วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 491

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 491 การกลับมาของฉู่จิงเทียน

โลกสีขาว มิติวิญญาณที่เซียงเซียงสร้างขึ้น

ท้องฟ้า ด้านซ้ายและขวา.... ทั้งหมดเป็นสีขาวไร้ที่สิ้นสุด เสี่ยวโม่มองไปยังโลกสีขาว จากนั้นหลับตาลง เดินไปยังทิศทางตามความรู้สึกของตัวเองเพื่อตามหาพ่อของนาง

นางกำลังตามหาเขา ทว่าจิตวิญญาณของเขากำลังหลบเลี่ยง ยิ่งนางเดินเข้าไปยิ่งรู้สึกว่าเขาออกห่างไปเรื่อยๆ

นางไม่ท้อแท้ ไม่วิ่งเข้าไปหา แต่ค่อยๆเดินเข้าหาอย่างเงียบงันตรงไปยังทิศที่เขาอยู่....

ในที่สุด เขาไม่หลบเลี่ยงอีก เสี่ยวโม่รู้สึกว่าตัวเองค่อยๆเข้าใกล้เขามากขึ้น นางไม่เร่งฝีเท้า เพราะเกรงว่าจะทำให้เขาที่บาดเจ็บตื่นตัวและถอยออกไป

ในที่สุด นางก็เห็นเขา.... เขานั่งกอดเข่าอย่างนิ่งงันอยู่ตรงมุมนั้นในโลกสีขาว ก้มหน้าซุกอยู่ในเข่า ไม่อาจเห็นสีหน้าและแววตา ทว่าความรู้สึกที่นางสัมผัสได้คือความเจ็บปวดและสิ้นหวัง

เขาคือพ่อของนาง เป็นคนที่เข้าใจนางดีที่สุดในโลกนี้ เป็นคนเดียวที่มอบความรักให้กับนาง และทำให้นางมีความสุข ทำให้นางรู้สึกผูกพันธ์และเคารพ เขาคือบุรุษผู้แข็งแกร่งที่สุดในทวีปเทียนเฉิน ไม่มีใครเปรียบเทียบกับเขาได้.... แต่สภาพของเขาในตอนนี้ ทำให้นางต้องทุกข์ระทมใจ เขาราวกับสัตว์ตัวเล็กๆที่บาดเจ็บหนัก คอยเลียแผลรักษาตัวเองอย่างเงียบงันอยู่ในมุมนั้น

เสี่ยวโม่ร้องไห้อย่างเงียบงัน พึมพำในใจแผ่วเบา ‘หนิงเสวี่ย.... ทงซิน.... หากวันหนึ่งท่านพ่อผู้แข็งแกร่งที่สุดมีสภาพเช่นนี้เพื่อข้าบ้าง ต่อให้ข้าตกตายในทันที ข้าก็ยิ้มอย่างมีความสุขแล้ว’

จิตวิญญาณที่บาดเจ็บราวกับไม่รับรู้ถึงการมาของนาง เขายังคงนิ่งงันไม่เคลื่อนไหว ที่แห่งนี้คือโลกวิญญาณ จิตวิญญาณของเขาเป็นสีเทาแห่งความตาย

เสี่ยวโม่ค่อยๆปาดเช็ดน้ำตาตัวเอง นางเดินตรงไปหาเขา รวบกระโปรงตัวเองไว้ ค่อยๆนั่งลงอยู่ข้างๆ ศีรษะเล็กๆพิงลงบนไหล่ของเขา ในโลกนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่ทำให้นางงมงายได้เพียงนี้ จมจ่อมกับความรู้สึกได้พึ่งพิง

“ท่านพ่อ ตื่นขึ้นเถอะ หนึ่งเดือนแล้ว ท่านได้หลับพักผ่อนเป็นเวลานานมาก ท่านคงไม่อยากพักต่อแล้ว ใช่ไหม?” นางกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู น้ำเสียงที่อ่อนโยนอย่างที่สุด

“ข้าไม่อยากเห็นท่านพ่อเสียใจแบบนี้ เพราะหากท่านพ่อเสียใจ ข้าจะเสียใจยิ่งกว่าท่านพ่อ”

“ท่านพ่อ ท่านสัญญาว่าจะเป็นพ่อข้าตลอดไป.... ท่านพ่อต้องไม่ทำให้ลูกสาวเสียใจ ถูกต้องไหม?”

“ท่านคือคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกนี้ เป็นพ่อที่เก่งกาจและแข็งแกร่งที่สุด เพราะมีพ่อถึงปานนี้ ข้าจึงสุขสำราญใจในทุกวัน ท่านพ่อ ท่านจะทำให้ข้ามีความสุขตลอดไปใช่ไหม?”

“หนิงเสวี่ยและทงซินจากไปแล้ว ข้ารู้ว่าท่านพ่อต้องเสียใจมาก แต่ท่านพ่อนอนหลับไม่อยากตื่น มีแต่จะทำให้ท่านเศร้าขึ้น พี่หญิงฉุ่ยโหรวแอบร้องไห้อยู่ทุกวัน พี่หญิงฮวงเอ๋อร์ก็มักดวงตาแดงก่ำ.... ทุกคนที่ห่วงใยท่านคอยปกป้องท่านอยู่ทุกวัน ภาวนาให้ท่านพ่อตื่นขึ้นมาโดยเร็ว.... ท่านพ่อ หนิงเสวี่ยและทงซินถึงแม้ถูกพรากไปแล้ว ผู้คนของท่านมากมายรวมทั้งข้า ล้วนปรารถนาติดตามท่านตลอดไป ท่านย่อมไม่ทำให้พวกเราเสียใจใช่ไหม?”

“.......”

ในโลกสีขาวอันเงียบงัน นางรู้สึกถึงจิตวิญญาณที่สั่นไหว

เสี่ยวโม่กางแขนทั้งสองข้างกอดเอวของเขาไว้ ร่างบอบบางชิดติดเขาเพื่อปลอบประโลม “ท่านพ่อ ท่านรู้หรือเปล่าว่าในหัวใจข้า ท่านคือคนที่เก่งกาจที่สุด ข้าเชื่อว่าทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่ท่านไม่อาจบรรลุ.... ทวีปเทวะเต็มไปด้วยเทพแกร่งกล้า แต่ข้าเชื่อว่าท่านพ่อจะต้องกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกมันในวันหนึ่ง เมื่อถึงเวลานั้น ท่านพ่อจะเอาชนะพวกมันและพาหนิงเสวี่ยกับทงซินกลับมา.... ท่านพ่อ พวกนางจะต้องรอคอยท่านอยู่.... ท่านย่อมรู้ดีว่าหอคอยผ่านเทพที่ตั้งอยู่ใจกลางทวีปเทียนเฉินสามารถนำไปสู่ทวีปเทวะได้.... ท่านพ่อ ท่านรีบตื่นเถอะนะ จากนั้นข้ากับท่านพ่อ.... พวกเรามาช่วยกัน”

โลกสีขาวเริ่มสั่นสะเทือน.... พลังของเซียงเซียงมาถึงขีดจำกัด เพื่อตามหาเย่หวูเฉิน เสี่ยวโม่ใช้เวลาในโลกสีขาวยาวนานมาก

แสงสีขาวกระจายออก เสี่ยวโม่ยืนอยู่ข้างเตียงของเย่หวูเฉิน ค่อยๆลืมตาที่ปิดไว้ยาวนาน นางเม้มริมฝีปากอย่างเงียบงัน แววตาสั่นไหวมองยังใบหน้าสงบของเย่หวูเฉิน คาดหวังให้เขาตื่นขึ้นมาในทันที

มือของเย่หวูเฉินที่นางกุมไว้พลับบีบตอบ เสี่ยวโม่สั่นสะท้านไปทั้งร่าง คู่ดวงตาที่ปิดอยู่ค่อยๆเปิดขึ้น เสี่ยวโม่จ้องมองอย่างโง่งม ในที่สุดเขาก็มองนาง และเผยรอยยิ้มอันนุ่มนวลให้

เสี่ยวโม่ผวาขึ้นบนเตียง กระโดดเข้าสู่อ้อมอกเขาในฉับพลัน ซุกศีรษะเล็กๆไว้และส่งเสียงเรียก ‘ท่านพ่อ’ บางเบา ไหล่อันบอบบางสั่นเทาอย่างเงียบงัน

“ขอบคุณ.... เสี่ยวโม่ ลูกสาวข้า” เขากอดนางไว้แน่น มองที่นางและเอ่ยเสียงแผ่ว มุมปากเผยรอยยิ้มบาง เป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนและไร้ร่องรอยของความเจ็บปวด

“สามี” เสียงแผ่วเบาทำให้จิตวิญญาณที่หลับอยู่ของฮั่วฉุ่ยโหรวตื่นขึ้น นางเปิดตาที่ยังง่วงเหงา มองที่เย่หวูเฉินอย่างงมงาย สงสัยว่าตนได้ตื่นขึ้นจากฝันหรือยัง

เย่หวูเฉินกุมมือนางไว้ หลายส่วนเป็นความรักใคร่ หลายส่วนเป็นความอบอุ่น และที่ยิ่งกว่านั้นคือความรู้สึกเสียใจ “โหรวโหรว หลายวันมานี้ ต้องลำบากเจ้าแล้ว”

ฮั่วฉุ่ยโหรวยกมือขึ้นปิดปาก ไม่ยอมให้ตัวเองร้องไห้ พลางออกแรงสั่นศีรษะ

“นายท่าน!”

“นายท่าน!”

.....

หลายคนที่ซ่อนตัวอยู่ได้พุ่งออกมาในยามนี้ รวมตัวกันที่ข้างเตียงของเย่หวูเฉิน สายตามองเขาด้วยความกังวล เนื่องจากเป็นห่วงความปลอดภัยของเย่หวูเฉิน ทำให้ผู้คนที่ปกป้องไม่ใช่ตัวตนธรรมดา คนเหล่านี้มีทั้งเหยียนเทียนเว่ย , เหยียนต้วนชาง , เหยียนกงลั่ว , ฉุ่ยหยุนเทียน และฉุ่ยอู๋เชว เหล่าผู้มีสายเลือดบริสุทธิ์อย่างพวกเขาย่อมไม่มีวันทรยศ ยามที่เย่หวูเฉินหมดสติอยู่ พวกเขาไม่กล้ามอบความไว้วางใจให้กับผู้ใด เพื่อความปลอดภัยของเย่หวูเฉิน พวกเขาจึงวางมือจากงานทุกอย่างในหลายวันที่ผ่านมา ในที่สุดตอนนี้เขาก็ตื่นขึ้นแล้ว ด้วยการตรวจสอบอย่างระวัง ร่างกายของเขาไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ปลอดภัยและแข็งแรงดี

“นายท่าน ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว พวกเรากินไม่ได้นอนไม่หลับมาตลอดหลายวัน ทุกวันหัวใจล้วนหวาดกลัว ท่านปู่ของข้ายังผมขาวขึ้นมาก” เหยียนกงลั่วลูบอกตัวเองและกล่าวอย่างโล่งใจ

เย่หวูเฉินดึงมือของฮั่วฉุ่ยโหรว กอดนางขึ้นสู่เตียง รวมถึงเสี่ยวโม่ที่ยังไม่ถอดรองเท้า ยิ้มบางและพยักหน้าให้พวกเขา “หลายวันนี้ ต้องเหน็ดเหนื่อยพวกเจ้าแล้ว”

“ปกป้องนายท่านคือหน้าที่หลักของพวกเรา ดังนั้นนี่ย่อมไม่นับเป็นสิ่งใด ทำให้นายท่านบาดเจ็บถึงเพียงนี้ พวกเรามีแต่ความกลัวเท่านั้น.... นายท่าน วันนั้นแท้จริงแล้วเป็นผู้ใดกัน....” ฉุ่ยอู๋เชวถามอย่างสงสัย ด้วยพลังของเย่หวูเฉิน เขาสามารถรับมือกับสามสุดยอดแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือได้เพียงตัวลำพัง ทว่ากลับยังมีคนที่สามารถทำร้ายเขาได้

“ไม่จำเป็นต้องถามอีก” ฉุ่ยหยุนเทียนสั่นศีรษะหนัก “มีเพียงผู้มาเยือนเมื่อหนึ่งเดือนก่อนเท่านั้น เป็นคนที่ทรงพลังทองคำนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย ข้าแทบไม่อยากเชื่อว่าในโลกนี้จะมีพลังน่าสะพรึงกลัวเช่นนั้นอยู่”

เย่หวูเฉินเงียบงันไม่กล่าวคำ ความคิดหวนย้อนกลับไปในช่วงก่อนที่เขาจะหลับไหล

การเงียบของเย่หวูเฉินคือการยอมรับในที เหยียนต้วนชางมุ่นคิ้วลงและถาม “นายท่าน ตอนนี้คนผู้นั้น....”

“จากไปแล้ว ทั้งยังพาเสวี่ยเอ๋อร์และทงซินจากไป” เย่หวูเฉินยิ้มอย่างขมขื่น ทว่าน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์

หลายคนตรงนั้นพลันชะงักค้างพร้อมกัน

พาหนิงเสวี่ยและทงซินจากไป....

นี่มัน....?

“หรือว่า....” เหยียนเทียนเว่ยเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้

“อย่าสงสัยเลย สิ่งที่ท่านเดาไว้นั้นถูกต้องแล้ว.... ในที่สุด พวกนางก็ถูกพากลับไป” เย่หวูเฉินยังคงยิ้ม บีบมือนุ่มของฮั่วฉุ่ยโหรวเบาๆ เบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง

“.......” เหยียนเทียนเว่ยหรี่ดวงตาชราลง ถอนหายใจยาวและกล่าว “เช่นนั้น ความสงสัยที่มีมายาวนานของข้าก็คลายลงแล้ว คนผู้นั้นไม่ใช่คนของโลกนี้เช่นเดียวกับเจวี๋ยเทียนในอดีต แต่เป็นเทพที่มาจากทวีปเทวะอันห่างไกล.... คิดไม่ถึงว่าหนิงเสวี่ยและทงซินจะเป็นคนของทวีปเทวะเช่นกัน ไม่แปลกใจเลย ทงซินเยาว์วัยถึงเพียงนี้แต่ทรงพลังเป็นสตรีเทพพิโรธ.... ที่แท้เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้”

สำหรับผู้คนทั่วไป ข้อเท็จจริงนี้เป็นเรื่องทีเหลือเชื่ออย่างมาก ทว่าพวกเขาบรรลุอยู่บนวิถีเทวะ ดังนั้นจึงสามารถยอมรับตัวตนของเทพ

“เทพ.... กลายเป็นว่าคนผู้นั้นคือเทพ มิน่าขนาดนายท่านยัง.... ที่แท้ สาวน้อยตัวเล็กๆสองคนนั้นก็คือเทพ....” เหยียนกงลั่วเอ่ยเสียงแผ่วเบา ไม่อาจอดห้ามความตะลึง จากนั้น เขาอดไม่ได้และเคลื่อนสายตามองที่เสี่ยวโม่ ด้วยวัยเพียงนี้ กลับมีพลังและจิตสังหารอันน่าอัศจรรย์ หรือว่านางเองก็เป็น....

“นายท่าน โปรดอย่าเสียใจเลย พวกเรา....”

“วางใจได้ ข้าจะไม่เสียใจ” เย่หวูเฉินเอ่ยขัดจังหวะฉุ่ยหยุนเทียน เขาเงยศีรษะมองขึ้นไปเบื้องบนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เหตุใดข้าต้องเสียใจด้วย เสวี่ยเอ๋อร์และทงซินจากบ้านมานานแล้ว พวกนางกลับบ้านเพื่อไปเยี่ยมเยียน.... พวกนางกำลังรอข้าให้ไปเยี่ยมบ้านเกิดของพวกนาง รอคอยข้าให้ไปรับพวกนางกลับมา ดังนั้น ข้าจะรีบไปที่นั่นในไม่ช้านี้”

เหยียนเทียนเว่ย “.......”

เหยียนต้วนชาง “.......”

เหยียนกงลั่ว “.......”

ฉุ่ยหยุนเทียน “.......”

ฉุ่ยอู๋เชว “.......”

“นายท่าน ท่านสบายดีไหม?” เหยียนกงลั่วถามอย่างระวัง ทวีปเทวะ.... ยังไม่ต้องกล่าวถึงวิธีการไปที่นั่น กระทั่งยอดฝีมือผู้ทรงพลังสูงสุดของมนุษย์ หากไปที่นั่นแล้วล้วนเป็นได้เพียงตัวตนธรรมดา กระทั่งค่อนไปทางต่ำต้อย ที่แห่งนั้นไม่ใช่สถานที่ที่มนุษย์ควรไปเยือน

“ข้าสบายดี.... เอาเถอะ อย่าได้กล่าวถึงเรื่องนี้อีก หลายวันมานี้มีเรื่องใดที่สำคัญบ้าง” เย่หวูเฉินถามเปลี่ยนเรื่อง แม้ว่าตอนนี้หัวใจของเขาล่องลอยไปอยู่แห่งใดแล้วไม่ทราบ

เหยียนเทียนเว่ยสั่นศีรษะ “ไม่มีเรื่องสำคัญใด แต่ว่า คนผู้หนึ่งได้กลับมาแล้ว”

“โอ้?” เย่หวูเฉินแปลกใจเล็กน้อย

เวลานี้เอง ประตูถูกผลักเปิด ร่างกำยำสูงใหญ่ปรากฎที่ปากประตู พอเห็นเย่หวูเฉินในยามนี้ แววตาของเขาก็เป็นประกายขึ้น พลางตะโกนคำอย่างตื่นเต้น “น้องเย่ เจ้าฟื้นแล้ว!”

เย่หวูเฉินพยักหน้า กล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่ใหญ่ฉู่ ไม่ได้พบกันซะนาน ดีใจที่ท่านกลับมาในที่สุด”

ฉู่จิงเทียนยิ้มบางตรงมุมปาก “ไม่กี่วันก่อนข้าได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับน้องเย่ หากไม่ได้มาดูเจ้าด้วยตาตัวเอง ข้าคงไม่อาจวางใจได้ ตอนนี้ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว”

เย่หวูเฉินมองเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าว “พี่ใหญ่ฉู่ ท่านเปลี่ยนไปแล้ว”

ฉู่จิงเทียนส่ายศีรษะแล้วพยักหน้า จากนั้นยิ้มอย่างหดหู่ “ท่านปู่ของข้าเคยกล่าวไว้ คนเรามักเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด บางคนก็ช้า บางคนก็เร็ว บางคนเปลี่ยนไปมาก บางคนเปลี่ยนไปน้อย แต่เปลี่ยนไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน บางทีข้าคงชอบตัวเองในยามนี้”

แววตาของเขาไม่ได้กระตือรือร้นและร่าเริงเหมือนแต่ก่อน ทว่าลุ่มลึกและปิดซ่อนความกร้าวแกร่ง รอยยิ้มของเขาไม่ได้เรียบง่ายและใสซื่ออีกต่อไป ทว่ามันแฝงอันตรายไว้อย่างยิ่ง รอยยิ้มนี้ยังแสดงให้เห็นว่าเขาเติบโตขึ้น สุขุมและมั่นคง จากหัวใจที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง

[ปล.เปลี่ยนจากหอคอยเทพเจ้าเป็น หอคอยผ่านเทพ]



<<<PREV    .    NEXT>>>