วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 523

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 523 คำขอของเชียนจ้ง

เย่หวูเฉินผลักฝ่ามือขึ้น เพลิงสีขาวพวยพุ่งออกจากมือ ตรงเข้ากระทบเย่หมิงโดยตรง เพลิงเปลี่ยนรูปกลายเป็นหงส์เหินอันงดงาม ผสานกับเสียงร่ำร้องของหงส์

มุกมังกรอัคคีเปลี่ยนเป็นแก่นกำเนิดพลังธาตุไฟให้กับเย่หวูเฉิน มอบพลังไฟอันไร้สิ้นสุด มุกสลายวายุเปลี่ยนเป็นแก่นกำเนิดพลังธาตุลม มอบพลังลมไร้สิ้นสุดให้กับเขา เก้าหงส์อัคคี คือการผสานระหว่าง เพลิงเก้าสวรรค์ และ หงส์วายุสวรรค์ ที่แข็งแกร่งสุด โดยมีธาตุไฟเป็นธาตุตั้งต้น ใช้ลมเป็นธาตุส่งเสริม การผสานไฟและลมที่แข็งแกร่งสุดมิได้เรียบง่ายเหมือนหนึ่งบวกหนึ่ง แต่พลังของมันเพิ่มพูนขึ้นหลายเท่าหลังจากการผสาน

สายลมที่แข็งแกร่งสุดไล่ทันเย่หมิงที่ปลิวสู่ฟ้า ส่งพลังไฟลมอันแข็งแกร่งกระแทกร่างของเย่หมิง ชั่วขณะที่สัมผัสมัน เก้าหงส์อัคคีระเบิดออกดุจพลุใหญ่ ในขณะเดียวกัน มีเสียงร้องโหยหวนที่แทบฉีกกระชากฟ้า

สายตาสมเพชและเกลียดชังมองยังเย่หมิงเป็นครั้งสุดท้าย เย่หวูเฉินเบือนออกและหันมองไปยังเสวี่ยเย่ ด้วยพลังของเต่าดำ มันสมควรต้านยันเสวี่ยเย่ได้ เสวี่ยเย่โดดเด่นด้านการโจมตีอันโหดเหี้ยม ขณะที่เต่าดำโดดเด่นด้านการป้องกัน ทั้งสองสมควรคุมเชิงกันได้ ดังนั้น เขาจึงให้เซียงเซียงที่บรรลุพลังศักดิ์สิทธิ์คอยช่วยเหลือเต่าดำ ด้วยพลังตัดมิติของนาง จุดด้อยของเต่าดำย่อมถูกกลบไว้อย่างสมบูรณ์ ทว่าเมื่อเขาก้มมองลงไป คนต้องพบว่าตัวเองเข้าใจผิดพลาด....

ผู้ช่วยกลับมิใช่เซียงเซียง หากแต่เป็นเต่าดำ.... ขณะที่เขาอาศัยความมั่นใจเกินเหตุของเย่หมิง โจมตีมันให้เจ็บหนักด้วยความเร็วสูงสุด ไม่คิดเลยว่าในขณะเดียวกัน ที่เบื้องล่าง บทสรุปของการต่อสู้ได้มาถึงอย่างรวดเร็ว

ชั่วขณะที่ก้มลงมอง เขาเห็นเสวี่ยเย่ใช้เลื่อยโลหิตต้านยันเต่าดำอย่างหนักหน่วง แต่ไม่ว่าเลื่อยโลหิตจะหมุนควงอย่างไร ไม่ว่าจะเหวี่ยงท่าใด ไม่ว่าจะเฉือนอย่างไร ล้วนไม่อาจผ่านการป้องกันของเต่าดำได้ ทว่าในพริบตานั้น เซียงเซียงที่ดูไร้พิษภัยใดๆ หลังจากเงียบงันอยู่ชั่วสั้นๆ ฉับพลันนางหมุนร่างอย่างงดงาม พุ่งตรงไปข้างหน้าพร้อมมิติบิดผัน กระทบเข้าสู่ร่างของเสวี่ยเย่

มิติแตกออก! ม่านตาของเย่หวูเฉินหดวูบ.... พลังอาจต่อต้าน อาวุธอาจต่อต้าน ธาตุอาจต่อต้าน แต่มิติที่แตก? การแตกของมิติหมายถึงทุกสิ่งในห้วงมิติตรงนั้นถูกทำลาย มีเพียงร่างกายที่แกร่งกว่าพลังมิติตรงนั้นเท่านั้น ไม่อย่างนั้น ย่อมไม่มีทางหลีกเลี่ยงความเสียหายที่เกิดจากมิติที่แตกออกได้

กระทั่งพลังระดับศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีข้อยกเว้น!

ปุ!

เสวี่ยเย่ที่ติดพันเต่าดำไม่จนอาจถอนออก ถูกระเบิดอกเป็นรูเลือดขนาดใหญ่ เสวี่ยเย่ชะงักค้างไปทั้งร่าง ดวงตาประกายโลหิตหม่นลง เลื่อยโลหิตในมือร่วงลงช้าๆ ร่างบอบบางถูกพลังแกร่งกล้าของเต่าดำอัดปลิวไปดุจขนนก โลหิตกระจายพรมไปทั่ว

บาดเจ็บหนัก บาดเจ็บสาหัสอย่างแท้จริง มิติฉีกกระชากอวัยวะภายในของนาง ต่อให้นางมีพลังระดับศักดิ์สิทธิ์ ภายใต้บาดแผลร้ายแรงนี้นางต้องตายโดยไม่ต้องสงสัย ถึงแม้ใช้พลังทั้งหมดรักษาลมหายใจไว้ได้ แต่สุดท้ายไม่นานก็ต้องตายลง เย่หวูเฉินเหวี่ยงกระบี่นับสิบครั้ง ผสานพลังไฟลมที่แข็งแกร่งสุดจึงปราบเย่หมิงได้ราบคาบ ทว่าเซียงเซียง.... ใช้เพียงหนึ่งการโจมตีที่แสนธรรมดาเท่านั้น

ตูม!!!!

ผืนปฐพีที่ย่อยยับถูกพลังยิ่งใหญ่ผลักขึ้นฉับพลัน ร่างขนาดใหญ่ดำเมื่อมพุ่งออกมาจากใต้ผืนดิน เมื่อเหยียบเท้าลงพื้น ร่างของมันโงนเงนอยู่เล็กน้อย มันออกแรงเขย่าหัวของตัวเอง เย่หวูเฉินใช้พลังเต็มที่ต่อยลงกลางกระหม่อมมัน ต่อให้มันมีร่างกายแข็งแกร่งเพียงใด หรือต่อให้ไร้การบาดเจ็บ อย่างน้อยมันต้องมึนงงอยู่ใต้พื้น ยากที่จะคืนสติแจ่มชัด กระทั่งมึนเมาจนถึงตอนนี้

ทว่าทันใดนั้น มันราวกับถูกหอกทิ่ม ความมึนงงสลายสิ้นฉับพลัน เพราะมันเห็นเสวี่ยเย่เลือดฟุ้งอยู่กลางอากาศ ก่อนร่วงลงพื้นอย่างน่าเวทนา

เชียนจ้งชะงักค้าง ฉับพลันร้องลั่นทำแผ่นดินสะเทือน ร่างมหึมาระเบิดความเร็วเหนือล้ำกว่าครั้งใด พุ่งตรงไปยังเสวี่ยเย่อย่างบ้าคลั่ง ก่อนหยุดกายลงพื้นอย่างหนักหน่วง

เห็นใบหน้าซีดขาวของเสวี่ยเย่ เห็นรูตรงอกขนาดใหญ่ อวัยวะภายในเกือบถูกทำลายสิ้น เชียนจ้งร้องครวญอย่างสลดอีกครั้ง ก่อนหันร่างฉับพลัน เหวี่ยงหมัดทลายฟ้าถล่มผืนปฐพีไปยังเย่หวูเฉินอย่างบ้าคลั่ง อากาศถูกผลักกระจายออก มิติบิดผันด้วยพลังมหาศาล

เย่หวูเฉินไม่ได้ขยับร่าง เต่าดำคำรามและกระโดดออกรับแทน หมัดของเชียนจ้งปะทะใส่มันอย่างรุนแรง เชียนจ้งถอยหลังหลายก้าว ทว่าเต่าดำถูกต่อยจนปลิวทันที เย่หวูเฉินฉกฉวยโอกาสนี้ อาศัยพลังมิติของเซียงเซียง ย้ายร่างไปอยู่เหนือเชียนจ้ง พลังหวูเฉินส่งสู่หมัดทั้งสองข้าง เหวี่ยงใส่ศีรษะมัน แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ต่อยลงเป็นแนวตรง แต่โค้งออกและต่อยเข้าสู่ขมับซ้ายขวา

ปัง!

พลังของเชียนจ้งน่าสะพรึงทั้งการป้องกันและโจมตี แต่หากกล่าวถึงจุดที่อ่อนแอสุดย่อมเป็นศีรษะมัน.... แน่นอนว่านี่คือจุดอ่อนของแทบทุกชีวิต ไม่มีมนุษย์คนใดอยู่รอดหากไร้ศีรษะ

สองหมัดหนักหน่วงบดสติของเชียนจ้งจนกลายเป็นผง หัวสมองของมันกลายเป็นว่างเปล่า ไม่อาจรู้สึกได้กระทั่งความเจ็บ แต่ร่างของมันไม่ได้ล้มลง ยังคงมีหมัดสองข้างอัดคาอยู่ที่หัว....

ปัง

ปัง

ปัง

เชียนจ้งแข็งแกร่งจนน่ากลัว เย่หวูเฉินใช้เพียงไม่ถึงสองในสิบส่วนของพลังหวูเฉิน ก็สามารถต่อยฮุ่นเทียนจนย่อยยับ ขณะที่เชียนจ้งถูกต่อยศีรษะจนเต็มกำลัง พลังมหาศาลนี้สามารถป่นขุนเขาได้อย่างง่ายดาย ทว่าต่อยหมัดต่อเนื่องสี่ครั้ง กลับไม่อาจทำให้ศีรษะของเชียนจ้งแตกได้

ตูม!

เย่หมิงร่วงจากอากาศถึงพื้นในที่สุด มันกระแทกกับพื้นอย่างหนักหน่วง เส้นผมสีทองถูกเผาหายไปแถบใหญ่ ใบหน้าเป็นรอยไหม้เกรียม เกราะทองบนร่างถูกทำลาย หนึ่งในสามขุนพลศักดิ์สิทธิ์ที่ครั้งหนึ่งเคยทรนง บัดนี้มีสภาพน่าอเนจอนาถเกินจะกล่าว พลังยิ่งใหญ่ยังคงรักษาชีวิตของมันไว้แม้เจ็บหนัก ทว่ายามนี้ มันมีสภาพไม่ต่างจากคนตาย กระทั่งไม่อาจดึงความสนใจของเย่หวูเฉินได้แม้แต่น้อย

เย่หวูเฉินหยุดการโจมตี กระโดดหมุนกายลงจากอากาศ สายตาของเชียนจ้งเลื่อนลอยไร้จุดรวมศูนย์ ร่างมหึมาไหวโงนเงนและล้มลงพื้น ไร้การเคลื่อนไหวใดๆอีก

เย่หวูเฉินปาดเหงื่อออก สูดหายใจหนักหน่วงสองครั้ง จับร่างเซียงเซียงวางลงบนไหล่ “เซียงเซียง รีบไปกันเถอะ!”

ต้องไปให้ทัน.... ต้องรีบไปให้ทันเวลา!”

แต่ว่า.... พวกนางอยู่ไหน.... วิหารเทวะ พวกนางอยู่ตรงจุดไหนของวิหารเทวะ เห็นอยู่ชัดๆว่าทงซินกับเขาเชื่อมโยงกันทางวิญญาณ แต่เหตุใดจึงไม่อาจสัมผัสถึงตำแหน่งของนางได้

เย่หวูเฉินทะยานเข้าไปในวิหารเทวะ ขณะที่ร่างพุ่งอยู่กลางอากาศ ฉับพลันมีเสียงดังลั่นลอยตามหลัง เย่หวูเฉินหันกายกลับไปอย่างรวดเร็ว หัวใจตกตะลึงเล็กน้อย

“อะไรกัน!?”

เชียนจ้ง.... ถูกทุบศีรษะหนักหน่วงสี่ครั้งต่อเนื่อง มันสมควรหมดสติไม่อาจตื่นในชั่วเวลาสั้นๆ ทว่ามันกลับหยัดกายอันสั่นเทาขึ้นยืน หลังความตกตะลึง เย่หวูเฉินพลันพบว่าร่างของมันมีเหงื่อท่วม ฟันยังขบติดกันแน่น ระหว่างหยัดยืนร่างของมันสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด.... ราวกับคนกำลังฝืนขีดจำกัดของร่างกาย

เชียนจ้งไม่ได้มองมาที่เย่หวูเฉิน แต่ลากร่างใหญ่โตไปที่ข้างๆเสวี่ยเย่ มันไม่กล้าแตะร่างนางที่บาดเจ็บสาหัส เพราะอาจรบกวนพลังสุดท้ายของนางที่ใช้เหนี่ยวรั้งชีวิตไว้ มันหันร่างกลับมา มองยังเย่หวูเฉินด้วยสายตาเจ็บปวดและวิงวอน เอ่ยคำอย่างยากเย็น “ได้โปรด.... ช่วยเสวี่ยเย่.... นางยังเด็กนัก....”

เย่หวูเฉินเบือนหน้าออกโดยไม่ลังเล ทะยานร่างเข้าไปในวิหารเทวะอีกครั้ง ทว่าขณะที่พุ่งกาย เชียนจ้งส่งเสียงตะโกนอ่อนแอตามมา “ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังตามหาใคร.... และรู้ว่าพวกนางอยู่ไหน!”

เย่หวูเฉินหยุดร่างลงทันที จากนั้นหันกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนกล่าวอย่างจริงจัง “เจ้าจะพิสูจน์ยังไงว่าไม่ได้หลอกข้า?”

หนิงเสวี่ยและทงซินอยู่ที่ไหนในตอนนี้ คือสิ่งที่เขากังวลมากที่สุด เขารู้พวกนางจะต้องอยู่ในวิหารเทวะ แต่ไม่อาจยืนยันชัดว่าพวกนางอยู่ตรงจุดใด ภายในวิหารเทวะสมควรมีสถานที่ปกปิดเทพลึกลับไว้เป็นอย่างดี ทำให้เขาไม่อาจสัมผัสถึงทงซินได้ หัวใจยิ่งมายิ่งร้อนรน ที่คนไม่อาจหาพวกนางพบ

ถ้อยคำของเชียนจ้ง เย่หวูเฉินเชื่อถืออยู่ครึ่งหนึ่ง ในเมื่อมันฝืนขีดจำกัดของร่างกาย ปลุกตัวเองให้ตื่นขึ้นเพื่อขอร้องเขาให้ช่วยรักษาเสวี่ยเย่ เขาจึงได้ทราบว่า ดรุณีน้อยผู้ครองเลื่อยโลหิตน่าสะพรึงผู้นี้ แท้จริงคือคนที่สำคัญสูงสุดสำหรับมัน

“ข้าไม่เคยโกหกผู้ใด ได้โปรดช่วยเสวี่ยเย่ แล้วข้าจะบอกเจ้า ข้าจะบอก....” ใบหน้าของเชียนจ้งยังคงวิงวอน มันไม่เคยทรนงแม้เป็นถึงขุนพลศักดิ์สิทธิ์ ทว่าเพื่อช่วยเสวี่ยเย่ ต่อหน้าบุคคลที่อัดมันจนเจ็บหนัก ต่อหน้าคนที่เกือบสังหารเสวี่ยเย่ มันกลับแสดงท่าทางวิงวอนดุจผู้ต่ำต้อย

เย่หวูเฉินยกมือขึ้น ชี้นิ้วไปทางเย่หมิงที่แทบสูญสิ้นพลังทั่วร่าง กล่าวคำราบเรียบและเย็นชา “ฆ่ามัน แล้วข้าจะรักษานางให้ทันที”

ไร้ความลังเลแม้แต่น้อย เชียนจ้งพุ่งร่างด้วยความเร็วสูงสุดไปยังเย่หมิง เหวี่ยงหมัดหนักหน่วงสู่สายตาสิ้นหวังของมัน....

แม้ว่าเชียนจ้งกำลังอ่อนแอ แต่อย่างไรมันก็คือเชียนจ้ง หมัดนี้ยังคงสามารถถล่มปฐพี เย่หมิงยามนี้ไร้พลังคุ้มร่าง จึงถูกเชียนจ้งเหวี่ยงหมัดสังหารอย่างโหดเหี้ยมด้วยประการนี้

สำหรับเชียนจ้งแล้ว พันเย่หมิงก็ไม่อาจเทียบเสวี่ยเย่ที่มันชื่นชอบ สังหารเย่หมิงเพื่อเสวี่ยเย่ มันไร้ความลังเลแม้แต่น้อย

หัวใจของเย่หวูเฉินเกิดอารมณ์ซับซ้อน เขาชำเลืองมองเย่หมิงที่ตกตายในสภาพน่าอนาถ เข้ามาอยู่ข้างๆเสวี่ยเย่และย่อกายลง ยื่นมือขวาออก กางฝ่ามือเหนือทรวงอกที่กลวงเปล่า แทนที่จะรักษานางทันที เขาส่งพลังหวูเฉินปิดกั้นพลังทั่วร่างของนางไว้ ด้วยสภาพของเสวี่ยเย่ในยามนี้ เขาแทบไม่ต้องออกแรงใดๆ ก็สามารถปิดกั้นพลังเทพของนางไว้ตลอดหนึ่งวันหนึ่งคืน จากนั้น เขากดฝ่ามือลง ส่งพลังหวูเฉินสู่ร่างรักษาบาดแผลให้นาง

เชียนจ้งแทบหยุดหายใจ มันนิ่งงันมองเย่หวูเฉินและเสวี่ยเย่ สายตายิ่งมายิ่งตกละลึง เพราะมันเห็นอย่างชัดเจน บาดแผลร้ายแรงตรงอกของเสวี่ยเย่กำลังสมานเข้าหากันด้วยตาเปล่า สุดท้ายมันถูกรักษาจนหายสมบูรณ์ ชั่ววินาทีนั้น ใบหน้าซีดเผือดอย่างน่ากลัวของเสวี่ยเย่เนื่องจากเสียเลือดมาก ฉับพลันมีสีฝาดขึ้นเล็กน้อย จากระยะห่างไกล เชียนจ้งสัมผัสถึงลมหายใจราบเรียบของนางได้

เย่หวูเฉินลุกขึ้นยืน มุ่นคิ้วถามไปยังเชียนจ้ง “บอกข้า พวกนางอยู่ไหน”

“ด้านในวิหารเทวะ.... ปราสาทหลังซ้าย.... ใช้พลังเก้าสายกระตุ้นโคมไฟเก้าดวงที่อยู่ข้างบน.... ทางลับใต้ดินจะเปิดออก.... พวกนางอยู่ที่นั่น.... แต่ที่นั่นลึกมาก พวกเราไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปยังจุดที่ลึกสุด.... การตามหาพวกนางที่อยู่ในนั้น.... ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว” เชียนจ้งแทบหยุดหายใจกล่าว ด้วยการฟื้นตัวของเสวี่ยตัว ทำให้หัวใจมันคลายออก ในที่สุดร่างของมันได้ล้มร่วงลงกับพื้น

เย่หวูเฉินไม่รั้งรออีก พุ่งกายดุจศรธนูเข้าไปจนไกลลิบ

“ขอบ.... คุณ....” เชียนจ้งส่งเสียงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนหมดสติลง ขณะเดียวกัน เสวี่ยเย่ตื่นขึ้นมาช้าๆในยามนี้ นางมองท้องฟ้าห่างไกลด้วยแววตาเลื่อนลอย สภาพของนางในยามนี้ ไร้พลังคุกคามที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว ลักษณะบอบบางโน้มนำผู้คนที่ได้เห็นเกิดความเอ็นดูเท่านั้น



<<<PREV    .    NEXT>>>