วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 520

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 520 รับมือสามขุนพลศักดิ์สิทธิ์เพียงลำพัง

“อ๊า!!!!”

เย่หวูเฉินกู่ร้องบ้าคลั่งดุจสัตว์ป่า พุ่งร่างดุจดาวตกในแนวราบ ผ่านระยะร้อยเมตรในพริบตา เหวี่ยงหมัดธรรมดาใส่เชียนจ้งเหมือนครั้งแรก ทุกแห่งที่หมัดเหวี่ยงผ่านเกิดเสียงสนั่นเสียดหู นี่คือเสียงมิติฉีกกระชากด้วยพลังน่ากลัว

ตูม!!!!

เสวี่ยเย่และเย่หมิงถูกคลื่นอัดกระเด็น ทั้งคู่เหินร่างบินขึ้นสู่ท้องฟ้า ชั่วขณะที่สองหมัดปะทะกัน ผืนลานจัตุรัสที่ย่อยยับถูกพลิกขึ้นสูงนับสิบๆเมตร ลอยสู่อากาศและร่วงกลับลงพื้น.... การระเบิดนี้ ทำให้เทพคุ้มกันที่อยู่นอกลานจัตุรัสตกตายเป็นผืนใหญ่ เทพคุ้มกันอีกหลายร้อยสูญเสียการได้ยินทันที

ที่นี่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้อีก เมื่อใดที่ขุนพลศักดิ์สิทธิ์ผู้ทรงพลังลงมือ เมื่อนั้นย่อมหมายถึงการมาเยือนของหายนะ

ครั้งนี้ เย่หวูเฉินไม่ได้ล่าถอย เชียนจ้งไม่ได้ล่าถอยเช่นเดียวกัน ผืนปฐพีถูกพลิกขึ้น เสวี่ยเย่และเย่หมิงถูกบีบคั้นด้วยพลังมหาศาล ลานจัตุรัสของวิหารเทวะเผชิญภัยพิบัติอย่างที่ไม่เคยเป็น ทั้งสองไม่เคลื่อนกายแม้แต่น้อย ทว่าสีหน้าต่างกัน เย่หวูเฉินสีหน้าสงบและหยามหยัน ขณะที่เชียนจ้งใบหน้าบิดเบี้ยว

ตูม!

ดุจเวลาหยุดนิ่งชั่วขณะ สองหมัดสัมผัสกันได้หลายวินาที เสียงสะเทือนหูดับจึงพลันดังขึ้น ร่างมหึมาของเชียนจ้งผละถอยออกจากหมัด โซเซถอยหลังหลายก้าวก่อนล้มลงพื้น

มันประคองร่างไว้ด้วยแขนซ้าย ไม่อาจหยัดยืนขึ้นทันที จับจ้องที่เย่หวูเฉินด้วยสีหน้าโง่งม แม้มือขวาของมันมิได้บาดเจ็บ แต่ยามนี้ราวกับแขนขวามิใช่ของมัน มันกำลังด้านชาไร้ความรู้สึก

ความเร็วของเย่หวูเฉินเหนือล้ำเกินไป เมื่อตระหนักถึงพลังแรงกล้ามันจึงรีบเหวี่ยงหมัดอย่างร้อนรน แม้เมื่อครู่ไม่ใช่พลังทั้งหมดของมัน แต่อย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่าแปดในสิบส่วน.... ไม่เคยมีใครหยุดหมัดของมันได้อย่างสมบูรณ์ ไม่เคยมีใครเอาชนะพลังแปดในสิบส่วนของมันได้

เย่หวูเฉินระงับเลือดลมที่พวยพุ่งขึ้นในอก เปรียบวัดพลังโดยตรง โดยเผชิญหน้ากำลังสูงสุดของอีกฝ่าย เขายังคงเป็นฝ่ายชนะ แต่แม้ชนะก็มิได้ผ่อนคลาย นอกจากชายชุดดำแล้ว ในชีวิตนี้ เชียนจ้งทรงพลังที่สุดที่เขาเคยเห็น อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเอาชนะพลังสูงสุดของอีกฝ่ายได้โดยตรง นี่หมายความว่าการเอาชนะเชียนจ้งไม่ใช่เรื่องยาก!

ในเมื่อเขามองเห็น มีหรือที่เชียนจ้ง , เสวี่ยเย่ และเย่หมิงจะมองไม่เห็น ด้วยพลังที่เหนือกว่า ความเร็วที่เหนือกว่า ไพ่ในมือเช่นศาสตราต้องห้ามที่ยังไม่ได้ใช้ หากต่อสู้กัน สุดท้ายเขาย่อมเป็นฝ่ายเอาชนะเชียนจ้ง

สองหมัดของเย่หวูเฉินทำลายจิตใจของเชียนจ้งทันที หากเอาชนะเชียนจ้งด้วยวิธีอื่น มันย่อมไม่หดหู่เหมือนตอนนี้ ปะทะพลังซึ่งหน้ามันกลับพ่ายแพ้ ความมั่นใจของมันได้ทลายลง ดุจสิ่งที่เชื่อมั่นและศรัทธาได้ถูกทำลายลงสิ้น

“เจ้า.... แข็งแกร่งมาก เข้ามาอีกที!” เชียนจ้งยืนขึ้น ความรู้สึกในมือขวา ฟื้นกลับมาบ้างแล้ว ขณะที่มันกำหมัดซ้าย เสียงเลือนลั่นได้ดังขึ้น ฝุ่นฟุ้งบดบังตา มันพลันรู้สึกถึงร่างสีทองเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ เป็นเย่หมิงที่พุ่งลงมาข้างๆ มันจับจ้องสายตาที่เย่หวูเฉินและกล่าวเสียงเคร่งครัด “พอแล้ว! นี่ไม่ใช่การเล่น อย่าลืมหน้าที่รับผิดชอบของพวกเราในวันนี้! มันคือผู้มาชิงตัวองค์หญิงเฮยเย่และองค์หญิงไป่เย่ พวกไร้ประโยชน์ทั้งหกได้ตกตายทั้งหมด หากการปลุกเทพลึกลับถูกรบกวนอีกเพราะมัน พวกเจ้าผู้ใดจะรับผิดชอบ!”

“อู่.... พี่ชายเย่หมิง อย่าพูดน่ากลัวแบบนั้นสิ พี่ชายตัวน้อยผู้นี้แข็งแกร่งมาก บางทีอาจแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าท่าน.... ฮี่ ดี ดี ข้าไม่เอามาเป็นสัตว์เลี้ยงแล้ว ฆ่าทิ้งเสียเลยดีกว่า” เสวี่ยเย่พุ่งลงมาด้วยรอยยิ้ม กลิ่นอายโลหิตแผ่ฉุนเตะจมูก บรรยากาศปั่นป่วนพลันกลายเป็นเย็นเยือก

กร๊อบ!

กล่องไม้ขนาดเท่าร่างที่นางกอดอยู่พลันแตกเป็นเศษชิ้นและร่วงลงพื้น สีแดงโลหิตสะท้อนต้องในสายตาของเย่หวูเฉิน มันคือเลื่อยใบหนึ่ง สูงเท่ากับตัวของเสวี่ยเย่ มีใบกว้าง ตรงกลางเป็นสีดำ ฟันเลื่อยสองด้านส่งประกายโลหิตอันเยียบเย็น ยามผู้คนมองเห็นต้องหวั่นกลัว ที่ปลายด้านหนึ่งเป็นรูใหญ่ เสวี่ยเย่สอดมือเล็กๆสองข้างที่รูนั้นและยกขึ้น จับจ้องที่เย่หวูเฉินผ่านคมเลื่อย

“เฮอะ!” เย่หมิงแค่นเสียงเย็น มันขยับร่างปลดหอกสองเล่มที่พาดไขว้หลัง ไม่รู้กี่ปีแล้วที่มันไม่ได้ใช้ ‘หอกหยินหยางดับชะตา’ หอกสองเล่มถูกถือในมือสองข้างของเย่หมิง

แม้หมัดของเย่หวูเฉินสามารถเอาชนะเชียนจ้ง หากนี่ยังเป็นการเปิดเผยพลังของเขา แม้เสวี่ยเย่ยังคงแย้มยิ้ม แต่นางก็มิได้ปฏิเสธการร่วมมือของสามบุคคล กระทั่งนำเลื่อยโลหิตออกมา แสดงให้เห็นว่านางตระหนักถึงภัยคุกคามจากเย่หวูเฉินไม่ใช่น้อย วันนี้ กล่าวได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ขุนพลศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามร่วมมือกัน แถมยังนำศาสตราที่ทรงพลังสูงสุดออกใช้ ทว่านี่ถือเป็นเรื่องธรรมดา เย่หวูเฉินนำพาแรงกดดันมหาศาลมาสู่พวกมันหลังแลกหมัดกับเชียนจ้ง เพราะพวกมันรู้ว่าเชียนจ้งครองพลังยิ่งใหญ่เพียงใด

เย่หวูเฉินยื่นมือออก กระบี่ตัดดาราและคันศรบาปวิบัติปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง เขาไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าแม้เพียงครึ่งวินาที ร่างหายไปในกลุ่มแสงขาว ปรากฎขึ้นอีกครั้งเหนือร่างเย่หมิง กระบี่ตัดดาราเหวี่ยงลงจากฟ้า ก่อนหน้านี้ เย่หมิงพรากหนิงเสวี่ยและทงซินจากไป มันจึงเป็นคนที่เขาชิงชังที่สุด ชั่วชีวิตนี้ต้องสังหาร ไม่ว่ามันจะเป็นใคร หรือมีเหตุผลใดก็ช่าง!

เกิดเสียงกึกก้อง แสงทองคำกระจายออก กระบี่ตัดดาราถูกรับไว้ด้วยหอกหยินหยางดับชะตา ท่ามกลางแสงทองที่แตกกระจาย สายตาของบุรุษทั้งสองมองสบกันผ่านกระบี่ เย่หวูเฉินระเบิดพลังเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ร่างของมันถูกกดลงด้วยพลังนั้น เกิดเสียง ‘ลั่น’ จากร่างของมัน

“โอ้ ลา ลา.... ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย!!”

เสียงกรีดร้องน่าสะพรึงดังขึ้น เลื่อยโลหิตหมุนควงอย่างรวดเร็ว มิติฉีกขาดอย่างง่ายดาย เกิดเศษหลุมดำลั่นปลาบแปลบไปทั่ว พอได้ควงเลื่อยโลหิตเข้าสู่การรบ เสวี่ยเย่พลันกลายเป็นอีกคน ใบหน้าของนางแสยะยิ้ม เผยความน่าสะพรึงดุจปีศาจ ริมฝีปากเปิดออก แลบลิ้นเลียปากไม่หยุดหย่อน แววตายังหม่นลงดุจปีศาจจากนรกเข้าสิง

เลื่อยโลหิตทำให้เย่หวูเฉินพลันตระหนักถึงอันตราย เขาไม่กล้าสัมผัสมัน คนถอนกระบี่ตัดดาราและเคลื่อนตัดมิติอีกครั้ง ปรากฎอยู่บนอากาศห่างไกล เขาเคลื่อนมือซ้าย ศรโลหิตสามเล่มพาดบนสายธนู เขาน้าวสายธนูจนสุด ปล่อยศรโลหิตออก เล่มหนึ่งพุ่งไปยังเย่หมิง , เล่มหนึ่งพุ่งไปยังเชียนจ้ง และอีกเล่มพุ่งไปยังเสวี่ยเย่ เขาขยับร่างฉับพลัน พุ่งตรงไปที่เย่หมิงอย่างรวดเร็ว

เกิดเสียงดังลั่นสามสาย ศรโลหิตสามเล่ม เชียนจ้งเหวี่ยงหมัดทำลายศรเป็นคนแรก เสวี่ยเย่ตวัดเลื่อยตัดมันเป็นคนที่สอง เย่หมิงใช้คู่ดวงตาเปลี่ยนมันเป็นเถ้าธุลี ในขณะเดียวกัน การต้านรับทำให้คนทั้งสามต้องชะงักงันเป็นชั่วเวลาสั้นๆ เย่หวูเฉินรอคอยจังหวะนี้ ทันทีที่เย่หมิงสลายศรโลหิตด้วยพลังเทวะ เย่หวูเฉินที่พุ่งลงมาพลันหายไป ปรากฎตัวอยู่ถัดจากเย่หมิง เหวี่ยงกระบี่แผ่รัศมีสีทองจากล่างขึ้นบน ตรงเข้าสู่เย่หมิง.... นี่คือ ‘ทลายสวรรค์แดนฟ้า’

หนึ่งบุคคลเผชิญหน้าสามขุนพลศักดิ์สิทธิ์ เย่หวูเฉินตระหนักถึงแรงกดดันมหาศาล หากต่อสู้ทีละคนเขาสามารถเอาชนะได้ไม่ยากเย็น ทว่าเผชิญหน้าทั้งสามตามลำพัง แม้ชนะได้ก็ย่อมเป็นชัยชนะที่ยากยิ่ง หนิงเสวี่ยและทงซินกำลังรอเขาอยู่ นอกจากเขาไม่อาจเสียเวลาแล้ว ยังต้องเก็บยั้งพลังเพื่อช่วยพวกนางไว้ สิ่งแรกที่เขาต้องทำคือใช้ทุกสิ่งจัดการหนึ่งในพวกมันให้เร็วที่สุด ด้วยวิธีนี้ แรงกดดันที่เขาได้รับจะลดลงเป็นอย่างมาก

เคลื่อนที่เข้าจู่โจมในจังหวะรอยต่อ เมื่อเย่หมิงตระหนักถึงอันตราย แสงทองคำก็ได้พุ่งทะยานขึ้นฟ้า ท่ามกลางแสงนั้นคือเย่หมิง เย่หมิงคำรามลั่นขณะร่างปลิวขึ้นฟ้า จนกระทั่งไม่อาจมองเห็นตัวมันได้อีกต่อไป ในขณะเดียวกัน พลังมหาศาลได้ถาโถมจากอากาศ เชียนจ้งกระโดดขึ้นจากพื้นดุจขุนเขา เหวี่ยงหมัดสองข้างส่งแรงกดดันหนักหน่วง เย่หวูเฉินพึ่งใช้ ‘ทลายสวรรค์แดนฟ้า’ จึงตกอยู่ในสภาพยากต่อต้าน เขาควบกลั่นน้ำแข็งหลายชั้นไว้เบื้องบนด้วยความเร็วสูงสุด เชียนจ้งกระแทกหมัดใส่ดุจค้อนยักษ์ น้ำแข็งทุกชั้นพังทลายลงสิ้น เย่หวูเฉินถูกพลังแกร่งกล้าอัดร่างจมลึกลงสู่ดิน

เชียนจ้งแล่นเท้าลงพื้นอย่างหนักหน่วง สายตาจดจ้อง คำรามลั่นออกปาก เหวี่ยงหมัดสองข้างเต็มกำลัง อัดลงตรงจุดที่เย่หวูเฉินเพิ่งจมลงไป

“ถล่มผืนปฐพี!!”

ตูม!!!!

เสวี่ยเย่กำลังพุ่งเข้าใกล้ ทว่าเมื่อเห็นเชียนจ้งยกหมัดขึ้น คนก็รีบดีดร่างหนีห่างด้วยความเร็วสูงสุด ผืนปฐพีระเบิดเลือนลั่นครั้งใหญ่ ลานจัตุรัสแห่งวิหารเทวะที่ย่อยยับถูกกระแทกยกขึ้นอีกครั้ง หมัดนี้ทำให้ทั่วทั้งทวีปเทวะสามารถสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือน ใต้พื้นทวีป พลังแกร่งกล้าที่ไม่อาจมองเห็นได้แผ่ไปทั่วทุกทิศ

ทว่า หมัดสะเทือนปฐพีนี้กลับมิได้ทำร้ายแม้กระทั่งเส้นผมของเย่หวูเฉิน ทันทีที่เขาจมลงพื้นดิน เขาอาศัยพลังตัดมิติของเซียงเซียงออกมาลอยร่างอยู่บนอากาศ ภายใต้ฝุ่นผงที่บดบังท่วมฟ้า เขาดิ่งร่างลงอย่างเงียบงัน เคลื่อนพลังหวูเฉินไปที่แขนสองข้างอย่างเต็มที่ ใช้พลังเกือบเทียบเท่าเชียนจ้ง ต่อยหมัดหนักหน่วงลงที่ศีรษะมัน

สิ้นเสียงระเบิด พลันเกิดเสียงระเบิดขึ้นอีกครั้ง เชียนจ้งทั้งร่างได้หายไป ไม่ทราบจมสู่ผืนดินลึกเพียงใด ฝุ่นทรายค่อยๆร่วงจางลง ทัศนวิสัยเริ่มกลับคืน สามขุนพลศักดิ์สิทธิ์ยามนี้เหลือเพียงเสวี่ยเย่ ทันใดนั้นเอง ความร้อนแผดเผาได้แผ่ลามลงมาจากท้องฟ้า กลุ่มแสงทองคำค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น กลายเป็นดุจดวงตะวันสีทอง

ภายใต้ทลายสวรรค์แดนฟ้าของเย่หวูเฉิน เย่หมิงได้รับบาดเจ็บหนัก มันเผาผลาญพลังบ้าคลั่งด้วยความโกรธ เย่หวูเฉินไร้เวลาให้รับมือกับเย่หมิง เสวี่ยเย่แยกยิ้มพุ่งเข้ามาฉับพลัน ควงเลื่อยโลหิตน่าสะพรึงกรีดตัดอากาศตรงสู่ร่างของเขา

เย่หวูเฉินถอยฉากเล็กน้อย แทงกระบี่ตัดดาราเป็นแนวตรง ถูกเข้าที่กลางใบเลื่อยโลหิต เลื่อยโลหิตหยุดหมุนควงทันที ทว่าเพียงพริบตาเดียว มันกลับมาหมุนควงอีกครั้ง ส่งเสียงตัดไปยังเย่หวูเฉิน เย่หวูเฉินพลิกกระบี่ขึ้นรับเลื่อยโลหิตที่หมุนควง ทองคำและโลหิตสาดแสง ประกายแสงผสานเสียงเสียดของซี่เลื่อย หลังจากปะทะกันชั่วสั้นๆ แสงทองคำยิ่งมายิ่งพวยพุ่ง แสงโลหิตยิ่งมายิ่งหม่นลง ใบหน้าของเสวี่ยเย่เปลี่ยนสีทันที ราวกับถูกกลืนกินด้วยแสงทองคำ

ตูม! กระบี่ตัดดาราระเบิดพลังดังลั่น อัดเสวี่ยเย่ให้ปลิวไปไกลลิ่ว อัดเลื่อยโลหิตแทบกระเด็นหลุดจากมือนาง



<<<PREV    .    NEXT>>>