วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 498

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 498 ผสาน

“ท่านพ่อ ท่านพ่อ....”  เสี่ยวโม่กุมมือของเย่หวูเฉิน เพียงพบว่ามือของเขาเย็นเชียบ เย็นจัดจนทำให้นางหวั่นกลัว เย่หวูเฉินผูกพันกับหนิงเสวี่ยและทงซินเพียงใดนางล้วนเข้าใจกระจ่างชัด สิ่งที่นางสัมผัสได้ในยามนี้คือความร้อนใจและสับสน สิ่งเดียวที่นางทำได้คือกุมมือเขาไว้และแผ่ความอบอุ่นเพื่อปลอบโยน

“เฮ่อ เฮ่อ เฮ่อ ความผูกพันระหว่างเจ้ากับพวกนาง ข้าได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว เจ้าย่อมเป็นกังวลมาก แต่ข้ากังวลยิ่งกว่าเจ้านับร้อยเท่า พวกนางสำหรับเจ้าแล้วมีเพียงความรู้สึกส่วนตัว แต่สำหรับข้า นี่คือความเป็นตายของเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งหมด.... ตอนนี้ ไม่เป็นไรแล้วหากจะบอกเจ้า การที่ข้ามายังทวีปแห่งนี้ผ่านโลหิตสังสาระเพื่อพบกับน้องสาวเป็นเพียงเหตุผลแรกเท่านั้น อีกเหตุผลหนึ่งก็คือเพื่อกำจัดพวกนาง พวกนางถูกคำสาปจึงไม่อาจกลับไปยังทวีปเทวะ นี่คือโอกาสอันดียิ่งที่สวรรค์ประทานให้ ด้วยชาวทวีปเทวะถูกจำกัดด้วยคำสาปร้ายแรงทำให้ไม่อาจมายังทวีปเทียนเฉินได้ตามอำเภอใจ ทว่าตอนนั้นข้ายังไม่อาจครอบงำสติในร่างนี้ พอถึงเวลาที่ข้าทำได้ ข้ากลับถูกชะตาบีบคั้นให้ไม่อาจทำสำเร็จเพราะเนื่องจากเจ้า และในที่สุด พวกนางได้ถูกพาตัวกลับไป.... ดังนั้น ข้าจึงไม่เหลือทางเลือกอีก ทำได้เพียงบอกเหตุผลทุกอย่างให้กับเจ้า เพราะข้าเชื่อว่าเจ้าจะช่วยพวกเราได้....” 

เสียงของชาหลัวยิ่งมายิ่งอ่อนแอ ประโยคท้ายๆเริ่มเลือนราง เล่งหยายังคงหลับตาแน่นไม่เคลื่อนไหว เผชิญหน้าการผสานอย่างเงียบงัน หลังจากดวงวิญญาณผสานเข้ากับบุตรแห่งปีศาจแล้ว เขาจะกลายเป็นตัวตนแบบใด

“ช่วยเจ้า?.... พลังของข้าในยามนี้สมควรอ่อนด้อยกว่าเจ้ามาก ต่อหน้าเย่หมิง พลังของข้าล้วนเป็นได้เพียงตัวตลก ข้าจะเอาอะไรไปช่วยเจ้า?” เย่หวูเฉินแค่นเสียง

“ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น แต่เจ้าก็ยังมุ่งมั่นไปยังทวีปเทวะ ต่อให้เจ้ารู้ว่าตัวเองจะต้องตาย เจ้าก็แทบไม่อาจอดทน ปรารถนาให้ตนไปถึงในตอนนี้ ใช่หรือไม่?”

เย่หวูเฉิน “.......”

ถูกต้อง ต่อให้เขาต้องตกตาย เขาก็ล้วนไม่ลังเลมุ่งหน้าไปยังทวีปเทวะ ต่อให้มีความหวังเพียงน้อยนิดที่จะได้พบกับหนิงเสวี่ยและทงซิน เขาก็พร้อมเดิมพันด้วยชีวิต นี่ไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบ ไม่ใช่การหุนหันชั่วแล่น แต่เป็นสิ่งที่เขาต้องทำ ไม่อย่างนั้น ชีวิตของเขาที่เหลืออยู่คงเหมือนตกตายทั้งเป็น

เสียงของชาหลัวดังขึ้นอีกครั้ง ทว่าในน้ำเสียงแฝงความหวั่นไหวที่ต่างไปจากปกติ “เย่หมิงไม่สังหารเจ้า มันจะต้องเสียใจใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตเพราะเรื่องนี้.... นายแห่งกระบี่หนานฮวงและคันศรเป่ยตี้ สองในสามแห่งศาสตราต้องห้าม พวกมันครั้งหนึ่งเคยยอมรับจักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือเป็นนาย ทว่ากระทั่งจักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือยังไม่คู่ควรครอบครองสองศาสตราต้องห้ามพร้อมกัน.... แต่เจ้ากลับทำได้ ไหนเลยเจ้าจะเป็นมนุษย์ธรรมดาได้ ครั้งแรกที่เล่งหยาได้พบเจ้า ก็คือครั้งแรกที่ข้าได้พบกับเจ้าเช่นกัน เวลาที่เล่งหยาอยู่กับเจ้าก็คือเวลาที่ข้าอยู่กับเจ้า แต่ข้ารู้จักเจ้าดียิ่งกว่าเล่งหยา เพราะข้าเห็นสิ่งต่างๆในตัวเจ้ามากมายกว่าเขา ยิ่งข้าได้รู้จักเจ้ามากเพียงใด จากที่ข้าชื่นชมยิ่งกลายเป็นเลื่อมใส จากเลื่อมใสกลายเป็นสรรเสริญ.... จนกระทั่งข้าเริ่มสั่นกลัว ยิ่งมาข้ายิ่งกลัวเจ้า.... สามารถทำให้ข้าหวั่นกลัว กระทั่งเสวี่ยเย่แห่งทวีปเทวะยังไม่คู่ควร ดังนั้น ข้าจึงอยากฝากความหวังของทวีปปีศาจไว้ในมือเจ้า ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องปกป้ององค์หญิงเฮยเย่และองค์หญิงไป่เย่ ไม่ให้กลายเป็นเครื่องบูชายัญต่อเทพลึกลับแห่งทวีปเทวะ ตราบใดที่เจ้าปกป้องพวกนางได้ เผ่าพันธุ์ปีศาจของข้าจะสำนึกบุญคุณของเจ้าไปจนชั่วนิรันดร์.... อีกอย่างหนึ่ง พลังของเจ้าในยามนี้เห็นได้ชัดว่ายังไม่เพียงพอ เจ้าเองก็ต้องอาศัยความช่วยเหลือของพวกเราเผ่าปีศาจทั้งหมดเช่นเดียวกัน”

หากเย่หวูเฉินอาศัยพลังในยามนี้เผชิญหน้ากับเหล่าทวยเทพ เขาย่อมไม่ต่างจากก้าวเท้าเข้าสู่การต่อสู้อันสิ้นหวัง แต่ทว่า เมื่อชาหลัวออกปากว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งหมดจะช่วยเหลือ เย่หวูเฉินกลับนิ่งงัน แววตาของเขาค่อยๆสงบลงจากการสั่นไหว ลมหายใจเริ่มมั่นคง เขามองสำรวจแสงเทาทั่วร่างของเล่งหยาและกล่าว “ข้าเป็นเพียงคนผู้หนึ่ง เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็จะไปยังทวีปเทวะเพื่อพาเสวี่ยเอ๋อร์และทงซินกลับมา.... อย่างไรก็ตาม ข้าจะกระทำเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเอง จะไม่มีสิ่งใดอาศัยเผ่าพันธุ์ปีศาจของพวกเจ้า ข้าไม่จำเป็นต้องให้พวกเจ้าช่วย! เพราะนี่คือเรื่องของข้า!!”

ชาหลัวเงียบงัน จากนั้นส่งเสียงหัวเราะอย่างหมดหนทาง “น่าเสียดายจริงๆ.... อย่างไรก็ตาม นี่คืออีกส่วนที่ข้าชื่นชมเจ้ามากที่สุด.... ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเผ่าพันธุ์ปีศาจ เช่นนั้น ความช่วยเหลือจากสหาย เจ้าสมควรไม่ปฏิเสธ....”

เวลานี้เอง เล่งหยาที่เงียบงันมาตลอดได้สั่นสะท้านไปทั่วร่าง เขาลืมตาขึ้นฉับพลัน แววตาเกิดประกายประหลาดสองสาย แสงที่ห่อคลุมร่างไม่ได้อ่อนโทรมลง ตรงกันข้าม มันเข้มข้นขึ้นหลายเท่า

เสี่ยวโม่ที่กุมมือเย่หวูเฉินไว้พลันร่างแข็งค้างทันที ม่านตานางหดวูบ หลังจากนิ่งงันอยู่ชั่วขณะ นางพลันส่งเสียงร้องตะโกน “ท่านพี่ นั่นท่านกำลังทำอะไร.... วิญญาณปีศาจของท่านกำลังหายไป.... นี่ไม่ใช่การผสานวิญญาณ.... ท่านทำอะไรอยู่รีบหยุดเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นท่านจะหายไป!” 

สีหน้าของเย่หวูเฉินพลันกลับกลายเช่นเดียวกัน หัวคิ้วมุ่นลง จับจ้องดวงตาที่เล่งหยา กลิ่นอายของเล่งหยาแกร่งกล้าขึ้น ทว่ากลิ่นอายปีศาจของชาหลัวกลับ.... กำลังหายไป! 

หรือว่าเขาต้องการที่จะ.... 

“เสี่ยวโม่ น้องสาวข้า.... ขอโทษด้วยที่พี่ชายเจ้าหลอกลวง ก่อนหน้านี้ ข้าได้ตัดสินใจไว้นานแล้ว การผสานวิญญาณ ตัวตนใหม่ที่เกิดขึ้นย่อมไม่ใช่เล่งหยาและไม่ใช่ตัวข้า ไม่อาจกล่าวได้ว่ามีชีวิตหรือตกตาย.... ในเมื่อไม่ต่างจากเหลือชีวิตเพียงครึ่งเดียว เช่นนั้น เหตุใดจึงไม่รักษาหนึ่งชีวิตไว้ให้สมบูรณ์....”

“ท่านพี่ อย่านะ.... อย่าทำนะ!!” เรื่องน่ากลัวที่คิดไว้ได้กลายเป็นความจริง เสี่ยวโม่ตะโกนและตะกายไปเบื้องหน้าเพื่อหวังเข้าไปหยุด ทว่านางถูกเย่หวูเฉินจับตัวไว้ การผสานวิญญาณย่อมไม่อาจใช้พลังเข้าขัดขวาง เสี่ยวโม่สัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของชาหลัวยิ่งมายิ่งอ่อนโทรมลง นางที่ร้องไห้ยากยามนี้น้ำตากำลังเอ่อท้น กลายเป็นว่าพี่ชายนางคอยอยู่ข้างๆนางเสมอ ทว่าทันทีที่นางรู้เรื่องนี้ เขากลับรีบจากนางไป....

“ชาหลัว เจ้าคู่ควรแล้วที่เป็นบุตรชายของจักรพรรดิปีศาจ ข้าจะจำนามของเจ้าไว้ตลอดไป” เย่หวูเฉินกล่าว

ก่อนหน้านี้ ชาหลัวได้ตัดสินใจลบตัวตนและทิ้งทุกอย่างไว้กับเล่งหยา เพราะเขาเชื่อว่าเย่หวูเฉินจะไม่ยอมรับการช่วยเหลือจากเผ่าพันธุ์ปีศาจ เขาจะต้องยืนกรานอาศัยเพียงพลังตนเองไปยังทวีปเทวะเพื่อช่วยองค์หญิงเฮยเย่และองค์หญิงไป่เย่ ดังนั้น ชาหลัวจึงมอบทุกอย่างให้กับสหายของเย่หวูเฉิน ให้เล่งหยาแบกรับพลังของตนไว้เพื่อช่วยเหลือเย่หวูเฉิน เพื่อช่วยเหลือเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งหมด.... เย่หวูเฉินย่อมไม่ปฏิเสธเล่งหยา

อย่างไรก็ตาม เขาคือบุตรแห่งจักรพรรดิปีศาจ ด้วยศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของตัวเอง เขาจึงไม่เกลี้ยกล่อมให้มนุษย์รับพลังทั้งหมดของตนเอง แต่อาศัยสถานการณ์บีบคั้นให้เล่งหยายอมรับการผสานวิญญาณ หลังจากเล่งหยาตกลงแล้ว เขาจึงถ่ายทอดความทรงจำและพลังทั้งหมดโดยไม่มียับยั้ง  สติของเขาค่อยๆเลือนหายเมื่อไร้พลังประคับประคอง

“เฮ่อ เฮ่อ เย่หวูเฉิน.... ได้รับคำชมจากเจ้าแล้ว ข้ากลับ.... รู้สึกเป็นเกียรติเสียอย่างนั้น.... เสี่ยวโม่ อย่าร้องไห้เลย ข้าไม่ได้ตาย.... เพียงมีชีวิตในอีกแบบหนึ่งเท่านั้น.... ข้าเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ต่อให้ตายอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวสำหรับข้า เรื่องน่ากลัวที่แท้จริงคือหายนะที่ใกล้เกิดขึ้นกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ.... วันใดที่เจ้าได้พบเสด็จพ่อและเสด็จแม่ จงบอกกับพวกท่าน.... ว่าเล่งหยาได้แทนที่ข้า.... กลายเป็นบุตรชายของพวกท่าน.... เป็นพี่ชายของเจ้า.... เสี่ยวโม่ ดูแลตัวเองให้ดี เจ้าได้อยู่ข้างกายเขา ข้าไม่มีสิ่งใดต้องกังวลอีก.... อย่างน้อย เสด็จพ่อและเสด็จแม่จะไม่มีวันบีบคั้นเจ้าให้ไปจากเขาเหมือนกับพวกทวีปเทวะที่เรียกตัวเองว่าเทพ.... พวกเรา.... เผ่าพันธุ์ปีศาจ.... จะดำรงอยู่ตลอดไป!!!”

ท่ามกลางเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเสี่ยวโม่ กลิ่นอายปีศาจได้สลายหายไป.... หากแต่พลังปีศาจได้พวยพุ่งขึ้นโดยไม่มีหยุดยั้งในยามนี้ ในอดีตเล่งหยาทำได้เพียงหยิบยืมพลังมาจากวิญญาณของชาหลัว เพียงเท่านั้นยังน่าหวาดหวั่นอย่างมาก ตอนนี้ เขามีพลังอันสมบูรณ์ที่ชาหลัวมอบให้ด้วยตนเอง.... เวลานี้เขาทรงพลังยิ่งกว่าครั้งใดๆ แข็งแกร่งเหนือล้ำยิ่งกว่าชาหลัวบุตรแห่งจักรพรรดิปีศาจ.... นอกจากนั้น เขายังได้รับความทรงจำทุกอย่างมาจากชาหลัว

สติของชาหลัวหายไปจนหมดสิ้น ไม่ปรากฎร่องรอยอีก ส่วนเล่งหยาในยามนี้ได้กลายเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจ แววตานิ่งงันแห่งความตายฉายประกายทมิฬ พลังทมิฬอันแกร่งกล้าหมุนวนเป็นพายุรอบร่าง แสงทมิฬอาบย้อมร่างกายและใบหน้าเย็นชาจนดูน่ากลัวยิ่ง

พลังทมิฬ คือพลังที่ระเบิดออกฉับพลันเพื่อสังหาร เมื่อประสานกับกระบี่คร่าสายลมอันไร้หัวใจ.... เล่งหยาจึงถูกกำหนดให้เป็นปีศาจสังหารในความมืด

เขาก้าวเท้าอย่างเงียบงันและคุกเข่าลงต่อหน้าเย่หวูเฉิน ก้มศีรษะลงไม่เคลื่อนไหว นอกจากสติของตัวเองแล้ว ชาหลัวได้มอบทุกอย่างให้ไว้กับเล่งหยา ทว่าเล่งหยามิได้แสดงอารมณ์ใดๆแม้แต่น้อย สีหน้ายังคงเย็นชาราวกับคนตาย ไร้ความยินดี ไร้ความโศกเศร้า ไร้ความเสียใจ พลังทมิฬที่พวยพุ่งถูกเขาระงับลงในเวลานี้.... หากเป็นการถ่ายทอดพลังธรรมดา เขาย่อมควบคุมพลังได้ยากลำบาก และไม่อาจใช้เวลาสั้นๆเพียงเท่านี้ แต่ชาหลัวมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเขา พลังที่รับมาจึงกลายเป็นพลังของเขาโดยสมบูรณ์ สามารถใช้ออกได้ตามใจปรารถนา

“ตอนนี้ เจ้ามิได้มีเพียงชีวิตของเจ้าเพียงลำพังอีกต่อไป แต่ยังรวมถึงชีวิตของปิงเอ๋อร์ รวมถึงชีวิตของชาหลัว.... เจ้าไม่จำเป็นต้องคุกเข่าให้ข้า ในตัวเจ้าแบกรับพลังของชาหลัว ตอนนี้เท่ากับเจ้าเป็นบุตรชายของจักรพรรดิปีศาจ เจ้าต้องตัดสินใจเลือกอนาคตด้วยตนเอง อย่างน้อย พลังของเจ้าในตอนนี้ก็เหนือกว่าข้าไปไกลแล้ว ไม่ด้อยไปกว่าแปดเทพขุนพลแห่งทวีปเทวะ.... เจ้าจะติดตามข้าต่อไปหรือไม่ ทั้งหมดให้ขึ้นอยู่กับเจ้า”

เย่หวูเฉินกอดเสี่ยวโม่ที่ร้องไห้ด้วยน้ำตา หันเดินตรงไปยังบ้าน เล่งหยาไม่ลังเลและลุกขึ้นเดินตามเขาไป ฉู่จิงเทียนอ้าปากค้าง หากยังคงรีบเร่งตามไป มีหลายสิ่งที่เขาสงสัยและอยากถาม ทว่าบรรยากาศที่เย่หวูเฉินและเล่งหยาสร้างขึ้นทำให้เขาทราบว่าเวลานี้ยังไม่สมควรถาม

แต่ถ้อยคำที่เขาได้ยินเมื่อครู่นี้ชัดเจนมาก.... ตอนนี้เล่งหยามีพลังไม่ด้อยไปกว่าแปดเทพขุนพลแห่งทวีปเทวะ กล่าวอีกอย่างก็คือ พลังของเขาไม่ด้อยไปกว่าเจวี๋ยเทียน เทพที่เย่หวูเฉินเคยหยิบยืมพลัง ใช้ทำลายล้างสำนักจักรพรรดิใต้!!

นี่มัน....



<<<PREV    .    NEXT>>>