วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 511

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 511 มุ่งสู่ประตูสวรรค์หวงห้าม

ไป่เย่ยืนขึ้นและกล่าวอย่างนุ่มนวล “ท่านแม่จักรพรรดิ ชีวิตของพวกเราเป็นท่านมอบให้ ท่านไม่มีสิ่งใดที่ติดค้าง นี่คือชะตาของพวกเรา.... ข้ากับน้องหญิงทำความผิดพลาดใหญ่หลวงที่สุด คือไปยังทวีปเทียนเฉินและพบกับเขา.... แต่นี่คือความผิดพลาดที่พวกเราไม่มีวันเสียใจ”

เทพจักรพรรดิถอนหายใจแผ่วเบา การปลุกเทพลึกลับจำเป็นต้องอาศัยฤกษ์และเวลาที่เหมาะเจาะ ระหว่างดำเนินการห้ามผิดพลาดแม้แต่เล็กน้อย ดังนั้น ยามนี้ทั่วเมืองกงจึงเต็มไปด้วยการคุ้มกันหนาแน่น ป้องกันเหตุไม่คาดฝันนานาชนิดที่อาจเกิด ทว่าตอนนี้ นางไม่ทราบว่าตนเองได้ตัดสินใจถูกต้องหรือผิดพลาด....

องค์หญิงเฮยเย่และองค์หญิงไป่เย่ตามนางไปเบื้องหลัง ตรงสู่ชะตากรรมสุดท้าย ไม่อาจมีปาฏิหาริย์ใดๆเกิดขึ้นอีก

หลังจากที่พวกนางออกไป ร่างหนึ่งสะท้อนแสงสีม่วงได้กระโดดลงจากโต๊ะ วิ่งตามหลังพวกนางไปอย่างกระวนกระวาย

วันนี้ การคุ้มกันในเมืองกงหนาแน่นที่สุดในประวัติศาสตร์ แปดเทพขุนพลจากแปดทิศที่ตอนนี้กลายเป็นหกเทพขุนพลได้กลับมาสู่เมืองกง หกเทพราชันผู้มีสถานะเทียบเท่าหกเทพขุนพลได้ป้องกันอยู่นอกเมือง ขณะที่สามขุนพลศักดิ์สิทธิ์ผู้แข็งแกร่งสุด ผู้ที่เดิมทีมีอิสระสูงสุดได้ถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกจากเมืองกง คอยปกป้องสถานที่หนึ่งซึ่งไม่ทราบว่าอยู่จุดใด นี่คือด่านป้องกันสุดท้ายของเทพลึกลับดำขาว หากสามบุคคลนี้ร่วมมือกันป้องกัน ทุกเหตุการณ์ไม่คาดฝันย่อมถูกปัดเป่า

ประตูสวรรค์หวงห้าม คือประตูของใจกลางเมืองกง และตามชื่อของมัน หากไม่ได้รับอนุญาตก็ไม่มีใครผ่านประตูนี้ได้ ยิ่งในตอนนี้ ประตูสวรรค์หวงห้ามได้ถูกปิดกั้น ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไป และฝูงชนล้วนรู้เหตุผล อีกไม่นานนับจากนี้ เทพลึกลับในตำนานจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้น

ทว่าเวลานี้เอง เบื้องหน้าประตูสวรรค์หวงห้ามมีคนปรากฎตัวขึ้นอย่างฉับพลัน คนหนึ่งร่างเต็มไปด้วยความน่าอัดอัด อีกคนเห็นได้ชัดว่าถูกลากมา ราวกับว่ายังไม่หายจากความตกใจ การปรากฎตัวของคนทั้งสอง ทำให้เทพที่ป้องกันอยู่ชี้กระบี่ยาวสีทองมาที่พวกเขา “ที่นี่คือประตูสวรรค์หวงห้าม ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าใกล้ จงรีบไสหัวออกไปซะ!”

เล่งหยาไม่ขยับ ฉับพลันกระซิบเสียงต่ำ “กลัวตายหรือไม่?”

น้อยครั้งที่เล่งหยาเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน เมื่อถูกถามคำถามนี้ ฉู่จิงเทียนพลันครุ่นคิด ก่อนตอบซื่อๆคล้ายอับอาย “กลัวนิดหน่อย เพราะข้ายังไม่ได้แต่งเมีย....”

“ถ้ากลัวตายก็ไปซะ เพราะต่อจากนี้ได้ตายแน่” เล่งหยาส่งเสียงอันเย็นชา ยามกล่าวคำว่า ‘ตายแน่’ ยังคงไร้อารมณ์ ไร้ความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น เขาไม่สนใจความเป็นตายมานานแล้ว ในชีวิตเหลือเพียงสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ

ฉู่จิงเทียนหัวใจกระตุกวูบ ดึงแขนของเล่งหยาและคำรามต่ำ “เจ้าจะทำอะไร?”

เล่งหยากลายเป็นหูดับ สืบเท้าเดินตรงไปข้างหน้า

ฉู่จิงเทียนปล่อยมือออก หัวคิ้วขมวดมุ่น กัดฟันส่งเสียงอย่างจริงจัง “ข้ากลัวตาย เพราะข้ายังใช้ชีวิตไม่พอ ข้ายังไม่ค้นพบวิถีกระบี่ขั้นสูงสุด ยังต้องดูแลพ่อแม่แทนเฮยเซียงที่ตายไป.... แต่หากข้าต้องยืนมองเจ้าเดินไปตาย ข้าขอตกตายเสียตอนนี้ยังดีกว่า!”

เล่งหยาหยุดเท้า ปิดตาลงช้าๆและกล่าว “ข้าต้องไป”

“งั้น ข้าก็ไปด้วย” ฉู่จิงเทียนยิ้มและเดินมาอยู่ด้านข้าง มองเทพคุ้มกันที่อยู่ตรงหน้าโดยไร้ความกลัว สามารถยืนคุ้มกันหน้าประตูสวรรค์หวงห้ามได้ แต่ละคนย่อมทรงพลังแกร่งกล้า ทว่าพลังของฉู่จิงเทียนและเล่งหยาไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป ในทวีปเทียนเฉิน พวกเขาคือผู้ไร้เทียมทาน กระทั่งในทวีปเทวะ พวกเขายังจัดอยู่ในกลุ่มบนสุด.... ใกล้เคียงกับตัวตนอย่างแปดเทพขุนพลและแปดเทพราชัน กลิ่นอายของเทพคุ้มกันที่อยู่ตรงหน้า ล้วนไม่อาจทำให้พวกเขารู้สึกกดดันได้แม้แต่น้อย

น้ำเสียงของฉู่จิงเทียนไม่ได้ฝืดฝืน ทว่ามั่นคงและไม่มีวันเปลี่ยน เขากระซิบและถอนหายใจ “อย่างน้อย เจ้าต้องบอกเหตุผลให้ข้าก่อน”

“เล่งหยาเคลื่อนกระบี่คร่าสายลมลงจากแขนเสื้อ กุมไว้ในมือมั่น กระซิบด้วยเสียงต่ำล้ำลึก “หนิงเสวี่ยและทงซินของนายท่าน.... กำลังจะตาย” เขาบอกเหตุผลเพียงครึ่งเดียว เป็นเหตุผลครึ่งเดียวที่ฉู่จิงเทียนสามารถฟังแล้วเข้าใจ

ฉู่จิงเทียนร่างกลายเป็นแข็งทื่อ สีหน้าพลันทะมึนลง เขาขบฟันกล่าว “มิน่าเล่า เจ้าถึงบอกว่า.... ข้าตายแน่!”

วิหารเทวะ! นี่ไม่ใช่วังหลวง ไม่ใช่สำนักจักรพรรดิใต้ และไม่ใช่สำนักจักรพรรดิเหนือ.... แต่เป็นสถานที่ที่แข็งแกร่งสุดในทวีปเทวะ แหล่งรวมตัวของเหล่าเทพที่แข็งแกร่งสุด! การบุกรุกย่อมไม่มีผลลัพธ์เป็นสองนอกจากความตาย แม้ความหวังเลือนรางดุจเส้นไหม แต่เพื่อบุคคลที่ห่วงใย บุคคลมักเพิกเฉยต่อชีวิตและความตายของตัวเอง เหตุผลของฉู่จิงเทียนไม่ได้ซับซ้อนเหมือนเล่งหยา เฉพาะหนิงเสวี่ยก็เพียงพอแล้ว.... เขากับทงซินไม่ได้ผูกพันกันเท่าใดนัก แต่หนิงเสวี่ยเรียกเขาอย่างอ่อนหวานว่า ‘พี่ต้าหนิว’ เป็นสาวน้อยที่เย่หวูเฉินยึดถือดุจชีวิตของตัวเอง คือคนที่ฉู่จิงเทียนยึดถือเป็นน้องสาว....

“ห้ามตายโดยไร้ประโยชน์....” เล่งหยากดเสียงต่ำล้ำลึก “ตามหาพวกนาง.... แต่หากช่วยพวกนางไม่ได้ ให้สังหารหนึ่งในพวกนาง!”

“ว่าไงนะ?” ฉู่จิงเทียนกำหมัดแน่น มองยังเล่งหยาด้วยความตกตะลึง เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง

“หากฆ่าหนิงเสวี่ยไม่ได้.... ให้ฆ่าทงซิน ทันทีที่คนหนึ่งตกตาย อีกคนจะรอดชีวิต หายนะจะถูกหยุดยั้ง ไม่อย่างนั้น ทั้งสองจะต้องตกตาย ทุกอย่างจะไม่อาจหวนกลับได้อีก!!”

ฉู่จิงเทียนยืนทื่ออยู่ตรงนั้น สติและความคิดปั่นป่วน ไม่บ่อยนักที่เขาได้ยินเล่งหยากล่าวคำมากมายในคราเดียว ไม่บ่อยที่จะเห็นเขามีสีหน้าเด็ดขาดถึงเพียงนี้ หากฆ่าคนหนึ่งจะสามารถรักษาชีวิตของอีกคน สามารถหยุดยั้งหายนะไว้ได้ แต่หากไม่ฆ่า.... ทั้งสองจะต้องตกตาย และหายนะจะต้องเกิดขึ้น....

ทำไม? เขาไม่รู้ว่าทำไม.... รู้เพียงว่าเล่งหยาไม่เคยโกหกเขา และจะไม่ทำสิ่งใดที่ไม่สมควรทำ

ทว่าการให้เขาสังหารหนึ่งในสองคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเย่หวูเฉิน เขาไม่เคยคิดฝันแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม หากผู้ใดต้องการทำร้ายพวกนาง เขาจะต้องหยุดยั้งโดยไม่สนใจชีวิตตัวเอง.... สังหารหนึ่งในพวกนาง ไหนเลยเขาจะทำได้

“หากเจ้าทำไม่ได้ เช่นนั้นให้ตามข้ามา.... คุ้มกันข้า.... พวกเราตายได้ แต่ต้องไม่ตายอย่างเปล่าประโยชน์!”

เทพขุนพลผู้แข็งแกร่ง , เทพราชันผู้น่าหวั่นกลัว , ขุนพลศักดิ์สิทธิ์ผู้น่าสะพรึง ฉู่จิงเทียนไม่ทราบเรื่องนี้ ทว่ามันปรากฎชัดในความทรงจำของชาหลัว หนทางข้างหน้าคือความตาย หากเขาหันกายแล้วเดินจากไป เช่นนั้นจะไม่มีใครทำอันตรายเขาได้อีก ต่อให้มีปราณปีศาจของชาหลัว แต่หากระงับไว้ย่อมไม่มีใครตรวจพบได้ ทว่าอีกไม่นานจะเกิดเรื่องที่เกี่ยวพันถึงอนาคตของทวีปปีศาจ ชีวิตของหนิงเสวี่ย , ทงซิน และของเขาถือเป็นเรื่องรอง เขายอมตายเพื่อภักดีต่อเย่หวูเฉิน แต่เขาไม่สนใจความรู้สึกผูกพันของคนอื่น ดังนั้น เขาไม่มีทางเลือกที่สองอีก เขาในยามนี้อาจเอาชนะเทพขุนพลและเทพราชันได้ แต่ไม่มีหวังเอาชนะขุนพลศักดิ์สิทธิ์เลยแม้แต่น้อย.... ต้องบุกเข้าไปด้วยความเร็วสูงสุดเท่านั้น สังหารหนิงเสวี่ยหรือไม่ก็ทงซิน นี่คือทางเลือกเดียวที่เขามีอยู่ เป็นความหวังหนึ่งเดียวเท่านั้น เมื่อสังหารหนึ่งในพวกนาง ทวีปเทวะจะไม่อาจปลุกเทพลึกลับขึ้นมาเพียงตนเดียว ไม่อย่างนั้นทวีปเทวะจะต้องเผชิญหน้ากับหายนะ ทำให้สามารถรักษาชีวิตของอีกคนไว้ได้.... แต่หากไม่ทำอย่างนั้น ทั้งสองจะต้องตกตาย ทวีปปีศาจจะต้องเผชิญกับหายนะ

คนเลว เขาจะเป็นคนเลวเอง หากทำสำเร็จเขาจะยอมรับการลงโทษทุกอย่างจากเย่หวูเฉิน

สำหรับฉู่จิงเทียนแล้ว เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของหนิงเสวี่ยและทงซิน ทว่าพวกนางไม่มีทางเลือก

ก่อนมืดค่ำ.... เวลาใกล้เข้ามาทุกขณะ ทุกวินาทีมีความหมายอย่างมาก วินาทีเดียวก็ไม่อาจรั้งรอได้ กระทั่งไร้เวลาให้ลังเล เล่งหยาชี้กระบี่คร่าสายลมไปทางเทพคุ้มกันที่ระวังตัวอยู่ ก่อนกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว “ไป!”

ซู่ว!

กลุ่มแสงสีดำวาบผ่าน เล่งหยาระเบิดความเร็วออกฉับพลัน รวดเร็วจนไม่อาจบรรยายด้วยคำว่าสายฟ้า เทพคุ้มกันหน้าประตูสวรรค์หวงห้ามที่ไม่ว่าใครล้วนสามารถเขย่าทวีปเทียนเฉิน บัดนี้กลับเห็นเพียงแสงดำวาบผ่าน พร้อมเสียงเสียดบางอย่างที่ข้างหู.... นั่นคือเสียงลำคอของพวกตนถูกเฉือนด้วยกระบี่คร่าสายลม

เหล่าเทพล้วนเหมือนมนุษย์ มีลำคอเป็นจุดตายเช่นเดียวกัน

หลังจากคลุกคลีกับเล่งหยามานานนัก ฉู่จิงเทียนจึงเข้าใจทุกกระบวนท่าของเล่งหยาและมองทันด้วยสายตา เมื่อสิ้นเสียงของเล่งหยา เขาก็พุ่งกายไปเบื้องหน้า ความเร็วของเขาเป็นรองเล่งหยาเพียงเล็กน้อย ตอนนี้ความตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป หากแต่มีสิ่งหนึ่งที่หัวใจแทบหลั่งเลือด.... นั่นคือสุดทางของถนนเส้นนี้ คือการสังหารหนิงเสวี่ยหรือไม่ก็ทงซิน

เทพคุ้มกันแข็งแกร่งมาก ทว่าเล่งหยาและฉู่จิงเทียนแข็งแกร่งกว่าหลายเท่า เล่งหยาปลดปล่อยพลังสังหารในฉับพลัน เทพคุ้มกันนับสิบๆที่อยู่ห่างออกไปยังไม่ทันได้ตอบสนอง เทพคุ้มกันสามตนก็ถูกกระบี่คร่าสายลมตัดลำคอพร้อมกัน.... ประตูสวรรค์หวงห้ามมีขนาดใหญ่โตมาก สูงนับร้อยเมตร กว้างหลายสิบเมตร อีกทั้งยังไม่มีบานประตู หลังจากที่เล่งหยาทำลายอุปสรรคแล้ว ทั้งเขาและฉู่จิงเทียนก็ไม่รั้งรออีก พุ่งตรงเข้าไปทันที พวกเขาไม่รู้ว่าต้องไปทางใด แต่พวกเขาไม่มีเวลาแล้ว และไร้ทางเลือกใดๆอีก

บุกรุกเข้าสู่ประตูสวรรค์หวงห้าม เรื่องนี้แทบไม่เคยเกิดขึ้น เพราะนี่คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญที่สุดในทวีปเทวะ เป็นสถานที่อันไม่อาจล่วงล้ำนอกจากเบื่อโลกและอยากตาย อย่างน้อย ตอนนี้สามขุนพลศักดิ์สิทธิ์ได้รับหน้าที่คุ้มกันความปลอดภัยของวิหารเทวะ ทุกเหตุการณ์ไม่คาดคิดต่อให้ร้ายแรงเพียงใด ย่อมถูกคลี่คลายได้โดยง่าย ยังมีเทพจักรพรรดิที่ไม่ทราบว่าทรงพลังเพียงใด ไม่ทราบว่าสามขุนพลศักดิ์สิทธิ์ร่วมมือกับทั้งทวีปเทวะจะเพียงพอเป็นคู่มือนางหรือไม่

ไม่สงสัยเลยว่า การกระทำของเล่งหยาและฉู่จิงเทียนคือการแหย่รังผึ้ง เทพคุ้มกันโดยรอบต่างทะลักมาหลังจากถูกจู่โจม เล่งหยาชะลอความเร็วเล็กน้อย เมื่อฉู่จิงเทียนมาถึง เขาคว้าตัวไว้แล้วเร่งความเร็วฉับพลัน แม้ลากคนตัวโตไปด้วยแต่ความเร็วของเล่งหยายังเกือบแตะระดับสูงสุด เทพคุ้มกันเหล่านี้ไม่มีทางตามทัน ทำได้เพียงมองแสงทมิฬพุ่งตรงไปยังวิหารเทวะอย่างหมดหนทาง

อย่างไรก็ตาม การใช้พลังเต็มที่ของเล่งหยาย่อมแผ่ปราณปีศาจออกมาด้วย ประตูสวรรค์หวงห้ามกำลังปั่นป่วน ปราณปีศาจแกร่งกล้าทำให้เหล่าเทพที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งวิหารเทวะตื่นตัว

“โอ้ นึกว่าต้องรออย่างน่าเบื่อแล้ว ไม่คิดว่าระหว่างรอชมเทพลึกลับ กลับมีแมลงเล็กๆวิ่งมาถึงประตู”

“น่าสนใจ น่าสนใจ น่าสนใจ ไปดูกันไหม หืม?”

“ไปเล่นก็ไม่เลว”

“งั้นไปกัน ข้านั่งอยู่ตรงนี้มานานพอแล้ว”

“ปราณปีศาจ.... เฮ้ สามารถมาถึงนี่ได้ ดูเหมือนจะไม่เพียงแค่น่าสนใจแล้ว บางทีอาจพอช่วยพวกเราแก้เบื่อได้บ้าง”

“มีปราณปีศาจแค่ตนเดียว ไม่มีตนอื่นอีก ข้าชักสนใจแล้วว่ามันมาถึงที่นี่ได้อย่างไร”

“หือ~~ แต่ข้าสนใจในความโง่ของมันมากกว่า”



<<<PREV    .    NEXT>>>