วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 503

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 503 ช่วยเหลือ

เมื่อเสียกระบี่คร่าสายลม พลังทมิฬของเล่งหยาพลันเปลี่ยนรูป เขาผลักฝ่ามือสองข้าง กลุ่มหมอกทมิฬหนาแน่นพวยพุ่งออกจากกาย เร่งความเร็วสู่ระดับที่สูงลิ่ว ก่อนกลุ่มหมอกทมิฬจะไปถึงร่างของชายชุดดำ เล่งหยาพลันระเบิดความเร็วเพิ่มขึ้นหลายเท่า

ชายชุดดำยังคงตอบสนองอย่างเรียบง่าย.... เพียงยกมือขึ้นธรรมดา

ฟู่ว!!

สายลมโชยพัดฉับพลัน แม้ดูคล้ายสายลมเย็นอันอ่อนโยน แต่กลุ่มหมอกทมิฬที่บรรจุพลังเหนือเทพกลับถูกลมพัดกระจัดกระจาย หายไปในอากาศช้าๆ ส่วนเล่งหยาราวกับกระแทกเข้าใส่กำแพงล่องหน จากนั้นเริ่มล่าถอย ราวกับมีฝ่ามือโปร่งแสงผลักให้เขาถอยหลัง

สองคนโจมตีต่อเนื่อง สุดท้ายที่พวกเขาทำได้คือไร้พลัง หากไม่ใช่เพราะชายชุดดำเอาแต่เพียงตั้งรับ หากถูกสวนกลับทั้งสองคงตกตายทันที

“เคล็ดวารีสวรรค์ร่วงหล่น – ทลายหัวใจน้ำแข็ง!”

นี่คือพลังวารีขั้นสูงสุดที่เย่หวูเฉินสามารถใช้ออก โดยการบีบอัดพลังอันเข้มข้นให้เหลือขนาดเล็กที่สุด จากนั้นปลดปล่อยออกไปตรงจุดเดียว แม้รัศมีโจมตีจะน้อยนิด แต่พลังทำลายนับว่าสูงสุด.... ระหว่างที่รวบรวมพลัง ท้องฟ้าได้วาบแสงสีฟ้าเจือจาง หยดน้ำเล็กๆหล่นลงจากท้องฟ้าห่างไกล เย่หวูเฉินเปลี่ยนหยดน้ำให้กลายเป็นน้ำแข็ง.... แม้ดูคล้ายน้ำแข็งธรรมดา.... แต่พลังที่แฝงอยู่ในนั้นทรงพลังยิ่งยวด หากเจวี๋ยเทียนยังไม่ตกตาย มันย่อมไม่กล้าเผชิญหน้ากับพลังนี้

ชายชุดดำแหงนศีรษะมองท้องฟ้า บนใบหน้าเผยรอยยิ้มพาดผ่าน เขายังคงไม่หลบเลี่ยง ตรงกันข้าม เขาดูคล้ายไม่อาจอดใจรอให้หยดน้ำแข็งร่วงลงมา เขายื่นมือขึ้นเบื้องบน น้ำแข็งรูปหยดน้ำที่ร่วงลงมาลดความเร็วกะทันหัน จากนั้นถูกคว้าจับไว้ในมือ

เขาค่อยๆกางมือออกต่อหน้าเย่หวูเฉิน

หยดน้ำแข็งได้หายไป พลังน้ำแข็งที่รุนแรงพอแช่แข็งแม่น้ำทั้งครึ่งสาย กลับไม่อาจทำอันตรายใดๆต่อเขาได้ ไร้ร่องรอยบาดแผลแม้แต่น้อย

ตอบกลับชายชุดดำด้วยมังกรเพลิง เย่หวูเฉินควบกลั่นพลังเพลิงและผลักออกไปเร็วรุด ชายชุดดำเผยรอยยิ้มเหยียดหยัน ยื่นมือออกรับมังกรเพลิงโดยไม่หวั่นเกรง.... พลังเพลิงร้อนแรงพุ่งกระทบฝ่ามือ ไร้เสียงปะทะใดๆเกิดขึ้น ราวกับเขาจับมันไว้ในมือ จากนั้นบีบคั้นจนมันแตกสลายไปกับตา

กระบี่คร่าสายลมและกระบี่ตัดดาราถูกโยนลงบนพื้น ชายชุดดำกลับมายืนกอดอกอีกครั้ง กล่าวกับเย่หวูเฉินที่กำลังเงียบงัน “เจ้าทำให้ข้าผิดหวัง.... การโจมตีน่าหัวร่อพรรค์นี้ คิดว่าข้าสนใจเล่นด้วยอย่างนั้นหรือ?”

เขายื่นมือออกมาและกางนิ้ว “สิบนาที.... ให้เวลาพวกเจ้าสิบนาที หากในสิบนาทีนี้พวกเจ้าไม่อาจทำร้ายข้าหรือเสื้อผ้าได้ ถือว่าพวกเจ้าพ่ายแพ้! และอย่าได้หวังไปยังทวีปเทวะอีก!”

“ท่าน! นี่ท่านจะกลับคำงั้นเหรอ! ท่านไม่เคยบอกมาก่อนว่ามีกำหนดเวลาไว้” ฉู่จิงเทียนชี้นิ้วไปที่เขาและตะโกน

“กลับคำ? เฮอะ! ต่อหน้าพวกเจ้า ข้าล้วนคู่ควรที่จะกลับคำ! ต่อให้ข้ากำหนดเวลาไว้สิบวินาที เจ้าคู่ควรอันใดที่จะปฏิเสธ!” ชายชุดดำกล่าวเหยียดหยัน

ฉู่จิงเทียนอับจนถ้อยคำ ไม่อาจกล่าวโต้แย้งได้อีก เขากำหมัดสองข้างไว้แน่นและกระซิบเสียงต่ำ “น้องเย่ เจ้าหน้าน้ำแข็ง สู้เขา”

เมื่อเป็นอิสระ กระบี่ตัดดาราพลันบินกลับสู่มือของเย่หวูเฉิน เย่หวูเฉินหรี่ตาลงและกล่าวอย่างนุ่มนวลในห้วงความคิด “หนานเอ๋อร์ อย่ากลัวเลย พวกเราจะไม่เป็นไร!”

“อื้ม! เจ้านาย เขา....”

“เขาเป็นใครไม่สำคัญ! เมื่อใดที่ข้าสมควรรู้ย่อมได้รู้ ตอนนี้ พวกเรามาสู้ด้วยกัน!”

สูดหายใจเข้าลึก แววตาของเย่หวูเฉินพลันสงบและคมกล้า สามารถขึ้นสู่ยอดหอคอยผ่านเทพ ทว่าสิ่งที่ได้พบกลับมิใช่เทพแห่งบททดสอบในตำนาน แต่กลับเป็นชายชุดดำที่ไม่ทราบเป็นมิตรหรือศัตรู ไม่ทราบว่าเป็นมนุษย์ , เทพ หรือปีศาจ แต่ว่า หลังจากที่เขามายังทวีปเทียนเฉินล้วนประสบเรื่องราวเหลือเชื่อมากมายมิใช่หรือ? ราวกับเรื่องลึกลับรอคอยเขาอยู่ตั้งแต่มายังทวีปเทียนเฉิน บางที หนทางยากลำบากที่ถูกชะตากำหนดนี้ เขาคงคุ้นชินกับมันมานานแล้ว

เขายื่นมือหนึ่งข้างขึ้นบนฟ้า ฉับพลันมีแสงน้ำแข็งนับไม่ถ้วนแผ่ลามออก เขาขยับมืออีกครั้ง แท่งน้ำแข็งมหาศาลร่วงลงมาพุ่งเข้าสู่เป้าหมายเดียวกัน เย่หวูเฉินอาศัยจังหวะนี้ขยับร่าง สืบเท้าไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว จากนั้นหายตัวไปฉับพลัน ปรากฎตัวในแสงขาวที่ด้านหลังของชายชุดดำ เหวี่ยงกระบี่สู่ไหล่ด้วยกระบวนท่า ‘แยกฟ้าผ่าปฐพี’ พร้อมแท่งน้ำแข็งจำนวนมหาศาลที่ร่วงสู่ร่างชายชุดดำ

“ตูม” เสียงสะเทือนลั่นหูดับ แยกฟ้าผ่าปฐพีถูกเหวี่ยงใส่ ชายชุดดำไม่ได้หลบเลี่ยงใดๆ แท่งน้ำแข็งนับไม่ถ้วนพุ่งสู่ร่างของเขาโดยตรง ทว่ามันพลันแตกกระจายเร็วรุด เมื่อสัมผัสถูกร่างก็กลายเป็นเกล็ดหิมะ กระจายเป็นเศษชิ้นนับไม่ถ้วน ระหว่างที่ถูกน้ำแข็งโจมตี ชายชุดดำหันศีรษะมาทางเย่หวูเฉินช้าๆและกล่าว “ในโลกแห่งนี้ นอกจากบุคคลในอนาคตแล้ว ล้วนไม่มีผู้ใดเข้าใจธาตุทั้งปวงได้ดีกว่าข้า อย่าคิดหวังใช้พลังธาตุโจมตีข้าอีก เพราะพวกมันไม่มีวันทำอันตรายข้าได้”

เขายกหัวไหล่ขึ้น กระบี่ตัดดาราที่กดอยู่บนนั้นถูกอัดปลิวกระเด็น บนหัวไหล่ของเขาไร้รอยขีดข่วนใดๆ ชุดดำไร้ร่องรอยขาดวิ่นแม้แต่น้อย

เย่หวูเฉินถูกกระแทกถอยไปสิบเมตรก่อนจะหยุดร่างได้ เขาเรียกกระบี่ตัดดารากลับ หัวคิ้วขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม.... ชายผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป พลังป้องกันของเขาแกร่งกล้าจนน่ากลัว หากไม่ใช่พลังที่เหนือล้ำกว่าพลังป้องกันของเขา ย่อมไม่มีทางทำอันตรายเขาได้ ต่อให้ทุ่มพลังโจมตีเขาตลอดสิบวัน , สิบเดือน หรือสิบปี ก็ล้วนไม่อาจสร้างบาดแผลให้เขาได้.... ถ้าอย่างนั้นต้องทำยังไง!

ช่องโหว่.... ขอเพียงช่องโหว่ในชั่วพริบตา!

แต่การทำให้เขาเผยช่องโหว่ออกมาได้ จำเป็นต้องบีบคั้นให้เขาถอนพลังป้องกันบางส่วนออก.... ทว่าการบรรลุถึงขั้นนั้นได้นับว่ายากสาหัส เขากระทั่งเหยียดหยันและคร้านรับมือกับแยกฟ้าผ่าปฐพี ต้องใช้พลังปานใดถึงสามารถบีบคั้นให้เขาถอนพลังป้องกันบางส่วนออกได้

เวลานี้เอง ชายชุดดำที่ไร้อารมณ์พลันเคลื่อนสายตาออก เขาสัมผัสได้ถึงกระแสอากาศที่ห้อมล้อมรอบร่าง

ฉู่จิงเทียนไม่เคยลงมือ เพราะเขารู้ตัวดีว่าตนเองอ่อนแอเกินไป ทว่าสุดท้ายเขาก็ได้ลงมือ เขาสงบระงับทุกความคิด รวบรวมทุกจิตวิญญาณ ใช้อากาศไร้ตัวตนเป็นพาหะ สร้างกระบี่ไร้ตัวตนนับร้อยเล่ม ใช้จิตใจควบคุมการเคลื่อนไหว กระบี่นับร้อยฉวัดเฉวียนปั่นป่วนทุกทิศทาง พุ่งตรงสู่ร่างชายชุดดำจากทุกทิศ

สัมผัสกระแสอากาศโดยรอบที่เชื่อมโยงมาจากชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ แววตาของชายชุดดำพลันวาบประกายประหลาด เป็นความแปลกใจและชื่นชมอันหาได้ยาก กระทั่งแยกฟ้าผ่าปฐพีของเย่หวูเฉินยังไม่อาจทำอันตรายเขาได้ กระบี่ไร้ตัวตนเหล่านี้ย่อมไม่อาจคุกคามเขาได้แม้แต่น้อย ทว่าชายชุดดำที่ไม่เคยเคลื่อนร่าง ยามนี้กลับหายตัวไป ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งที่เบื้องหน้าฉู่จิงเทียน และวางมือทาบลงบนอกเขา

เงาร่างที่ปรากฎขึ้นตรงหน้าฉับพลัน ทำให้ฉู่จิงเทียนตื่นตระหนกสุดจิต แม้รู้ตัวแล้วก็ไม่ทันตอบสนอง เขารู้สึกว่าทั้งร่างพลันกลายเป็นแข็งค้าง ไม่อาจขยับเท้า ไม่อาจขยับนิ้ว กระทั่งกระพริบตายังทำไม่ได้ ทำได้เพียงมองคนที่อยู่ตรงหน้า การเชื่อมโยงระหว่างคนกับกระบี่ไร้ตัวตนได้ถูกตัดสะบั้นลง

“พลังมิติ!” เย่หวูเฉินกระซิบเสียงต่ำในใจ การเคลื่อนที่ของชายชุดดำเห็นได้ชัดว่าใช้พลังมิติ ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นพลังมิติที่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง

ฉึบ!

เสียงตัดอากาศดังขึ้น เห็นฉู่จิงเทียนถูกสะกดไว้เล่งหยาพลันระเบิดพลังออก ตวัดหนึ่งเส้นสวรรค์ใส่ชายชุดดำ ชายชุดดำเพียงเหลือบมองด้านข้าง เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยกมือขึ้นรับพลังอย่างง่ายดาย เขาไม่ได้เก็บมือกลับแต่ผลักฝ่ามือไปทางเล่งหยา ร่างของเล่งหยาพลันแข็งค้างอยู่ในท่าชูกระบี่ กลายเป็นดุจหินสลักเช่นเดียวกับฉู่จิงเทียน

เย่หวูเฉินตกตะลึงอย่างหนัก เพราะพลังนี้ เห็นได้ชัดว่าคือการตรึงมิติ!

ตรึงมิติ พลังที่สามารถล็อคตรึงมิติไว้ เทียบกับการแช่แข็งด้วยพลังสูงสุดยังน่ากลัวกว่านับพันเท่า เพราะหากถูกพลังมิติตรึงไว้ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยง ไม่อาจต่อต้าน และไม่อาจดิ้นรน มันคือรูปแบบหนึ่งของพลังมิติที่ไม่สมควรมีอยู่

ชายชุดดำกดฝ่ามือที่หน้าอกของฉู่จิงเทียน เวลานี้ เขาเริ่มสำรวจร่างอีกคนที่มากับเย่หวูเฉิน แผ่พลังปราณจากฝ่ามือเข้าสู่ร่างของฉู่จิงเทียน เย่หวูเฉินไม่ได้ขัดขวางเหมือนกับเล่งหยา เนื่องจากเขามั่นใจว่าชายชุดดำจะไม่ทำร้ายฉู่จิงเทียน เพราะหากเขาต้องการเอาชีวิตจริงๆ เพียงออกแรงเล็กน้อยพวกเขาก็ไม่อาจต่อต้านแล้ว

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาหัวเราะออกมาฉับพลัน “ยอดเยี่ยม คู่ควรแล้วที่มาที่นี่กับเขาได้ ไม่คิดเลยว่าเจ้าหนุ่มนี่กลับมีพรสวรรค์อันล้ำเลิศ ศักยภาพในตัวเจ้า กล่าวได้ว่าข้าเพิ่งเคยเห็นเป็นคนแรก หากไม่ใช่เพราะเขาปรากฎตัวขึ้นที่นี่ ร้อยปีให้หลังทวีปเทียนเฉินย่อมถูกเจ้าครอบงำ ข้าเองก็อยากเห็นอนาคตของเจ้าเช่นกัน.... อย่างไรก็ตาม ร้อยปีนับว่านานเกินไป มีแต่ทำให้น่าเบื่อ คนที่ทำให้ข้าสนใจได้มีอยู่น้อยยิ่ง เจ้ากับข้าได้พบกันที่นี่ กล่าวได้ว่าเป็นวาสนาสูงสุดสำหรับเจ้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้.... ข้าจะช่วยเจ้าเอง!”

มิติถูกคลายออก ฉู่จิงเทียนยังไม่ทันหอบหายใจ พลังปราณแกร่งกล้าก็พลันทะลักเข้าสู่อก ไหลบ่าเข้าสู่ทุกเส้นชีพจรในร่างกาย หัวสมองแทบปริแตก ห้วงสติยิ่งมายิ่งกลายเป็นขาวโพลน

โลกหล้ากลายเป็นเงียบสงบในฉับพลัน เย่หวูเฉินและเล่งหยาที่ได้เพิ่งรับอิสระต่างจับจ้องไปยังฉู่จิงเทียนที่ถูกแสงขาวล้อมร่าง เวลานี้เล่งหยาไม่ได้เข้าจู่โจมเพื่อขัดขวาง เพราะเมื่อครู่นี้ชายชุดดำกล่าวอย่างชัดเจนว่าจะ ‘ช่วย’ หรือว่าเขากำลัง....

พวกเขาได้รับคำตอบทันที ฉับพลันนั้น ปราณกระบี่คมกล้าได้หมุนวนปั่นป่วนบนท้องฟ้า นี่คือข่ายกระบี่ไร้ตัวตนอันนับไม่ถ้วน มันกำลังหมุนวนโดยมีร่างของฉู่จิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง ความเร็วยิ่งมายิ่งเพิ่มขึ้น อากาศปั่นป่วนเต็มไปด้วยเสียงถูกกรีดตัด



<<<PREV    .    NEXT>>>