วันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 508

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 508 หุ่นเทพลึกลับขาวดำ

สตรีที่อยู่ถัดจากหนิงเสวี่ยตัวสูงกว่านางเล็กน้อย ชุดทองที่สวมใส่อยู่แนบร่างอันน่าทึ่ง หน้ากากสีทองบดบังดวงหน้าที่งามล่มฟ้าและปฐพี นางคือมารดาของหนิงเสวี่ยและทงซิน เป็นจักรพรรดิสูงสุดแห่งดินแดนเทวะ

เทพจักรพรรดิคนก่อนซึ่งเป็นบิดานางได้ล่วงลับไปเมื่อพันปีก่อน เสียชีวิตจากการต่อสู้อันยาวนานกับทวีปปีศาจ เทพและปีศาจเกิดมาเพื่อเป็นศัตรูต่อกัน เทพต้องการลบล้างตัวตนของปีศาจ ปีศาจหวังปลอดภัยจึงต้องทำลายเทพ แม้การต่อสู้ระหว่างสองเผ่าพันธุ์เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แต่ทุกครั้งล้วนเกิดการสูญเสียอันร้ายแรง ความขัดแย้งนี้ไม่มีทางแก้ไขได้ อย่างน้อยจะดำเนินอยู่อย่างนี้ต่อไปตลอดกาล

“พรุ่งนี้” เทพจักรพรรดิมอบคำตอบสั้นๆต่อหนิงเสวี่ย นางยกมืออันขาวนวลขึ้นเล็กน้อย ส่งพลังลึกลับกลุ่มหนึ่งเติมสู่ม่านพลังสีทอง นางคือเทพสูงสุดมีชีวิตมานานกว่า 10,000 ปี ทว่าเสียงของนางกลับอ่อนละมุนดุจเด็กสาว อ่อนนุ่มอย่างเหนือธรรมดา อ่อนโยนจนทำให้ร่างกายและจิตใจอ่อนระทวย

“พรุ่งนี้.... แล้วพวกเรา.... จะได้ไปยังสถานที่ที่ต้องการเมื่อไหร่?” นางมองทงซินที่กำลังหลับไหล กล่าวคำแผ่วเบาราวละเมอฝัน

เทพจักรพรรดิเคลื่อนดวงตางาม หลีกเลี่ยงสายตาของหนิงเสวี่ย ลอบถอนหายใจเงียบงันและกล่าว “ข้าสัญญากับเจ้าแล้ว วันใดที่พวกเรากำจัดเผ่าพันธุ์ปีศาจได้ วันนั้นเจ้าสามารถไปได้ทุกที่ที่เจ้าต้องการ”

“....ถ้าอย่างนั้น สามปีหลังจากนี้ ท่านพาเขามาที่นี่ได้ไหม?” หนิงเสวี่ยหันกายมาและจับจ้องที่ดวงตานาง เอ่ยถามอย่างแผ่วเบา บ่อน้ำแห่งสวรรค์จะเปิดออกทุกสามปี หากสามารถพบเขาได้ทุกๆสามปีครั้ง เช่นนั้นนางคงมีความสุขไม่น้อย

เทพจักรพรรดิยังคงมองตรงไปเบื้องหน้า ไม่หันมาสบตานาง “เจ้าชื่นชอบมนุษย์ไม่ใช่สิ่งสมควร สัญญาที่ข้าให้ไว้ คือขีดจำกัดของข้าแล้ว” นางถอนหายใจ กลีบปากสีชมพูปิดแน่นเข้าด้วยกัน

“ขีดจำกัด?” หนิงเสวี่ยสั่นศีรษะและยิ้มอย่างโศกเศร้า กล่าวทีละคำที่ฝังไว้ในใจนานกว่าร้อยปี เป็นถ้อยคำที่เขย่าหัวใจของเทพจักรพรรดิ “หากไม่อาจกำจัดเผ่าพันธุ์ปีศาจ พวกเราย่อมไม่อาจได้พบเขาอีก.... และตอนนี้เผ่าพันธุ์ปีศาจเป็นฝ่ายมีเปรียบ ข้ากับน้องหญิงคือสิ่งสุดท้ายที่ท่านจะใช้เพื่อเอาชนะเผ่าพันธุ์ปีศาจ เมื่อเทพลึกลับตื่นขึ้นและลบล้างปีศาจ พวกเราก็ไม่อาจได้เห็นเขาอีกแล้ว.... ไม่อาจเห็นเขาอีกตลอดกาล”

เทพจักรพรรดิหันขวับมาและมุ่นคิ้วพระจันทร์เสี้ยว “ผู้ใดบอกเรื่อง ‘เทพลึกลับ’ นี้กับเจ้า!?”

เรื่องเทพลึกลับ ทั้งทวีปเทวะนอกจากนางแล้ว มีเพียงเย่หมิง , เชียนจ้ง , และเสวี่ยเย่แห่งสามขุนพลศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่รู้ ผู้อื่นไม่มีทางรู้ได้ ไป่เย่และเฮยเย่ยิ่งไม่มีทางรู้ เพราะพวกนางคือคนที่ไม่ควรรู้เรื่องนี้มากที่สุด

หนิงเสวี่ยสั่นศีรษะ กล่าวอย่างเจ็บปวด “ท่านแม่จักรพรรดิ ท่านหลอกลวงผู้คน หลอกลวงมาตลอด หลอกพวกเรามานานแสนนาน.... ไม่เพียงข้ารู้เรื่องเทพลึกลับเท่านั้น แต่ข้ากับเฮยเย่ยังรู้ถึงจุดประสงค์ที่พวกเราดำรงอยู่.... พวกเราไม่ใช่ลูกสาวของท่าน แต่ถูกท่านเลี้ยงดู เพื่อถูกสังเวยเมื่อเติบโตขึ้น เป็นเครื่องบูชายัญของเทพลึกลับ!”

นางเจ็บปวดที่ถูกเทพจักรพรรดิหลอกลวง เจ็บปวดที่ไม่อาจพบเขาได้อีก การเติบโตได้มาถึงแล้ว นางในยามนี้สามารถเป็นเครื่องสังเวยได้ในทุกเวลา ปลุกเทพลึกลับให้ตื่นขึ้น.... นางหมดหวังที่จะได้เห็นเย่หวูเฉินอีก.... หมดหวังที่จะรอคอยจนถึงเวลานั้น....

เทพจักรพรรดิ “.......”

“ท่านแม่จักรพรรดิ ท่านรู้หรือไม่ว่าเหตุใดในอดีต ข้าจึงอาสาไปยังทวีปเทียนเฉินเพื่อหยุดการรุกรานของปีศาจ? เพราะตอนนั้นข้าได้รู้ความจริงแล้ว จึงคิดว่าหากถูกคำสาปร้ายแรงจะติดอยู่ที่นั่นตลอดไปไม่ต้องกลับมาอีก ต่อให้ตอนนั้นไม่เกิดเรื่องขึ้น ข้ากับเฮยเย่ก็ตั้งใจไปอยู่ที่นั่นกันอยู่แล้ว.... ไม่เพียงข้าเท่านั้นที่รู้ เฮยเย่ก็รู้เรื่องนี้เช่นเดียวกับข้า”

เทพจักรพรรดิเงยศีรษะขึ้นเล็กน้อย ไม่ยอมสบตานาง เพียงเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “ทำไมเจ้าต้องรู้เรื่องนี้ด้วย?”

คำพูดของนางเท่ากับการยอมรับ กลายเป็นว่าพวกนางรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก ร้อยปีก่อนพวกนางจึงตั้งใจหนีไป.... ถูกต้อง หลอกลวง ทุกอย่างคือเรื่องหลอก พวกนางไม่ใช่ลูกสาว แต่เป็นร่างที่เกิดขึ้นจากมุกเซียนทั้งสี่เม็ด แสง , ชีวิต , ทมิฬ , และมรณะ พวกนางคือเครื่องสังเวยเพื่อผลประโยชน์ของทวีปเทวะ

นางคือเทพจักรพรรดิ แต่หนึ่งสิ่งที่นางมีอยู่คือจิตใจของสตรี นางมิได้มุ่งร้ายเหมือนงูพิษ ในแต่ฐานะเทพจักรพรรดิ มีหลายสิ่งที่นางอับจนหนทาง หลายครั้งที่ไร้ทางเลือก จากเป้าหมายตั้งต้นอันเรียบง่าย กลับกลายเป็นความผูกพันแม่ลูกที่เพิ่มทวี ไหนเลยนางจะทนปล่อยให้พวกนางถูกสังเวยได้ แต่ในเมื่อได้เลือกไว้ตั้งแต่แรก นางจึงต้องเผชิญหน้ากับความจริงอันโหดร้ายทารุณ หากการสละ ‘ลูกสาว’ สองคนสามารถกำจัดเผ่าพันธุ์ปีศาจได้ สามารถนำความสงบร่มเย็นมาสู่ทวีปเทวะ นางย่อมเลือกกระทำโดยไม่ลังเล และหากแทนที่ลูกสาวด้วยชีวิตตนเองได้ นางก็พร้อมยอมทำโดยไม่ลังเลเช่นกัน

“ไป่เย่ ข้ารู้ว่านี่ไม่ยุติธรรมต่อเจ้า แต่ข้าคือเทพจักรพรรดิ ยามที่ท่านพ่อมอบความรับผิดชอบหนักหนาของทวีปเทวะให้กับข้า หลายสิ่งหลายอย่าง ข้าล้วนไม่มีสิทธิ์เลือกด้วยตัวเอง” เมื่อเห็นว่านางทราบความจริงแล้ว เทพจักรพรรดิจึงไม่ปฏิเสธอีก น้ำเสียงนุ่มนวลแฝงไปด้วยความเจ็บปวดและหมดหนทาง ทว่าความเสียใจไม่ได้แสดงออกมาชัดเจนนัก หลายปีที่ผ่านมา นางได้คุ้นชินกับมันแล้ว

หนิงเสวี่ยสั่นศีรษะและกล่าวอย่างโศกสลด “ไม่มีสิ่งใดที่ไม่เป็นธรรม ท่านแม่จักรพรรดิ ข้ามีชีวิตได้ก็เพราะท่าน แม้ท่านไม่ใช่มารดาในสายเลือด แต่อย่างไรท่านก็คือแม่ของข้า เป็นผู้ให้ชีวิตข้า ท่านย่อมชอบธรรมและถอนชีวิตคืนได้ทุกเวลา.... หากชีวิตข้าแลกกับความสงบของทวีปเทวะได้ เช่นนั้นข้าก็เต็มใจมอบให้ทุกสิ่ง ท่านแม่จักรพรรดิ ตอนที่ข้ารู้ความจริงทุกอย่าง ตอนนั้นข้ากลัวมากแต่ไม่ได้เกลียดท่าน ข้ากับน้องหญิงหนีไปเพราะยังไม่อาจยอมรับความจริงอันโหดร้าย จึงเพียงต้องการหนีไปให้ไกล....”

หากเป็นเมื่อร้อยปีก่อน นางคงสามารถกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ได้โดยง่าย ทว่าตอนนี้นางเปลี่ยนไปมาก เวลานั้นสิ่งที่คู่ควรให้นางกังวลมีอยู่น้อยยิ่ง แต่ตอนนี้ นางมีห่วงหนึ่งที่ไม่มีวันตัดขาด.... ทุกคำพูดของนางตามมาด้วยหยดน้ำตา นางในตอนนี้หวั่นกลัวต่อความตายมาก เพราะหากตายไปนางจะไม่ได้เห็นเขาอีก.... เขาเองจะไม่ได้เห็นนางเช่นเดียวกัน เมื่อนางตายไปแล้ว นางจะไม่เจ็บปวดอีก แต่เขาจะต้องทนเจ็บปวดเพราะนาง.... นึกถึงน้ำตาที่เขาหลั่งเพื่อนางแล้ว หากเป็นไปได้ นางอยากมีชีวิตอยู่ตลอดไป อยู่จนถึงวันที่เขาสิ้นอายุขัย และตามเขาไปในวันนั้น

แต่ทว่า นางไม่มีทางเลือกเลย....

เทพจักรพรรดิเบือนศีรษะออก ไม่ต้องการให้นางเห็นความอับจนของตนเอง “เมื่อรู้อยู่แล้ว เหตุใดถึงยังพูดออกมา ทำเป็นไม่รู้เห็นสิ่งใด.... จะไม่ดีกว่าหรือ?....”

หนิงเสวี่ยเดินมาอยู่เบื้องหน้าเทพจักรพรรดิ ย่อร่างลงช้าๆคุกเข่าต่อหน้านาง เทพจักรพรรดิมองนางอย่างเงียบงัน แต่มิได้ช่วยประคองนางขึ้น การที่หนิงเสวี่ยบอกความจริงที่ปิดซ่อนอยู่ในใจ ทำให้นางรู้ว่าหนิงเสวี่ยมีบางอย่างที่ต้องการกล่าว

“อะไรคือเทพลึกลับ? ในยุคโบราณ เทพจักรพรรดิองค์ที่ 17 นับจากการตายของจักรพรรดิใต้และจักรพรรรดิเหนือ ได้ฝ่าฝืนเจตจำนงค์ของสวรรค์ทำความเข้าใจในกฎเกณฑ์ของโกลาหล เขาได้สร้างหุ่นต้องห้ามอันทรงพลังขึ้นมาสองตน ตนหนึ่งเป็นสีขาว อีกตนเป็นสีดำ ทันทีที่หุ่นสองตนปรากฎขึ้น เทพจักรพรรดิได้ถูกทัณฑ์อันน่าสยดสยองทันที หลังจากทนทรมานอยู่ไม่กี่ปี วิญญาณของเขาได้แตกสลาย หุ่นสองตนได้กลายเป็นความลับสูงสุดที่มีเพียงเทพจักรพรรดิรับรู้.... ตอนแรกพวกเขาปิดบังไว้ได้อย่างมิดชิด และหุ่นสองตนที่ซ่อนไว้ยิ่งมายิ่งทรงพลัง แกร่งกล้าจนถึงขั้นต่อต้านเจตจำนงค์ของสวรรค์.... เนื่องจากหุ่นสองตนหิวกระหายในพลังมาก เมื่อเทพในทวีปเทวะตกตาย พลังทั้งหมดของพวกเขาจึงถูกดูดกลืนโดยหุ่นสองตนนั้น หุ่นขาวดูดกลืนพลังด้านบวก หุ่นดำดูดกลืนพลังด้านลบ หมื่นปี , แสนปี และล้านปีผ่านไป.... หุ่นสองตนได้ดูดกลืนพลังจนแกร่งกล้าถึงปานใด.... มีแต่ท่านแม่จักรพรรดิเท่านั้นที่รู้”

เทพจักรพรรดิ “.......”

“หุ่น อย่างไรก็เป็นเพียงหุ่น ต่อให้มีพลังต่อต้านเจตจำนงค์ของสวรรค์ก็ไม่อาจใช้ออกได้.... มีเพียงต้องมอบสติให้กับมันเท่านั้น หุ่นขาวต้องใช้พลังงานด้านบวกที่บริสุทธิ์และทรงพลังสูงสุดของมุกจรัสแสง และมุกโชนชีวิน ส่วนหุ่นดำต้องใช้พลังงานด้านลบที่บริสุทธิ์และทรงพลังสูงสุดของมุกสางทมิฬ และมุกภูติมรณะ ตอนที่เทพจักรพรรดิองค์ที่ 17 สร้างหุ่นขาวและหุ่นดำ เขาได้ครอบครองมุกเซียนโกลาหลทั้งสี่เม็ดนี้อยู่ในมือแล้ว ทว่าเวลานั้น มุกจรัสแสง , มุกโชนชีวิน , มุกสางทมิฬ และมุกภูติมรณะได้กำเนิดขึ้นเป็นสิ่งสุดท้าย พลังและสติของมันจึงยังไม่เติบโต.... หลังจากที่พลังของมันเติบโตแล้ว ไม่ทราบต้องรออีกนานเพียงใดสติของมันจึงจะเติบโตขึ้น.... ดังนั้น ท่านแม่จักรพรรดิจึงใช้พลังของพวกมันเป็นแก่น เพิ่มเติมพลังของตนเองลงไป สร้างร่างและสติให้กับพวกมัน.... ผลลัพธ์จึงเกิดเป็นข้าและน้องหญิง....”

ร่างของนางเกิดขึ้นจากมุกจรัสแสงและมุกโชนชีวิน ดังนั้นจึงมีพลังแสงและพลังชีวิตอันบริสุทธิ์สูงสุดและแข็งแกร่งที่สุด ด้วยพลังแกร่งกล้าของมุกโชนชีวิน ทำให้นางเติบโตเร็วกว่าเฮยเย่ ดังนั้นนางจึงเป็นพี่สาว ส่วนเฮยเย่เป็นน้องสาว.... พี่น้องผู้มีสายเลือดต่างกัน แต่มีชะตากรรมอันเดียวกัน

“เจ้ารู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน” เทพจักรพรรดิเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อยในที่สุด นี่เป็นความลับที่มีเพียงเทพจักรพรรรดิเท่านั้นที่รู้ เพื่อป้องกันไม่ให้หุ่นดำขาวถูกทำลาย ยามที่มันยังอ่อนแอจึงต้องไม่ให้ใครรู้ ทว่าในที่สุด พลังของหุ่นดำขาวได้บรรลุถึงระดับที่น่ากลัว ม่านพลังแกร่งกล้าไม่อาจกั้นขวางพลังรั่วไหลของมันได้อีก ในที่สุดจึงถูกตระหนักรู้โดยเย่หมิง , เชียนจ้ง และเสวี่ยเย่แห่งสามขุนพลศักดิ์สิทธิ์ เวลานั้นพวกเขาได้รู้ว่าที่แท้ทวีปเทวะได้ซ่อน ‘อาวุธ’ แห่งหายนะน่าหวาดหวั่นไว้ การดำรงอยู่ของ ‘อาวุธ’ สองชิ้นนี้ได้กลายเป็นเรื่องต้องห้าม พวกเขาเชื่อว่าพลังมหาศาลนี้เพียงพอทำลายทั้งทวีปเทวะ หากใช้โจมตีทวีปปีศาจ เหล่าปีศาจย่อมไม่มีทางต่อต้าน

แต่พลังที่สามารถต่อต้านเจตจำนงค์ของสวรรค์ย่อมไม่ต่างจากดาบสองคม พวกเขาต้องรอจนกว่าสติของเฮยเย่และไป่เย่เติบโตเสียก่อน ไม่อย่างนั้น หากสติไม่มั่นคงแล้วเกิดทำให้หุ่นเทพลึกลับคลั่งขึ้นมา ที่แห่งแรกที่มันจะนำหายนะมาสู่ย่อมเป็นทวีปเทวะ



<<<PREV    .    NEXT>>>