วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 513

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 513 ฉู่จิงเทียน ปะทะ ฉิงเทียน

ฉู่ชิงหยุน.... เขาทราบในวันนี้เองว่าบิดาของตนชื่อฉู่ชิงหยุน เพราะฉู่ชางหมิงไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องพ่อแม่ของเขา ไม่เคยบอกว่าพวกเขาตายยังไง.... ไม่เคยเอ่ยถึงใดๆทั้งสิ้น หลังจากที่เขาค่อยๆเติบโต เขาคิดว่าปู่ของตนฉู่ชางหมิงเจ็บปวดในเรื่องนี้มาก เขาจึงไม่เอ่ยถามเรื่องนี้อีก ทว่าในตอนนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจ.... ว่าเหตุใดปู่จึงไม่บอกความจริงกับเขา....

เพราะนี่คือศัตรูที่ไม่อาจชำระแค้น ฉู่ชางหมิงคือเทพกระบี่ แต่กลับไม่อาจล้างแค้นต่อศัตรูผู้สังหารบุตรชาย ไหนเลยเขาจะส่งมอบความแค้นอันสิ้นหวังไปยังหลานชายได้ ให้เขาไม่ต้องรับรู้เสียยังดีกว่า ให้ทุกอย่างรางเลือนไป จนกระทั่งไม่ต้องสนใจอีก

20 กว่าปีที่แล้ว.... กระบี่ชางหมิง.... ฉู่ชิงหยุน....

ตรงกับช่วงเวลาที่เขากำเนิด.... เป็นช่วงเวลาที่ปู่ของเขาสมควรส่งมอบกระบี่ให้กับบุตรชาย.... นั่นก็คือพ่อของเขา

ผู้ที่ฆ่าพ่อแม่ของเขา ที่แท้ก็เป็นฉิงเทียนแห่งทวีปเทวะ!

เขาไม่เคยเห็นพ่อแม่ ไม่มีความผูกพันต่อทั้งสองมากนัก แต่สัมพันธ์อันเลือนรางไม่ได้หมายความว่าความเกลียดชังที่ฆ่าพ่อแม่จะลดน้อยลง ตรงกันข้าม คนผู้โหยหาบิดามารดามาตั้งแต่เด็ก ย่อมชิงชังต่อผู้ที่พรากชีวิตพ่อแม่ของตนเป็นอย่างยิ่ง

หัวใจของเขากำลังปั่นป่วน กระบี่ชางหมิงที่กุมในมือสองข้างกำลังสั่น สามารถได้ยินรางๆถึงเสียงกระบี่ร่ำร้อง

สีหน้าของฉิงเทียนคลายออก มันพลันยิ้มกล่าว “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า น่าสนใจ น่าสนใจ น่าสนใจยิ่งนัก ที่แท้เจ้าก็คือบุตรของคนผู้นั้น! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า น่าสนใจเกินไปแล้ว.... ยังมีสิ่งใดในโลกที่น่าสนใจยิ่งกว่านี้? เฮ้ ในอดีต ตอนเจ้าคนที่เรียกว่าฉู่ชิงหยุนตกตาย มันได้ขอร้องข้าให้ปล่อยสตรีของมันไป แต่ข้าเป็นห่วงว่ามันจะโดดเดี่ยว ดังนั้นจึงช่วยพวกมัน....” ฉิงเทียนเริ่มบิดข้อมือและกล่าวต่อ “ยอดเยี่ยม พ่อแม่ของเจ้าตายด้วยน้ำมือข้า วันนี้ข้าจะส่งเจ้าไปอยู่ร่วมกับพวกมัน นี่เป็นเรื่องดีๆที่ข้าจะทำในวันนี้ ข้าฉิงเทียนไม่ได้ทำเรื่องดีแบบนี้มาหลายปีแล้ว”

น่าสนใจ เทพขุนพลทั้งห้าเริ่มคิดว่าเรื่องนี้น่าสนใจนัก มนุษย์ผู้หนึ่งจากทวีปเทียนเฉิน สามารถทำให้พวกมันประหลาดใจ ตอนนี้ยังกลายเป็นการแก้แค้น เปลี่ยนเป็นการแสดงอันน่าชม

สีหน้าของฉู่จิงเทียนทะมึนอย่างน่ากลัว แววตายังน่ากลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเคลื่อนสายตาเกลียดชังออกจากฉิงเทียน จับจ้องเล่งหยาที่สีหน้าไม่ต่างกัน “ห้ามสอดมือ! ห้ามสอดมือ!”

เขากล่าวซ้ำสองครั้ง ใช้น้ำเสียงเด็ดขาดที่เล่งหยาไม่เคยได้ยินมาก่อน เขาทราบดีว่าหากตัวเองเพลี่ยงพล้ำเล่งหยาจะต้องลงมือ เล่งหยามองอีกฝ่ายแล้วเคลื่อนตาออก เผชิญหน้าคนที่สังหารบิดามารดา นี่ย่อมเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้า หากเป็นเขา เขาย่อมต้องการแก้แค้นด้วยตัวเอง ไม่หวังหยิบยืมพลังของผู้ใดทั้งสิ้น

ฉู่จิงเทียนเงยศีรษะขึ้นมองฟ้า กระซิบในปากอย่างเงียบงัน จากงั้นก้มศีรษะลง ปิดดวงตา เคลื่อนกระบี่ลงแนวราบ

ตูม!

ใต้เท้าของฉู่จิงเทียนเกิดเสียงระเบิด เสียงนี้ทำให้เทพขุนพลทั้งหกต้องลอบขมวดคิ้ว ที่ใต้ฝ่าเท้าของฉู่จิงเทียน พื้นทองคำปรากฎรอยแตกจำนวนมาก พื้นนี้แข็งแรงทนทานมาก พื้นใดๆในทวีปเทียนเฉินก็ไม่อาจเทียบได้ ที่แห่งนี้คือเมืองกง ทุกตารางนิ้วล้วนถูกปกป้องด้วยพลังเทวะ ต่อให้พวกมันหวังทำลายยังไม่ใช่เรื่องง่าย ที่ยิ่งแปลกก็คือ การทำลายพื้นนี้ย่อมต้องใช้พลังแกร่งกล้า ทว่าตอนที่พื้นแตกออก พวกมันกลับไม่รู้สึกถึงพลังแกร่งกล้าใดๆจากฉู่จิงเทียน

เพียงแค่นี้ พวกมันก็รู้แล้วว่าก่อนหน้านี้ประเมินพลังของฉู่จิงเทียนต่ำไป ตอนนี้พวกมันยิ่งสนใจฉู่จิงเทียนมากขึ้น

ฉิงเทียนไม่ได้นำอาวุธออกมา เพียงยืนมือข้างหนึ่งที่สวมถุงมือสีน้ำตาลออก ก่อนแค่นเสียง “ลงมือ”

กลิ่นอายเทวะพวยพุ่งออกจากร่างฉิงเทียน ด้านหน้าวิหารเทวะเป็นลานจัตุรัสกว้างใหญ่ อากาศถูกพัดกระจายในยามนี้ ภายใต้พลังอันยิ่งใหญ่ เหล่าเทพคุ้มกันในสถานที่ไกล ต่างรู้สึกเหมือนถูกบางสิ่งหนักหน่วงกดทับร่างและหัวใจไว้ ทำให้แทบไม่อาจหายใจได้

ฝาเทียนขยับปาก ส่งเสียงที่มีเพียงตัวมันที่ได้ยิน “ดูเหมือนฉิงเทียนไม่คิดที่จะเล่นแล้ว มันคงรู้สึกได้เช่นกันว่ามนุษย์ผู้นี้ไม่ธรรมดา เฮ้.... หากฉิงเทียนเกิดพ่ายแพ้ นี่คงน่าสนใจขึ้นอีกมิใช่น้อย”

เบื้องหน้าของฉิงเทียน ฉู่จิงเทียนยังคงหลับตาอยู่ ค่อยๆระงับคลื่นพลังปั่นป่วนที่อยู่รอบกาย ในใจกลายเป็นกระจ่างแจ้งอีกครั้ง เขาสูดหายใจลึกแล้วลืมตาขึ้น แววตาสงบเงียบและลึกล้ำ บางครั้งเป็นประกายคมกล้า เขาขยับเคลื่อนข้อมือเล็กน้อย ชี้กระบี่ชางหมิงไปยังฉิงเทียนที่อยู่ห่างไปหลายสิบเมตร คมกระบี่สีฟ้าสาดประกายสีครามที่พร้อมระเบิดการต่อสู้

เพียงแรงกดดัน ฉู่จิงเทียนก็ตกเป็นรองมากแล้ว แต่เรื่องประหลาดก็คือ ราวกับว่าเขาไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากพลังเทวะของฉิงเทียน ยังคงสงบนิ่งจนยากจะยอมรับ การปลดปล่อยแรงกดดันดำเนินเพียงชั่วขณะสั้นๆ ก่อนถูกฉู่จิงเทียนทำลาย เขาเหวี่ยงกระบี่ชางหมิง เปลี่ยนร่างเป็นเงาเทา พุ่งไปยังฉิงเทียนด้วยความชิงชังล้ำลึก กระบี่ชางหมิงไม่ได้เล็งที่ฉิงเทียนโดยตรง แต่กดปลายกระบี่ลงเล็กน้อย แม้กระบี่ไม่ได้สัมผัสพื้นโดยตรง แต่พลังของกระบี่ได้กรีดพื้นเป็นประกายสีทองตลอดเส้นทางที่ทะยานร่าง

ฉิงเทียนมองร่างที่พุ่งตรงเข้ามาอย่างสงบ จนกระทั่งเข้ามาถึงในระยะห้าเมตร ฉู่จิงเทียนได้ตวัดมือขวา ยกปลายกระบี่ขึ้นจากพื้นเล็งตรงไปที่ลำคอ

อาวุธของฉิงเทียนคือถุงมือ ถุงมือสีน้ำตาลใบนี้เหนือกว่าถุงมือธรรมดาไปไกลลิบ ไม่เพียงมันแข็งอย่างไร้ที่เปรียบ แต่ยังมีพลังแกร่งกล้าไร้ทัดเทียม ฉิงเทียนมีพลังปฐพีอันเด่นล้ำ มันจึงครองพลังป้องกันอันแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับพลังกระแทกอันรุนแรง จากร่างกายอันหนักหน่วงของมันนั้น

ตูม!

กระบี่สัมผัสกับถุงมือ เสียงเลือนลั่นที่เกิดขึ้นจากศาตรายังถือเป็นสอง เสียงส่วนใหญ่เกิดจากการปะทะของพลัง ปลายกระบี่ชางหมิงแทงสู่กลางถุงมือของฉิงเทียน ทว่ามันไม่ได้เจาะทะลุ ในชั่วขณะที่สัมผัส พลังแกร่งกล้าได้ดันกระบี่ชางหมิงจนงอเป็นวงโค้ง ราวกับพร้อมหักครึ่งในทันที กระบี่ชางหมิงไม่เคยโค้งงอตั้งแต่ถือกำเนิด ในขณะถัดมา ร่างของฉู่จิงเทียนราวกับใบไม้ร่วง ถูกกระแสลมโบกพัดปลิวไปไกลลิ่ว เขาหมุนตัวกลางอากาศและแล่นลงพื้นอย่างนุ่มนวล จ้องมองฉิงเทียนจากที่ไกลๆ สีหน้ายังคงแฝงแววชิงชังที่ซ่อนไว้

เพียงการปะทะครั้งนี้ ฉู่จิงเทียนก็ทราบแล้วว่าตนเองมีพลังเป็นรองอย่างสิ้นเชิง หากแลกพลังกันซึ่งหน้า ก็ล้วนไม่ต่างจากขุดหลุมฝังตัวเอง

กระบี่ชางหมิงยังคงสั่นอยู่ มันคือกระบี่เทพ นอกจากศาสตราต้องห้ามแล้ว ในทวีปเทียนเฉินล้วนไม่มีอาวุธใดที่ทรงพลังกว่ามัน ทว่าที่นี่คือทวีปเทวะ แม้มันจัดว่าไม่ใช่กระบี่ธรรมดา แต่ก็ไม่ใช่กระบี่ที่แข็งแกร่งสูงสุด อย่างน้อย อาวุธของเหล่าเทพขุนพลและเทพราชันทุกชิ้น ล้วนแต่แข็งแกร่งกว่ากระบี่ชางหมิงไปห่างไกล แม้ศาสตราเป็นเพียงเครื่องมือ แต่หากพลังต่างกันไม่มากนัก พลังของศาสตรามักเป็นสิ่งตัดสินผลลัพธ์ของการต่อสู้อยู่บ่อยครั้ง กระทั่งในด้านนี้ ฉู่จิงเทียนก็ยังตกเป็นรอง

ฉิงเทียนยกมือขึ้นมองฝ่ามือตัวเอง ใบหน้าเหยียดหยันขณะหมุนข้อมือ นี่คือการเคลื่อนไหวที่ติดเป็นนิสัยมานานนับพันปี ฉู่จิงเทียนแทงกระบี่โดยไม่อาจสร้างรอยขีดข่วนให้มันได้แม้แต่น้อย ทว่าในใจของมันมิได้ผ่อนคลายเหมือนอย่างที่เห็น พลังของฉู่จิงเทียนเหนือกว่าที่มันคาดไว้ไปไกลลิบ เมื่อครู่มันต้องใช้พลังถึงเจ็ดในสิบส่วนเพื่อต้านยัน ฉู่จิงเทียนกลับปลิวไปไม่กี่สิบเมตร และหยุดกายลงพื้นได้โดยไร้บาดแผล

ฮึ่ม นี่ใช่มนุษย์จากทวีปเทียนเฉินจริงๆหรือ? เหตุใดมันจึงมีพลังเด่นล้ำออกมาถึงเพียงนี้?

ดูเหมือนของเล่นฆ่าเวลาชิ้นนี้ คงต้องออกแรงกันหน่อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม แม้พลังที่ฉู่จิงเทียนแสดงออกจะเหนือความคาดหมายของมันไปมาก แต่ฉิงเทียนไม่คิดว่าตนมีโอกาสพ่ายแพ้ให้กับฉู่จิงเทียน ฉู่จิงเทียนเพียงคู่ควรให้มันลงมือเท่านั้น มนุษย์ต่ำต้อยแห่งทวีปเทียนเฉิน ทั้งยังเยาว์วัยถึงเพียงนี้ ไหนเลยจะเทียบกับเทพอย่างมันได้ ในทวีปเทวะ พวกมันรู้ว่าเหล่าเทพก็คือมนุษย์ มันอาจเรียกตัวเองกับผู้อื่นว่าเป็นมนุษย์ แต่ในความรับรู้ของพวกมัน ‘มนุษย์’ แห่งทวีปเทวะต่างชั้นกับมนุษย์แห่งทวีปเทียนเฉินอย่างสิ้นเชิง ยามที่เทพขุนพลผู้ภาคภูมิเรียกมนุษย์แห่งทวีปเทียนเฉิน พวกมันจึงเติมคำว่า ‘ต่ำต้อย’ ลงไปด้วยแทบทุกครั้ง

หากเทพพ่ายแพ้ให้กับมนุษย์ผู้ต่ำต้อย พวกมันขอยอมตาย ดีกว่าต้องแบกรับความอัปยศ

ฉู่จิงเทียนยืนนิ่งอยู่สามอึดใจ จากนั้นทะยานร่างขึ้นฟ้า เหยียบเท้าบนพื้นที่ว่างเปล่า กระบี่ชางหมิงสีครามเหวี่ยงวาดกลางอากาศ ทันใดนั้น ท้องฟ้าปรากฎแสงสีครามชิ้นหนึ่งขนาดใหญ่ มันร่วงจากฟ้าพุ่งตรงไปที่ฉิงเทียน นี่คือกระบี่ยักษ์ที่เกิดขึ้นกลางอากาศ ดุจพายุกระบี่ที่หมายตัดร่างฉิงเทียนอย่างโหดเหี้ยม บนยอดหอคอยผ่านเทพ ชายชุดดำได้รีดเค้นศักยภาพของเขาออกมา พลังของเขาจึงเพิ่มขึ้นฉับพลัน ความเข้าใจในวิถีกระบี่จึงก้าวกระโดดหลายขั้น สามารถเปลี่ยนกระบี่ที่มองไม่เห็นให้กลายเป็นเห็นได้ เหตุผลที่มองไม่เห็นกระบี่เพราะพลังยังน้อยเกินไป ไม่เพียงพอสร้างสีสันให้กับมัน พลังสังหารยังต่างกันอย่างไม่อาจเปรียบเทียบ

รู้สึกถึงอากาศแตกตัวเหนือศีรษะ ฉิงเทียนยกมือขวาขึ้น ฝ่ามือเปล่งแสงสีเหลืองอันแจ่มชัด ทันใดนั้น อากาศกลายเป็นเงียบงัน คลื่นพลังล้นหลามจากฝ่ามือพุ่งสู่ฟ้า เงากระบี่ที่บรรจุพลังแกร่งกล้ายังไม่ทันเคลื่อนถึงตัวของฉิงเทียน ก็ราวกับมีสายลมปัดเป่าให้หายไปดุจเศษหญ้า เพราะการปลดปล่อยพลังต้านรับ ร่างของฉิงเทียนจึงชะงักงันเป็นเวลาสั้นๆ.... เงากระบี่สีครามได้สลายไปหมดสิ้น ฉู่จิงเทียนไม่รีบร้อนใดๆ ในปากเปล่งคำ “เคล็ดเทพกระบี่ – เบี่ยงวิถีสวรรค์....”

มือที่ชูขึ้นของฉิงเทียนยังไม่ทันวางลง เงากระบี่ที่เพิ่งถูกปัดเป่าพลันปรากฎขึ้นอีกครั้ง พุ่งใส่ฉิงเทียนรวดเร็วกว่าเมื่อครู่ถึงเท่าตัว

เหนือความคาดคิดอย่างสิ้นเชิง เป็นฉากที่ไม่อาจอธิบายด้วยสามัญสำนึกธรรมดาได้ ทำให้สีหน้าสงบนิ่งของฉิงเทียนสลายไปทันที พลังในมือขวาเพิ่งถูกใช้ ในชั่วเวลาสั้นๆย่อมไม่อาจโคจรพลังได้ทัน ระหว่างที่ถอนมือขวากลับ มันผลักฝ่ามือซ้ายขึ้นด้านบนอย่างรุนแรง ส่งคลื่นพลังแกร่งกล้าเหมือนเมื่อครู่ขึ้นสู่ฟ้า

ทว่าพลังในคราวนี้กลับไม่อาจสลายเงากระบี่ เนื่องจากระหว่างที่ผลักฝ่ามือซ้าย เงากระบี่ที่พุ่งลงมาได้แปรเปลี่ยนอีกครั้งอย่างรวดเร็ว มันไม่ได้พุ่งลงมาเป็นแนวตรง แต่แยกกระจายออกทุกทิศ หลบหลีกพลังแกร่งกล้าของฉิงเทียนได้จนหมด ก่อนพุ่งลงมาจากทุกทิศดุจวงล้อม แล่นสู่ฉิงเทียนที่อยู่ตรงกลาง



<<<PREV    .    NEXT>>>