วันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 530

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 530 มุกชุมอัสนี

เย่หวูเฉินเหม่อลอยเล็กน้อยจากถ้อยคำของหนานเอ๋อร์ เขาอดนึกถึงชายชุดดำไม่ได้ หากทันใดเขาเรียกสติกลับคืน แผ่จิตสัมผัสไปยังสี่ทิศ สัมผัสความเข้มข้นของธาตุสายฟ้า จากนั้นแล่นกายไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ธาตุสายฟ้ายิ่งมายิ่งหนาแน่น แสดงถึงเขายิ่งเข้าใกล้มุกเซียนขึ้นเรื่อยๆ ทุกๆย่างก้าวมีสายฟ้านับไม่ถ้วนฟาดผ่าลงมายังกาย แม้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ กระทั่งไร้ความเจ็บปวด ทว่าคลื่นกระแทกจากสายฟ้ายังคงส่งผลต่อเขา ดังนั้น เขาจึงไม่อาจเคลื่อนเท้าได้เร็วนัก

มุกเซียนโกลาหลแต่ละเม็ดล้วนบรรจุพลังสูงสุดของธาตุนั้นๆไว้ เช่นเดียวกับสถานที่ที่มันตั้งอยู่ มุกเซียนโกลาหลส่วนใหญ่จะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้กลายเป็นดินแดนสุดขั้วตามพลังรั่วไหล ในทวีปเทียนเฉิน ดินแดนสุดขั้วที่เกิดจากมุกมังกรอัคคี , มุกเรืองปฐพี , มุกสลายวายุ และมุกจิตวารี ล้วนไม่มีมนุษย์คนใดกล้าเข้าใกล้ ทั้งไม่เคยมีมนุษย์คนใดค้นพบพวกมัน ทวีปปีศาจมีจิตปราณหนาแน่นกว่าทวีปเทียนเฉิน ดินแดนสุดขั้วที่เกิดขึ้นจึงน่ากลัวกว่าถึงขีดสุด กระทั่งเทพจักรพรรดิและจักรพรรดิปีศาจ ยังไม่อาจหยิบฉวยมุกเซียนอัสนีไปจากดินแดนสุดขั้วแห่งนี้.... นอกจากมุกเซียนแสงสว่างและความมืด รวมถึงมุกเซียนแห่งชีวิตและความตายที่ปรากฎขึ้นในรูปแบบอื่น เช่นเดียวกับมุกเซียนวิญญาณที่ไม่ทราบว่าอยู่แห่งใด ไม่ทราบว่ามันสร้างผลกระทบแบบใดได้ กระทั่งไม่ทราบว่ามันอยู่จริงหรือไม่ ที่เหลือนอกจากนั้น มุกเซียนวารี , มุกเซียนอัคคี , มุกเซียนวายุ และมุกเซียนปฐพีล้วนอยู่ในตัวเขา ทั้งมุกเซียนอัสนียังจะกลายเป็นของเขาในไม่ช้า.... ด้วยร่างกายที่ฝืนเจตจำนงค์ของสวรรค์ เขาจึงสามารถก้าวเข้าสู่ดินแดนสุดขั้วที่กระทั่งเทพและปีศาจระดับสูงสุดยังต้องหวั่นกลัว

ราวกับว่า.... มุกเซียนโกลาหลเหล่านี้ดำรงอยู่เพื่อตัวเขา

ภายใต้คลื่นกระแทกของสายฟ้า เย่หวูเฉินมุ่งหน้าไปได้ไม่เร็วนัก ทว่าไม่เร็วนักนี้คือเทียบกับตัวเอง สำหรับคนทั่วไปแล้ว จะมองเห็นเขาเป็นดุจสายฟ้า เขาหลับตาลง มิได้มองไปเบื้องหน้า อาศัยเพียงจิตสัมผัสมุ่งตรงไปยังทิศทางที่มีธาตุสายฟ้าเข้มข้น เขาโหยหาถึงพลังอย่างมาก ปรารถนาค้นพบมุกเซียนอัสนีเม็ดนี้ หากมีมัน เขาจะเพิ่มโอกาสเอาชนะเทพลึกลับดำได้อย่างมาก

หุบเหวนี้ไม่เพียงสูงลิบจนน่ากลัว ขอบเขตของมันยังกว้างใหญ่อย่างมาก เย่หวูเฉินมุ่งหน้าไปทางเดียวนานกว่าสิบนาที หากยังไม่อาจพบขอบของมันได้ ยิ่งกว่านั้น เห็นได้ชัดว่าเมื่อยิ่งตรงไป พื้นดินยิ่งถูกทำลายอย่างหนักหน่วง  ผืนดินลาดเอียงไปเบื้องหน้า เพราะยิ่งเข้าใกล้มุกเซียนอัสนี พลังของสายฟ้ายิ่งน่าหวาดกลัว แผ่นดินจึงถูกทำลายรุนแรงขึ้น

เปรี้ยง!

ท้องฟ้าแยกออก สายฟ้าลำมหึมาฟาดใส่ศีรษะของเย่หวูเฉิน มันท่วมร่างของเขาและบดบังสายตา เขาหยุดเท้าลงในยามนี้ เมื่อสายฟ้ากระจายไป ในที่ไกลๆนั้น เย่หวูเฉินพลันมองเห็นกลุ่มแสงม่วงอันโดดเด่น มันแผ่รัศมีอันเรืองรอง มองจากที่ไกลๆราวกับดาราม่วง

เย่หวูเฉินทะยานเท้าโดยไม่อาจควบคุมตัวเอง ตรงไปเบื้องหน้าดุจสายฟ้า หนึ่งนาทีผ่านไป เขามาถึงยังแสงม่วงที่เรืองรองนั้น พอได้อยู่ใกล้ๆ เขาจึงพลันตระหนักว่ามันเปล่งแสงอัศจรรย์เพียงใด

บนพื้นดิน มีก้อนแสงสีม่วงขนาดใหญ่วางอยู่ เหนือผิวของมันมีสายฟ้าลั่น ‘แปลบปลาบ’ เย่หวูเฉินอยู่ใกล้มันแค่เอื้อม สัมผัสได้ถึงพลังธาตุสายฟ้าอันเข้มข้น หากผู้ที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เขา ต่อให้เป็นเทพแท้จริงก็ตาม ในพริบตาย่อมกลายเป็นถ่านดำด้วยถูกสายฟ้ากลืนกิน เขาย่อกายลง เอื้อมมือไปยังก้อนแสงกลมช้าๆ ส่งมือแหวกผ่านสายฟ้าสีม่วงโดยตรง เขากดมือลง คว้าวัตถุทรงกลมขนาดครึ่งกำปั้นที่อยู่กลางกลุ่มแสงขึ้นมาช้าๆ

ก้อนแสงสีม่วงมีรัศมีหนึ่งเมตร เป็นพลังที่ปลดปล่อยโดยมุกเล็กๆเม็ดนี้ ขณะที่สัมผัสมัน ในสมองพลันปรากฎคำ “มุกชุมอัสนี”

มุกชุมอัสนี.... นี่คือชื่อของมุกเซียนโกลาหลอัสนีเม็ดนี้

“เจ้านาย เป็นมันจริงๆด้วย อ๊า! มันคือมุกเซียนโกลาหลจริงๆ” เทียบกับเย่หวูเฉินที่สงบนิ่ง หนานเอ๋อร์ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

มุกชุมอัสนีถูกกำไว้ในมือ เสียงสายฟ้าเลือนลั่นขนาดใหญ่แทบทำแก้วหูขาด เย่หวูเฉินกุมมันไว้ในมือเป็นเวลานาน หากกลับไม่กระทำสิ่งใด ในแววตาซับซ้อนเกินคำพูด

“เจ้านาย? เจ้านาย รีบกลืนมันเร็วเข้า ชายชุดดำสุดแกร่งผู้นั้นบอกว่า ตอนนี้เจ้านายสามารถดูดกลืนพลังของมุกเซียนโกลาหลได้โดยตรงแล้ว” หนานเอ๋อร์รีบกล่าวย้ำ

ก่อนหน้านี้ เย่หวูเฉินหมดสติอยู่บนยอดหอคอยผ่านเทพ พอตื่นขึ้นมา เขาก็อยู่ในอีกมุมหนึ่งของทวีปเทวะ ในเวลาเดียวกัน เขาพบว่าพลังในร่างเพิ่มทวีขึ้นอย่างสุดขีด มุกเซียนวายุ , มุกเซียนอัคคี และมุกเซียนปฐพีทั้งสามเม็ดที่เขาเก็บไว้ได้หายไป.... หนานเอ๋อร์บอกเขาว่าชายชุดดำใช้วิธีการบางอย่าง หลอมรวมพลังของมุกเซียนเข้ากับร่างของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ อีกทั้งยังบอกกับเขา ว่าพลังของเขาสูงพอทำให้มุกเซียนทุกเม็ดยอมจำนนแล้ว ตราบใดที่กลืนกินมันลงไป ย่อมสามารถได้รับพลังของพวกมันจนหมดสิ้น

เย่หวูเฉิน “.......”

หนานเอ๋อร์ไม่อาจคาดเดาได้ว่าเวลานี้เขากำลังคิดสิ่งใด แม้เขาปรารถนาพลังเพื่อแข็งแกร่งขึ้น แสวงหาพลังไร้ผู้ใดเทียบ  ทว่าเขากำลังสับสนกับการตัดสินใจ แม้จำเป็นต้องกลืนกินมัน.... แต่เขาควรรอให้มันสั่งเสียด้วยตัวเองก่อนหรือไม่

เย่หวูเฉินสั่นศีรษะ ส่งเสียงสงบแฝงความสับสน กล่าวกับมุกชุมอัสนีช้าๆ ไม่ว่ามันจะมีสติเข้าใจคำพูดของเขาได้หรือไม่ก็ตาม “มุกชุมอัสนี ไม่ว่าแท้จริงแล้วเจ้ากำลังรอคอยผู้ใดอยู่ แต่นับจากบัดนี้ เจ้าจงกลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังข้า”

เขาอ้าปาก หย่อนมือลง กลืนมุกชุมอัสนีลงสู่ท้องโดยตรง

เปรี๊ยะ~~~~~~

สายฟ้านับไม่ถ้วนแลบออกจากร่างของเย่หวูเฉิน ฟาดผ่านรัศมีร้อยๆเมตรในทันที ร่างของเย่หวูเฉินยังพองออกอย่างรุนแรง ทว่ากลับเป็นปกติในทันที เขาหลับตาลง ค่อยๆระงับพลังสายฟ้าแกร่งกล้าภายในร่าง ดูดซึมพวกมันเข้าสู่ร่าง เปลี่ยนพลังของมันให้กลายเป็นพลังของเขา

ดำรงในทวีปปีศาจที่มีจิตปราณอันหนาแน่น มุกชุมอัสนีทรงพลังเพียงใดย่อมจินตนาการได้ เมื่อเข้าสู่ร่างของเย่หวูเฉิน พลังสายฟ้าได้ตื่นขึ้นภายในกาย พลังหวูเฉินยังพุ่งทะยานอย่างเร็วรุด เหนือหอคอยผ่านเทพ มุกเซียนโกลาหลทั้งสามได้เพิ่มพลังให้เขาอย่างสุดกู่ พลังหวูเฉินก้าวขึ้นสู่ขั้นห้าที่แท้จริง จุดสูงสุดของขั้นห้าต่างจากอันเก่าอย่างเห็นได้ชัด.... ขั้นห้าอันเก่ากับใหม่ มีพลังต่างกันราวสวรรค์กับแผ่นดิน ตอนนั้น เขาเข้าใจในที่สุดว่าการเพิ่มพลังหวูเฉินโดยอาศัยเพียงพลังธาตุอย่างเดียว สามารถสำแดงพลังหวูเฉินได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้ลบข้อสงสัยที่มีมาอย่างยาวนาน

ด้วยพลังของมุกชุมอัสนีเม็ดนี้ สมควรเพียงพอช่วยเขาทะลวงผ่านคอขวดของขั้นห้า ก้าวเข้าสู่ขอบเขตของขั้นที่หกโดยตรง ทุกครั้งที่พลังหวูเฉินก้าวสู่ระดับใหม่ พลังที่เปลี่ยนไปล้วนสะเทือนโลก จากขึ้นห้าไปยังขั้นหก สมควรมีหวังเอาชนะเทพลึกลับดำได้

เปรี้ยง!

พลันเกิดเสียงเลือนลั่นขึ้นในสมองของเย่หวูเฉิน สมองของเขาถูกเขย่าจนว่างเปล่า ร่างกายสั่นสะท้านรุนแรง พลังของเขากำลังทะลักล้นอย่างบ้าคลั่ง ราวกับหวังทลายผ่านอุปสรรคกางกั้น อาการนี้.... คือการมาถึงคอขวดของพลังหวูเฉินขั้นที่ห้า....

เย่หวูเฉินขบฟันแน่น ควบคุมพลังมหาศาลที่ทุ่มโถมทำลายปราการลึกลับ เกิดเสียงสนั่นดังขึ้น สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นซีดขาว เลือดลมพลุ่งพล่านในร่างกาย ทว่าปราการลึกลับนั้น ยังคงไร้ความเสียหายใดๆเหมือนเช่นเคย

ตลอดสองครั้ง เพียงพอทำให้เย่หวูเฉินยอมแพ้ ก่อนหน้านี้ ด้วยพลังหวูเฉินที่ไม่สมบูรณ์ เขาใช้ทุกวิธีก็ไม่อาจทะลวงผ่านคอขวดขั้นที่ห้าได้ ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าพลังที่ใช้แกร่งกล้ากว่าครั้งก่อนนับสิบเท่าหรือร้อยเท่า ทว่าก็ยังไม่อาจทะลวงผ่านได้

มุกชุมอัสนีถูกกลืนโดยเย่หวูเฉิน พลังสายฟ้าที่แข็งแกร่งสุดถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นพลังของเขา เมื่อพลังสายฟ้าไร้ซึ่งแหล่งกำเนิด สายอัสนีที่ท้วมท้นแผ่นดินและท้องฟ้าจึงได้จางลงอย่างรวดเร็ว การสลายตัวอันเร็วรุดนี้ ทำให้ท้องฟ้าสีม่วงหม่นลงทันที อาณาบริเวณโดยรอบยังมืดลง เย่หวูเฉินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นครู่ใหญ่ เมื่อสายฟ้าหยุดแลบลั่นออกจากร่างกาย บริเวณโดยรอบพลันกลายเป็นสงบเงียบ มีเพียงสายฟ้าเส้นเล็กๆที่แล่นจากท้องฟ้าเป็นครั้งคราว ท้องฟ้ายังได้กลายเป็นสีดำ แม้พลังของสายฟ้าจะแกร่งกล้า ทว่ามันมิได้คงอยู่นานเหมือนเช่นพลังปฐพี , วารี และอัคคี มันดำรงอยู่เพียงชั่วขณะสั้นๆ เมื่อไร้แหล่งกำเนิดพลัง มันจึงหายไปอย่างรวดเร็ว คุกโลกันตร์อัสนีแห่งนี้ ได้กลายเป็นสถานที่อันไม่คู่ควรกับชื่อของมันแล้ว

“เซียงเซียง จากที่นี่ เจ้าสามารถกลับไปยังทวีปเทวะได้หรือไม่?” เย่หวูเฉินเรียกสาวน้อยขนาดพกพาออกมา เอ่ยถามอย่างนุ่มนวล

เซียงเซียงตอบสนองอย่างทันใจ นางรับรู้ความคิดและอารมณ์ของเขาโดยตรงจากจิตใจ ทราบว่าเขาต้องการไปยังที่แห่งใด นางลอยร่างขึ้น หลังรวบรวมพลังอยู่ครู่ใหญ่ กลุ่มแสงขาวแห่งพลังมิติพลันสว่างวาบ

เย่หวูเฉินกลับมายังสถานที่แห่งเดิม ที่ซึ่งเทพจักรพรรดิเจียเสี่ยวหลัวส่งเขาไปยังคุกโลกันตร์อัสนี เมื่อทั้งสองปรากฎกาย เทพจักรพรรดิยังคงอยู่ตรงนั้นตามที่คาดไว้ เชียนจ้งและเสวี่ยเย่ยังตื่นขึ้นแล้ว ไม่เพียงแค่ตื่นขึ้นเท่านั้น เชียนจ้งยังดูคล้ายมิได้ป่วยไข้ใดๆ เสวี่ยเย่ยังคืนสติกลับมาพร้อมพลังที่เขาผนึกไว้อย่างเห็นได้ชัด

นี่คือพลังของเทพจักรพรรดิ? เย่หวูเฉินกล่าวคำในใจ ในเวลาเพียงชั่วสั้นๆ สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ สตรีที่ไม่เคยลงมือต่อหน้าผู้คนคู่ควรแล้วที่เป็นจักรพรรดิแห่งทวีปเทวะ

การปรากฎตัวของเย่หวูเฉินดึงความสนใจของพวกเขาทันที เทพจักรพรรดิมุ่นคิ้วลงเล็กน้อยหลังจากตะลึงงันชั่วสั้นๆ เชียนจ้งผุดลุกขึ้นทันที แต่หลังจากเห็นชัดว่าเป็นเขามันกลับนิ่งงัน ในขณะที่เสวี่ยเย่ค่อยๆ ชูเลื่อยโลหิตในมือขึ้น....

“เป็นเจ้า” เชียนจ้งสืบเท้าออกมาครึ่งก้าว ใช้ร่างขนาดใหญ่ของมันบังเทพจักรพรรดิและเสวี่ยเย่ไว้เบื้องหลัง ใบหน้าแฝงความระวังตัวล้ำลึก  พร้อมทั้งความเป็นปฏิปักษ์อันซับซ้อน มันเป็นพวกรู้จักคุณคน ไม่เคยปรารถนาติดค้างผู้ใด แม้เย่หวูเฉินบุกเข้ามายังวิหารเทวะ สังหารเหล่าเทพขุนพลและบีบคั้นให้มันสังหารเย่หมิง แต่อาศัยเพียงการช่วยเสวี่ยเย่ให้ฟื้นกลับจากความตาย เพียงจุดนี้มันก็ไม่ปรารถนาเป็นศัตรูกับเขาแล้ว

“โอ้ พี่ชายตัวน้อย พวกเราพบกันอีกแล้ว” เสวี่ยเย่เดินเนิบนาบมายังข้างกายของเชียนจ้ง กระพริบตาที่แฝงแววโลหิตเล็กน้อยให้กับเย่หวูเฉิน หลังจากที่ตื่นขึ้นมา นางทราบว่าตนเองถูกเย่หวูเฉินช่วยชีวิตไว้.... แต่นี่ไม่ได้หมายความว่านางจะขอบคุณเขา ม่านตากระจ่างประดับด้วยรอยยิ้ม ทว่ายังคงแฝงแววอันโหดเหี้ยมเหมือนเช่นเคย



<<<PREV    .    NEXT>>>