วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 504

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 504 ร่วมมือ!

พลังของฉู่จิงเทียนกำลังเพิ่มขึ้น พลังที่พุ่งทะยานเรียกได้เพียงว่า ‘บ้าคลั่ง’ กระบี่ไร้ตัวตนไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความตั้งใจ แต่พลังมหาศาลที่ส่งสู่ร่างเหนี่ยวนำความคิดให้ก่อตัว.... กระบี่กำเนิดจากหัวใจ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในยามนี้คือการเข้าใจถ้อยคำเหล่านั้นอย่างถ่องแท้ กระบี่ไร้ตัวตนเกิดขึ้นจากพลัง และพลังของเขาเกิดขึ้นจากกระบี่ พลังที่เพิ่มทวีขึ้นมิใช่มาจากพลังของชายชุดดำ เพราะสิ่งที่ชายชุดดำกำลังทำนั้น คือการขุดค้นศักยภาพแฝงเร้นอันยิ่งใหญ่ คือพลังกระบี่ไร้เทียมทาน และหัวใจแห่งกระบี่

นี่คืออัจฉริยะไร้ผู้เทียบ มีชีวิตอยู่เพื่อกระบี่! ชายชุดดำชื่นชมอย่างเงียบงัน โลกนี้น้อยคนนักที่ทำให้เขาประหลาดใจได้ เมื่อฉู่จิงเทียนแสดงการคุมกระบี่ด้วยวิธีที่เขาไม่เคยพบเห็น ในใจจึงพลันเกิดคลื่นกระเพื่อมรุนแรง

ศักยภาพของฉู่จิงเทียนยิ่งใหญ่เหมือนที่เขาคาด เขาใช้พลังตนเองชี้นำทุกศักยจนหมดสิ้น ไม่ว่าจะเป็นพลังในร่างกาย พลังกระบี่ และหัวใจกระบี่ ทุกอย่างรุดหน้าในขอบเขตที่น่าเหลือเชื่อ กระบี่ไร้ตัวตนยิ่งมายิ่งมากขึ้น ยิ่งมายิ่งรวดเร็วขึ้น ดุจพายุกระบี่ที่หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง

จากเทวะขั้นต้นสู่เทวะขั้นกลาง เย่หวูเฉินล้วนเข้าใจกระจ่างแจ้งว่ายากเย็นเพียงใด ทว่าจากขอบเขตเทวะสู่ขอบเขตเหนือเทพ นับแต่ทวีปเทียนเฉินก่อกำเนิดมีเพียงบุคคลเดียวเท่านั้นที่ไปถึง.... นั่นคือเล่งหยา แต่เขาทำได้เพราะรับพลังมาจากชาหลัว กลายเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจ ทว่าฉู่จิงเทียน.... พลังของเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ตรงสู่ขอบเขตเทวะขั้นสูงสุด.... เทียบเท่าพลังของเหยียนเทียนเว่ยที่เขาคุ้นเคย!

แต่นี่ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุด พายุกระบี่แตกกระจายอย่างฉับพลัน พลังมหาศาลได้ระเบิดออกจากร่างของฉู่จิงเทียน ผลักเย่หวูเฉินและเล่งหยาจนปลิวไปไกล เย่หวูเฉินเหยียบเท้าลงอย่างมั่นคง สายตาจับจ้องไปที่ฉู่จิงเทียน เพียงพบว่าเขายังคงหลับตาแน่นเหมือนตอนแรก ใบหน้าแสดงความเจ็บปวด และพึงพอใจ....

นี่คืออีกหนึ่งขอบขั้นของพลัง!

ขอบเขตเหนือเทพ!

ตูม!

ฉู่จิงเทียนถูกผลักร่างปลิวไปไกลและร่วงลงพื้นอย่างรุนแรง ชายชุดดำยกมือสองข้างขึ้นกอดอก ท่าทีไร้ระลอกหวั่นไหว ราวกับเพิ่งทำเรื่องธรรมดาลงไป ฉู่จิงเทียนรีบตะกายลุกขึ้นจากพื้น ดวงตาเบิกกว้างขณะสัมผัสพลังที่ไหลเวียนอยู่ในร่าง เขามองฝ่ามือตัวเองอย่างงมงาย สงสัยว่ากำลังหลับอยู่ในความฝัน

ร่างกายเปลี่ยนเป็นเบาหวิว พลังในร่างราวกับใช้ได้ไม่มีวันหมด จิตใจของเขา.... รู้สึกอัศจรรย์ยิ่งราวมองเห็นโลกอีกใบ เวลานี้ เขามองเห็นและเข้าใจในหลายสิ่งที่ไม่เคยตระหนักถึงมาก่อน สิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นมากที่สุดก็คือ เขาค้นพบความรู้สึกที่ตามหามายาวนาน.... สัมผัสกระบี่อันเฉียบคม!

“ผู้อาวุโส ข้า....”

“เฮอะ!” ชายชุดดำยกมือขึ้นขัดจังหวะ “ข้าจะรับคำว่าอาวุโสไว้ แต่ข้าไม่ชอบให้ใครเรียกข้าเช่นนั้น และเจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ข้าเพียงทำเพื่อตัวเองเท่านั้น เฮอะ! กระบี่ของเจ้า....”

เขายื่นมือขวาคว้ากลางอากาศ กระบี่ชางหมิงที่สะพายอยู่บนหลังฉู่จิงเทียนถูกดึงดูด เขาพลิกมือดึงกระบี่ออกจากฝัก ทว่าที่ออกมากลับเป็นเพียงกระบี่ที่ขาดสองท่อน

“เคร้ง” กระบี่สองท่อนถูกส่งกลับเข้าสู่ฝัก มีแสงไร้สีกลุ่มหนึ่งห่อคลุมอย่างไม่อาจสังเกต กระบี่ชางหมิงถูกดึงออกจากฝักอีกครั้ง ทว่าคราวนี้มันเปลี่ยนเป็นกระบี่ชางหมิงที่สมบูรณ์

“อ๊า! กระบี่ชางหมิง!” ฉู่จิงเทียนเพียงเห็นปราดตาก็ส่งเสียงดีใจเป็นสิ่งแรก แทบไม่อาจอดห้ามตัวเองให้กระโดดกอดกระบี่ชางหมิงไว้ในอก ก่อนหน้านี้ ระหว่างที่ออกตามหาเล่งหยา เขาเสาะหาช่างตีเหล็กชื่อดังเพื่อให้ลองซ่อมกระบี่ชางหมิง ทว่าไม่เคยมีช่างคนใดทำได้ แต่ชายชุดดำผู้นี้กลับทำได้ในพริบตา พลังยิ่งใหญ่ของเขาไร้ขีดจำกัดหรืออย่างไร!?

ชายชุดดำคว้ากระบี่ไว้ในมือ มองตั้งแต่โคนจรดปลาย “กระบี่ดี.... แต่ถึงอย่างไร เจ้าไม่จำเป็นต้องใช้มัน”

เขาสะบัดแขนฉับพลัน คนทั้งสามพลันรู้สึกว่าหอคอยผ่านเทพกำลังสั่นสะเทือน ม่านตาของฉู่จิงเทียนหดวูบ กระบี่ชางหมิงสลายเป็นผงและร่วงหล่นจากมือของชายชุดดำ

จากความดีใจจากที่กระบี่ถูกซ่อม กลับกลายเป็นต้องมองกระบี่ถูกทำลายอย่างสิ้นหวัง ฉู่จิงเทียนยังไม่ทันฟื้นคืนจากความดีใจ ศีรษะก็พลันเหมือนถูกราดรดด้วยน้ำเย็น แววตาสั่นสะท้าน ชี้นิ้วอันสั่นเทาไปที่ชายชุดดำ “ท่าน.... ท่าน....”

“กระบี่หัก เจ้ายังกลับสะพายติดตัว เห็นได้ชัดว่าเจ้าพึ่งพากระบี่มากเกินไป วิถีกระบี่ของเจ้าคือการผสานคำว่า ‘ไร้’ และ ‘หัวใจ’ กระบี่เล่มนี้ต้องถูกทำลาย ไม่อย่างนั้น วันใดที่มันฟื้นคืนก็มีแต่ฉุดรั้งความก้าวหน้าของเจ้าเท่านั้น!” ชายชุดดำกล่าวอย่างแห้งแล้ง

ฉู่จิงเทียนขบฟันแน่น ความรู้สึกขอบคุณเมื่อครู่นี้สลายไปไม่มีเหลือ เขาเป็นผู้ยึดมั่นในความผูกพันระหว่างผู้คน ต่อให้เป็นเพียงกระบี่เล่มหนึ่ง เขาก็ล้วนผูกพันไม่อาจละทิ้งมันได้ “มันคือสหายของข้า.... เหตุใดท่านต้องทำลายมันด้วย!”

หัวคิ้วของชายชุดดำยกขึ้นเล็กน้อย แสดงท่าทียั่วยุ “สหาย? โอ้.... ดูเหมือนข้าได้พลั้งมือทำผิดลงไป ถ้าอย่างนั้น....”

เขาเคลื่อนมือลงเบื้องล่าง ผงสีฟ้าจากกระบี่ชางหมิงถูกลมม้วนหอบขึ้นสู่มือ จากนั้นมันได้หายจากมืออย่างไร้ร่องรอย “หากวันนี้เจ้าเอาชนะข้าได้ ข้าจะคืนสหายให้เจ้าในสภาพสมบูรณ์.... ตอนนี้พวกเจ้าเหลือเวลาอีกเจ็ดนาที!”

ฉู่จิงเทียนสูดหายใจเข้าลึก ระงับอารมณ์จากโทสะ ตะโกนส่งเสียงกร้าว “น้องเย่ เจ้าหน้าน้ำแข็ง ลงมือ!”

เย่หวูเฉิน , ฉู่จิงเทียน และเล่งหยา หนึ่งคือราชันไร้ต้านแห่งทวีปเทียนเฉิน จักรพรรดิมารผู้ไม่มีใครกล้าล่วงล้ำ อีกหนึ่งคือมนุษย์คนแรกที่บรรลุวิถีเหนือเทพ กลายเป็นสุดยอดเทพกระบี่ อีกหนึ่งคือครึ่งมนุษย์ครึ่งปีศาจผู้ครองพลังเหนือเทพ ยามนี้พวกเขาคือยอดฝีมือสูงสุดของทวีปเทียนเฉินอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขาร่วมมือกันต่อสู้เหนือท้องฟ้าอันห่างไกล เผชิญหน้ากับหนึ่งศัตรูที่แกร่งกล้าเหนือจินตนาการ

สามบุคคลโจมตีพร้อมกันจากสามทิศ เล่งหยามีความเร็วสูงสุด เขาเข้าใกล้เป้าหมายเป็นคนแรก ตวัดหนึ่งเส้นสวรรค์ตรงใส่ลำคอ ชายชุดดำเพิ่งทะลวงพลังให้ฉู่จิงเทียน ทว่ายามเผชิญหน้าหนึ่งเส้นสวรรค์ยังคงไม่ใช้พลังเต็มที่ เพียงต้านรับด้วยพลังที่เท่าเทียมกัน เห็นได้ชัดว่าเขาแทบไม่เห็นหนึ่งเส้นสวรรค์ในสายตา ฉู่จิงเทียนยืนอยู่กับที่ เหนือศีรษะปรากฎกระบี่สีจางนับสิบๆเล่ม.... เขาเปลี่ยนกระบี่ไร้ตัวตนให้มีตัวตนได้อย่างคาดไม่ถึง! แม้ร่างกายมิได้ขยับแต่ความคิดเคลื่อนได้ ปราณกระบี่กรีดร้องพุ่งสู่เป้าหมายในสายตา.... พวกเขาเลือกโจมตีโดยเล็งไปที่จุดตาย

เย่หวูเฉินโจมตีตามเข้าไป ส่งพลังกระบี่ตัดดาราพร้อมพลังวารี ก่อนที่จะช่องโหว่ เขาจะไม่ใช้ออกเต็มกำลัง แต่จะรวบรวมพลังไว้ ทุ่มเทสมาธิสำรวจอย่างเงียบงัน

สองยอดฝีมือเหนือเทพลงมือ ผสานร่วมกับหนึ่งพลังเทวะ แต่พลังโดยรวมของเย่หวูเฉินเทียบเท่าพลังเหนือเทพ เมื่อสามคนลงมือพร้อมกัน พลังจึงเทียบได้กับหายนะ หากการโจมตีนี้เกิดขึ้นในทวีปเทียนเฉิน ย่อมไม่มีผู้ใดต้านทานได้ ทว่าหอคอยผ่านเทพนี้คู่ควรแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นหอคอยที่เทพสร้างขึ้น ภายใต้พลังมหาศาลอย่างว่าแต่ทำลายเลย กระทั่งรอยขีดข่วนเล็กน้อยยังไม่ปรากฎขึ้น

ฉึบ!

ติ้ง!

ปัง!

ตูม....

การเคลื่อนไหวของเย่หวูเฉินยังคงเรียบง่ายเหมือนตอนแรก สองมือกุมกระบี่ตัดดาราไว้แน่น เกร็งกำลังผ่านแขนทั้งสองข้าง ส่งพลังเข้าสู่กระบี่สีทอง เผชิญหน้าชายชุดดำที่สงบนิ่งดุจสายน้ำ แต่แผ่กลิ่นอายน่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าศัตรูใดๆ ตอนนี้เขาคลุมกระบี่สีทองด้วยเปลวอัคคีอันร้อนแรงที่สุด

ขณะที่เย่หวูเฉินลงมือนั้น เหนือไหล่ของเขาพลันมีสองร่างทะยานผ่าน ดุจดาวตกพุ่งเข้าสู่ศีรษะของชายชุดดำ ด้านซ้ายเป็นประกายสีเขียวของเล่งหยา พลังทมิฬส่งสู่กระบี่คร่าสายลมอย่างเต็มที่ แสงทมิฬคือพลังของบุตรชายแห่งจักรพรรดิปีศาจ มันผสานเข้ากับแสงเขียวในมือเดียว พุ่งตรงเข้าสู่ดวงตาข้างขวาของชายชุดดำอย่างรุนแรง

อีกร่างหนึ่งทะยานอยู่ด้านขวาของเล่งหยา เขาหมุนร่างกลางอากาศวาดมือขวา ทุกแห่งหนที่มือวาดผ่านปรากฎเงาติดตาม.... นี่คือภาพมายาของกระบี่ เป้าหมายคือดวงตาอีกข้างของชายชุดดำ ฉู่จิงเทียนยามนี้กลับไม่คุมกระบี่เข้าสู้ แต่เลือกใช้มือของตัวเองเข้าโจมตี.... เพราะตอนนี้มือของเขาคือกระบี่อันคมกล้า เป็นสุดยอดกระบี่ที่ไม่อาจแยกออกจากร่างและจิตใจ!

ทั้งสามคนประสานการโจมตี นี่คือทางเลือกเดียวของพวกเขา และมีเพียงคนทั้งสามโจมตีที่จุดตายพร้อมกัน พวกเขาจึงจะพอมีหวังทำลายการป้องกันลงได้

ชายชุดดำยังคงไม่เคลื่อนไหว หนึ่งศาสตราต้องห้าม หนึ่งศาสตราเทพ และอีกหนึ่งศาสตราพิเศษ ได้ผสานการโจมตี ทว่าเขากลับไม่รู้สึกสนใจและหลับตาลงเล็กน้อย ปล่อยให้ร่างกายถูกฟาดฟันด้วยกระบี่ตัดดารา ปล่อยให้เล่งหยาและฉู่จิงเทียนโจมตีลงตรงจุดที่สมควรเป็นจุดตายของทุกชีวิต

มือของฉู่จิงเทียนแซงกระบี่ของเล่งหยาและแทงสู่ดวงตาของชายชุดดำ ขณะที่สัมผัสพลันมีเสียงปะทะของโลหะดังขึ้น เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับตัวเอง เขาเข้าใจทันทีว่าเล่งหยาและเย่หวูเฉินต้องเผชิญหน้ากับพลังน่าหวาดหวั่นเพียงใด นี่ไม่ใช่เพียงพลังสะท้อนกลับของตัวเองเท่านั้น แต่ยังมีพลังแกร่งกล้าส่งออกจากร่างของชายชุดดำ กลืนกินพลังของเขาจนหมดสิ้น.... เป็นพลังที่ไม่อาจต่อต้าน เพียงพริบตาร่างของเขาได้ปลิวไปดุจสายฟ้า

พลังบ้าคลั่งยิ่งน่าหวาดหวั่น สนามพลังแกร่งกล้าทำให้อากาศสั่นสะเทือน ทมิฬ , ทองคำ และไร้สี.... แสงทมิฬและแสงทองคำโจมตีติดตามกัน รัศมีแสงปกคลุมท่วมร่างของชายชุดดำ กลายเป็นจุดศูนย์กลางรับแรงปะทะ

ร่างของชายชุดดำไม่ได้ใหญ่โตนัก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับพลังมหาศาลเขายังกลับยืนนิ่ง กระทั่งชายเสื้อยังไร้การขยับเขยื้อนใดๆจากการปะทะของพลัง

สามคนประสานการโจมตี คนหนึ่งโจมตีที่หัวใจ อีกสองคนโจมตีที่ดวงตา ทว่ากลับยังไม่อาจกดดันให้เขาหลีกเลี่ยง ยังไม่อาจสร้างบาดแผลใดๆให้เขาได้



<<<PREV    .    NEXT>>>