วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 526

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 526 มฤตยูขาว (2)

เย่หวูเฉินตะลึงงันอยู่ตรงนั้น ดุจวิญญาณหลุดลอยออกจากร่าง ดั่งคนเผชิญหน้าฝันร้ายในฉับพลัน ใบหน้าคล้ำลง ทั้งร่างสั่นเทาดุจกระทบลมเย็นเยียบ เขาคว้าแขนของหนิงเสวี่ย กล่าวด้วยน้ำเสียงผิดเพี้ยน “จริง... จริงหรือ....”

กลิ่นอายของเทพลึกลับขาวได้หายไป นั่นหมายถึงมันถูกส่งไปยังอีกห้วงมิติหนึ่ง ที่แห่งนั้น.... ย่อมถูกทำลายพินาศสิ้นทั้งทวีป

“ท่านพี่....” หนิงเสวี่ยสัมผัสใบหน้า เพียงพบว่าร่างของเขาเย็นเชียบ

“เป็นแบบนี้ได้ยังไง.... ทำไม.... เซียงเซียง! เซียงเซียง! กลับไป!! รีบกลับไปเร็วเข้า!!”

เย่หวูเฉินคำรามอย่างบ้าคลั่ง จากที่ได้สัมผัส เขาเข้าใจแจ่มชัดถึงพลังของเทพลึกลับขาว หากมันระเบิดร่างของตัวเอง เขาไม่สงสัยเลยว่าทวีปเทียนเฉินจะกลายเป็นเถ้าธุลีหมดสิ้น ทวีปเทียนเฉิน.... ผู้อื่นตกตายล้วนไม่เกี่ยวกับเขา แต่ที่นั่น มีคนมากมายที่เขาไม่อาจทอดทิ้ง.... ภรรยา , พี่สาว , พ่อแม่ , เหล่าสตรีและสหาย , ทุกความทรงจำ , ทุกความกังวล.... ทั้งหมดล้วนอยู่ที่นั่น....

“ท่านพี่” หนิงเสวี่ยกอดเขาแน่นและร้องสะอื้น สายเกินไป เมื่อกลิ่นอายของเทพลึกลับขาวหายไป ทุกอย่างก็กลายเป็นสายไปแล้ว นอกจากมีพลังก้าวข้ามเทพลึกลับขาว ไม่อย่างนั้น ย่อมไม่อาจหยุดยั้งการระเบิดของมันได้ ด้วยพลังของนางและเย่หวูเฉิน ต่อให้สละชีวิตต้านทานก็ไม่อาจมีหวัง หรือต่อให้ทำได้.... ที่นี่คือทวีปเทวะ หนทางเดียวที่จะกลับไปยังทวีปเทียนเฉินคือผ่านบ่อน้ำแห่งสวรรค์ แต่บ่อน้ำแห่งสวรรค์เพิ่งเปิดใช้เมื่อเดือนก่อน ต่อให้เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ยังต้องรออีกหนึ่งปีเพื่อเปิดใช้ ตอนนี้จึงไม่มีทางกลับไปได้....

ทวีปเทียนเฉิน มีชะตาต้องกลายเป็นธุลีผงจากการระเบิดของเทพลึกลับขาว.... นางทราบว่ายามนี้หัวใจของเย่หวูเฉินเผชิญความเจ็บปวดเพียงใด นางเจ็บปวดแทบไม่อาจหายใจเช่นเดียวกัน

นางถามตัวเองว่า หากเลือกได้อีกครั้ง นางจะเลือกดิ้นรนอยู่ข้างกายเขาหรือยอมกลายเป็นส่วนหนึ่งของเทพลึกลับขาว.... หากเลือกอย่างหลัง นางจะไม่ได้พบเขาอีกตลอดไป แต่ทวีปเทียนเฉินจะยังคงอยู่รอด....

เงียบงัน หลังจากที่เย่หวูเฉินคำรามเรียกเซียงเซียง เซียงเซียงได้ปรากฎตัวเหนืออากาศในร่างสาวน้อยขนาดพกพา เวลานี้เอง นางวาดแขนทั้งสองข้าง ปิดดวงตาลง เท้าหิมะเล็กๆชี้ลงพื้น ดวงหน้าอันสมบูรณ์สงบนิ่ง เส้นผมสีขาวพริ้วพัดโดยไร้สายลม ยิ่งมามันยิ่งพัดพริ้ว แสงขาวแห่งพลังมิติอันแรงกล้าท่วมทะลักออกมา แผ่รัศมีจนมีขนาดสิบเท่าของร่างนาง

ระยะทางไกลสุดขั้ว เพื่อตัดผ่านห้วงมิติระยะไกลนี้ นางจำเป็นต้องใช้เวลารวบรวมพลัง

ในที่สุด นางวาดมือลง แสงขาววาบออกห่อหุ้มตัวนาง ห่อหุ้มเย่หวูเฉิน และหนิงเสวี่ยไว้ เมื่อแสงขาวหายไป ทั้งสามได้หายไปจากตรงนั้น

....................

....................

ทวีปเทียนเฉิน

วันนี้ จะต้องถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์....

หนึ่งเดือนก่อน ท้องฟ้าปรากฎพระอาทิตย์ทองคำขึ้น สร้างความตกตะลึงแตกตื่นต่อสิ่งมีชีวิต ทว่าเพียงไม่นานนัก พระอาทิตย์ทองคำได้หายไปจากตรงนั้น

วันนี้ ท้องฟ้ากลับปรากฎพระอาทิตย์สีขาว ดุจเดียวกับพระอาทิตย์ทองคำเมื่อครั้งก่อน มันค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น เพราะการปรากฎอย่างฉับพลันของมัน ทั่วทั้งทวีปเทียนเฉินจึงพลันสว่างเจิดจ้า ผู้คนออกจากบ้านเรือนเป็นผืนใหญ่ มองอย่างตะลึงลานที่พระอาทิตย์สีขาว แลกเปลี่ยนความเห็นกันอึงอล ถึงภาพเหลือเชื่อที่มองเห็น

เนื่องจากว่า พระอาทิตย์สีขาวนี้มิได้นำพาแรงกดดันน่าสะพรึง เหมือนเช่นพระอาทิตย์ทองคำครั้งก่อน ตรงกันข้าม มันโน้มนำคนทั้งร่างให้มีความสุข พลังแสงคือหนึ่งในพลังศักดิ์สิทธิ์อันอ่อนโยน สามารถรักษาบาดแผลได้ช้าๆ กระทั่งปัดเป่าด้านมืดในหัวใจคน

แต่หลายคนล้วนไม่คิดว่า นี่คือต้นตอของหายนะน่าสะพรึง ยามใดที่พระอาทิตย์สีขาวระเบิดออก ยามนั้นแสงขาวอ่อนโยนจะกลายเป็นภัยพิบัติ ทำลายทั้งทวีปเทียนเฉินจนย่อยยับ!

เหนืออากาศห่างไกล แสงขาวกลุ่มใหญ่ค่อยๆร่วงจากฟ้า ความเร็วของมันเชื่องช้าอย่างยิ่ง ดุจลูกโป่งที่ค่อยๆลอยลง ในกลุ่มแสงขาวนั้น มีหุ่นขาวกำลังพองตัวอยู่ มันยังคงพองออกอย่างรวดเร็ว.... ประหนึ่งพร้อมระเบิดทุกเวลา.... หากมันระเบิดคราใด ครานั้นทวีปเทียนเฉินย่อมพังทลายลงสิ้น

ใต้ร่างเทพลึกลับขาวที่อยู่สูงลิบ ฉับพลันปรากฎแสงขาวเล็กๆกลุ่มหนึ่งสว่างออก อากาศของที่นี่ทำให้เย่หวูเฉินและหนิงเสวี่ยพลันตระหนักว่าตนเองโผล่มาอยู่ที่ใด.... ทว่ายามนี้ ทั้งสองไม่อาจดีใจที่ได้กลับมา กระทั่งไร้เวลาให้แปลกใจ ที่เซียงเซียงสามารถตัดมิติจากทวีปเทวะมาถึงที่นี่ได้

เบื้องล่าง คือผืนแผ่นดินที่คุ้นเคย เหนืออากาศห่างไกล คือต้นตอของพลังทำลายล้างอันสิ้นหวัง ม่านตาของเย่หวูเฉินหดวูบลง เงยมองสิ่งที่ขยายตัวอยู่ในกลุ่มแสงขาว บางทีวินาทีถัดไปในสายตา มันอาจระเบิดร่าง

“เซียงเซียง พลังมิติของเจ้า.... สามารถ.... ส่งมันไปยังห้วงมิติอื่น ที่ยิ่งไกลยิ่งดีได้หรือไม่?” เย่หวูเฉินมองเทพลึกลับขาวที่อยู่เบื้องบน กล่าวด้วยเสียงแผ่ว.... เพราะกระทั่งเขาเองยังทราบดีว่าเรื่องนี้ไม่อาจเป็นไปได้....

เซียงเซียงกระพริบตาคล้ายตื่นตระหนก สั่นศีรษะโดยไม่ต้องคิด ไม่ต้องกล่าวถึงพลังมหาศาลที่นางไม่อาจเคลื่อนย้าย ด้วยพลังของมัน หากเซียงเซียงตัดมิติเข้าไปใกล้ นางย่อมถูกทำลายทันที

นางสร้างปาฏิหาริย์โดยพากลับมายังทวีปเทียนเฉิน ทว่าหลังจากปาฏิหาริย์ กลับกลายเป็นความสิ้นหวัง ท่ามกลางมฤตยูขาว

ไร้ทางเลือก ไร้ซึ่งวิธีการ ไร้ความเป็นไปได้ใดๆ พลังของเทพลึกลับตนนี้ ต่อให้เอาทุกพลังในทวีปเทียนเฉินมามัดรวมกัน ก็ไม่อาจมีหวังต้านทานพลังของมันได้

ต้องทำยังไง?

หรือข้าทำได้เพียงมอง.... มองดูทุกสิ่งถูกทำลายอย่างนั้นหรือ?

ทว่านอกจากเรื่องนี้ ยังมีสิ่งใดที่ข้าทำได้....

ความหวัง ขอแค่เพียงเศษเสี้ยวของความหวัง....

ทว่าเหตุใด ข้าจึงมองไม่เห็นมันเลยแม้แต่น้อย?

นี่จะเป็นความเจ็บปวดที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตข้า เป็นความสิ้นหวังที่ร้ายแรงสุด....

เหตุใด....

ความรู้สึกสิ้นหวังและไร้พลังถึงรุนแรงเช่นนี้....

หากข้าไม่ไปยังทวีปเทวะ เรื่องทั้งหมดนี้จะไม่เกิด แต่ข้าไม่อาจสูญเสียเสวี่ยเอ๋อร์และทงซินได้....

ถ้าหากข้าต้องเลือกอีกครั้ง....

นี่ช่างเป็นตัวเลือกที่เจ็บปวดเหลือเกิน ข้าไม่ต้องการ ตัดสินใจเลือกทางพวกนี้

หากหยุดเวลาได้ ให้หยุดไว้แบบนี้ก็คงดี เช่นนั้น ข้าจะได้ไม่ต้องพรากจากหนิงเสวี่ยตลอดไป ผืนแผ่นดินแห่งนี้ จะได้ไม่ต้องถูกทำลาย....

..................

เงาสีขาวขยายใหญ่ขึ้นในดวงตา บางทีวินาทีถัดไปมันอาจระเบิดออก ทำลายล้างเขาและหนิงเสวี่ย ทำลายล้างทวีปเทียนเฉิน เย่หวูเฉินเพียงมองดูมัน ลืมสิ้นว่าตัวเองและหนิงเสวี่ยรวมทั้งทวีปเทียนเฉินจะต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไปพร้อมกัน ลืมหนีไปจากห้วงมิติแห่งนี้....

หนิงเสวี่ยมองดูเขา ทันใดนั้นนางเผยยิ้มบาง เป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนอย่างยิ่ง นางกอดเขาอย่างอ่อนโยนและกระซิบที่ข้างหู “ท่านพี่ กอดข้าไว้แน่นๆที....”

เสียงอ่อนโยนปลุกเย่หวูเฉินขึ้นจากห้วงสติอันสิ้นหวัง หัวใจของเขากำลังแหลกราน มีเพียงหนิงเสวี่ยที่ปลอบประโลมได้.... เขากอดนางไว้อย่างแน่นหนา สัมผัสความอบอุ่นหนึ่งเดียวในโลกเย็นเยียบ

“ท่านพี่ ข้าจะพาท่านไปยังที่แห่งหนึ่ง.... ท่านพี่ย่อมเชื่อข้า และไม่ปฏิเสธเสวี่ยเอ๋อร์ใช่ไหม?”

ท่ามกลางสายตาอันพร่าเลือนของเย่หวูเฉิน แผ่นหลังของหนิงเสวี่ยพลันกางออกด้วยปีกขาวบริสุทธิ์สองข้าง นางกุมมือเขาไว้ พาเขาบินขึ้นสู่อากาศเบื้องบน ตรงไปยังเทพลึกลับขาวที่กำลังขยายตัว

พลังสีขาวยิ่งมายิ่งเข้าใกล้ พลังแสงยิ่งเข้มข้น เย่หวูเฉินมีร่างกายเป็นอมตะต่อธาตุแสง ธาตุแสงทรงพลังนี้สมควรไม่อาจเข้าใกล้ ทว่าต่อให้โลกทั้งใบเปลี่ยนเป็นแสงขาว มันก็ไม่อาจทำอันตรายเขาได้ มีเพียงความรู้สึกอุ่นกายเท่านั้น....

เทพลึกลับขาวเข้าใกล้คนทั้งสองมากขึ้นเรื่อยๆ

“เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้า....”

“ท่านพี่ หลับตาลง ห้ามลืมตาขึ้น ตกลงมั้ย?”

น้ำเสียงของหนิงเสวี่ยอ่อนโยนอย่างยิ่ง เป็นครั้งแรกที่เย่หวูเฉินได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนเพียงนี้จากนาง เขาค่อยๆหลับตาลง

บนร่างกาย รู้สึกได้ถึงหนิงเสวี่ยที่กำลังโอบกอด ริมฝีปาก สัมผัสได้ถึงการประทับอันดูดดื่ม บนใบหน้า สัมผัสได้ถึงหยาดน้ำตาอบอุ่น ชั่วขณะถัดมา เขาพลันรู้สึกว่าร่างกายถูกห้อมล้อมด้วยบางสิ่ง บรรยากาศโดยรอบถูกตัดขาดทันที.... เมื่อเขาคืนสติขึ้นจากความมึนงง เขาก็พลันพบว่าหนิงเสวี่ยไม่อยู่ที่ข้างกายแล้ว

“เสวี่ยเอ๋อร์! เสวี่ยเอ๋อร์.... เจ้าจะไปไหน?” เย่หวูเฉินลืมตาขึ้นทันที มองไปทั่วทิศและตะโกนอย่างแตกตื่น

นี่คือโลกสีขาว มีแต่สีขาวบริสุทธิ์เท่านั้น นอกจากตัวเอง ทั่วมิติแห่งนี้ไม่อาจมองเห็นสิ่งใดที่ตัดกับสีขาว ยิ่งกว่านั้น ความรู้สึกนี้.... มิใช่เกิดขึ้นจากเพียงพลังของธาตุแสง หากยังเหมือนกับมิติวิญญาณที่เซียงเซียงสร้างขึ้น....

“ท่านพี่ ข้าอยู่นี่”

เสียงอ่อนโยนลอยลงมาจากเบื้องบน เย่หวูเฉินเงยศีรษะขึ้น เห็นหนิงเสวี่ยที่ทั่วร่างขาวดุจหิมะ แทบกลืนเข้ากับโลกสีขาวแห่งนี้ คู่ปีกขาวบริสุทธิ์ของนางกางออก สองมือขาววางไขว้อยู่บนอกตน ลอยตัวนิ่งงันอยู่ตรงนั้น คู่ดวงตาที่คุ้นเคยกำลังปิดอยู่ ทั่วร่างของนางนิ่งงันไร้การเคลื่อนไหว

“เสวี่ยเอ๋อร์....” เย่หวูเฉินกระซิบแผ่วเบาและลอยร่างขึ้น

“ท่านพี่ อย่าเข้ามา.... โปรดมองข้าจากตรงนั้น และคอยคุยกับข้า ตกลงมั้ย?”

เย่หวูเฉินหยุดร่างฉับพลัน เงยศีรษะมองหนิงเสวี่ยที่อยู่ด้านบน นางงดงามพอพรากวิญญาณของผู้คน ประหนึ่งมีบางอย่างดึงรั้งหัวใจ ทำให้ไม่กล้าหายใจแรง

“เสวี่ยเอ๋อร์ ที่นี่ที่ไหน?” เขาเอ่ยถามขณะเงยมอง

“ที่นี่คือภายในร่างเทพลึกลับขาว.... ท่านพี่ ท่านเชื่อไหม? เทพลึกลับขาวจะไม่ระเบิดออก ตอนนี้ ข้าควบคุมสติของมันไว้แล้ว....”

จากผืนดินของทวีปเทียนเฉิน เมื่อมองขึ้นมาจะเห็นพระอาทิตย์สีขาวหยุดขยายตัวในที่สุด หยุดแม้กระทั่งการเคลื่อนลง มันลอยสงบเงียบอยู่ตรงนั้น ส่งแสงขาวสว่างจ้าทาผืนโลก

“เจ้า.... ควบคุมสติของเทพลึกลับขาว?” เย่หวูเฉินเอ่ยทวนประโยค น้ำเสียงไร้ความยินดีใดๆจากเรื่องนี้

“แหล่งกำเนิดพลังของเทพลึกลับขาวคือแสงสว่างและชีวิต มีเพียงข้าเท่านั้น ที่สามารถควบคุมสติและพลังของมันได้ ท่านพี่ ท่านทราบหรือไม่ มุกเซียนโกลาหลแห่งแสงสว่างและชีวิตต่างอยู่ในตัวข้า กระทั่งข้ายังถือกำเนิดขึ้นจากพลังของสองมุกเซียนนี้.... ท่านพี่ ข้าเป็นเช่นนี้ ท่านยังจะชอบข้าอยู่หรือเปล่า?”

ดวงตาของนางปิดอยู่ สองมือวางไขว้อยู่บนอก ตั้งแต่เริ่มจนจบนางไร้การเคลื่อนไหวใดๆ ราวกับว่า ร่างของนางถูกยึดไว้ด้วยบางสิ่ง ไม่อาจหลุดออกมาจากตรงนั้นได้

“ข้ารู้เพียงว่า เจ้าคือเสวี่ยเอ๋อร์ของข้า” เย่หวูเฉินกล่าวตอบอย่างอ่อนโยน

หนิงเสวี่ยเผยรอยยิ้มละมุน “ข้าช่างถามเรื่องโง่เขลาเสียจริงๆ ข้ารู้อยู่แล้ว ต่อให้ข้าเป็นใคร หรือกลายเป็นแบบไหน ท่านพี่ย่อมดีต่อข้าอยู่เสมอ.... ชั่วชีวิตไม่มีวันเปลี่ยน ท่านพี่ ข้ามีอีกหนึ่งคำถามที่โง่เขลา.... ท่านพี่ยังจดจำ สถานที่แรกที่พวกเราพบกันได้หรือไม่?”

“....จำได้ ชั่วชีวิตนี้ข้าไม่มีวันลืม” เย่หวูเฉินกระซิบตอบ มองดูหนิงเสวี่ยในยามนี้ หัวใจของเขาบีบรัดร้าวรานเกินคำจะกล่าว

“ฮี่ ข้ารู้ว่าท่านพี่ต้องเป็นเหมือนข้า ไม่มีวันลืมที่นั่น.... ไม่เพียงที่นั่นคือสถานที่แรกที่พวกเราได้พบกัน แต่ทุกวันยามอยู่กับท่านพี่ในที่แห่งนั้น ล้วนเป็นความทรงจำที่ข้ามักคิดถึง ในปีนั้น ริมขอบธารเล็กๆใสสะอาด ท่านพี่กุมมือของข้าไว้ สัญญาว่าจะปกป้องข้าไปจนชั่วชีวิต วันนั้น ยังเป็นเพราะท่านพี่ ข้าจึงได้มีชื่อว่า....หนิงเสวี่ย นี่เป็นชื่อที่ท่านพี่มอบให้ ข้าปรารถนาให้ผู้อื่นเรียกข้าแต่เพียง ‘หนิงเสวี่ย’ ท่านพี่ ท่านทราบหรือไม่ ในคืนแรกที่ข้าได้นอนเคียงข้างท่าน ข้าได้ลอบสาบาน มีเพียงท่านไม่ต้องการข้า ไม่อย่างนั้นตลอดกาลข้าจะไม่ไปจากท่าน.... ตอนนั้นข้ายังไร้เดียงสาอยู่มาก แต่คำสาบานนั้น ข้าไม่เคยเสียใจและปรารถนารักษาไว้ชั่วชีวิต....”

เย่หวูเฉิน “เสวี่ยเอ๋อร์....”

“ทวีปเทียนเฉิน คือที่ที่ข้ากับท่านพี่ได้พบกัน ที่แห่งนี้ ข้าได้มีชื่อ ได้มีบ้าน ได้มีพี่สาว ได้พบเพื่อนมากมาย.... ท่านพี่พาข้าไปยังสถานที่ที่ข้าอยากไป ให้ข้าได้ทานในสิ่งที่ชอบ สอนข้าให้หัดวาดเขียน จัดแจงเสื้อผ้าและอาบน้ำให้.... พอนึกย้อนกลับไป ทุกวันช่างมีความสุขประดุจอยู่ในความฝัน....”

“ท่านพี่....”

“.......”

“ที่แห่งนี้ มีความทรงจำแสนสุขของข้าและท่านพี่อยู่ มีครอบครัวที่สำคัญต่อข้าและท่านพี่มากที่สุด ข้า.... ไหนเลยจะปรารถนาให้ดินแดนแห่งนี้หายไป....”

“.......”

“ดังนั้น....”

“ท่านพี่....”

“ได้โปรด....”

.....

“ช่วยสังหารข้าที....”



<<<PREV    .    NEXT>>>