วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 262

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 262 น้ำตาลูกผู้ชาย (2)

เล่งหยารีบร้อนราวกับพายุ ใช้ออกจนเต็มความเร็ว บางคนได้ยินเสียงก็หันศีรษะมอง หากรู้สึกได้เพียงลมพัดผ่านหู ไม่เห็นเงาคนแม้แต่น้อย แม้เล่งหยาไม่รู้ว่าเหตุใดเย่หวูเฉินจึงกล่าวว่ามารดาของเขาจะฆ่าตัวตาย แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิตมารดา ไหนเลยเขาจะกล้าลังเลหรือชักช้า!

พอมาถึงหน้าประตูห้องของมารดา เล่งหยาดันประตูแต่มันไม่เปิดออก เขากระแทกร่างเข้าใส่อย่างรุนแรง ประตูไม้แตกกระจาย เล่งหยาถลาเข้าไปในห้อง....

บนเตียงนั้น มารดาของเขานอนนิ่งอยู่ ใบหน้าสงบมีรอยยิ้มบางประดับอยู่ ราวกับคนกำลังฝันอย่างมีความสุข ทว่าในรอยยิ้มนั้น กลับซ่อนบางสิ่งที่ไม่อาจหลีกเว้น นางนอนสงบนิ่งไม่ไหวติง แม้มีเสียงประตูพังดังลั่นแต่นางกลับไม่ตื่นขึ้นมา

หัวใจของเล่งหยาดิ่งวูบ เจ็บปวดแทบกระอักโลหิต เขาเดินเข้ามาอย่างเลื่อนลอย ค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปหา ความเจ็บปวดเย็นเยียบฉายออกจากดวงตาคมกล้า สีหน้ายังดูเหม่อลอยเล็กน้อย

ในที่สุด เขาก็มาถึงข้างเตียงของมารดา ยื่นนิ้วสั่นเทาตรวจลมหายใจที่ปลายจมูก.... ทุกวินาทีที่พัดผ่าน ร่างกายของเล่งหยายิ่งเยียบเย็นลง นิ้วที่ยื่นสั่นสะท้านอ่อนแรง ภาพเบื้องหน้ากลายเป็นว่างเปล่า หัวใจคล้ายรู้สึกจะแตกออก กลืนกินสติจนหมดสิ้น เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น กระทั่งลมหายใจยังหยุดตาม ฉับพลันนั้นเขาราวกับคนตาย

เย่หวูเฉินนั่งรถเข็นไม้ มีทงซินช่วยเข็นมาเงียบๆจนมาหยุดอยู่ข้างเขา เย่หวูเฉินกวาดตามองใบหน้าของเล่งชิว แล้วเงยหน้าถอนหายใจหนักหน่วง

“ทำไม....ทำไม....” ปากของเล่งหยากล่าวคำเบาๆซ้ำๆไม่รู้จบ ทำไม...เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้! ไม่เข้าใจแม้แต่น้อย!

บนโต๊ะตัวเล็กข้างเตียง มีแผ่นข้อความวางไว้อยู่ เย่หวูเฉินให้ทงซินหยิบแผ่นข้อความมา ปราดตามองคราหนึ่ง จากนั้นตบไหล่เล่งหยาเบาๆ แล้วยื่นกระดาษให้ “นี่คือข้อความที่แม่เจ้าทิ้งเอาไว้.... แม้เจ้าเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ แต่กลับมีแม่ที่ยอดเยี่ยม นางใช้ชีวิตของตัวเอง ยอมทำให้เจ้าเจ็บปวดเพียงชั่วสั้นๆ เพื่อช่วยเจ้าตัดสินใจเลือกอนาคต”

หมึกที่เขียนบนกระดาษยังไม่แห้งดี ประโยคสุดท้ายเห็นได้ชัดว่าพึ่งเขียน แต่ละตัวอักษรลายเส้นเบาบาง เห็นได้ชัดว่าเขียนด้วยความเร่งรีบ ทว่าแต่ละตัวอักษรล้วนปราณีต เล่งหยาสายตาฟื้นกลับคืนมาได้หลายส่วน จนเห็นภาพเบื้องหน้าในที่สุด เขายื่นมือขวาที่แข็งทื่อออกมารับกระดาษ....

เสี่ยวฟง แม่ต้องไปแล้ว.... ตั้งแต่เขาจากไปในอดีต หัวใจของแม่ก็ติดตามเขาไป การได้อยู่ร่วมกับเขานับเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม แม้เขาไม่เคยมีใจให้กับข้า แต่ข้าไม่เคยเสียใจ เกลียดก็แต่ เขาคือผู้กล้าที่แท้จริง ส่วนข้าไม่คู่ควรกับเขา.... เสี่ยวฟง เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว ได้เห็นเจ้าปลอดภัย ได้เห็นเจ้าแข็งแกร่ง แม่ดีใจเป็นที่สุด ไม่มีสิ่งใดให้กังวลอีก ในที่สุดข้าก็สามารถติดตามเขาไปได้.... เสี่ยวฟง อย่าได้ร้องไห้ เจ้าต้องมีความสุขให้กับแม่ เจ้ารู้ใช่มั้ย

เสี่ยวฟง แม่เพิ่งบอกกับเจ้าไป ว่าอุปนิสัยของเจ้าไม่เหมาะที่จะเป็นนายคน ถึงแม้ภายนอกเจ้าจะดูเย็นชาไร้หัวใจ แต่ไหนเลยแม่จะไม่รู้ว่าเสี่ยวฟงเป็นคนที่หนักแน่นจริงใจที่สุด เป็นเด็กดีที่สุด หากแม่ไม่ไป เจ้าจะคอยห่วงแม่อยู่ตลอด ต่อให้แม่ทุบตีเจ้า ดุว่าเจ้า เจ้าก็คงไม่ปรารถนาละจากแม่ไป.... เจ้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว จะมาคอยอยู่แต่กับแม่ได้อย่างไร นายน้อยเย่มีพระคุณดุจขุนเขา แม้ว่าร่างกายของเขาพิการ แต่วันหนึ่งย่อมเป็นมังกรที่บินทะยานขึ้นสู่ฟ้า แม่หวังว่าเจ้าจะละวางเรื่องที่เขาตายด้วยมือนายน้อยเย่ คอยติดตามรับใช้เขา แม่เชื่อว่านายน้อยเย่เป็นผู้ที่เหมาะสมสุด ที่เจ้าจะฝากฝังอนาคตไว้

เสี่ยวฟง  เจ้าดูเหมือนคนเข้มแข็ง สามารถอดทนความเจ็บปวดนับพัน แต่ว่าแม่รู้ ด้วยอุปนิสัยของเจ้า มีเพียงหลังจากที่เขากับแม่ตายไปแล้วเท่านั้น เจ้าถึงจะเติบโตได้อย่างแท้จริง เมื่อแม่จากไปแล้ว ถึงแม้ไม่อาจอยู่ข้างกาย แต่แม่จะคอยมองเจ้าจากบนฟ้า เจ้าจงฟังคำของแม่ให้ดี อย่าทำให้แม่ต้องผิดหวัง ตกลงมั้ย....

แผ่นกระดาษหลุดจากมือร่วงสู่พื้น เล่งหยาคุกเข่าลงหนักหน่วงที่ข้างเตียง สุดท้ายร่ำไห้ออกมาเสียงดัง น้ำตาลูกผู้ชายไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย โดยเฉพาะกับเล่งหยาที่ไม่ค่อยพูด เสียงร่ำไห้สุดแสนโศกเศร้า สะท้อนผ่านอากาศออกไปไกล ทำให้ผู้คนที่ได้ยินหัวใจแทบสลาย เย่หวูเฉินหยิบขวดเล็กๆบนโต๊ะที่ไร้ฝาจุก แล้วเคลื่อนออกไปเงียบๆ

ขวดเล็กๆในมือดูเก่าอยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่าเตรียมไว้แล้วเป็นเวลาหนึ่ง ในโลกนี้นางคือคนที่เข้าใจเล่งหยามากที่สุด สามารถกล่าวได้ว่าเป็นคนเดียวที่เข้าใจเขา ก่อนที่เขาจะกลับมา นางได้เตรียมการไว้ เพื่อติดตามฟงเฉาหยางจากไป เพื่อไม่กลายเป็นโซ่ตรวนผูกรั้งเขา ใต้รูปลักษณ์เย็นชาของเล่งหยา คือบุตรชายที่มีหัวใจเชื่อฟังอย่างแรงกล้า มารดาของเขาคือครอบครัวและที่พักพิงหนึ่งเดียว เพื่อปกป้องมารดา เขาจะยอมสละทิ้งทุกอย่าง แม้กระทั่งอนาคตของตัวเอง

เล่งชิว.... ความหลงใหล , ความรักใคร่ , ความยิ่งใหญ่.... นับเป็นสตรีที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง มีทุกสิ่งอยู่ในตัวนาง ทว่านางมีจุดจบที่ไม่ดีนัก นับแต่นางได้พบกับฟงเฉาหยาง ชีวิตของนางก็ประสบแต่ความโศกเศร้าและน้ำตา....

“แจ้งแก่ทุกคนว่าห้ามเข้ามาที่นี่” เมื่อออกจากประตู เย่หวูเฉินก็สั่งการกับเย่ซี

“ขอรับ นายน้อย” เย่ซีรับคำด้วยความเคารพ ในหูยังคงได้ยินเสียงร้องไห้ของเล่งหยาอย่างโศกครวญ บิดาตาย มารดาตาย.... เขาไม่เหลือคนในครอบครัว ไม่มีห่วงใดๆอีกแล้ว

บุตรแห่งเทพสงคราม ย่อมเติบโตขึ้น

“ท่านพ่อ ท่านรู้จักสิ่งนี้หรือไม่?” เย่หวูเฉินวางขวดเล็กๆลงเบื้องหน้าเย่เว่ย เย่เว่ยเหลือบมองปราดหนึ่ง สีหน้ากลับกลายเล็กน้อย “ผงผนึกใจ! เฉินเอ๋อร์ เจ้าไปเอามาจากไหน?”

“ท่านป้าเล่งตายแล้ว นางกินเจ้าสิ่งนี้ลงไป” เย่หวูเฉินกล่าว

“อะไรนะ!?” แม้ว่าเย่เว่ยกับเล่งชิวไม่ค่อยได้คุยกันนัก แต่นางอาศัยอยู่ในตระกูลเย่มานานกว่าสามปี เมื่อทราบข่าวกะทันหัน เขาจึงอดตกใจไม่ได้

“สามปีก่อนท่านป้าเล่งปรารถนาตกตายเป็นอย่างมาก ยามนี้เมื่อเห็นเล่งหยากลับมาอย่างปลอดภัย ในใจไร้ห่วงกังวลใดๆอีก.... เมื่อข้ากับเล่งหยาเข้าไปถึง นางก็ตายแล้ว” เย่หวูเฉินบอกเหตุผลเพียงครึ่งเดียว เขาถามต่อ “ผงผนึกใจ? สมควรเป็นพิษอย่างหนึ่ง ท่านป้าเล่งกลับฆ่าตัวตายโดยใช้พิษ”

เย่เว่ยเงียบไปขณะหนึ่ง จากนั้นกล่าวด้วยความหดหู่ “ผงหนึกใจถูกใช้ในวังหลวง สำหรับให้เหล่านางกำนัลและขันทีที่ทำผิดร้ายแรงฆ่าตัวตาย สองปีก่อนพวกเราตระกูลเย่ก็เคยใช้ครั้งหนึ่ง ให้คนใช้ผู้หนึ่งใช้ฆ่าตัวตาย วิธีนี้เป็นการบังคับฆ่าตัวตายที่นับว่าเมตตา หลังจากที่กินผงผนึกใจลงไปแล้ว ยามแรกในร่างจะรู้สึกอบอุ่น ทำให้ผ่อนคลายอย่างมาก หลังจากนั้นไม่กี่นาที  จะเกิดความง่วงรุนแรง สติจะพร่าเลือนลง ตายไปเหมือนกับหลับ การตายด้วยวิธีนี้ไม่มีความเจ็บปวดใดๆทั้งสิ้น” เขาหยิบขวดขึ้นมา ขมวดคิ้วมุ่น “ผงผนึกใจล้ำค่าอย่างมาก คนธรรมดาไม่มีทางครอบครองได้ ไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วนางไปได้มาด้วยวิธีใด”

“ตายโดยไร้ความเจ็บปวด? โชคดีจริงๆ” เย่หวูเฉินยิ้มขื่น คลายใจขึ้นมาเล็กน้อย มารดาของเล่งหยาฉลาดหลักแหลมโดยแท้ เลือกวิธีตายที่ไร้ความเจ็บปวด ผ่อนคลายความเจ็บปวดของตน ผ่อนคลายความเจ็บปวดของเล่งหยา ไม่เช่นนั้นแล้ว หากนางเลือกวิธีตายโดยการผูกคอ หรือคว้านท้องปาดคอตัวเอง เล่งหยาย่อมเจ็บปวดสาหัสกว่านี้อีกหลายเท่า

ตลอดวันนั้น เล่งหยาไม่ได้ออกมาจากห้อง ด้วยคำสั่งของเย่หวูเฉินจึงไม่มีผู้ใดรบกวน เช้าวันต่อมา เล่งหยายืนอยู่หน้าประตูห้องของเย่หวูเฉินตั้งแต่รุ่งสาง เมื่อเย่หวูเฉินเปิดประตูออกมา ก็พบดวงตาแน่นิ่งดุจคนตายของเขา ใบหน้าขาวซีดไร้ที่เปรียบ เบ้าตาคล้ำลึก ไร้หยดน้ำตาหรือความเศร้าโศก น้ำตาของเขา ถูกร้องไห้ออกมาหมดแล้วตั้งแต่เมื่อวาน

นับจากวันนี้ เขาไม่มีคนในครอบครัวอีก ไร้ห่วงกังวลใด ฉู่จิงเทียนตาแดงเล็กน้อย เมื่อวานเขาเฝ้าประตูให้ตลอดวัน แต่เขาไม่ได้ก้าวเข้าไป วันนี้เมื่อเห็นเล่งหยาออกมาโดยไม่ส่งเสียง เขาจึงตามมาด้วยความกังวล เค้นสมองหาคำกล่าวปลอบ ทว่าสุดท้ายเมื่อเห็นร่างมารดาของเล่งหยา เขาก็พลันอับจนคำพูด พวกเขากลายเป็นคนที่ไร้พ่อแม่เหมือนกัน ฝึกฝนร่วมกันมาสามปี ทั้งยังต้องประสบปัญหาเดียวกัน ฉู่จิงเทียนรู้สึกเสียใจกับเขา เพราะเมื่อวานนี้เขายังอิจฉา แต่วันนี้กลับต้องรู้สึกจุกอก

“ตึง” เล่งหยากระแทกเข่าลงเบื้องหน้าเย่หวูเฉินกะทันหัน ฉู่จิงเทียนสะดุ้งโหยงอยู่ข้างหลัง เขารีบเข้ามาดึงเล่งหยาลุกขึ้นยืน ทว่าร่างเล่งหยากลับหนักอึ้งราวกับหินผา ไม่ว่าจะดึงเท่าใด เขาก็ยังนิ่งอยู่กับที่

“โปรดยอมรับคำขอของข้า แล้วหลังจากนี้ ชีวิตข้าจะเป็นของเจ้า เจ้าอยากให้ข้าทำสิ่งใด ข้าจะทำทุกสิ่ง” เล่งหยาก้มศีรษะลง กล่าวคำอย่างหนักแน่น มั่นคงและเย็นชา

เย่หวูเฉินยังมีใบหน้าไม่ตื่นดี เขาไม่ได้ช่วยประคองหรือบอกให้เล่งหยาลุกขึ้น กลับกล่าวอย่างภาคภูมิ “เจ้าทำแบบนี้ เท่ากับมอบชีวิตของตนให้อยู่ในมือคนอื่น เจ้าไม่กลัวจะเสียใจในภายหลังอย่างนั้นหรือ?”

เล่งหยาเงยหน้าขึ้น จ้องยังนัยน์ตาขณะกล่าวแต่ละคำอย่างหนักแน่น “ไม่เสียใจ.... นี่คือถ้อยคำสุดท้ายของแม่ข้า ไม่ว่ามันจะถูกหรือผิด ไม่ว่าเจ้าจะเป็นคนเลวร้าย ข้าก็จะไม่มีวันฝ่าฝืน!”

“ทำเช่นนี้คุ้มค่าแล้วหรือ? เจ้าคงรู้ว่าคำสัญญานี้หมายถึงสิ่งใด” เย่หวูเฉินขมวดคิ้วถาม

“คุ้มค่า!”

“ดี ถ้าอย่างนั้นจงบอกคำขอของเจ้ามา” เย่หวูเฉินเลิกคิ้วถาม

“ข้าอยากให้เจ้า.... นำร่างของแม่ข้า ไปอยู่กับเขา.... ฝังกับฟงเฉาหยางในสถานที่เดียวกัน!”

เมื่อกล่าวถึงร่างของมารดาตน น้ำเสียงเย็นชาและสีหน้านั้นไม่ปรากฎความโศกเศร้าใดๆเหมือนเมื่อวานอีก มารดาใช้ความตายบังคับให้เขาเติบโตขึ้น ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ เขาผ่านความเจ็บปวดและน้ำตามากมาย ยามนี้หัวใจของเขาได้เปลี่ยนไปจากความทารุณอันใหญ่หลวง

ฉู่จิงเทียนตะลึงไปชั่วขณะ ไม่อาจอดได้และตะโกนออก “แต่ว่า....เจ้าหน้าน้ำแข็ง เรื่องนี้มันยากเกินไป.... เจ้าลุกขึ้นมาก่อน....”

ด้วยสถานะของฟงเฉาหยาง เป็นตัวตนที่เคารพยิ่งของราชตระกูลต้าฟง สถานที่ฝังศพของเขาย่อมมีการคุ้มกันแน่นหนา.... จะไม่ให้หวั่นเกรงต่อเหล่าผู้คุ้มกันได้อย่างไร? ที่แห่งนั้นย่อมฝังราชตระกูลต้าฟงไว้หลายรุ่น มีการป้องกันหนาแน่นอยู่ตลอด และต่อให้ไม่คำนึงถึงเรื่องนี้ อาณาจักรเทียนหลงก็อยู่ห่างไกลจากอาณาจักรต้าฟง การนำร่างของนางไปที่นั่นย่อมใช้เวลา บางทีเมื่อไปถึงแล้วนางอาจจะ....



<<<PREV    .    NEXT>>>