วันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 507

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 507 ความงามของไป่เย่

เมื่อสามมุกเซียนโกลาหลจมสู่ร่างของเย่หวูเฉินจนหมด แสงสามสีบนฟากฟ้าได้สลายไปหมดสิ้น เย่หวูเฉินเงียบงันไร้สติตั้งแต่เริ่มจนจบ สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ไม่ว่าในห้วงมิติใด สามารถรับพลังสามมุกเซียนทั้งหมดได้โดยไม่บาดเจ็บ นอกจากเขาแล้วไม่มีผู้ใดทำได้อีก กระทั่งชายชุดดำยังไม่อาจทำได้

“สมแล้วที่เป็นมุกเซียนโกลาหล.... ตอนนี้ เจ้าบรรลุพลังโกลาหลแท้จริงขั้นที่ห้าระดับต้น แต่การทะลวงผ่านขั้นที่ห้าสู่ขั้นที่หก สิ่งที่เจ้าต้องใช้มิได้เรียบง่ายเพียงจิตปราณแห่งสวรรค์และปฐพีเท่านั้น”

ชายชุดดำรำพึงกล่าว มือขวาเคลื่อนจับมือซ้ายของเย่หวูเฉิน ที่หลังมือมีรอยประทับสีจางสามรอย เขาเคลื่อนมือครั้งหนึ่ง ฉับพลันมีรอยจางยิ่งกว่านั้นปรากฎรอบๆรอยประทับทั้งสาม หากไม่ใช่สายตาของเขา คนทั่วไปย่อมไม่อาจเห็นรอยใดๆได้ต่อให้เพ่งมอง หนึ่ง , สอง , สาม.... แปด , เก้า ทั้งหมดมีอยู่เก้าจุด เรียงกันเป็นรูปวงแหวนล้อมรอบรอยประทับสีจางรูปดาวทั้งสามไว้ ตำแหน่งการเรียงเว้นระยะกันอย่างสม่ำเสมอ

“เก้า.... ดูท่าข้าไม่ต้องกังวลแล้ว เจ้ามีสายเลือดแห่งโกลาหล ย่อมได้รับอุปนิสัยนั้นมาด้วย....”

เขารวบรวมสมาธิ เกิดการสั่นไหวเล็กน้อยของพลังวิญญาณ แสงขาวกลุ่มหนึ่งปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้าเย่หวูเฉิน เป็นสาวน้อยตัวเล็กๆมองยังชายชุดดำอย่างหมดหนทาง นางไม่อาจเข้าใจได้ เห็นอยู่ชัดๆว่ามีเพียงเจ้านายของนางเท่านั้นที่คู่ควรเรียกนาง เหตุใดภายใต้ความคิดของชายผู้นี้นางจึงไม่อาจขัดขืน และทำได้เพียงออกจากร่างของเย่หวูเฉินเท่านั้น.... เขาไม่ได้มีเพียงพลังแกร่งกล้าทางกายเท่านั้น แต่ยังครองพลังจิตใจอันน่ากลัว!

“เจ้าแข็งแกร่งจริงๆ” ชายชุดดำจับจ้องที่สาวน้อย ยิ้มกล่าวอย่างอ่อนโยนและลึกลับ “กลิ่นอายของเจ้าไร้เศษเสี้ยวของมลทิน มีเพียงใจกลางโกลาหลอันบริสุทธิ์สูงสุด , ทรงพลังสูงสุด จากบรรพกาลแรกเริ่มเท่านั้นจึงจะให้กำเนิดกลิ่นอายนี้ได้ เจ้าสามารถติดตามข้างกายเขาได้นับเป็นวาสนาสูงสุดสำหรับเจ้า เป็นทางเลือกเพียงหนึ่งเดียวของเจ้า เขาคือผู้ตัดสินชะตาของเจ้า และเจ้า จะเป็นผู้ตัดสินชะตาของเขาเช่นเดียวกัน”

เซียงเซียงไม่อาจเข้าใจถ้อยคำของเขา ราวกับว่าชายชุดดำไม่ได้คาดหวังให้นางเข้าใจ เขาไม่อธิบายใดๆและกล่าวต่อ “ข้าจะส่งพลังโกลาหลขั้นห้าของเขาให้ทะลวงสู่จุดสูงสุด ซึ่งขาดอีกเพียงเงื่อนไขเดียวเท่านั้นเพื่อผ่านคอขวด เมื่อเวลาถึงเวลานั้น เขาต้องบรรลุแก่นหยินทั้งสิบของสตรีจึงจะสามารถทะลวงสู่โกลาหลขั้นที่หกได้ จากนั้น ไม่ว่ามนุษย์ , เทพ , หรือปีศาจ ล้วนไม่มีผู้ใดเป็นคู่มือเขาได้อีก.... ตอนนี้ จงกลายเป็นสตรีของเขา เจ้าคือสตรีหนึ่งเดียวที่อยู่กับเขา เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่?”

เซียงเซียง “.......”

ร่างของชายชุดดำเริ่มกระพริบอย่างประหลาด สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยในยามนี้ เขายิ้มอย่างขมขื่น “เวลาใกล้เข้ามาแล้ว....” เขาย่อร่างส่วนล่างลง กดมือลงบนอกของเย่หวูเฉินอีกครั้ง “เจ้ากับข้าถูกลิขิตให้ไม่อาจอยู่ร่วมกัน หากพลังของข้าฟื้นคืนจากความบิดผัน ตัวตนของเจ้าจะถูกลบทิ้งทันที.... นี่คือครั้งสุดท้ายที่ข้าช่วยเจ้าได้ ทุกสิ่งในวันหน้า เจ้าต้องพึ่งพาตัวเองแล้ว....”

แสงไร้สีปกคลุมร่างของเย่หวูเฉิน ร่างของเขาลอยขึ้นจากพื้นช้าๆ ตรงอกของเขา ปรากฎแสงประหลาดดุจเส้นไหม

“13 สาย.... ในอดีต เพื่อยืดชีวิตของเจ้าให้ยาวขึ้น ข้าได้มอบพลังโกลาหลที่แกร่งกล้าสูงสุด 13 สายเข้าสู่ร่างเจ้า ปิดกั้นพลังทั้งหมดของเจ้าไว้ ทว่าในโลกอีกใบ พลังเหล่านั้นกลับหลุดการควบคุมของข้า พลังที่เคยปกป้องกลายเป็นพลังที่เกือบพรากชีวิตเจ้า.... โชคดีที่เจ้ารอดพ้นมาได้ทุกครั้ง ด้วยพลังโกลาหลที่เติบโตขึ้นในตัวเจ้า พลังเหล่านี้จึงค่อยๆกลมกลืนเข้าด้วยกัน ถึงแม้เจ้าไม่อาจใช้พลังของพวกมัน แต่มันก็ไม่สร้างความปั่นป่วนให้อีก.... ตอนนี้ เจ้ามีพลังเพียงพอทำให้พวกมันยอมรับแล้ว!!”

ท่ามกลางกลุ่มแสงไร้สี พลังทั้ง 13 สายได้พวยพุ่งราวกับระเบิดจากอกของเย่หวูเฉิน....

ตูม!!!!

ท้องฟ้าสะเทือนเลือนลั่น เสียงระเบิดแผ่คลุมทั้งทวีปเทียนเฉิน ทุกทิศทาง ทุกผู้คนล้วนได้ยินชัดเจน ยังมีเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง.... หอคอยผ่านเทพกำลังถล่มลง หอคอยผ่านเทพแข็งแกร่งเพียงใด กระทั่งฉู่จิงเทียน , เย่หวูเฉิน และเล่งหยาประสานพลังสูงสุดยังไม่อาจทำลายได้ มันไม่ได้พังด้วยการล้มเอียง แต่ถล่มลงตรงจุดศูนย์กลาง พร้อมกับเสาที่แตกร่วงลงมา

หอคอยผ่านเทพสูงเสียดจนเกินไป เศษซากของมันจึงถมทะเลสาบดาวตกและผาดาวตกจนหมดสิ้น นับจากนี้เป็นต้นไป ทวีปเทียนเฉินจะไม่มีทะเลสาบดาวตกและผาดาวตกอีก ใจกลางของมหาทวีปเต็มไปด้วยเศษซากสูงเสียดมองไม่เห็นยอด จะไม่มีผู้ใดเคลื่อนย้ายหรือทำลายภูเขาศิลานี้ได้

...................

...................

ในอีกห้วงมิติหนึ่ง

ท้องฟ้าเป็นสีซีดจาง อากาศบริสุทธิ์ชวนดื่มด่ำ อวบอวลด้วยกลิ่นดอกไม้และใบหญ้าอันแปลกใหม่ ล้อมรอบศาลาที่ทอดตัวนิ่งงันริมสระน้ำ ที่ริมสระมีสตรีดุจนางฟ้า นางอยู่ในชุดขาวขับผิวขาวให้กระจ่าง แม้ไม่อาจมองเห็นใบหน้าของนาง แต่เพียงแผ่นหลังก็งดงามดุจสวรรค์สร้างแล้ว

เงียบงันอยู่ที่ขอบสระเป็นเวลานาน นางยกมือขึ้น ดึงปิ่นหยกเขียวที่ปักผมออก ผมยาวราวหิมะสยายลงดุจน้ำตก แต่ละเส้นพริ้วไหวในอากาศราวกับมีชีวิต ในที่สุดพวกมันได้ห้อยสยายลง

สองมือเคลื่อนลงมา ปลดชุดขาวไหลลงจากไหล่ ถอดชุดออกอย่างสมบูรณ์ ร่างของนางสมบูรณ์และแพรวพราว ร่างกายพลันกระทบต้องแสง สะท้อนแผ่นหลังอันนุ่มนวลและเอวบอบบาง ขาหิมะสองข้างงดงามไร้มลทิน แม้เห็นเพียงแผ่นหลัง ก็เพียงพอทำให้บุรุษทั่วหล้าบ้าคลั่งและสูญเสียการควบคุมแล้ว

รองเท้าหิมะสองข้างถูกถอดออก เผยให้เห็นเท้าหยกสมบูรณ์ดุจบัวหิมะ เท้าเล็กๆของนางสวยงามมาก ผิวพรรณใสราวหยกหิมะ มีแสงเงาอันสมบูรณ์แบบ นางยกเท้าหยกและก้าวไปเบื้องหน้า จุ่มเท้าลงในน้ำอย่างแผ่วเบา เสียงน้ำกระทบคมชัดจนเท้าสีขาวแช่ลงไป จุ่มอยู่ในน้ำฤดูใบไม้ผลิอันเงียบสงบ

น้ำฤดูใบไม้ผลิเย็นเล็กน้อย นางตักน้ำขึ้นมาด้วยสองมือ มองดูน้ำสีฟ้าไหลซึมลงจากนิ้ว ริมฝีปากของนางยกโค้งขึ้นเล็กน้อย จ้องมองหยดน้ำที่ไหลรินตามแขนหิมะ สายตาค่อยๆพร่าเลือน หมอกมัวเริ่มบดบังสายตาของนางไว้ หยาดน้ำใสร่วงลงจากใบหน้านางอย่างเงียบงัน

“ท่านพี่....” นางมองโลกอันพร่าเลือนที่อยู่ตรงหน้า กล่าวคำรำพึงถึงร่างที่นางมักฝันถึง

อาบน้ำ คือสิ่งที่นางทำประจำทุกวัน แต่ตอนนี้ทุกวันนางอาบน้ำเย็นโดยไม่มีใครช่วยปรับอุณหภูมิให้ ไร้สัมผัสรื่นรมณ์จากการขัดร่างอันอ่อนโยน....

ความทรงจำหวนกลับมาอีกครั้ง นางทราบดีว่าหากไม่ได้กลับไปอยู่ข้างกายเขา นี่จะกลายเป็นมารในหัวใจที่ไม่มีวันลบล้าง

“ท่านพี่....” นางกระซิบอีกครั้งและหลับตาลง จุ่มร่างทั้งหมดลงในน้ำฤดูใบไม้ผลิ น้ำที่นี่ใสพอจนเห็นเม็ดทรายเล็กๆที่อยู่ด้านล่าง เรือนกายของนางยิ่งเห็นได้ชัดเจนขึ้นเมื่ออยู่ใต้น้ำ ภายใต้แสงสว่างนางเป็นดั่งนางเงือกงามที่ได้รับบาดเจ็บ โศกเศร้าในโลกสงบเงียบตามลำพัง

ทันใดนั้น ดูคล้ายนางได้ยินเสียง นางค่อยๆโผล่ขึ้นจากน้ำและมองไปยังต้นกำเนิดเสียงฝีเท้า หญิงสาวผู้หนึ่งแต่งกายในชุดสีสันสวยสดงดงามเดินตรงเข้ามา เมื่อนางมองเห็นสตรีงดงามดุจภาพวาดยืนอยู่ในน้ำตรงหน้า นางจึงพลันหยุดฝีเท้าลง จ้องมองโง่งมยังสตรีที่อยู่ในน้ำ ไม่ทราบว่าจิตใจล่องลอยไปถึงไหน

นี่คือสตรีอายุราว 17- 18 ปีผู้หนึ่ง นางงดงามเป็นอย่างมาก เป็นสตรีผู้หลงใหลในความงาม ทว่าเมื่อเห็นคนตรงหน้า นางต้องพลันรู้สึกต่ำต้อยเป็นคราแรก เพียงเห็นคนตรงหน้าเพียงคราเดียว นางก็ไม่กล้ามองตรงอีกครั้ง

จิตปราณอันบริสุทธิ์แห่งทวีปเทวะได้ให้กำเนิดสตรีงดงามดุจนางฟ้าจำนวนมาก ทว่าเวลานี้ นางต้องยอมจำนน.... องค์หญิงไป่เย่ที่สูญหายไปนับร้อยปีคือสีสันที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งสวรรค์และปฐพี

นางยืนนิ่งอยู่ในน้ำ มองยังหญิงสาวที่กลายเป็นค้างแข็ง ผมขาวลอยละล่องปกคลุมแผ่นหลังอยู่ใต้น้ำฤดูใบไม้ผลิ ขณะที่ไหล่บางของนางยิ่งน่าพรั่นพรึง มันขับส่งความงามในสระเงียบประดุจอยู่ในฝันอันพร่ามัว ริมฝีปากนุ่ม ขนตางอนงาม เส้นผมขาวบางส่วนแนบติดแก้มเพราะหยาดน้ำ ยิ่งเพิ่มเสน่ห์อันน่าหลงใหลและความงามอันบริสุทธิ์ของนาง

“ท่านแม่จักรพรรดิเรียกข้าหรือ?”

ไม่ทราบนานเพียงใดที่นางมึนเมากับร่างหยกงดงามสมบูรณ์แบบ จนกระทั่งร่างนั้นได้สวมชุดกระโปรงขาวปกคลุมตัว นางจึงได้สติกลับมา นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พบองค์หญิงไป่เย่ เนื่องจากร้อยปีก่อนตอนที่องค์หญิงไป่เย่และองค์หญิงเฮยเย่ไปจากทวีปเทวะนั้นนางยังไม่เกิด วันนี้คือครั้งแรกที่นางจะได้พบ ความอยากรู้อยากเห็นจึงอัดแน่นเต็มหัวใจ แต่ไม่คิดเลยว่าองค์หญิงไป่เย่จะงามสมบูรณ์ได้ถึงเพียงนี้ ผลจากภาพที่นางมองเห็น ทำให้นางลืมหน้าที่จนหมดสิ้น

หญิงสาวรีบก้มศีรษะต่ำ ส่งเสียงตอบรับว่า ‘เจ้าค่ะ’ คำหนึ่ง องค์หญิงไป่เย่ถอนหายใจบาง อย่างไรก็ตาม นางเดินผ่านหญิงสาวไปอย่างเงียบงัน

นี่คือม่านพลังสีทองรูปทรงกลม มันมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ประมาณราวสองเมตร ทอแสงสีทองเรืองรอง ในนั้นมีสาวน้อยชุดดำนอนอยู่อย่างสงบ ดวงตาของนางปิดอยู่ ร่างกายไร้การเคลื่อนไหว นางนอนอยู่ภายในนั้นเป็นเวลานานแล้ว ตั้งแต่มาถึงที่นี่ นางก็อยู่ในสภาพหลับไหลไร้สติอยู่ตลอดเวลา

“ท่านแม่ เมื่อไหร่นางจะตื่น”

องค์หญิงไป่เย่.... หรือก็คือหนิงเสวี่ย กำลังยืนอยู่หน้าม่านพลังนั้น แววตาซับซ้อนไม่อาจมีใครเข้าใจ ที่นอนอยู่ในม่านพลังคือน้องสาวของนาง,องค์หญิงเฮยเย่ อีกทั้งยังเป็น.... พี่สาวของนาง,ทงซิน นอกเหนือจากการที่นางหมดสติแล้ว นางยังคงเป็นสาวน้อยที่กุมกริชเทพพิโรธไว้ในมือแน่นเหมือนเช่นทุกครั้ง เมื่อกลับมายังทวีปเทวะ นางถูกกักตัวไว้ในม่านพลัง เพราะนี่เป็นหนทางเดียวที่จะถอนคำสาปจากนางได้ กฎที่จักรพรรดิใต้และจักรพรรดิเหนือตั้งไว้ย่อมไม่อาจทำลายได้โดยง่าย ต่อให้เป็นเทพจักรพรรดิ หากหวังทำลายคำสาปนี้ ก็ยังต้องใช้พลังและเวลาจำนวนมาก

[โน๊ต: เก้าคน... นึกแปป
1.เหยียนจื่อเมิ่ง (นางเซียนเมิ่ง)
2.เย่ฉุ่ยเหยา (พี่สาว)
3.เหยียนกงรั่ว (ซื่อหยา)
4.เหยียนกงเยว่ (เอ้อหยา - แต่ไม่มีฉาก 18+)
5.เสวี่ยเฟยเยี่ยน (มารเสน่ห์)
6.เสวี่ยซิน (คู่แฝดวังสตรีหิมะ)
7.เสวี่ยอู่ (คู่แฝดวังสตรีหิมะ)
8.ฮั่วฉุ่ยโหรว (เสี่ยวโหรวโหรว)
9.หลงฮวงเอ๋อร์ (จักรพรรดินีเฟยฮวง) ]



<<<PREV    .    NEXT>>>