วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 255

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 255 หัวใจของฉุ่ยโหรว (3)

เย่หวูเฉินก้มกายลง หยิบชุดจากพื้นที่ร่วงตกจากมือของฮั่วฉุ่ยโหรว นี่คือเสื้อคลุมสำหรับบุรุษ เย่หวูเฉินเพียงมองก็ทราบว่านี่ไม่ใช่ทำขึ้นเพื่อบิดานาง หากแต่เพื่อเขา ไม่เพียงขนาดจะยาวเท่าความสูงของเขาเมื่อสามปีก่อน ทั้งลักษณะและสีสันยังเป็นแบบที่เขาชอบสวมใส่อยู่เป็นประจำ เขาถาม “นี่ทำให้ข้าเหรอ?”

“อื้ม....” ฮั่วฉุ่ยโหรวรับคำเบาๆ “ชุดนี้เพิ่งทำเสร็จ เพียงแต่ว่า....สามีเติบโตขึ้นแล้ว ไว้ข้าจะเปลี่ยนให้ใหม่”

เขา ‘ตกตาย’ เมื่อสามปีก่อน แต่นางยังคงตัดเย็บเสื้อผ้าให้ เย่หวูเฉินเอ่ยถาม “ก่อนหน้านี้ เจ้ามักตัดชุดให้ข้าอย่างนั้นเหรอ?”

“พอข้าคิดถึงสามีเมื่อใด ข้าก็จะตัดเย็บเสื้อผ้าให้สามี ท่านดูตรงนี้สิ” จากนั้น ฮั่วฉุ่ยโหรวก็ขยับไปที่ตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ นางเปิดตู้ออก “ชุดพวกนี้ คือที่ข้าทำไว้เพื่อสามี”

ตู้นี้กว้างกว่าหนึ่งเมตร สูงกว่าสองเมตร ด้านในอัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้า ทั้งสีขาว สีเทา และสีน้ำเงินอ่อน.... มีทั้งเสื้อคลุม เสื้อใน เสื้อนอก กระทั่งเสื้อกันหนาว  กางเกงใน รองเท้า ถุงเท้า แต่ละแบบ แต่ละสี ล้วนเป็นแบบที่เขาชอบทั้งสิ้น

“ยังมีตรงนี้อีก” ฮั่วฉุ่ยโหรวรีบเดินไปที่ชั้นวางของ สาธยายด้วยความสุขขณะนำชุดที่ทำไว้ตลอดสามปีออกมาให้เขาดู

“ตรงนี้....ตรงนี้แล้วก็....ยังมีตรงนี้อีก....ในกล่องนี้ข้าทำรองเท้าไว้ให้สามี.... ท่านพ่อกล่อมข้าอยู่หลายครั้งให้เก็บมันไว้ที่อื่น แต่ข้าไม่ยอม เพราะข้าฝันอยู่เสมอว่าหากสามีพลันกลับมา สามีจะได้สวมใส่ชุดที่ข้าทำไว้....วันนี้ สามีกลับมาแล้วจริงๆ”

“สามีไม่ชอบชุดที่หนาเกินไป ดังนั้นหากถึงหน้าหนาว ข้าก็ทำผ้าพันคอไว้หลายผืน เข้าชุดกับเสื้อกันหนาวและรองเท้าของสามี ถ้าไม่อย่างนั้น เดี๋ยวสามีจะเจ็บป่วยเพราะหนาวเย็น น่าเสียดายที่ตอนนั้นสามีไม่ทันได้ใส่”

หลังปลดปล่อยความเสียใจที่สะสม นางก็เริงร่าด้วยความสุข คนมีชีวิตชีวา ความสุขทุกสิ่งล้วนเกี่ยวกับเขา ในสองตาของเย่หวูเฉินเปียกชื้น ความอบอุ่นแผ่ทั่วในหัวใจ เขาได้แต่กล่าวย้ำกับตัวเอง ว่าในชั่วชีวิตนี้จะไม่ทำให้นางเสียใจอีกครั้ง

“เพียงแต่....” สีหน้านางสลดลงเล็กน้อย “ตอนนี้สามีเติบโตขึ้น ชุดพวกนี้ย่อมไม่พอดีตัวแล้ว”

“ไร้สาระน่า จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร ข้าเติบโตขึ้นเพียงเล็กน้อย ไม่ได้อ้วนขึ้นหรือผอมลง ทำไมจะไม่พอดีตัว ดูแล้วอีกแปดหรือสิบปีนับจากนี้ ข้าคงไม่ต้องห่วงว่าจะไร้ชุดสวมใส่” เย่หวูเฉินขอบคุณด้วยรอยยิ้ม

ฮั่วฉุ่ยโหรวใบหน้าเหนียมอาย กระซิบเสียงแผ่ว “แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงชุดบ้านๆ ทำขึ้นจากมือ สามีควรใส่อาภรณ์หรูหราชั้นเลิศ ไหนเลยจะ....”

เย่หวูเฉินกล่าวขัดจังหวะ “ยังจะพูดไร้สาระอยู่อีก ชุดเหล่านี้เสี่ยวโหรวโหรวทำให้ข้ากับมือ ล้ำค่าเกินทองกองใดจะซื้อได้ อาภรณ์หรูหราพวกนั้นก็ไม่อาจเปรียบเทียบ” เขายกแขนขึ้นมาและยิ้มกล่าว “ชุดของข้าดูเก่าลงบ้างแล้ว เจ้าช่วยข้าเปลี่ยนได้หรือเปล่า?”

“อื้ม!” หัวใจของฮั่วฉุ่ยโหรวอิ่มเอิบ นางเดินมาช่วยเขาเปลี่ยนเสื้ออย่างมีความสุข

ฮั่วเจิ้นเทียนนั่งอยู่เงียบๆในห้องหนังสือของตนมาได้ชั่วเวลาหนึ่งแล้ว ในสมองไม่อาจคิดหาสิ่งใดมาทำฆ่าเวลา ไม่ว่าจะนั่งหรือยืนบั้นท้ายก็เริ่มปวดเมื่อย หลังผ่านไปเกือบทั้งวัน ในที่สุดเขาก็ไม่อาจทนนั่งรออยู่เฉยๆได้ เขาเตรียมไปแอบฟังเย่หวูเฉินกับลูกสาวสนทนากัน เจ้าหนูเย่หวูเฉินสูญสิ้นพลังไปแล้ว ย่อมไม่อาจสัมผัสถึงเขาได้

เหล่าคนใช้พากันมองด้วยสายตาแปลกแปร่ง ฮั่วเจิ้นเทียนย่องตรงไปที่ห้องของฮั่วฉุ่ยโหรวอย่างไร้เสียง หากไม่ทันถึงประตูก็เปิดออก ฮั่วฉุ่ยโหรวค่อยๆดันเย่หวูเฉินออกมา นางมองฮั่วเจิ้นเทียนด้วยสีหน้าแปลกพิกล จากนั้นร้องเสียงเบา “ท่านพ่อ”

ฮั่วเจิ้นเทียนในใจสะท้านวูบ รีบปรับอารมณ์ด้วยความลำบาก เขารีบกล่าวกลบเกลื่อน “ข้าแค่มา....แค่ก แค่ก ยอดยาหยี เจ้าเห็นรึยัง ข้าบอกแล้วไงว่าเจ้าหนูนี่ไม่ตายง่ายๆหรอก ทีหลังอย่ารีบด่วนเสียใจง่ายๆอีก”

ฮั่วฉุ่ยโหรวหน้าฝาดแดงเล็กน้อย ก้มศีรษะรับคำ “ค่ะ ท่านพ่อ”

“เจ้าหนู เอานี่ไป!” ฮั่วเจิ้นเทียนเหวี่ยงแขน ถุงหนักตกลงบนตักของเย่หวูเฉิน กลิ่นดินปืนและสิ่งผสมโชยออกมา เย่หวูเฉินทราบทันทีว่ามันคือสิ่งใด มุมปากเขากระตุกเล็กน้อย ด้วยอัสนีลั่นสะเทือนฟ้าจำนวนนี้ หากไม่ระวังและเกิดระเบิดตูม ตระกูลฮั่วทั้งหมดคงหายวับไม่หลงเหลือ

ฮั่วฉุ่ยโหรวอุทานตื่นตระหนก รีบหยิบถุงอัสนีลั่นสะเทือนฟ้าออกไปอย่างระมัดระวัง นางดุบิดาเสียงเบา “ท่านพ่อ สามีไม่ได้แข็งแรงนัก เหตุใดจึงโยนของหนักแบบนี้ใส่เขา”

เย่หวูเฉินกลับยิ้มบาง “ไม่เป็นไร ท่านพ่อตาช่างดีกับข้าจริงๆ”

ฮั่วเจิ้นเทียนพลันรู้สึกปวดจิต พอนางได้สามี ก็ไม่รู้เอาบิดาไปวางไว้ตรงไหน พอเสียบางอย่างทำให้เขาเจ็บใจ เขากล่าวอย่างโกรธเคือง “เจ้าหนู นี่คืออัสนีลั่นสะเทือนฟ้า 100 ลูก ต่อไปหากมีใครรังควานเจ้าก็ให้รีบมาบอก ต่อให้เป็นจักรพรรดิฟ้าบิดาก็จะถล่มมันให้ยับ.... ที่ข้าทำไม่ใช่เพื่อเจ้า แต่เพื่อลูกสาวของข้า หากเจ้ากล้าตายอีกครั้ง ก็คอยดูบิดาผู้นี้ขุดเถ้าเจ้าขึ้นมาจากหลุม!”

หลังกล่าววาจาเกรี้ยวกราด ก็ลดสายตาจดจ้อง กล่าวคำกำกวม “เจ้าหนู ท่าทางเหมือนจะกลับแล้วรึ? เจ้าอยู่กับลูกสาวข้าถึงค่ำแล้ว.... ไม่ได้! วันนี้ยังห้ามกลับ คืนนี้อยู่กับลูกสาวของข้าก่อน พรุ่งนี้ถึงค่อยกลับ ข้าบอกบิดามารดาเจ้าแล้ว”

เย่หวูเฉินหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ ฮั่วฉุ่ยโหรวสีหน้าแดงก่ำ ส่งเสียงอย่างโกรธเคือง “ท่านพ่อ ท่าน.... พูดอะไรออกมา....”

ฮั่วเจิ้นเทียนมือแปะหน้าผาก “อะไรกัน? ตอนนี้ทุกคนล้วนรู้ว่าเจ้าชั่วชีวิตจะไม่แต่งงานกับใครอีก หลับนอนด้วยกันมันแปลกตรงไหน?”

“......” ฮั่วฉุ่ยโหรวกระทืบเท้าเล็กน้อย มือปิดหน้าวิ่งหนีออกไป แต่เมื่อนึกได้ว่าเย่หวูเฉินเคลื่อนไหวได้ลำบาก นางจึงรีบกลับออกมาดันรถเข็นต่อ เพียงคำเดียวก็ไม่กล้ากล่าว

หากทำได้ เย่หวูเฉินอยากลุกขึ้นหมับบ้องหู “ท่านพ่อตา” คนนี้สักป้าบ ด้วยอุปนิสัยของฮั่วฉุ่ยโหรว แม้นางปรารถนาแต่กล่าวออกมาโต้งๆเช่นนี้นางจะรับได้อย่างไร บิดาของหญิงสาววัย 19 ผู้นี้นับเป็นตัวโง่เง่าโดยแท้

เขายิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ท่านพ่อตา วันนี้เป็นวันแรกที่ข้ากลับบ้าน ยังมีหลายสิ่งต้องจัดการ แล้วข้าจะมาหาโหรวโหรวทุกวัน ฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ข้าจะแต่งงานกับโหรวโหรวเป็นอย่างช้า”

“เฮอะ ก็ควรเป็นแบบนั้น” ฮั่วเจิ้นเทียนไม่กล่าวแย้งแม้แต่น้อย เขาลดเสียงลงและกล่าวเป็นนัย “ข้ารู้ว่าเจ้ามีเรื่องสำคัญยิ่งต้องจัดการ ข้าจะไม่ฝืนใจเจ้า แต่จำไว้อย่างหนึ่งว่าเวลามีจำกัด ต้องก่อนฤดูใบไม้ผลิปีหน้าเท่านั้น!”

เย่ซานที่ขับรถม้ามาส่งรีบวิ่งมาหาอย่างเร่งร้อน ยังไม่ทันถึงดีก็ตะโกนกล่าว “ใต้เท้าฮั่ว นายน้อย ข่าวการกลับมาของท่านกระจายไปทั่ว ยามนี้จักรพรรดิเสด็จมาที่ตระกูลเย่เพื่อจะพบนายน้อย เรียนเชิญนายน้อยให้กลับไปทันที”

เย่หวูเฉินพยักหน้าให้ฮั่วเจิ้นเทียน จากนั้นกล่าวกับฮั่วฉุ่ยโหรว “โหรวโหรว ช่วยส่งข้าที”

ฮั่วฉุ่ยโหรวออกแรงดันเพียงเล็กน้อยรถเข็นไม้ก็เคลื่อนไป ส่งเขาไปถึงหน้าประตูตระกูลฮั่ว

เมื่อกลับมาถึงตระกูลเย่ หลงหยินนำบางคนมาด้วยรอในสวนอยู่ เขายังดูเหมือนเมื่อสามปีก่อนไม่มีเปลี่ยน มิได้ดูแก่ชราลง หากกลับดูแข็งแรงขึ้น หลายปีมานี้คงบำรุงดี ด้านขวามีเด็กหนุ่มอายุ 16-17 ปีคอยติดตาม ใบหน้าดูซื่อๆ ร่างกายเตี้ยล่ำ นัยน์ตาเล็กๆดำขลับ ผิวหนังเข้มคล้ำ มวลเนื้อหนาแน่นและแข็งแรงอย่างน่าประหลาด สองแขนกำยำไม่ได้สัดส่วนกับร่างกาย มองแล้วพาให้นึกถึงว่าจะมีพลังแกร่งกล้าเพียงใดในแขนคู่นั้น

ที่ด้านหลัง เป็นอาวุโสหลี่และอาวุโสหลิว สองในสามผู้ปกปักษ์ที่ยากจะพบตัวกำลังยืนอยู่หลังหลงหยิน ทว่าตำแหน่งยืนกลับเยื้องอยู่หลังเด็กหนุ่มผิวเข้ม ถัดออกไปเป็นหลินขวงกับหลินซาน นอกจากห้าคนนี้แล้วหลงหยินก็ไม่ได้พาผู้ใดมาอีก

เมื่อเย่หวูเฉินปรากฎตัว สายตาทุกคู่ตกลงบนร่างของเขา หากสายตาของเย่หวูเฉินกลับมองไปที่เด็กหนุ่มผิวเข้มกำยำ เมื่อสายตาสบกัน ดวงตาของทั้งคู่ต่างเป็นประกายประหลาด

เย่หวูเฉินเคลื่อนเข้าใกล้หลงหยินโดยมีเย่ซานดันอยู่ เขาเปล่งเสียงแจ่มชัดกล่าว “ร่างกายของหวูเฉินไม่เอื้ออำนวย ไม่อาจกระทำคารวะได้ ขอองค์จักรพรรดิและทุกท่านโปรดอภัย”

หลงหยินมองเขาครู่หนึ่ง จากนั้นลุกขึ้นและหัวเราะอย่างปลอดโปร่ง “เย่หวูเฉิน เจ้าทำให้ข้าตกตะลึงอีกครั้ง สมแล้วที่เป็นทายาทของตระกูลเย่ คู่ควรกับสมญาสุดยอดพรสวรรค์ เป็นตัวตนราวกับเทพฟ้าจุติ เทพสงครามไม่อาจสังหารเจ้า ทั้งกลับถูกเจ้าสังหารแทน ตกลงสู่หุบเหวปลิดวิญญาณแล้วยังกลับออกมาได้ ข้าดีใจจนพูดไม่ออกเลยจริงๆ”

“โอ้ ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงคิดถึง ไม่ทราบฝ่าบาทมาที่นี่มีเรื่องอันใด?” เย่หวูเฉินกล่าวเรียบเรื่อย

หลงหยินไม่ตอบคำ สายตามองที่รถเข็นประหลาดและขาของเย่หวูเฉิน เขาถามอย่างสงสัย “ข้าได้ยินว่าเจ้าไม่ตายภายใต้หุบเหวปลิดวิญญาณ หากร่างกายกลับต้องพิการ เป็นความจริงหรือนี่? อาวุโสหลี่ จงลองตรวจดูว่ามีวิธีใดบ้างที่รักษาเขาได้”

ไม่รอให้เย่หวูเฉินกล่าวตอบ หลงหยินหันศีรษะพยักไปทางอาวุโสหลี่ อาวุโสหลี่ผงกศีรษะรับคำ จากนั้นเคลื่อนกายไปที่ข้างเย่หวูเฉิน ใช้ฝ่ามือส่งสำรวจ เย่หวูเฉินไม่ขยับแม้แต่น้อย เพียงกล่าวยิ้มๆ “ฝ่าบาททรงเมตตาแล้ว ข้ารู้ดีว่าสภาพร่างกายของข้าในตอนนี้ เพียงมีชีวิตอยู่ได้ก็นับเป็นวาสนา แม้พิกลพิการไปบ้างก็ไม่นับเป็นสิ่งใด”

อาวุโสหลี่ถอนมือกลับ ขยับกลับไปอยู่ข้างหลงหยิน ถอนหายใจยาว เศร้าใจที่สูญเสียสุดยอดพรสวรรค์คนหนึ่งไป เขาส่ายศีรษะและกล่าว “สภาพร่างกายของเขาห่างไกลกับที่ข้าคาดเอาไว้สุดกู่ คิดว่าเมื่อครั้งอดีตที่เขาสังหารเทพสงครามในอาณาจักรต้าฟง สังหารทัพหมื่นศัตรู ข้ามผ่านเส้นแบ่งชีวิตและความตาย พลังสุดท้ายในร่างถูกสูบกลืนไปจนหมดสิ้น เป็นตะเกียงไฟที่ไร้น้ำมัน การฟื้นฟูเป็นไปอย่างเชื่องช้า สามารถมีชีวิตอยู่ได้ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว” เขายังลดระดับเสียงลงหลายส่วน “ไม่เพียงแค่พิการ แต่ยังไม่อาจฝึกฝนวรยุทธใดๆได้อีก อีกทั้งอายุขัย....ยังอยู่ได้เพียงไม่เกินสิบปี”

เย่เว่ยและเย่หนู่ที่อยู่ตรงนั้นสีหน้าเปลี่ยนอย่างรุนแรง ทว่าเพียงการกลับมาของเย่หวูเฉินก็นับว่าดีแล้ว พวกเขาไม่ยอมสูญเสียความเยือกเย็น หลงหยินแสดงสีหน้าตระหนกและถาม “แล้วพอจะมีวิธีใดรักษาได้บ้าง?”

อาวุโสหลี่สั่นศีรษะหนักแน่น “ไม่มี!”



<<<PREV    .    NEXT>>>