วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 524

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 524 พบกันอีกครั้งในหายนะ

วิหารเทวะ.... ปราสาทด้านซ้าย....

วิหารเทวะ ก่อนนี้เป็นที่อยู่ของสามขุนพลศักดิ์สิทธิ์ เพราะการดำรงอยู่ของพวกมัน วิหารเทวะจึงไม่มีใครอยู่ เย่หวูเฉินสำรวจผังวิหารเทวะจากอากาศ จากนั้นดิ่งร่างลง พุ่งไปยังปราสาทที่อยู่ซ้ายสุด และเข้าไปในนั้น

ที่นี่คือปราสาททองคำ เพียงปราดตาแรกก็มองเห็นโคมไฟที่ไร้ความพิเศษใดๆห้อยอยู่บนนั้น เขายื่นมือทั้งสองข้างออก กางนิ้วทั้งสิบ ส่งพลังไฟจากเก้านิ้วไปยังโคมไฟทั้งเก้าดวง ทันใดนั้นพื้นทองคำเปิดออกอย่างเงียบงัน เย่หวูเฉินสูดหายใจแผ่วเบา และกระโดดลงไปในนั้น

หนึ่งวินาที....

สองวินาที....

สามวินาที....

หล่นร่วงในอากาศเป็นเวลานาน ในที่สุดเย่หวูเฉินได้ตกลงถึงพื้น ที่นี่ดำมืดเป็นแผ่นผืน ไร้ซึ่งแสงใดๆ หากมันไม่มีผลใดๆต่อสายตาของเย่หวูเฉิน ทว่าตอนนี้เขาต้องตื่นตะลึง , ร้อนรน และไม่อาจก้าวเท้าไปข้างหน้า....

ประตู รอบๆร่างเต็มไปด้วยประตู มีทุกขนาดทั้งบานเล็กบานใหญ่ ทั้งที่เปิดและปิดอยู่ บางประตูมีบันไดเดินขึ้น บางประตูเดินตรงไป บางประตูมีบันไดเดินลง....

ตอนที่ดิ่งลงมาถึง เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายมหึมาสองสาย เป็นกลิ่นอายของตัวตนที่ทรงพลังยิ่งยวด แทบไม่ต่างจากชายชุดดำบนหอคอยผ่านเทพ ในขณะเดียวกัน เขารู้สึกได้ถึงพลังทมิฬและมรณะของทงซิน รวมถึงพลังชีวิตและแสงสว่างของหนิงเสวี่ย.... ทว่า กลิ่นอายสองสายได้แผ่สนามพลังมหึมา ทำให้ตอนนี้ เขาไม่รู้ว่าต้องตามหาหนิงเสวี่ยและทงซินจากประตูบานไหน!?

เย่หวูเฉินเย็นเยียบไปทั่วร่างประดุจคนไร้กำลัง เขาสงบใจลงและมุ่นคิ้ว เสาะหาร่องรอยบางสิ่งที่แฝงอยู่ เวลานี้เอง ใกล้ๆหูพลันมีเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น

“ปูกูว! ปูกูวปูกู้ว! ปูกูวปูกู้ว!”

ด้านหลังประตูบานหนึ่ง สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆสีม่วงจาง วิ่งออกมาพร้อมส่งเสียงร้องอย่างตื่นเต้น มันวิ่งวนรอบร่างของเย่หวูเฉิน นี่คือเสี่ยวซื่อที่ติดตามหนิงเสวี่ยกลับมายังทวีปเทวะ.... เย่หวูเฉินก้มร่างคว้ามันขึ้นในมือ ทว่าเสี่ยวซื่อกระโดดออกไปทันที มันวิ่งวนร่างอีกสองรอบและร้องกระวนกระวาย จากนั้นกระโดดไปยังประตูบานนั้นที่มันพึ่งวิ่งออกมา

เย่หวูเฉินเข้าใจความหมายของมันทันที รีบติดตามเสี่ยวซื่อไปอย่างรวดเร็ว

...................

...................

ชริ้ง!

ลวดลายบนพื้นเรืองแสงสมบูรณ์ในที่สุด อากาศที่หม่นมัวพลันสว่างขึ้นหลายเท่า เวลานี้เอง ความมืดและแสงสว่าง ความตายและชีวิต ได้ดำเนินมาถึงจุดบรรจบในเวลาค่ำคืน เทพจักรพรรดิยกมือขึ้นสองข้าง ลืมดวงตากวาดมองไปสองด้าน มองหนิงเสวี่ยและทงซินเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นค่อยๆหลับตาลง เวลานี้นางไม่อาจรู้สึกเสียใจหรือโศกเศร้า เพราะนี่คือชะตาของนาง คือชะตาของคนทั้งสอง.... ชะตากรรมที่ไม่อาจหวนกลับ

“เฮยเย่ ไปเถิด.... นับจากวันนี้ เจ้าคือเทพลึกลับแห่งความมืดและความตาย ทันทีที่เจ้าผสานเข้ากับเทพลึกลับดำ เจ้าจะกลายเป็นร่างสติของมัน ทำให้มันตื่นขึ้นจากการหลับไหล.... กลายเป็นศาสตราทรงพลังสูงสุดของทวีปเทวะ....”

องค์หญิงเฮยเย่หลับตาอยู่ ไร้การตอบสนองแม้แต่น้อย ไม่ทราบว่านางได้ยินเสียงกระซิบของเทพจักรพรรดิหรือไม่ แสงที่ฉายจากหุ่นเทพลึกลับดำมายังองค์หญิงเฮยเย่ แปรเปลี่ยนเป็นแสงทมิฬบริสุทธิ์ฉับพลัน ในประกายแสงทมิฬนั้น ร่างขององค์หญิงเฮยเย่ราวกับกลายเป็นหมอกควัน ค่อยๆลอยตัวขึ้น สูงขึ้นและสูงขึ้น.... นางลืมตาขึ้นช้าๆ มองพี่สาวอันเป็นที่รักอย่างงมงาย จากนั้นปิดตาลง....

ร่างของนาง รวมเข้าตรงหน้าผากของหุ่นเทพลึกลับดำ ท่ามกลางรัศมีแสงดำ

ดวงตาของหุ่นเทพลึกลับดำเปิดขึ้นฉับพลัน แววตาสาดแสงทมิฬอันลึกล้ำ

เทพลึกลับดำได้ตื่นขึ้นแล้ว!

เทพจักรพรรดิยังคงมีสีหน้าสงบไร้อารมณ์ ไร้ความยินดีที่เทพลึกลับดำตื่นขึ้นแม้แต่นิด เมื่อนางขยับมือเปลี่ยนท่า ใต้ฝ่าเท้าของเทพลึกลับดำ พลันมีข่ายปราณสว่างขึ้นทันที.... เทพจักรพรรดิกระซิบกล่าว “เทพจักรพรรดิรุ่นที่ 7 แห่งมาร เทพลึกลับดำที่ท่านสร้างขึ้นได้ตื่นขึ้นแล้ว ข่ายปราณเคลื่อนย้ายกำลังทำงาน เทพลึกลับดำ ศาสตราทรงพลังสูงสุดที่ถูกสร้างขึ้นด้วยจิตมารของท่าน บัดนี้จงเติมเต็มความปรารถนา กระทำภารกิจที่ท่านมอบไว้ มุ่งไปยังทวีปปีศาจอันไกลโพ้น”

ข่ายปราณขนาดใหญ่หมุนวน แสงขาวกลุ่มใหญ่พวยพุ่งขึ้น ห่อหุ้มเทพลึกลับดำไว้ทั้งร่าง เมื่อข่ายปราณหยุดหมุนวน แสงขาวได้หายไป เทพลึกลับดำได้หายไปจากตรงนั้นพร้อมกัน ในห้องอันกว้างใหญ่ เหลือเพียงหุ่นเทพลึกลับขาวตัวเดียวเท่านั้น

ความมืดเกิดก่อนแสงสว่าง ความตายเกิดขึ้นก่อนชีวิต เทพลึกลับดำจึงตื่นขึ้นก่อนเทพลึกลับขาว แต่ก็ตื่นขึ้นก่อนเพียงครู่เดียวเท่านั้น หลังจากเทพลึกลับดำตื่นขึ้นมา 30 วินาที เทพลึกลับขาวต้องตื่นขึ้นตาม ไม่อย่างนั้น สติของเทพลึกลับขาวจะถูกเหนี่ยวนำให้ตื่นขึ้น.... กลายเป็นสติที่ปั่นป่วน เทพลึกลับขาวจะไม่อาจควบคุม ถ้าหากเป็นเช่นนั้น สิ่งแรกที่เผชิญหายนะย่อมเป็นทวีปเทวะ

เทพจักรพรรดิรุ่นที่ 7 แห่งทวีปเทวะ ด้วยจิตมารจึงสร้างเทพลึกลับดำขาว จากนั้นมอบภารกิจแรกให้กับพวกมัน.... หุ่นดำมีภารกิจทำลายล้างศัตรูของทวีปเทวะให้หมดสิ้น ส่วนหุ่นขาวมีหน้าที่ปกป้อง รั้งอยู่ในทวีปเทวะเพื่อหยุดศัตรูผู้รุกราน กลายเป็นโล่ป้องกันทวีปเทวะที่แข็งแกร่งสุด ดังนั้น ที่ใต้เท้าของหุ่นดำจึงวางไว้ด้วยข่ายปราณเคลื่อนย้าย เพื่อส่งหุ่นดำไปยังทวีปปีศาจทันทีหลังจากที่ตื่นขึ้น นอกจากนั้น หุ่นเทพลึกลับขาวยังจำเป็นต้องใช้พลังแห่งชีวิตและแสงสว่าง หุ่นดำจึงต้องถูกส่งไปยังที่ห่างไกลหลังจากตื่นขึ้น เพื่อป้องกันพลังขัดแย้ง

“น้องหญิง.... ทงซิน....”

หนิงเสวี่ยส่งเสียงแผ่วเบา ใจนางไม่แข็งพอมองดูองค์หญิงเฮยเย่หายไปในหน้าผากของหุ่นเทพลึกลับดำ เพราะนางไม่อาจทนรับกับภาพนั้นได้ นางหลับตาแน่น สัมผัสพลังล้อมกายที่ยกร่างนางขึ้นช้าๆ ตรงขึ้นสู่หน้าผากของเทพลึกลับขาว

“ไป่เย่ ไปเถิด.... นับจากวันนี้ เจ้าคือเทพลึกลับแห่งแสงสว่างและชีวิต ทันทีที่เจ้าผสานเข้ากับเทพลึกลับขาว เจ้าจะกลายเป็นร่างสติของมัน ทำให้มันตื่นขึ้นจากการหลับไหล.... กลายเป็นโล่ป้องกันทรงพลังสูงสุดของทวีปเทวะ....”

เทพจักรพรรดิส่งเสียงสู่ห้วงสติของหนิงเสวี่ย นางกำลังหลับตาเช่นกัน ไม่โหดเหี้ยมพอมองดูหนิงเสวี่ยหายไปต่อหน้า สัมพันธ์ระหว่างพวกนางอาจเป็นการอุปโลกน์ แต่ความผูกพันเป็นการอุปโลกน์ขึ้นหรือ? ไม่มีใครเข้าใจได้จริงๆว่า ภายใต้สีหน้าสงบของเทพจักรพรรดิซ่อนความเจ็บปวดไว้เพียงใด แต่อย่างที่นางเคยกล่าวไว้ ทันทีที่นางกลายเป็นเทพจักรพรรดิ หลายสิ่งนางไม่อาจเลือกได้ด้วยตัวเองอีกต่อไป หากมีชีวิตเพียงเพื่อตัวเอง ต่อให้ต้องเป็นศัตรูกับทั้งทวีปเทวะ นางจะใช้ทุกอย่างเพื่อปกป้องเฮยเย่และไป่เย่ ทว่านางไม่ได้มีชีวิตเพื่อตัวเอง แต่มีชีวิตเพื่อทั้งทวีปเทวะ

สละสองชีวิตที่ตนเป็นผู้สร้าง ให้หนึ่งทำลายทุกศัตรูให้สิ้นซาก ให้สองปกป้องทวีปเทวะตลอดไป นี่นับว่า.... คุ้มค่าอย่างยิ่งแล้ว

ร่างขององค์หญิงไป่เย่ลอยขึ้นสูง ใบหน้างดงามเปี่ยมไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ล้ำลึก....

“ท่านพี่....” นางกระซิบจากหัวใจ เรียกหาหนึ่งบุคคลที่นางไม่มีวันได้เห็นอีก....

หากไม่ได้พบกับเขา นางคงไม่ต้องโศกเศร้าถึงเพียงนี้....

แต่หากไม่ได้พบเขาจริงๆ ชีวิตของนางยังจะมีความหมายอะไร?

ท่านพี่....

ข้าต้องไปแล้ว ท่านคงต้องร้องไห้ , เจ็บปวด และคิดถึงข้าตลอดไป....

ข้ารู้ ท่านพี่จะต้องมาหาข้า.... วันนั้นที่ท่านพี่หลั่งน้ำตาเพื่อข้า ข้าทั้งเจ็บปวดทรมาน ทั้งรู้สึกลึกๆข้างในว่าข้าช่างเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก.... สามารถเห็นท่านพี่หลั่งน้ำตาเพื่อข้าได้ ในโลกนี้ ชั่วชีวิตข้าไม่บ่นว่าและเสียใจแล้ว.... คำขอสุดท้ายที่เห็นแก่ตัวของข้า คือท่านพี่ได้โปรดลืมข้า ลืมข้าไปตลอดกาล หยุดเสียใจเพราะข้า ข้าจะคิดถึงท่านตลอดไป ในโลกหน้า.... ข้าจะคอยมองท่าน.... หากท่านพี่มีความสุข ข้าจะสุขใจยิ่งกว่าท่านนับร้อยเท่า แต่หากท่านพี่เสียใจ ข้าจะเสียใจยิ่งกว่าท่านนับพันเท่า....

ท่านพี่ ข้าอยาก.... พบท่านอีกครั้งเหลือเกิน....

ตูม!!!!

เกิดเสียงระเบิดเลือนลั่นที่ไม่สมควรมีอยู่ใต้ผืนพิภพแห่งนี้ เทพจักรพรรดิผู้ทุ่มเททุกสมาธิจิตใจไปที่หุ่นเทพลึกลับพลันตระหนักถึงการมาเยือนของสิ่งมีชีวิตอื่น เสียงนี้ทำให้นางตกใจอย่างมาก องค์หญิงไป่เย่ที่ลอยร่างขึ้นจนถึงหน้าผากของหุ่นเทพลึกลับยังลืมตาขึ้นฉับพลัน.... ในพริบตานั้น สติของนางกลายเป็นขาวโพลน ม่านตาคู่งามสั่นสะท้าน.... ราวกับคนร่วงหล่นสู่ความฝัน....

ประตูแกร่งกล้าถูกกระบี่ตัดดาราทำลายยับ เย่หวูเฉินเก็บเสี่ยวซื่อและเต่าดำอย่างรวดเร็ว จากนั้นพุ่งกายเข้ามาอย่างเร็วรุด สายตาสบประสานเข้ากับองค์หญิงไป่เย่ ดุจเวลาหยุดนิ่งลงพร้อมกัน ทั้งสองนิ่งงันจ้องมองที่ฝ่ายตรงข้าม....

“เสวี่ยเอ๋อร์!!” เย่หวูเฉินไม่สนใจมองหุ่นยักษ์แม้แต่น้อย ไม่สนใจมองเทพจักรพรรดิที่ตะลึงลานอยู่ไม่ห่าง เขากระโดดพุ่งกายตรงไปหาหนิงเสวี่ย....

“ท่าน.... ท่านพี่!!”

ดีใจประดุจอยู่ในความฝัน ประหนึ่งภาพลวงตาที่ไม่น่าเชื่อ สัมผัสจับจิตจนวิญญาณแทบแหลกราน เพียงพริบตาเดียว น้ำตาได้ไหลอาบเต็มใบหน้าของหนิงเสวี่ย.... เขามา.... เขาคือมนุษย์ผู้หนึ่ง แต่กลับใช้เวลาเพียงสั้นๆ มาถึงที่นี่ได้จริงๆ บุกรุกวิหารเทวะที่ป้องกันหนาแน่น มีทั้งเทพขุนพลและขุนพลศักดิ์สิทธิ์ บุกบั่นปรากฎตัวอยู่ตรงหน้านาง.... เขาอย่างไรก็คือเขา ยามไร้ประโยชน์เขากุมมือนางไว้ ยามเผชิญหน้าอันตรายเขากอดนางอยู่ข้างๆ.... ยามที่สิ้นหวังที่สุด เขายังคงปรากฎกายต่อหน้านางดุจปาฏิหาริย์....

ภาพที่เห็นในยามนี้ จวบจนชั่วชีวิตนาง จนกระทั่งถึงชีวิตหน้า นางก็ไม่มีวันลืมเลือนได้

หรือนี่เป็นเพียงความฝัน? หากเป็นความฝัน เหตุใดจึงงดงามยิ่ง ราวกับมิได้ฝันจริง หากเขาคือความฝัน.... เหตุใดจึงเหมือนจริงเช่นนี้....

ร่างของหนิงเสวี่ยที่กำลังลอยสู่หน้าผากของเทพลึกลับหยุดลงทันที พลังแสงและชีวิตโคจรอย่างบ้าคลั่ง นางกำลังดิ้นรนให้หลุดออกจากพลังของเทพจักรพรรดิ.... เทพลึกลับแล้วอย่างไร  อนาคตของทวีปเทวะแล้วอย่างไร ชะตากรรมของตัวเองแล้วอย่างไร.... นางเพิกเฉยจนหมดสิ้น เหลือเพียงความคิดเดียว คือโยนร่างของตนเข้าไปในอ้อมกอดเขา ซุกอยู่ในอ้อมกอดนั้นตลอดไปไม่ปล่อยออก....

พลังแห่งความยึดมั่นและยืนกรานช่างน่ากลัวยิ่ง พิธีกรรมปลุกเทพลึกลับดำขาวล้วนจัดการโดยเทพจักรพรรดิ พลังที่ส่งองค์หญิงเฮยเย่และองค์หญิงไป่เย่ให้ผสานเข้ากับเทพลึกลับดำขาวยังมาจากนาง ทว่าเวลานี้ เทพจักรพรรดิพลันพบว่าพลังของตนไม่อาจส่งองค์หญิงไป่เย่ให้ผสานเข้ากับเทพลึกลับขาวได้อีก พลังขององค์หญิงไป่เย่ ประหนึ่งพุ่งทะยานขึ้นร้อยเท่าในพริบตา นางกำลังดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง

“ไป่เย่!!” เทพจักรพรรดิตะโกนลั่นจากจิต เหนี่ยวรั้งพลังเทพไร้สิ้นสุดของตัวเองไว้ หากกลับพบว่าไม่อาจส่งผลใดๆต่อหนิงเสวี่ย.... เย่หมิง , เสวี่ยเย่ และเชียนจ้งแห่งสามขุนพลศักดิ์สิทธิ์ร่วมมือกันยังไม่อาจเป็นคู่มือนางได้ ตอนนี้นางกลับไม่อาจควบคุมองค์หญิงไป่เย่ที่มีพลังเพียงสะกดข่มแปดเทพขุนพลเพียงเล็กน้อย

แต่หากเทพลึกลับขาวไม่รีบตื่นขึ้น ย่อมเกิดผลลัพธ์อันน่าสะพรึง ที่ไม่มีผู้ใดแจ่มแจ้งยิ่งกว่านาง หลังจากส่งเสียงตะโกนลั่น นางปราดตามองบุรุษที่เพิ่งเข้ามาด้วยความสงสัย ด้วยความรีบร้อนนางไม่ทันมองหน้าตาของเขาชัด เวลานี้เอง เบื้องหน้าของนางพลันปรากฎลูกศรทองคำขึ้น นางตวัดฝ่ามือส่งลูกศรทองคำพุ่งไปทางเย่หวูเฉิน เกิดเสียงฉีกมิติดังสะท้านขึ้น

เทพจักรพรรดิแห่งทวีปเทวะ ไหนเลยจะครองพลังต่ำต้อย นอกจากชายชุดดำที่พบก่อนหน้า นางคือตัวตนที่ครองพลังสูงสุดที่เย่หวูเฉินเคยเผชิญ เทพจักรพรรดิตวัดส่งลูกศรคล้ายธรรมดา ทว่าพลังที่บรรจุไว้ทรงพลังสังหารอย่างลึกล้ำ ลูกศรทองคำกรีดอากาศพุ่งเข้าใกล้ พลังไร้ต้านล็อคตรึงร่างของเย่หวูเฉินไว้ให้อยู่กับที่

ซู่ว!

ลูกศรทองคำแหวกผ่านอากาศว่าง ที่แทงถูกคือเงาติดตาที่เย่หวูเฉินทิ้งไว้ เย่หวูเฉินตัดมิติไปอยู่ข้างกายหนิงเสวี่ย กอดนางไว้พร้อมแสงขาวสว่างวาบฉับพลัน ทั้งสองหายไปจากใต้ดิน ในที่สุดเขาก็ได้สัมผัสร่างของหนิงเสวี่ยอีกครั้ง เย่หวูเฉินตัดสินใจโดยไม่ลังเล จากการโจมตีของเทพจักรพรรดิเมื่อครู่ ทำให้เขาเข้าใจชัดแจ้งว่าเทพจักรพรรดิทรงพลังเพียงใด เขาไม่เปิดโอกาสให้นางโจมตีซ้ำ และรีบพาหนิงเสวี่ยตัดมิติหลบหนีออกมาพันลี้ทันที

ตูม!

ลูกศรทองคำทะลวงผ่านใต้พิภพ ทะลุออกจากผืนปฐพี และพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้าห่างไกลด้วยกรีดร้อง

จากนั้น บรรยากาศกลายเป็นเงียบงัน เงียบงันดุจป่าช้า

องค์หญิงไป่เย่.... ถูกชิงตัวไปแล้ว....

เทพจักรพรรดิ ผู้มักมีสีหน้าสงบไร้ระลอกตลอดมาไม่ทราบกี่ปี ยามนี้กำลังมีสีหน้าแตกตื่น ลืมวิธีตอบสนองอยู่ชั่วขณะ การเปลี่ยนผันครั้งนี้ไม่อาจยอมรับได้ หายนะร้ายแรงที่กำลังจะเกิดขึ้นยิ่งไม่อาจยอมรับ.... เวลานี้เอง ดวงตาสองข้างของเทพลึกลับขาวพลันสาดประกายด้วยแสงขาว พลังมหาศาลแผ่พุ่งออกมาจนเทพจักรพรรดิแทบไม่อาจหายใจ ใต้พิภพทะลักล้นด้วยพลังบ้าคลั่ง ท่วมท้นทั่วเมืองกงแห่งเขตสวรรค์ แรงกดดันหนักหน่วงกดทับหัวใจผู้คนนับไม่ถ้วน ประหนึ่งมีกระถางยักษ์ครอบลงมาจากบนฟ้า

เรื่องน่ากลัวที่สุด อย่าได้เกิดขึ้นมากที่สุด ฉากที่ไม่กล้าจินตนาการมากที่สุด กลับเกิดขึ้นในชั่วขณะสุดท้ายที่ใกล้สำเร็จ สีหน้าของเทพจักรพรรดิทะมึนลงอย่างไร้ที่เปรียบ เมื่อไร้การสังเวยขององค์หญิงไป่เย่ สติของเทพลึกลับขาวย่อมตื่นขึ้นจากการเหนี่ยวนำของสติของเทพลักลับดำ สตินี้ไม่อาจควบคุมได้ เมื่อมันตื่นขึ้นย่อมทำลายทุกสิ่งที่มองเห็นอย่างบ้าคลั่ง

หายนะครั้งใหญ่ เทพลึกลับดำนำมันไปสู่ทวีปปีศาจ ส่วนเทพลึกลับขาวนำมันมาสู่ทวีปเทวะ



<<<PREV    .    NEXT>>>