วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 518

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 518 ฆ่าล้าง

“นายท่าน” เล่งหยาส่งเสียง พยายามขยับร่างลุกขึ้น ทว่าเย่หวูเฉินกดไว้และกล่าว “อย่าพึ่งขยับ” พลังของเขาในยามนี้สามารถรักษาคนเจ็บสาหัสได้ในพริบตา ทว่าไม่อาจฟื้นคืนพลังให้ได้ เขาหันไปทางฉู่จิงเทียนที่จ้องมา ด้วยแววตาดุจเห็นบางอย่างที่สุดแสนเหลือเชื่อ

“พี่ใหญ่ฉู่ เล่งหยา ข้ารู้ตัว.... ว่าข้ามาช้า” เย่หวูเฉินถอนหายใจ ถูกต้อง.... เขามาช้า วันนี้คือวันที่หนิงเสวี่ยและทงซินต้องกลายเป็นเครื่องสังเวย ทันทีที่เขาได้ยินข่าว เขาแทบพุ่งมาที่นี่อย่างบ้าคลั่งทันที ทั้งหวาดกลัวตลอดเส้นทาง.... หากเขามาที่นี่ช้าอีกเพียงวันเดียว เขาจะเผชิญหน้ากับตัวเอง และเผชิญหน้ากับทั้งทวีปเทวะได้อย่างไร

ฉู่จิงเทียนยังคงจ้องมองอย่างโง่งม ฉับพลันเขากล่าว “น้องเย่.... เจ้าดูเหมือน.... เปลี่ยนไปเล็กน้อย”

“ตรงไหนเหรอ?” เย่หวูเฉินยิ้มบาง “ที่ไม่เหมือนเดิม”

วันนี้ เย่หวูเฉินบรรลุพลังหวูเฉินขั้นที่ห้า.... ทว่าพลังหวูเฉินขั้นห้าที่เขาบรรลุในคราวนี้ แตกต่างจากพลังขั้นห้าที่เขาเคยบรรลุโดยสิ้นเชิง ความต่างของพวกมันราวกลางวันและกลางคืน ทุกขอบขั้นที่บรรลุล้วนปรับสภาพจิตใจและอารมณ์ ดังนั้น ฉู่จิงเทียนจึงสัมผัสได้รางๆถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ แต่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ เพียงรู้สึกถึงมันแต่ไม่อาจพูดถึง

ฉู่จิงเทียนจ้องมองอย่างจริงจังเป็นเวลาครู่หนึ่ง ทว่าเขาทำได้เพียงส่ายศีรษะ “ไม่รู้สิ.... แต่ข้ารู้สึกได้ น้องเย่ ชายชุดดำคนนั้น เขา....”

“ข้าจะบอกเรื่องนี้กับท่านในภายหลัง ข้าต้องรีบไปหาหนิงเสวี่ยและทงซินและพาออกมาก่อน พวกนางกำลังรอข้าอยู่” เย่หวูเฉินยืนขึ้น ทุกขณะนาทีล้วนเกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของหนิงเสวี่ยและทงซิน เขาไม่อาจรั้งรอได้อีก.... ไม่ว่าที่นี่คือที่ใด ไม่ว่าเผชิญหน้ากับใคร ไม่ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาไม่มีวันเลือกทางที่สองอีก.... ไม่ว่าใครปิดกั้นไม่ให้เขาเข้าถึงหนิงเสวี่ยและทงซิน ต่อให้คนทั้งโลกขวางอยู่ก็ตาม เขาก็จะข้ามศพของพวกมันและเร่งรุดสู่พวกนาง

มองเห็นร่างของฉิงเทียนถูกตัดครึ่งอยู่บนพื้น รวมทั้งเห็นศพของฝาเทียน เขายิ้มกล่าว “พี่ใหญ่ฉู่ เล่งหยา ทำได้ดีมาก.... พลังของพวกท่านข้ามผ่านพลังเหนือเทพได้แล้ว”

ในที่ไกลๆ ฮุ่นเทียนที่ถูกเย่หวูเฉินอัดปลิวได้ลุกขึ้น มันปัดฝุ่นออกจากร่าง มองเย่หวูเฉินด้วยสายตาเย็นชา ก่อนยิ้มทะมึน “รู้จักกัน?.... งั้นก็ตายไปพร้อมกันอีกคนซะ!”

“ระวังด้วย เจ้านี่ไม่ได้ธรรมดาเหมือนเจ้าหนุ่มสองคนก่อน เจ้าคงไม่อยากตายอย่างไร้ค่าเหมือนฉิงเทียนกับฝาเทียนหรอกนะ” หยางเทียนที่ลอยอยู่กลางอากาศส่งเสียงเตือน ขณะที่ฮุ่นเทียนถูกโจมตีจนปลิวลิ่ว พวกมันหลายคนมองไม่ทันว่าเย่หวูเฉินโผล่มาจากไหน ความเร็วยังเหนือล้ำจนพวกมันไม่ทันตอบสนอง กระทั่งยังรวดเร็วกว่าเจ้าหนุ่มชุดดำที่มีปราณปีศาจ.... อยู่เล็กน้อย

ฮุ่นเทียนปัดฝุ่นออกจากร่าง แค่นเสียงเย็นดูถูก “เจ้ากลัวงั้นเรอะ!? เฮอะ!”

มันสืบเท้าตรงมาทางเย่หวูเฉินไม่กี่ก้าว จับจ้องด้วยแววตาเหยียดหยัน “เจ้าหนุ่ม ผู้ใดกล้าบุกรุกเข้ามายังวิหารเทวะ ผลลัพธ์ล้วนไม่เคยเป็นสอง” เย่หวูเฉินโผล่เข้ามารวดเร็วมาก มันมองไม่ทันแม้แต่น้อย ทว่าพลังที่ซัดมันจนปลิวไปไกล กลับมิได้ทำให้มันรู้สึกเจ็บปวดใดๆ เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้มีเพียงความเร็วที่ผิดธรรมดา แต่พลังไม่อาจคุกคามมันได้แม้แต่น้อย

“น้องเย่.... ระวังด้วย พวกมันคือเทพขุนพลของที่นี่ ทรงพลังอย่างมาก เจ้าระวังตัวให้ดี....” ฉู่จิงเทียนส่งเสียงอย่างอ่อนแอ เขายังติดภาพเย่หวูเฉินก่อนปีนป่ายหอคอยผ่านเทพ และเขาพึ่งผ่านการต่อสู้กับฉิงเทียน ดังนั้น เขาจึงทราบดีว่าเทพเหล่านี้ทรงพลังน่ากลัวเพียงใด เวลานี้ พลังของเย่หวูเฉินไม่อาจเป็นคู่มือพวกมันได้

ตรงกันข้ามกับเล่งหยา เขาไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย แววตาเย็นชากลับสาดประกายคาดหวังอันลึกล้ำ ตอนที่เย่หวูเฉินรักษาบาดแผลให้เขา เขารู้ทันทีว่าเย่หวูเฉินไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป.... เพียงเวลาสั้นๆไม่ถึงหนึ่งวัน ภายใต้ร่างกายของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง ราวกับกลายเป็นอีกคนโดยสิ้นเชิง

“วางใจได้ ปล่อยทุกอย่างให้ข้าจัดการเอง” เย่หวูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนหรี่ตามองไปยังฮุ่นเทียน เขาเคลื่อนสายตาไปยังท้องฟ้า มองหยางเทียน , เฟิงเทียน , และตั๋วเทียนที่อยู่บนนั้น กล่าวคำที่พวกมันไม่มีทางคิดฝันออกมา “ข้าไม่อยากเสียเวลา ให้พวกเจ้าเลือกมาในสองทางนี้.... หนึ่งไสหัวไปให้หมด หรือสอง.... ตายทั้งหมด!”

ราวกับพลันได้ยินเรื่องตลกน่าหัวร่อที่สุดในโลก เทพขุนพลทั้งสี่ชะงักงันอยู่ชั่วขณะ จากนั้นระเบิดเสียงหัวเราะลั่น ชี้นิ้วไปที่เขาและยิ้มหยัน “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า.... น่าสนใจจริงๆ.... กลายเป็นว่า ในโลกนี้ยังมีมนุษย์ที่โง่เง่าถึงเพียงนี้อยู่อีก.... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า....”

เย่หวูเฉินยกมุมปากขึ้นอย่างไม่อาจสังเกต ร่างกายหายไปจากตรงนั้นฉับพลัน.... ไม่สิ ไม่ใช่หายไป แต่เป็นรวดเร็วเกินไป รวดเร็วจนราวกับว่าหายตัวได้ เทพขุนพลทั้งสี่ยังไม่ทันตอบสนอง.... เขาก็ปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งที่เบื้องหน้าของฮุ่นเทียน ร่างของเขายังคงยืนตรง เหวี่ยงหมัดที่ดูคล้ายไร้พลังตรงเข้าสู่อกมัน

โจมตีโดยใช้พลังกาย แม้มีพลังเพียงขอบเขตเทวะ การโจมตีนี้ก็สมควรนำมาซึ่งพลังระเบิดหูดับ ปลดปล่อยสนามพลังสร้างอากาศบิดผัน ทว่าเป้าหมายกลับมิได้ถูกอัดปลิวออกไป หมัดของเย่หวูเฉินต่อยร่างของฮุ่นเทียนโดยไม่เกิดสุ้มเสียง ราวกับนี่มิใช่หมัดหนักหน่วง แต่เป็นหมัดที่สัมผัสร่างเพียงแผ่วเบาเท่านั้น

อย่าว่าแต่ฮุ่นเทียนถูกอัดร่างให้กระเด็นเลย กระทั่งถอยหลังสักก้าวยังไม่มี

เทพขุนพลทั้งสามที่ลอยร่างอยู่ยังไม่ทันแค่นเสียงหัวร่อ ทันใดนั้น พวกมันพลันพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เย่หวูเฉินยังคงมีสีหน้าสงบ ทว่ากลับมีรอยยิ้มบางแฝงในความสงบนั้น สองวินาทีผ่านไป หมัดยังคงแช่ค้างบนอกของฮุ่นเทียน ราวกับฮุ่นเทียนแข็งค้างไปแล้ว ทั้งร่างไม่เคลื่อนไหว มีเพียงสายตาที่เบิกกว้างอย่างประหลาด ทำให้ผู้คนกลัวว่าดวงตาของมันจะถลนออกมา

วินาทีที่สาม เย่หวูเฉินถอนหมัดกลับและมองมันอย่างเหยียดหยัน ฮุ่นเทียนตอบสนองในที่สุด มันส่งเสียงเจ็บปวดในปาก ดวงตายังคงเบิกกว้าง สองมือสั่นเทายกขึ้นกุมทรวงอกตรงจุดที่ถูกต่อยโดยเย่หวูเฉิน มันถอยไปก้าวหนึ่งด้วยร่างโซเซ จากนั้นร่วง ‘ตุบ’ ลงกับพื้น สองมือกุมอกครวญครางอย่างเจ็บปวด

“อะ.... อะไร!?” เฟิงเทียน , หยางเทียน และตั๋วเทียนสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นตะลึง ไม่อาจเชื่อสายตาตัวเองได้ ฉู่จิงเทียนยิ่งตะลึงกว่าผู้ใด ฮั่วเทียนคือหนึ่งในแปดเทพขุนพล พลังของมันสมควรเทียบเท่าฉิงเทียนและฝาเทียน ทว่าตัวตนทรงพลังปานนี้ กลับถูกเย่หวูเฉินใช้เพียงหมัดเดียวเท่านั้น.... หนึ่งหมัดที่เรียบง่ายอย่างยิ่ง กลับทรงพลังทำให้เทพขุนพลพ่ายแพ้

“น้องเย่ เจ้า.... เจ้า....” ฉู่จิงเทียนพูดตะกุกตะกัก ไม่เพียงความคิดที่สับสน แต่กระทั่งลิ้นยังพันกัน

เย่หวูเฉินหันกลับมาและแย้มยิ้ม “วางใจเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงข้า.... เซียงเซียง ส่งพวกเขาไปยังสถานที่ที่พวกเรามาถึงในตอนแรก ที่นั่นสมควรไม่มีใครอยู่”

เซียงเซียงปรากฎตัวขึ้น แผ่แสงขาวส่งเล่งหยาที่ยังไม่อยากจากไป และฉู่จิงเทียนที่ยังคงส่งเสียงถาม

ในอีกสถานที่หนึ่ง พื้นดินใต้วิหารเทวะ

เทพจักรพรรดิลืมตาขึ้นในที่สุด นางกระซิบอย่างสงบ “ฝาเทียนตายแล้วอีกหนึ่ง กลิ่นอายของฮุ่นเทียนยังเบาบางยิ่ง.... เวลาเพียงสั้นๆเท่านี้ ดูเหมือนเผ่าพันธุ์ปีศาจได้ส่งกำลังแกร่งกล้ามาทัน อย่างไรก็ตาม มีเย่หมิง , เสวี่ยเย่ , และเชียนจ้งอยู่ที่นี่ พวกมันไม่มีทางบุกเข้ามาได้....”

ลวดลายบนพื้นได้สว่างเรืองรองเกือบเต็มที่ แสงที่ส่องกระทบร่างองค์หญิงไป่เย่และองค์หญิงเฮยเย่ยังเข้มข้นขึ้น นางกล่าวกับตัวเอง “ทันทีที่เทพลึกลับตื่นขึ้น ทุกอย่างจะจบลงทันที.... ไป่เย่ เฮยเย่.... ทวีปเทวะของพวกเรา จะจดจำนามของพวกเจ้าไปตลอดกาล”

เฟิงเทียน , หยางเทียน และตั๋วเทียนเรียกอาวุธของตัวเองออกมา บินแยกออกสามทิศ ล้อมเย่หวูเฉินไว้ตรงกลางจากสามด้าน สีหน้ามิได้ผ่อนคลาย ไร้ความผยองอีก หมัดเดียวต่อยฮุ่นเทียนให้ไร้ประโยชน์ได้ กระทั่งสามขุนพลศักดิ์สิทธิ์ยังไม่อาจทำได้ถึงขั้นนี้ ยามมองชายหนุ่มผู้แปลกหน้า พวกมันนึกไม่ออกเลยว่าคนผู้น่าสะพรึงนี้เป็นใคร

“เจ้าเป็นใคร!” ตั๋วเทียนที่ร่างใหญ่สุดตะโกนถามด้วยเสียงทะมึน

ฟุ่บ!

แสงทองวาบออกต่อหน้าเทพขุนพลทั้งสาม จากนั้นแสงโลหิตสว่างวาบติดตาม มือขวาของเย่หวูเฉินกุมกระบี่ตัดดารา มือซ้ายถือคันศรบาปวิบัติไว้ ฉับพลันนั้น เย่หวูเฉินปล่อยแรงกดดันไร้ตัวตนของศาสตราต้องห้าม ทำให้เทพขุนพลทั้งสาม เฟิงเทียน , หยางเทียน และตั๋วเทียนแทบไม่อาจหายใจ เย่หวูเฉินแค่นเสียงเย็น “ข้าคือผู้สังหารเจวี๋ยเทียนเมื่อหนึ่งปีก่อน.... หลังจากที่พวกเจ้าตกตายแล้ว อย่าลืมไปบอกพวกมันด้วย ว่าเทพขุนพลทั้งแปดอย่างพวกเจ้าได้ตายด้วยน้ำมือของมนุษย์จากทวีปเทียนเฉิน มนุษย์ที่พวกเจ้าเหยียดหยัน”

ประกายสีทองเคลื่อนขยับ ม่านตาของตั๋วเทียนสั่นกระเพื่อม มันเหวี่ยงค้อนหนักในมือเข้าปะทะ กระบี่ตัดดาราและค้อนสัมผัสกัน แสงทองคำระเบิดฟุ้งกระจายทั่ว ค้อนเทพที่มันพกติดกายมานานนับพันๆปีอันแกร่งกล้าไร้รอยขีดข่วน บัดนี้กลับถูกกระบี่ผ่ากลางจนขาดครึ่ง

แขนของมันถูกแรงกระแทกจนชาวูบ มันรีบถอนมือกลับ เทพขุนพลทั้งสามรีบถอยร่างกลับมาอยู่ด้วยกัน หัวใจกดดันอย่างหนักหน่วง สามารถตัดค้อนเทพให้ขาดครึ่งได้โดยตรง.... พวกมันเข้าใจกระจ่างแจ้งถึงพลังของค้อนเทพ ทราบดีว่าต้องใช้พลังเพียงใดจึงสามารถทำลายมันได้ นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ฮุ่นเทียนร่วงหล่นด้วยหมัดเดียว

กระทั่งขุนพลศักดิ์สิทธิ์ยังไม่มีพลังน่าสะพรึงถึงปานนี้ เทพขุนพลทั้งสามตัดสินใจพร้อมกันทันที ฉับพลันนั้น แสงสามสีได้ปะทุขึ้นจากร่างของพวกมัน พร้อมกับเสียงคำรามกู่ก้อง พริบตาเดียวพลังมหาศาลได้พวยพุ่งบดบังท่วมฟ้า

เคล็ดเทวะต้องห้าม!

ไร้ความกังวลใดๆ เย่หวูเฉินไม่แยแสต่อพลังแกร่งกล้าของสามเทพขุนพลแม้แต่นิด เพราะเขามั่นใจว่าต่อให้พวกมันทรงพลังยิ่งกว่านี้ ก็ล้วนไม่มีทางเป็นคู่มือของเขาได้ ทว่าตอนนี้ เขาไม่อาจเสียเวลากับพวกมันได้อีก เขามองเทพขุนพลทั้งสามที่ยืนอยู่ด้วยกัน แววตาสาดประกายบางๆ มือขวาขยับยกขึ้น ส่งแสงอันเรืองรองของกระบี่ตัดดารา

ฟุ่บ!

ครั้งนี้ คือการลงมือที่แท้จริง เขาปรากฎขึ้นที่ด้านหลังของสามเทพขุนพล เหวี่ยงวาด ‘แยกฟ้าผ่าปฐพี’ ในแนวราบ ตัดตรงสู่หยางเทียน , เฟิงเทียน และตั๋วเทียนที่กำลังใช้ออกซึ่งเคล็ดเทวะต้องห้าม

พลังของเย่หวูเฉินได้ก้าวข้ามพวกมันไปไกลแล้ว ซึ่งการที่พลังของเขาเพิ่มขึ้น นั่นหมายถึงเขาสามารถสำแดงอำนาจของกระบี่ตัดดาราและคันศรบาปวิบัติได้มากขึ้น พลังที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลของศาสตราต้องห้าม ย่อมตัดร่างของเทพขุนพลทั้งสามอย่างง่ายดาย จากเอวซ้ายของเฟิงเทียน ตัดผ่านสู่ร่างของหยางเทียน สุดท้ายตัดออกที่เอวขวาของตั๋วเทียน

พลังที่พวยพุ่งได้หยุดลง อากาศและห้วงมิติที่บิดผันเพราะสนามพลังแกร่งกล้าได้สงบลงอย่างรวดเร็ว

เย่หวูเฉินหันร่างและก้าวออกไป ไม่สนใจมองพวกมันอีก ถือกระบี่ตัดดาราและคันศรบาปวิบัติตรงไปยังวิหารเทวะ ที่นั่นมีศัตรูที่น่ากลัวอย่างแท้จริงรออยู่

เฟิงเทียน , หยางเทียน และตั๋วเทียนร่างขาดครึ่งร่วงลงสู่พื้น ตกตายโดยมีสภาพศพไม่ครบถ้วน

นับจากนี้เป็นต้นไป ทวีปเทวะจะไม่มีแปดเทพขุนพล หัวหน้าแห่งเหล่าทหารเทพอยู่อีก ลู่เทียนตกตายในทวีปเทียนเฉิน ถูกทงซินตัดร่างเป็นเศษชิ้นนับไม่ถ้วน เจวี๋ยเทียนตกตายด้วยศรตามจิตโลหิตดำของเย่หวูเฉิน ฉิงเทียนตกตายด้วย ‘กระบี่ฟ้า’ ของฉู่จิงเทียน ฝาเทียนตกตายด้วยการแลกชีวิตของเล่งหยา ฮุ่นเทียนพ่ายลงด้วยหมัดเดียว เฟิงเทียน , หยางเทียน และตั๋วเทียนตกตายพร้อมกันด้วยกระบี่เดียวของเย่หวูเฉิน



<<<PREV    .    NEXT>>>