วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 529

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 529 ทวีปปีศาจ , มุกเซียนอัสนี

“ตอนนี้ ไม่ใช่เวลามาหาว่าใครผิดหรือถูก ท่านสมควรแปลกใจว่าเหตุใดเทพลึกลับขาวถึงยังดำรงอยู่.... ร่างและพลังของเทพลึกลับขาวถูกผนึกไว้ด้วยพลังพิเศษ ไม่จำเป็นต้องไต่ถามว่ามันคือพลังพิเศษใด ข้าบอกได้เพียงว่า ในเวลาสามชั่วโมงนี้เทพลึกลับขาวจะไม่หายไป ระหว่างนี้ หากสามารถฆ่าเทพลึกลับดำได้ เทพลึกลับขาวจะสลายไปพร้อมกับมัน หนิงเสวี่ยและทงซินจะปลอดภัย! ท่านเข้าใจความหมายของข้าหรือไม่?” เย่หวูเฉินกล่าวด้วยคิ้วขมวดมุ่น

เทพจักรพรรดิ “.......”

ฆ่าเทพลึกลับดำ? ผู้ใดจะเข้าใจความน่ากลัวของเทพลึกลับได้ดียิ่งกว่านาง นี่คือภารกิจที่ไม่อาจเป็นไปได้! ไม่อย่างนั้น นางคงไม่ส่งเทพลึกลับขาวผ่านข่ายปราณไปยังทวีปเทียนเฉิน สังหารเทพลึกลับดำในเวลาสามชั่วโมง นี่ไม่ต่างอันใดจากเรื่องตลกน่าหัวร่อ

“สติของเทพลึกลับดำเกิดขึ้นจากทงซิน มีท่านเป็นผู้จัดการทุกอย่าง ท่านสมควรทราบวิธีทำลายมัน ถูกต้องหรือไม่!” เย่หวูเฉินหรี่ตาลง จับจ้องใบหน้าสังเกตทุกการแปรเปลี่ยนของนาง ดวงตานางถูกปกคลุมด้วยม่านทองคำ ทว่าใบหน้ายังคงเผยความงามอันศักดิสิทธิ์ที่ไม่อาจบรรยาย

เทพจักรพรรดิทอดถอนใจแผ่วเบา “เจ้าคิดไร้เดียงสาเกินไป หากข้าควบคุมสติของเทพลึกลับดำได้ ใยข้าต้องทำลายเทพลึกลับขาวด้วยวิธีการนั้น เทพลึกลับดำได้สติจากเฮยเย่ ขณะที่เทพลึกลับขาวเกิดสติบ้าคลั่ง.... เทพลึกลับดำและขาวเชื่อมโยงกันอย่างแนบชิด สติของทั้งสองจึงโน้มเอียงไปทางเดียวกัน เมื่อเทพลึกลับขาวเกิดสติบ้าคลั่ง เทพลึกลับดำจึงถูกโน้มนำให้เกิดสติบ้าคลั่งตาม.... เทพลึกลับทั้งสองกำลังคลั่ง มีแต่อาละวาดเท่านั้น ไม่รับคำสั่งของผู้ใด”

เย่หวูเฉินเงียบงัน สั่นศีรษะและถอนหายใจ “เป็นอย่างที่คิด.... เทพจักรพรรดิ เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว มากความไปมีแต่ไร้ประโยชน์ หนิงเสวี่ยและทงซินคือเงาของข้า คือลูกสาวของท่าน แม้ต้องจ่ายด้วยราคาสาหัสเพียงใด ข้าก็จะต้องช่วยพวกนางให้ได้ ดังนั้น ข้าต้องการให้ท่านช่วย”

“เจ้าหวังเอาชนะเทพลึกลับดำอย่างนั้นรึ?” เทพจักรพรรดิถาม

“ถูกต้อง!” เย่หวูเฉินตอบ

เทพจักรพรรดิมองเขาอย่างนิ่งงัน ก่อนสั่นศีรษะช้าๆ “เจ้าเอาชนะสามขุนพลศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งสุดแห่งทวีปเทวะพร้อมกันได้ด้วยตัวลำพัง ทั่วโกลาหลแห่งนี้แทบไม่เหลือใครเอาชนะเจ้าได้ ทว่า.... เทพลึกลับดำครองพลังแกร่งกล้าเกินกว่าที่เจ้าคาดไว้ไปไกล อย่าว่าแต่ตัวเจ้าตอนนี้เลย ต่อให้มีเจ้าสิบคน ก็ไม่มีหวังเอาชนะมันได้”

เย่หวูเฉินยังคงไม่เคลื่อนไหว เพียงหัวเราะแผ่วเบา “ครั้งหนึ่ง ท่านก็คงเคยคิดว่า มนุษย์แห่งทวีปเทียนเฉินที่ต่ำต้อยอย่างข้า ไม่มีหวังเอาชนะขุนพลศักดิ์สิทธิ์แห่งทวีปเทวะของท่านได้!”

เทพจักรพรรดิ “.......”

“เพื่อพวกนาง ข้าสามารถสังหารเทพขุนพลและขุนพลศักดิ์สิทธิ์ของท่าน บุกฝ่าเข้าไปในวิหารเทวะ ตอนนี้ เหตุใดข้าจะเอาชนะเจ้าเทพลึกลับนั่นไม่ได้! ตราบใดที่ยังมีแสงแห่งความหวัง ข้าล้วนปรารถนาสู้ด้วยทุกอย่างที่มี หากไม่กล้าพยายาม นั่นต่างหากคือสิ้นหวังแท้จริง ท่านไม่กล้า แต่ข้ากล้า....” เย่หวูเฉินสูดหายใจลึก กล่าวคำหนักแน่น “ข้าอยากให้ท่าน ส่งข้าไปยังทวีปปีศาจ! ท่านสมควรรู้ว่า สามารถไปยังที่นั่นได้ด้วยวิธีใด!”

ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงล้วนหนักแน่นไร้ที่เปรียบ.... เขาเอาจริงอย่างที่สุด ต้องการไปยังทวีปปีศาจให้ได้ ภายในเวลาสามชั่วโมง ทำภารกิจที่แทบไม่ต่างจากสิ้นหวัง

เขาโง่จริงๆหรืออย่างไร?.... ไม่ใช่ เป็นเพราะยึดมั่น เขาไร้ความลังเลใดๆ เพราะยึดมั่นในตัวไป่เย่และเฮยเย่

เทพจักรพรรดิสัมผัสจับใจอย่างแรงกล้า เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ความรู้สึกภายในกระเพื่อมไหวรุนแรงเช่นนี้

การเงียบงันของนางเท่ากับการยอมรับ เย่หวูเฉินสงบใจโดยไร้สงสัย รอคอยให้นางตอบคำ เขาต้องอดทนต่อความร้อนรนภายในใจ สามชั่วโมงเป็นเวลาที่สั้นเกินไปนัก ทุกขณะนาทีเกี่ยวพันถึงความเป็นตายของหนิงเสวี่ยและทงซิน ผูกโยงถึงความเป็นตายของทวีปเทียนเฉิน

“มีอยู่สถานที่หนึ่งในทวีปเทวะ” เทพจักรพรรดิเปิดปากในที่สุด ทว่าต่อจากนั้น นางกล่าวจริงจังอย่างยิ่ง “ที่นั่น แม้สามารถใช้เคลื่อนย้ายไปยังทวีปปีศาจได้โดยตรง ทว่าตำแหน่งที่ไปถึงทวีปปีศาจกลับถูกเรียกว่า ‘คุกโลกันตร์อัสนี’ ที่นั่น กระทั่งจักรพรรดิปีศาจชาโหวยังไม่อยากเฉียดกรายใกล้ๆ ครั้งหนึ่งเย่หมิงและเชียนจ้งลองไปยังที่นั่น พวกมันไม่อาจฝืนอยู่ได้นานก็ต้องรีบกลับมา หากไม่ใช่เพราะที่ที่รออยู่ตรงนั้นคือคุกโลกันตร์อัสนี พวกเราคงบุกทวีปปีศาจไปนานแล้ว กระทั่งอย่างนี้ เจ้ายังอยากไปอยู่หรือไม่?”

“พาข้าไปที่นั่น” เย่หวูเฉินตอบโดยไร้ความลังเล

“เจ้ามีพลังมิติ บางที เมื่อเจ้าไปถึงที่นั่นอาจพอหนีออกไปได้” เทพจักรพรรดิชำเลืองมองด้วยสีหน้าซับซ้อน นางกล่าว “มากับข้า”

เทพจักรพรรดิเหยียดนิ้วออก วาดเป็นรูปวงกลมกลางอากาศ เพียงไม่นาน ข่ายปราณรูปวงกลมก็ปรากฎอยู่ใต้เท้าของเย่หวูเฉิน แสงขาววาบออกจากข่ายปราณปกคลุมร่างของเขา นำสองบุคคลหายไปจากตรงนั้นทันที

สถานที่นี้มืดสลัว เมื่อภาพตรงหน้าปรากฎ เย่หวูเฉินพลันหันมองไปรอบๆ สิ่งแรกที่รู้สึกได้ คือที่นี่สมควรเป็นปราสาทร้างโบราณ

“ครั้งหนึ่ง ที่นี่เคยเป็นวิหารเทวะ มันถูกทิ้งร้างเมื่อหมื่นปีก่อน” เทพจักรพรรดิเอ่ยคำราบเรียบ

ในมุมหางตาของเย่หวูเฉิน แลเห็นสองร่างที่คุ้นตานอนอยู่ตรงมุมหนึ่ง.... สาเหตุที่กล่าวว่าคุ้นตา ไม่ใช่เพราะเขารู้จักสองคนนั้นอย่างดี ทว่าตัวตนของพวกมันยากยิ่งที่ผู้ใดจะลืมได้ เป็นเชียนจ้งและเสวี่ยเย่ที่หลับไหลไม่ยอมตื่น

เห็นเย่หวูเฉินมองไปยังพวกมัน เทพจักรพรรดิกล่าวคำอธิบายราบเรียบ “ข้าเกรงว่าพวกมันจะบาดเจ็บจากพลังของเทพลึกลับขาว จึงส่งพวกมันมายังที่แห่งนี้ ที่นี่ สามารถใช้เดินทางไปสู่ทวีปปีศาจได้โดยตรง”

เทพจักรพรรดิทราบว่าเวลาสำคัญกับเย่หวูเฉินเพียงใด นางไม่ทำให้เขาเสียเวลาอีก นางยกมือสองข้างวางลงบนอกเขา ในปากร่ายคำอย่างเงียบงัน ลวดลายสีดำค่อยๆปรากฎขึ้นบนพื้น เย่หวูเฉินเคลื่อนสายตาและพบว่าตนเองอยู่ใจกลางวงข่ายปราณนี้ เขาเคลื่อนตามองเทพจักรพรรดิ บอกด้วยสายตาว่าพร้อมถูกส่งไปยังทวีปปีศาจแล้ว

เทพจักรพรรดิมองเขาอย่างลึกล้ำเป็นครั้งสุดท้าย วาดมือขึ้นช้าๆ ลำแสงสีดำพุ่งเข้าห่อหุ้มเย่หวูเฉินทันที “ไป.... พวกเราหวังว่า เจ้าจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์อันเหลือเชื่อให้เกิดขึ้นได้จริงๆ”

ความหวังนี้มีอยู่มากเพียงใด มีเพียงนางที่แจ่มแจ้งกว่าผู้ใด เพราะนางเข้าใจลึกซึ้งถึงพลังของเทพลึกลับ

แสงสีดำหายไปทันที มองยังวงข่ายปราณที่กลายเป็นว่างเปล่า เทพจักรพรรดิยืนเงียบงันอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน เวลานี้ นางพบว่าหัวใจตนเองกำลังซับซ้อนยิ่ง เป็นความสับสนที่ไม่อาจอธิบาย สับสนเรื่องใด.... นางไม่อาจทราบ แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้ คือบุรุษจากทวีปเทียนเฉินผู้นี้ทำให้หัวใจนางไม่อาจสงบเงียบ

เทพลึกลับดำและเทพลึกลับขาว ถูกสร้างขึ้นโดยเทพจักรพรรดิรุ่น 7 ผู้ต้องเผชิญทัณฑ์สวรรค์อันโหดเหี้ยมเป็นราคา ตอนนี้พวกมันกลับกลายเป็นต้นตอของหายนะใหญ่หลวง บางที นี่อาจเป็นอีกหนึ่งบทลงทัณฑ์ จากการฝ่าฝืนเจตจำนงค์ของสวรรค์

สิ่งที่ฝ่าฝืนเจตจำนงค์ของสวรรค์ ไม่สมควรดำรงอยู่

....................

.....................

ครืน!

เปรี้ยง!

เปรี้ยง~~~~

ยังไม่ทันเห็นภาพรอบกายชัด ข้างหูก็ได้ยินสายฟ้าฟาดดังสนั่น เมื่อเย่หวูเฉินปรากฎกายขึ้นที่นี่ สิ่งแรกที่ต้อนรับเขาคือสายฟ้าลำหนาฟาดผ่าลงมาเหนือศีรษะอย่างต่อเนื่อง

เปรี้ยง!!

สายฟ้าท่วมท้นเต็มสายตา ร่างของเย่หวูเฉินจมอยู่ในสายฟ้าสีม่วงโดยตรง หลังสิ้นเสียงระเบิด เย่หวูเฉินยืนนิ่งงันไร้รอยแผลอยู่ตรงนั้น เขาเงยศีรษะมองบริเวณโดยรอบและมองขึ้นไปบนฟ้า

คุกโลกันตร์อัสนี....

เพียงมายืนอยู่ที่นี่ด้วยตัวเอง เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าคุกโลกันตร์อัสนีที่ขวางกั้นสามขุนพลศักดิ์สิทธิ์ไว้ได้นี้น่าหวาดกลัวเพียงใด นี่ไม่ใช่โลกอันมืดมัว แต่ทุกทิศเรืองรองด้วยแสงสีม่วงของสายฟ้า ท้องฟ้าเบื้องบนยังเป็นสีม่วงล้ำลึก สายฟ้านับไม่ถ้วนฟาดลงมาจากฟากฟ้า แทบท่วมท้นทุกบริเวณ ทุกตารางนิ้วของพื้นที่ สายฟ้าแต่ละเส้นยังไม่ใช่ธรรมดา มันบรรจุพลังน่าสะพรึงที่กระทั่งยอดฝีมือศักดิ์สิทธิ์ยังมีปัญหา

สำหรับยอดฝีมือศักดิ์สิทธิ์ การรับสายฟ้าสองครั้งอาจไม่นับเป็นสิ่งใด ทว่าภายใต้สายฟ้านับหมื่นพันที่ฟาดลงมาอย่างต่อเนื่อง?

สามารถสงบได้อย่างสมบูรณ์ ใต้ฟ้าแห่งนี้ อาจมีเพียงเย่หวูเฉินเท่านั้นที่ทำได้ ด้วยร่างกายที่ผิดปกติของเขา

นี่คือหุบเหวลึกที่มองไม่เห็นยอด มันไม่ใช่เหวที่เกิดจากธรรมชาติ แต่ถูกสายฟ้าจู่โจมทำลายเป็นเวลานาน มีน้อยชีวิตนักที่กล้าเข้ามาที่นี่ การมาถึงของเย่หวูเฉินราวกับทำให้สายฟ้าพลันพบเป้าหมาย มันฟาดลงบนร่างของเย่หวูเฉินอย่างบ้าคลั่ง สายฟ้าลำหนาแต่ละเส้น ทรงพลังเพียงพอทำลายปฐพี ผ่าภูเขาให้แยกออกเป็นสองซีก

เย่หวูเฉินแหงนมองเบื้องบนอยู่ครู่หนึ่ง แววตาเปลี่ยนไป ท่าทางครุ่นคิด

“เจ้านาย หรือว่าที่นี่จะมี....” ในห้วงสติของเย่หวูเฉิน แว่วเสียงลังเลของหนานเอ๋อร์

เย่หวูเฉินมุ่นคิ้วลงเล็กน้อยและกล่าว “ธรรมชาติย่อมไม่อาจดำรงอยู่ได้นานโดยไร้เหตุผล ดินแดนแห่งสายฟ้าสุดขั้ว.... ที่นี่ สมควรมีมุกเซียนโกลาหลแห่งอัสนี หนึ่งในสิบมุกเซียนโกลาหล!”

“อ๊ะ? แต่ว่า.... จะเป็นแบบนั้นจริงๆเหรอ? ตอนแรกข้าก็คิดเช่นนั้น แต่หากมุกเซียนอัสนีอยู่ที่นี่ เหตุใดชาวทวีปปีศาจถึงไม่มาเก็บมัน พวกมันรุกรานทวีปเทียนเฉินเพื่อมุกเซียนโดยไร้ลังเล แต่กลับปล่อยมุกเซียนอัสนีนอนนิ่งอยู่ที่นี่ ขนาดพวกเรายังเดาได้ทันทีว่าที่นี่สมควรมีมุกเซียนอัสนี พวกมันก็สมควรคิดได้เช่นเดียวกัน”

เย่หวูเฉินส่ายศีรษะเบาๆ และกล่าว “ไม่ใช่พวกมันไม่คิด แต่พวกมันทำไม่ได้ ในบรรดาเจ็ดธาตุธรรมชาติ สายฟ้ามีพลังโจมตีที่รุนแรงและเหี้ยมโหดที่สุด หนานเอ๋อร์ เจ้าลองดูสิ ที่นี่สมควรอยู่ห่างจากมุกเซียนอัสนีเป็นอย่างมาก ทว่าสายฟ้าแต่ละเส้นกลับทรงพลังถึงเพียงนี้ หากเข้าใกล้สายฟ้าจะยิ่งทรงพลังเพียงใด ไม่แปลกใจที่กระทั่งจักรพรรดิปีศาจยังไม่อาจเข้าไปใกล้ ดังนั้น ถึงแม้พวกมันรู้ดีว่าที่นี่สมควรมีมุกเซียนอัสนี แต่พวกมันจนปัญญาที่จะเอาไปได้.... ดังนั้น เพื่อพลังแกร่งกล้าของมุกเซียน พวกมันจึงส่งเสี่ยวโม่ไปยังทวีปเทียนเฉิน เนื่องจากเมื่อเทียบกับทวีปปีศาจ ทวีปเทียนเฉินมีจิตปราณเบาบางกว่านับสิบๆเท่า พลังรั่วไหลของมุกเซียนไม่น่ารุนแรงเกินไป และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หากเทียบกับมุกเซียนอัสนี นอกจากมุกเรืองปฐพีแล้ว มุกสลายวายุ , มุกมังกรอัคคี และมุกจิตวารีล้วนมีพลังด้อยกว่าทั้งหมด”

“อื้ม อื้ม!” หนานเอ๋อร์พยักหน้าหนัก จากนั้นส่งเสียงอย่างตื่นเต้น “เจ้านาย ดูเหมือนท่านไม่เกรงกลัวต่อสายฟ้า หากมุกเซียนอัสนีอยู่ที่นี่จริงๆ หลังจากที่เจ้านายหามันพบ ท่านจะต้องแข็งแกร่งขึ้น ตอนนี้ เจ้านายมีพลังเพียงพอดูดกลืนพลังของมุกเซียนโดยตรงแล้ว!”



<<<PREV    .    NEXT>>>