกาศด้วยเช่นกัน เพื่อปกป้องทวีปปีศาจ เย่หวูเฉินอาศัยพลังจิตใจที่เข้มแข็งขึ้นสุดกู่ ค้นหาร่างจริงของราชันจอมปีศาจจนพบในเพียงพริบตา จากนั้นอาศัยพลังของเซียงเซียงเคลื่อนตัดมิติมายังที่แห่งนี้ ในขณะที่เขากลายเป็นเทพแท้จริง เซียงเซียงก็กลายเป็นเทพแท้จริงอีกตนหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน พลังมิติของนางแกร่งกล้าขึ้นไม่รู้กี่เท่า ถึงแม้ว่า พลังมิติของเย่หวูเฉินในยามนี้มิได้ด้อยไปกว่าเซียงเซียง แต่การเผชิญหน้ากับราชันจอมปีศาจ เขาต้องการรักษาพลังไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“อาศัยเจ้า?”

“ถูกต้อง อาศัยข้า” เย่หวูเฉินเลิกคิ้วขึ้นและยิ้มอย่างปลอดโปร่ง “อาการของเจ้ามันบ่งบอกว่าเจ้ากำลังหวาดกลัว ไม่อย่างนั้น ด้วยธรรมชาติเลวทรามของเจ้าแล้ว เจ้าสมควรฉีกทึ้งร่างข้าเป็นชิ้นๆ ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ แต่เจ้ากลับ.... ลังเลที่จะลงมือ ทั้งยังยกหางชูตนเพื่อข่มขู่ข้าให้หวาดกลัวและเลิกล้ม.... เจ้าเชื่อหรือไม่ว่า หากข้าต้องการทำลายตัวตนชั่วช้าที่ไม่สมควรดำรงอยู่อย่างเจ้า ที่ข้าต้องใช้คือเวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น”

ประกายโลหิตโหดเหี้ยมสาดทอในดวงตาของราชันจอมปีศาจ มันเผยรอยยิ้มทะมึนมืด “เคี๊ยก เคี๊ยก เคี๊ยก เคี๊ยก.... โอหัง โง่เง่ายิ่งนัก....”

“งั้นเจ้าจงภาวนาเถิดว่าทุกอย่างเป็นเพียงความโอหังของข้า” เย่หวูเฉินกดหัวคิ้วลง ร่างกายหายวับไปฉับพลัน ในขณะเดียวกันนั้น แสงขาวกลุ่มใหญ่ได้ร่วงลงมาจากเบื้องบน บดบังร่างแห้งกรังของราชันจอมปีศาจไว้ “ราชันจอมปีศาจ จงลิ้มรสการลงทัณฑ์ครั้งแรกเพียงสถานเบานี้!”

ฟู่ม!

แสงสว่างและความมืดคือขั้วตรงข้ามระหว่างกัน ธาตุแสงคือปฏิปักษ์ที่ราชันจอมปีศาจรังเกียจที่สุด ดวงตาเล็กแคบของมันหรี่ลง โครงร่างกระดูกผอมแห้งพุ่งตรงขึ้นไปเหมือนหมัดกระโดด แหวกตัดกลุ่มแสงขาวขนาดใหญ่เหนือศีรษะมัน

ฮู่ว!

กระแสธาตุทมิฬโบกพัด พริบตาเดียวตัดผ่านระยะนับสิบๆลี้ แสงขาวกลุ่มใหญ่แตกกระจายด้วยพลังทมิฬนั้นอย่างรวดเร็ว บริเวณโดยรอบพลันกลายเป็นมิติความมืด อาศัยธาตุทมิฬที่คงอยู่ ราชันจอมปีศาจสัมผัสถึงตำแหน่งของเย่หวูเฉิน จากนั้นระเบิดพลังทมิฬอย่างบ้าคลั่ง แผ่พุ่งเข้าห่อหุ้มร่างของเขาไว้



<<<PREV    .    NEXT>>>