วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 527

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 527 มฤตยูขาว (3)

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ในโลกอันว่างเปล่า ราวกับเวลาผ่านไปนานนับร้อยปี

“เสวี่ยเอ๋อร์.... เจ้าพูดอะไร.... เจ้าพูดอะไร.... ข้าไม่เข้าใจ....” เย่หวูเฉินมองหนิงเสวี่ยด้วยแววตาพร่าเลือน สมองว่างเปล่าไม่อาจรู้สึกถึงตัวเอง

“การตื่นของเทพลึกลับดำ นำสติอันบ้าคลั่งของเทพลึกลับขาวให้ตื่นขึ้นตาม แม้อยู่ในห้วงสติของมัน แต่ข้าก็ไม่อาจบงการมันได้ กระทั่งการดำรงอยู่ของข้ายังไม่อาจคงไว้ได้นานนัก.... อีกไม่ช้า สติของข้าจะถูกมันกลืนกิน เมื่อถึงตอนนั้น ทุกอย่างจะไม่อาจหวนกลับ มีเพียงตอนที่ข้ายังดำรงอยู่ในห้วงสติของมัน จึงสามารถตัดสินความเป็นตายของมันจากตัวข้าได้ เมื่อข้าตาย เทพลึกลับขาวจะสลายตัวไป.... พลังแสงจะสลายไปด้วย ไม่ระเบิดอีก.... เมื่อเทพลึกลับขาวหายไป ธาตุทมิฬและธาตุมรณะของเทพลึกลับดำในทวีปปีศาจจะสลายตาม ทงซินที่ผสานอยู่ในร่างเทพลึกลับดำจะปลอดภัย.... นางจะแทนที่ข้า ติดตามข้างกายท่านพี่ตลอดไป....”

เย่หวูเฉิน “.......”

“ท่านพี่ ตอนนี้ข้าไม่อาจควบคุมร่างกายตัวเองได้ ไม่อย่างนั้น ข้าคงฆ่าตัวเอง.... ท่านพี่ คนผู้เดียวที่ข้าพึ่งพิงและไว้ใจก็คือท่าน มีเพียงตายด้วยมือท่านเท่านั้น ข้าถึงจะเต็มใจ.... นี่คือ ทางเลือกเห็นแก่ตัวเดียวที่ข้าคิดได้”

“ไม่.... ไม่....” เย่หวูเฉินร่างอ่อนทรุด เข่าลดกระแทกลงกับพื้น ฉับพลันส่งเสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “ไม่!! เสวี่ยเอ๋อร์! เจ้าพูดเหลวไหลอะไร.... ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย! เจ้าตายไม่ได้! เจ้าเพิ่งสัญญากับข้า.... ว่าจะไม่แยกจาก เจ้าเพิ่งรับปากข้า”

“ท่านพี่....” น้ำเสียงอ่อนโยนกลายเป็นโศกเศร้าในที่สุด “ข้าล้วนไม่ต้องการแยกจากกับท่านพี่ แต่หากชีวิตข้าใช้แลกกับทงซินได้ แลกกับครอบครัวและความทรงจำที่สวยงามที่สุดของพวกเรา ข้าล้วนเต็มใจ.... ท่านพี่ สติของข้า.... ทนรั้งอยู่ได้อีกเพียงนาทีเดียวเท่านั้น.... ทุกอย่างจะสายเกินไป.... ท่านพี่ ได้โปรด.... สังหารข้า.... ไม่อย่างนั้น ทั้งข้าและทงซินจะต้องตาย ทวีปเทียนเฉินจะถูกทำลายจนหมดสิ้น.... ท่านพี่....”

“หากข้าเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดา เช่นนั้นก็คงดี ข้าจะได้ปลดวางทุกสิ่งลง ครุ่นคิดเพียงเรื่องอยู่ข้างๆท่านพี่อย่างมีความสุข.... แต่ข้าไม่เสียใจที่ตัวเองเป็นองค์หญิงไป่เย่ เพราะมีมุกเซียนโกลาหลแห่งชีวิตอยู่ในกาย ข้าจึงรักษาท่านพี่ได้ สามารถช่วยท่านพี่และผู้คนที่ท่านห่วงใย สามารถช่วยทั้งทวีปเทียนเฉิน.... ช่วยครอบครัวของพวกเรา.... รวมทั้ง โลกงดงามใบนี้....”

“สัญญากับข้านะ....”

“ลืมเสวี่ยเอ๋อร์ไปเสีย.... ให้ทงซินแทนที่เสวี่ยเอ๋อร์และอยู่ข้างกายท่าน ให้พวกพี่หญิงอยู่ข้างกายท่านแทนที่เสวี่ยเอ๋อร์ ท่านพี่จะต้องมีรอยยิ้ม และมีความสุข....”

“ตลอดไป....”

“.......”

น้ำเสียงของหนิงเสวี่ยกลายเป็นอ่อนแอ อ่อนแอจนกระทั่งไม่อาจได้ยินชัดเจนอีก....

“ไม่! เสวี่ยเอ๋อร์.... ทำไม! ทำไมต้องเป็นข้า.... ทำไมต้องเป็นข้า!!”

สังหารเสวี่ยเอ๋อร์ด้วยตัวเอง นี่ช่างโหดร้ายกับเขาเกินไปนัก โหดร้ายยิ่งกว่าตัวเองถูกฆ่า เจ็บปวดยิ่งกว่าถูกใบมีดนับหมื่นเสียบร่างและหัวใจ

“ทำไม คนที่ต้องตายถึงไม่ใช่ข้า.... ทำไมไม่ใช่ข้า! เสวี่ยเอ๋อร์.... เจ้าตอบข้า ตอบข้าที!”

ในโลกสีขาว คนคุกเข่าอยู่กับพื้น น้ำตาหลั่งไหลปานหัวใจจะฉีกออก มีเพียงหนิงเสวี่ยเท่านั้นที่เขาหลั่งน้ำตาให้ เป็นอีกครั้งที่เขาร้องไห้สะอื้นเพื่อนาง ในโลกนี้ ไม่มีสิ่งใดโหดเหี้ยมเท่ากับเรื่องสิ้นหวังตรงหน้า ไม่มีสิ่งใดเจ็บปวดทรมานไปมากกว่านี้....

หนิงเสวี่ยลอยนิ่งงันอยู่ตรงนั้น บางที นางอาจได้ยินเสียงของเขา แต่ว่านางไม่อาจตอบคำเขาได้

หนึ่งนาที ช่างเป็นเวลาที่สั้นนัก....

สังหารหนิงเสวี่ย ทงซินจะรอด ทวีปเทียนเฉินจะปลอดภัย....

ไม่อย่างนั้น ทุกอย่างจะถูกทำลาย

แต่หากให้เขาสังหารหนิงเสวี่ยด้วยตัวเอง ไหนเลยเขาจะทำได้ เขาขอฆ่าตัวเองเสียยังดีกว่า หากจะต้องทำร้ายนาง

“เสวี่ยเอ๋อร์.... ทำไมเจ้าถึงให้ข้าเลือก.... เจ้าไม่รู้อย่างนั้นหรือ สำหรับข้า.... ทางเลือกนี้โหดร้ายเกินไปนัก....”

“ในเมื่อมีวันนี้ เหตุใดถึงให้พบกันตั้งแต่เริ่มต้น? ในเมื่อให้พานพบ เหตุใดถึงต้องมาจำพราก.... เหตุใดต้องให้ข้าสังหารเจ้าด้วย.... ทำไมถึงเป็นแบบนี้.... ทำไม อ๊าก!!”

ในโลกสีขาว มีเพียงเสียงคำรามอันโศกครวญ.... หนิงเสวี่ยอยู่ใกล้แค่เอื้อม ร่างของนางค่อยๆเลือนลง.... นางอ่อนแออย่างมาก หากเย่หวูเฉินลงมือเพียงเล็กน้อย นางย่อมถูกลบตัวตนทันที.... แต่ไหนเลยเขาจะลงมือได้ ไหนเลยเขาจะฆ่าหนิงเสวี่ยด้วยมือตัวเองได้

“เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้าคือเสวี่ยเอ๋อร์เพียงคนเดียวของข้า.... เหตุใดเจ้าต้องเลือกเข่นฆ่าตัวเองเพื่อทวีปเทียนเฉิน.... เหตุใดจึงผลักไสทางเลือกที่โหดเหี้ยมนี้ให้กับข้า.... ข้าเป็นเพียงคนผู้หนึ่ง เป็นเพียงมนุษย์ตัวเล็กจ้อยเท่านั้น ข้าไม่ใช่ผู้กล้า ไม่ใช่ผู้กอบกู้.... ทวีปเทียนเฉินถูกทำลายเกี่ยวอันใดกับข้า คนทั้งทวีปตกตายเกี่ยวข้องอันใดกับพวกเรา เหตุใดต้องสละเสวี่ยเอ๋อร์ของข้าด้วย.... เหตุใดต้องเป็นแบบนี้ ทำไม!!”

เจ็บปวดอย่างยิ่งจนจิตใจใกล้พังทลาย หากไม่ฆ่าหนิงเสวี่ย ทวีปเทียนเฉินจะถูกทำลายกลายเป็นเถ้า ผู้คนทั้งหมดจะตกตาย.... ทุกผู้คน.... สังหารหนิงเสวี่ย ทวีปเทียนเฉินทั้งหมดจะปลอดภัย เขาสามารถช่วยโลกทั้งใบโดยแลกกับชีวิตของหนิงเสวี่ย สามารถช่วยตัวเอง ช่วยชีวิตนับไม่ถ้วน

ทว่าเหตุใด ถึงต้องแลกด้วยชีวิตของหนิงเสวี่ยด้วย!?

หากฆ่าหนิงเสวี่ยด้วยตัวเอง เขาจะก้าวเดินและใช้ชีวิตต่อได้อย่างไร.... ชีวิตวันหน้าไหนเลยจะสุขสงบได้ ตลอดกาลย่อมถูกเงาทะมึนกดทับหัวใจอย่างเจ็บปวด ไม่อาจลบล้างแม้ชั่วขณะนาที อยู่อย่างทรมานไปจนชั่วชีวิต

อย่างไรก็ตาม แม้กำลังจะไร้อนาคต เขาก็ไม่อาจลงมือ แม้ทั้งทวีปกำลังจะถูกทำลาย เขาก็ไม่อาจลงมือได้ ห้วงสติสับสนจนใกล้พังทลาย ได้แต่ยิ้มและร้องไห้มองไปยังหนิงเสวี่ย มีเพียงเสียงสะอื้นและน้ำตา.... ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่นางกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต.... ไม่สิ เทียบกันแล้ว นางคือส่วนที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิตเขา....

เวลาค่อยๆไหลผ่าน และไม่มีทางไหลย้อนกลับ หนิงเสวี่ยร่างจางลงอย่างมาก นางลอยอยู่ตรงนั้นด้วยลักษณะสูงส่ง สีหน้าสงบนิ่งและอ่อนโยน แก้มหิมะสองข้าง ไหลอาบด้วยน้ำตาสองสาย

“เจ้านาย.... เจ้านาย! อย่าลังเลอีกเลย สติของเทพลึกลับขาวเริ่มสั่นสะเทือนแล้ว อีกไม่นาน.... ทุกอย่างจะสายเกินไป นางจะตาย เจ้านายจะตาย ทุกคนจะตาย.... เจ้านาย!”

หากแต่ไม่ว่าหนานเอ๋อร์จะตะโกนเพียงใด เย่หวูเฉินล้วนไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย เขาคุกเข่าอยู่บนพื้น จ้องมองหนิงเสวี่ยที่อยู่เบื้องบน ราวกับว่าในหัวใจ กำลังสลักภาพของนางไว้ เป็นภาพที่งามจับใจและเย็นเยียบ

แสงทองคำสว่างวาบจากหน้าผากของเย่หวูเฉิน พุ่งตรงไปหาหนิงเสวี่ยด้วยตัวเอง เย่หวูเฉินที่สติสับสนขยับร่างในฉับพลัน ทุ่มเทกำลังคว้ากระบี่ตัดดาราที่มุ่งหมายสังหารหนิงเสวี่ย

“เจ้านาย....” หนานเอ๋อร์ตะโกนอย่างกระวนกระวาย

“หนานเอ๋อร์ เจ้าฟังให้ดี” เย่หวูเฉินสีหน้าว่างเปล่า น้ำเสียงยังกลายเป็นราบเรียบ ราบเรียบจนหนานเอ๋อร์หวาดกลัว “ถ้าเจ้ากล้าทำร้ายเสวี่ยเอ๋อร์.... ข้าจะตายตามเสวี่ยเอ๋อร์ต่อหน้าเจ้าทันที.... และข้า จะไม่มีวันอภัยให้กับเจ้า”

“ฮือ.... ฮวา!” หนานเอ๋อร์ร้องเจ็บปวดอย่างยิ่งในความไม่เป็นธรรม นางส่งเสียง “เจ้านาย แต่ท่านจะตายนะ ท่านจะตาย....”

หนานเอ๋อร์สามารถเมินเฉยต่อความเป็นตายของทุกผู้คน ต่อให้ทวีปเทียนเฉินถูกทำลาย ผู้คนตกตายทั้งหมด นางก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ ที่นางสนใจมีเพียงเย่หวูเฉินเท่านั้น ตั้งแต่นางยอมรับเย่หวูเฉินเป็นนาย เขาก็กลายเป็นความหวังและที่พึ่งพิง ทุกคนตายได้ แต่เขาจะตายไม่ได้....

“ตาย? ความตายน่ากลัวนักอย่างนั้นหรือ?” เย่หวูเฉินกดกระบี่ตัดดาราในมือลง ใบหน้าสงบนิ่งพลันยิ้มออก รอยยิ้มนี้คล้ายปัดเป่าความเจ็บปวดทั้งหมดออกไป เขามองที่หนิงเสวี่ย กล่าวคำอย่างอ่อนโยน “ทำลาย.... ให้ทุกอย่างถูกทำลาย.... ในเมื่อเจ้าเลือกทางที่เห็นแก่ตัว เช่นนั้น ข้าจะร่วมทางไปกับเจ้า.... เลือกทางที่เห็นแก่ตัวยิ่งกว่า....”

“ให้ทุกอย่าง ถูกทำลาย.... หากต้องใช้ชีวิตอยู่กับความเจ็บปวดไม่รู้จบ เช่นนั้น ก็ให้ทุกอย่างถูกทำลาย.... จะได้ไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องเจ็บปวด ไม่ต้องทรมาน.... เสวี่ยเอ๋อร์ ในโลกนี้ ข้าไม่อาจปกป้องเจ้า.... ไม่ว่าเจ้าไปยังโลกใด ข้าจะติดตามไปอยู่กับเจ้าตลอดกาล ไม่ให้เจ้าต้องเดียวดาย....”

เขายิ้ม ทว่าเป็นยิ้มทั้งน้ำตา เป็นครั้งที่สองที่เขาร้องไห้ เป็นครั้งแรกที่เขาร้องไห้ด้วยรอยยิ้ม ที่ปลดปล่อยความเจ็บปวดจากหัวใจ

บางที นี่อาจเป็นทางเลือกที่โหดเหี้ยมที่สุดในชีวิตข้า เป็นทางเลือกที่เห็นแก่ตัวสุด ผิดพลาดมากที่สุด ผู้คนจำนวนมากจะต้องตายเพราะทางที่ข้าเลือก.... ทั้งภรรยาและสหาย.... ผู้คนที่รู้จัก และไม่รู้จักอีกมากมาย

มองยังเสวี่ยเอ๋อร์ที่งดงามที่สุด.... ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ไม่อาจลงมือได้....

ไม่มีวันทำได้!

หากคนที่อยู่ตรงนั้นคือข้า และคนที่ต้องเลือกคือเสวี่ยเอ๋อร์ นางสมควรเลือกหนทางเดียวกันกับข้า

ความเห็นแก่ตัว บางครั้งช่างน่ากลัวนัก

ในเมื่อถูกกำหนดให้ต้องเลือกทางผิด  เช่นนั้นก็เลือกทางผิด.... ให้ทุกอย่าง ถูกทำลาย

โหรวโหรว , ฮวงเอ๋อร์ , จื่อเมิ่ง.... หากโลกหน้ามีจริง ข้าจะสละทุกอย่างในชีวิตตามหาพวกเจ้า ไม่ปล่อยให้พวกเจ้าต้องเดียวดาย หากชาติหน้ามีจริง ข้าจะใช้ทุกอย่างชดเชยสิ่งที่ติดค้างพวกเจ้า ต่อให้เป็นหรือตาย.... ข้าก็จะทำ

“เจ้านาย.... อย่านะ เจ้านาย!!”

หนานเอ๋อร์ทราบในที่สุดว่าเย่หวูเฉินเลือกหนทางใด เสียงของนางสั่นสะท้าน เวลานี้นางรู้สึกเจ็บปวดและหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็น

“หนานเอ๋อร์ ข้าขอโทษ” เย่หวูเฉินหลับตาลง สัมผัสถึงโลกสีขาวที่เริ่มสั่นสะเทือน “ข้าทำให้เจ้าต้องผิดหวัง.... กระบี่ตัดดาราและคันศรบาปวิบัติยอมรับข้าเป็นนาย เพื่อหวังให้ข้าเอาชนะวิญญาณปีศาจแกร่งกล้าที่ไม่ทราบว่าซ่อนอยู่แห่งไหน แต่ข้าไม่อาจปกป้องแม้กระทั่งคนที่สำคัญยิ่งชีวิต ไหนเลยข้าจะคู่ควรสืบสานภารกิจนี้ อีกทั้ง เรื่องนี้ไม่สำคัญกับข้า วิญญาณปีศาจจะเป็นหรือตาย ล้วนไม่เกี่ยวอันใดกับข้า....”

“เจ้านาย....” ได้ยินเสียงอันสงบนี้ หนานเอ๋อร์สัมผัสได้ถึงหัวใจที่มอดดับ นางอยากร้องไห้เป็นอย่างยิ่ง ทว่ากลับไม่อาจร้องออกมา

เขาลอยร่างขึ้น หยุดอยู่ตรงหน้าหนิงเสวี่ย มองใบหน้าสงบของนางอย่างเงียบงัน แววตาอ่อนโยนยิ่ง เขาโน้มกายเข้าหานาง จูบลงบนแก้มงดงามที่รางเลือน ส่งยิ้มให้อย่างนุ่มนวล “เสวี่ยเอ๋อร์ ข้ารู้ว่าเจ้าได้ยินข้า อย่ากลัวเลย.... ไม่ว่าเจ้าไปที่แห่งใด ข้าจะร่วมทางไปกับเจ้าตลอดกาล....”

โลกสีขาวสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้น ประหนึ่งพร้อมพังทลายได้ทุกขณะ ร่างของหนิงเสวี่ยยิ่งมายิ่งรางเลือน บางทีในขณะถัดไป นางอาจหายไปจากตรงหน้าเขา

น้ำตาต่างเปียกหน้าทั้งสองฝ่าย เขาไม่คิดฝันเลยว่าวันหนึ่งตนเองจะร้องไห้น้ำตาท่วมหน้า ไม่ทราบว่านี่เป็นน้ำตาแห่งความเจ็บปวด หรือเป็นน้ำตาแห่งความเสียใจ....



<<<PREV    .    NEXT>>>