วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 291

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 291 เล่งหยา ปะทะ เหยียนเจิ้ง

เจ็ดเงาร่างโจมตีใส่เหยียนเจิ้ง ฉับพลันนั้นหกเงาร่างได้สลายหายไป หมัดขวาของหวู่ซานซื่ออัดใส่อกของเหยียนเจิ้งอย่างรุนแรง.... ร่างของเหยียนเจิ้งไถลถอยหลังไปหลายก้าว ทว่าหมัดของหวู่ซานซื่อราวกับถูกยึดไว้ ทำให้ไม่อาจถอนกลับ

ฮ่าห์!!

ผ่านเพียงชั่วอึดใจ เหยียนเจิ้งขมวดคิ้วคำรามก้อง แสงสีแดงรอบร่างระเบิดออก กระแทกหมัดของหวู่ซานซื่อให้กระเด็นออกไป หวู่ซานซื่อราวกับถูกทุบด้วยค้อนหนัก ปลิวออกไปด้วยเสียงร้องเจ็บปวด เมื่อร่างแตะลงถึงพื้นก็ยืนมั่นคง ร่างกายและเท้าราวกับแม่เหล็กดูดติดกับพื้นโดยไม่ล้มลง ทว่าใบหน้ายังคงมีรอยแสงแดงที่ยังไม่จางลง

“‘เงามายาพันร่าง’ นั้นไม่อาจคาดเดา ทั้งยังยากต่อการปัดป้อง แต่พลังของเจ้าอ่อนด้อยกว่าข้า ทั้งยามที่ใช้ร่างเงาพลังยังถูกแบ่งออก แต่วิชาเพลิงวิญญาณแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือ ไม่เพียงสามารถใช้ออกได้ทั้งสองมือ หากยังสามารถใช้ออกได้ทั่วร่าง กล่าวได้ว่าเป็นดาวข่มของ ‘เงามายาพันร่าง’ กลพิศดารเหล่านี้ล้วนไร้ความหมายใดๆ หากจะก้าวข้ามผู้ชรา เจ้าต้องมีทั้งพลังและความเร็ว” เหยียนเจิ้งเอามือไพล่หลังไว้ขณะกล่าว ราวกับอาวุโสที่กำลังชี้แนะรุ่นเยาว์

หวู่ซานซื่อหอบหายใจหนัก แรงกระแทกเมื่อครู่ทำให้อวัยวะภายในบาดเจ็บ ไม่ต้องฟังคำอธิบายของเหยียนเจิ้ง เขาก็ทราบถึงเหตุผลเรื่องนี้ดี เหยียนเจิ้งอาศัยจังหวะที่เขากำลังสร้างร่างเงาลอบรวมพลังไว้ เมื่อหมัดของเขาทุบตรงอกอย่างหนักหน่วง เหยียนเจิ้งก็ปล่อยพลังสะท้อนออกมา.... อย่างที่เหยียนเจิ้งพูด วิชาเพลิงวิญญาณไม่เพียงสามารถใช้ออกได้ทั้งสองมือ แต่ทุกส่วนของร่างยังสามารถใช้ได้อย่างอิสระ

หวู่ซานซื่อแค่นเสียงเย็น ปรับลมหายใจเล็กน้อย จากนั้นพุ่งตรงเข้าไปทันที คราวนี้เขาไม่ได้ใช้เงามายาพันร่าง แต่ตรงเข้าใส่โดยไร้เงาลวง

หวู่ซานซื่อมิใช่คนที่อ่อนแอ เขามีพลังขอบเขตสวรรค์ชั้นต้น ทว่าระหว่างเหยียนเจิ้งนั่นมิใช่ช่องว่างเล็กน้อย ทักษะเงาลวงโดดเด่นด้านการลอบสังหาร แต่มันเสียเปรียบในการสู้ซึ่งหน้า นอกจากนั้น ตอนนี้เขายังบาดเจ็บภายในค่อนข้างมาก หลังจากประมือกันอีกกว่าสิบกระบวนท่า เขาก็เริ่มมีอาการให้เห็นว่าพลังลดลง แม้การเคลื่อนไหวยังเบานุ่มไร้ที่เปรียบ แต่ก็ถูกเหยียนเจิ้งอัดพลังรอบร่างป้องกันไว้ นั่นทำให้เขาเสียเปรียบอย่างมาก ในที่สุดหวู่ซานซื่อก็ถอนหายใจ หลบเลี่ยงการปะทะแล้วถอยออกมา เขาถอนหายใจอีกครั้งและกล่าว “ในเมื่อไม่อาจเทียบพลังฝีมือ สู้ต่อไปก็มีแต่พ่ายแพ้เท่านั้น”

เหยียนเจิ้งเก็บมือทั้งสองข้างกลับ เขากล่าวอย่างเย็นชา “มีคำกล่าวในโลกของยุทธเวทย์ ว่าความเร็วนั้นคือทุกสิ่ง หากในความเห็นของผู้ชราล้วนเป็นเรื่องน่าหัวร่อ พลังต่างหากที่คือทุกสิ่ง ความเร็วก็แค่ของแสดงเล่น ไม่อาจใช้ประโยชน์ได้ในโลกความจริง หากวันนี้เจ้ามีพลังเทียบเท่าผู้ชรา เจ้าคงมีโอกาสเอาชนะผู้ชราลงได้”

หวู่ซานซื่อเมื่อได้ยินก็ขมวดคิ้วกล่าว “ท่านกล่าวผิดแล้ว ที่ข้าไม่อาจเทียบท่านได้ ต้องโทษที่ข้าอ่อนด้อยการฝึกฝน ข้าไม่เห็นด้วยว่าความเร็วจะอ่อนด้อยกว่าพลัง....”

ฟู่ว.....

เสียงลมผ่านพัดในฉับพลัน มีร่างบางยืนอยู่เบื้องหน้าของหวู่ซานซื่อ ความตกตะลึงวาบผ่านบนใบหน้า หัวใจสั่นสะท้านไม่รู้ตัว คนผู้นี้....กลับมีความเร็วยิ่งยวด

ใบหน้าผอมบางและนิ่งแข็ง แววตาไร้อารมณ์ ร่างกายไม่สูงหรือต่ำ คนผู้นี้คือเล่งหยาที่พลันทะยานร่างออกมา ในมือถือกระบี่คร่าสายลมที่ไม่ทราบนำออกมาตอนไหน เขาชี้กระบี่ไปที่เหยียนเจิ้ง

เล่งหยาที่ปรากฎตัวฉับพลันดึงดูดความสนใจของผู้คน สายตาหลากอารมณ์มองมายังบุรุษที่อายุเพียงแค่ราว 20 ปี ชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเหยียนเจิ้งกลับแผ่ความกดดันและจิตสังหารที่รุนแรง ชายหนุ่มผู้นี้เดิมทีไม่มีใครสนใจ ทว่าตอนนี้ กลิ่นอายที่พวยพุ่งออกมาทำให้เหล่ายอดฝีมือชั้นสูงแห่งทวีปเทียนเฉินไม่อาจสงบใจได้

เหยียนเจิ้งเหลือบมองอย่างระวัง จากนั้นสายตาตกลงบนกระบี่คร่าสายลม ในใจหวนนึกถึงความทรงจำ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพยักหน้ากล่าว “คิดไม่ถึงเลยว่า ผู้ชราจะได้พบเห็นเร็วเพียงนี้ สุดยอดพรสวรรค์ที่จะหยันโลกหล้าในวันหน้า ข้ามาในครั้งนี้นับว่าไม่เสียเที่ยวจริงๆ”

หัวหน้าฝ่ายศิษย์อาวุโสแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือ ถึงกับออกปากยกย่องเป็นอย่างสูง หากไม่มีผู้ใดที่คิดว่าเกินเลย เพราะเพียงกลิ่นอายที่แผ่พุ่งออกมา ก็เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มอายุราว 20 ปีผู้นี้มีพลังระดับขอบเขตสวรรค์!

สามารถบรรลุขอบเขตสวรรค์ได้ด้วยวัยนี้ หลายสิบปีผ่านไป เขาย่อมกลายเป็นตำนานที่เคลื่อนวายุและหมู่เมฆ ในรอบร้อยปีที่ผ่านมา ผู้ที่ก้าวสู่ขอบเขตสวรรค์ในวัย 20 ปี เท่าที่รู้จักมีเพียงหนึ่งคน....คือเทพสงครามฟงเฉาหยาง

การปรากฎตัวของชายหนุ่มผู้นี้ ล้วนสร้างความตกใจแก่ผู้คน จิตสังหารเย็นเยียบที่ชายผู้นี้ปลดปล่อยออกมา เห็นได้ชัดว่าถูกลิขิตให้เป็นดาววิบัติ พวกเขาคล้ายมองเห็นวันที่ทวีปเทียนเฉินจะต้องสั่นสะเทือน และวันนั้นยังใกล้เข้ามาถึงเพียงเอื้อมมือ

ฉู่จิงเทียนกำลังจะเผลอตะโกนออกไป หากทันใดชายเสื้อก็ถูกดึงไว้โดยเหยียนต้วนชางที่กล่าวเสียงต่ำ “อย่ารบกวนเขา”

ฉู่จิงเทียนต้องหยุดเสียงที่เกือบหลุดออกจากปาก สีหน้าตื่นเต้นและคาดหวัง ความกังวลยังมีอยู่ไม่น้อย เขากับเล่งหยาฝึกฝนร่วมกันเป็นเวลาสามปี เผชิญหน้ากันทุกวัน ทราบทุกสิ่งของอีกฝ่าย วันนี้เล่งหยาบรรลุขอบเขตสวรรค์ได้เพียงไม่ถึงหนึ่งเดือน เขาจะมีโอกาสเอาชนะเหยียนเจิ้งซึ่งหน้าจริงๆหรือ?

“น้องชาย โปรดระวังตัว” หลังจากหวู่ซานซื่อมองดูเล็กน้อย ก็จำได้ว่าเป็นเล่งหยา เขากล่าวเสียงเบาแล้วหันกายจากออกมา วันนี้เขามองผิดพลาดไป เขาอดไม่ได้และหันไปทางกลุ่มหนุ่มสาวที่มากับเล่งหยา.... หากทุกคนเป็นเช่นเดียวกับชายหนุ่มคนนี้.... ก็เป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงเหลือเชื่อ

“เจ้าคงเรียกว่าเล่งหยา? ไม่ต้องแปลกใจ สามปีก่อนเจ้าใช้กระบี่คร่าสายลมของเทพสงครามฟงเฉาหยางในอาณาจักรเทียนหลง ทำให้พวกเราสนใจในตัวใจไม่น้อย หลังจากนั้น พวกเราบังเอิญทราบมาว่าเจ้าคือบุตรแห่งเทพสงคราม.... แค่เวลาเพียงสามปีเจ้ากลับเติบโตได้ถึงเพียงนี้.... สายเลือดแห่งเทพสงคราม ช่างน่าประทับใจนัก แม้ว่าบิดาของเจ้าจะตายไปแล้ว แต่เมื่อมีเจ้าก็ถือว่ายังไม่ไร้ผู้สืบทอด นับได้ว่า เขาตายไปโดยไม่มีสิ่งใดให้เสียใจแล้ว” เหยียนเจิ้งกล่าวพลางถอนหายใจ

บรรยากาศเข้มข้นขึ้นอีกครั้ง ราวกับบทที่วางไว้อย่างดี หลังจากบุตรแห่งเทพมายา ตอนนี้เป็นบุตรแห่งเทพสงครามที่ปรากฎตัวต่อหน้าเหยียนเจิ้ง ดึงดูดความสนใจของทุกผู้คน บางคนไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าเทพสงครามฟงเฉาหยางมีบุตรชาย แต่จากคำกล่าวของเหยียนเจิ้งย่อมไม่ใช่เรื่องหลอกลวง วันนี้พวกเขาได้รับข่าวสำคัญโดยไม่ได้ตั้งใจ

บุตรแห่งเทพสงคราม ไม่แปลกใจเลยที่เขามีกลิ่นอายถึงเพียงนี้! ผู้คนเริ่มอยากเห็นฝีมือของเขา

แม้เหยียนเจิ้งจะกล่าวถึงสถานะตนเอง แต่เล่งหยาก็ยังคงเงียบงัน จิตสัมผัสติดตรึงที่ร่างเหยียนเจิ้งอย่างเงียบเชียบ เตรียมพร้อมกับการจู่โจม

“การโจมตีและป้องกันของเทพสงครามอยู่ในระดับสูงสุด ส่วนเจ้ากลับอาศัยแต่เพียงความเร็ว ดูเหมือนที่เจ้าออกมาคงเพราะขัดใจกับคำพูดของข้าเมื่อครู่ เช่นนั้นจงใช้พลังของเจ้าพิสูจน์ออกมา” เบื้องหน้าของเล่งหยา เหยียนเจิ้งไม่พูดมากความ สองมือเคลื่อนแสงสีแดง ใบหน้าแสดงความภาคภูมิเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม ในใจเขาไม่อาจระงับความรู้สึกได้ ตอนนี้เล่งหยายังมีพลังอ่อนด้อย แต่กลับแผ่ความน่ากลัวถึงเพียงนี้ แล้วหากวันหน้าเขาเติบโตขึ้น....

เปรี๊ยะ~~

เสียงราวกับแผ่นไม้หักออกเมื่อถูกมีดทื่อฟันใส่ ร่างของเล่งหยาแหวกอากาศประดุจวายุคลั่ง และผู้ใดจะเชื่อว่านี่คือเสียงของกระบี่คร่าสายลมที่ตัดผ่านอากาศ

ด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าของเล่งหยา ยอดฝีมือส่วนใหญ่ต่างขมวดคิ้วไม่รู้ตัว พวกเขาขบคิดถึงวิธีหลบเลี่ยงและป้องกัน การโจมตีของเล่งหยาเหมือนศรธนูที่ถูกโก่งจนสุดคัน ไร้ขั้นตอนในการเร่งความเร็ว มันระเบิดออกพริบตาอย่างน่าหวาดหวั่น ผู้คนอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว ไม่ต้องกล่าวถึงพลังด้านอื่นของชายผู้นี้ หากเขาซ่อนอยู่ในเงามืดแล้วลอบโจมตี โลกนี้จะมีสักกี่คนที่หลุดรอดการโจมตีของเขาได้?

แล้วหลังจากนี้ 10 ปี หรือ 20 ปี จะเหลือสักกี่คนที่หลบการโจมตีของเขาได้!?

เปรี้ยง....

เหยียนเจิ้งใช้มือสองข้างคว้าจับราวกับคีมเหล็ก ยึดมือของเล่งหยาไว้ตรงระดับอก กระบี่คร่าสายลมเจาะผ่านเสื้อสัมผัสถูกผิวหนัง หากมันเคลื่อนเข้ามาอีกเพียงเล็กน้อย คงทำให้เขาได้เห็นเลือด

ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายสิบปี เมื่อสัมผัสถึงอันตรายจึงตอบสนองโดยสัญชาตญาณ มือสองข้างขยับเคลื่อนราวสายฟ้า กุมจับมือของเล่งหยาหยุดการโจมตีไว้ได้ ทว่าหัวใจเต้นรัวเร็วไม่อาจผ่อนคลาย หวาดกลัวอยู่ในจิตใต้สำนึก

“รวดเร็วยิ่งนัก!” เหยียนกงลั่วกระซิบเบาอย่างอดไม่ได้

“ถูกต้อง กระทั่งปู่ของข้ายังบอกว่าพรสวรรค์ด้าน ‘ความเร็ว’ ของเขานั้นยากจะหาผู้ใดเปรียบ” ฉู่จิงเทียนพยักหน้าตอบ แต่ในใจยังคงกดดัน เนื่องจากฉู่ชางหมิงเคยกล่าวไว้ว่า พรสวรรค์ของเล่งหยาจะทำให้เขากลายเป็นเทพปีศาจในความมืด เป็นฝันร้ายของคนนับไม่ถ้วน แต่เขาไม่เหมาะกับการเปรียบพลังซึ่งหน้า.... และตอนนี้ มือขวาที่ถือกระบี่คร่าสายลมถูกเหยียนเจิ้งยึดกุมไว้มั่นในฝ่ามือ สำหรับเล่งหยาแล้ว นี่ถือเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่ง

“ความเร็วของเจ้าน่าอัศจรรย์โดยแท้ ทว่า.... หากไร้พลัง เมื่อถูกยึดตรึงไว้เจ้าก็หมดสิ้นความอันตราย!” เหยียนเจิ้งกล่าวพร้อมบีบมือแน่นขึ้น กล้ามเนื้อบนใบหน้าเล่งหยาเริ่มบิดเบี้ยวเล็กน้อย เขาเกร็งพลังทั้งหมดไปที่แขนขวา ทว่ายังไม่อาจหลุดออกจากมือของเหยียนเจิ้งได้ ตรงกันข้าม เขากลับถูกบีบแน่นขึ้น.... เล่งหยาไม่คิดที่จะใช้มือซ้าย เพราะนั่นจะทำให้พลังกระจายออกไป และยิ่งทำให้เขาไม่อาจดิ้นหลุดออกมาได้

เล่งหยาเหมือนกระบี่ที่คมกล้า ยามโจมตีสามารถเชือดลำคอศัตรูให้ตกตายโดยไม่รู้ตัว แต่หากด้ามกระบี่ถูกกุมจับโดยคนอื่น เขาย่อมไม่อาจหลบหนีและถูกสังหาร เขาไม่ได้มีพลังแกร่งกล้า เมื่ออยู่ต่อหน้าเหยียนเจิ้งผู้บรรลุพลังขอบเขตสวรรค์ชั้นกลาง จึงยากยิ่งที่จะเป็นคู่มือ



<<<PREV    .    NEXT>>>