วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 275

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 275 องครักษ์กับกลุ่มโจร

หลินเสี่ยวขมวดคิ้วหันศีรษะกลับมา พบว่ากลุ่มโจรถืออาวุธนานาชนิดพุ่งเข้ามาหมายหวดฟาด หลินเสี่ยวบังเกิดโทสะ แค่นเสียงเย็น ตวัดแส้ม้าฟาดเข้าใส่ เกิดเสียงร้องโหยหวนสองสายขึ้นทันใด สองโจรที่อยู่ด้านหน้ากระเด็นออกไป แต่ในกลุ่มโจรยังมีคนมาก พวกมันตีวงล้อมม้าของหลินเสี่ยวไว้ทำให้ไร้ทางหนี

หลายวันมานี้หลินเสี่ยวเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ด้วยระดับพลังยุทธ ทำให้การรับมือกับโจรกลุ่มนี้ไม่ถือว่ายากนัก จะมีอย่างน้อยหนึ่งคนปลิวไปทุกครั้งที่ตวัดมือ โชคดีที่เขาไม่ได้ลงมือเต็มที่ แม้ว่าพวกมันถูกหวดฟาดอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีผู้ใดบาดเจ็บถึงชีวิต ใช้เวลาไม่นานนักกลุ่มโจร 50-60 ชีวิตก็ล้มร่วงไปกว่าครึ่ง ร้องครางหาบิดามารดาด้วยความเจ็บปวด ชายที่ดูน่ากลัวตัวสูงใหญ่ถอยหลังไปสองสามก้าว ตะโกนกล่าวเสียงสั่น “เร็ว....รีบไปเรียกหัวหน้ามาเร็วเข้า”

“เรียกข้าทำไม?” ยังไม่ทันสิ้นเสียง ชายกลางคนที่ตัวสูงใหญ่ยิ่งกว่าก็ปรากฎตัวอยู่หลังเขา มันกล่าวด้วยเสียงเยียบเย็น

ชายที่เรียกคล้ายหวาดกลัวและรีบก้มศีรษะลง “หัวหน้า ท่านมาถึงเมื่อไหร่ขอรับ หัวหน้าคิดถูกจริงๆที่มา พวกเราพบแกะตัวอ้วน  ท่านดูนี่สิขอรับ.... ตั๋วเงินหกพันตำลึง มากกว่าที่พวกเราปล้นได้ทุกครั้งรวมกันเสียอีก แต่เจ้าแกะอ้วนตัวนี้ค่อนข้างดื้อด้าน ท่านดู....”

“หุบปากซะ บิดามีตามองเองได้” ชายกลางคนมองหลินเสี่ยวหวดฟาดกลุ่มโจรร่วงลงไปทีละคน ริมฝีปากมันบิดเป็นรอยยิ้มประหลาด

เสียงฟาดดังขึ้นอีกสาย พร้อมสองโจรที่กระเด็นออกมา มีรอยเลือดเป็นทางยาวอยู่บนอก ร่วงตกพื้นพร้อมเสียงโหยหวน โจรที่เหลือไม่กี่หลายคนเริ่มหวาดกลัวไม่กล้าเข้าใกล้ เมื่อเห็นหัวหน้าของตัวเองมาถึง พวกมันก็ถอยไปอยู่ข้างหลัง “หัวหน้ากล้าหาญ หัวหน้าเก่งกาจ หัวหน้าไร้เทียมทาน.... หัวหน้า คนผู้นี้พวกเรายกให้ท่าน”

“เจ้าพวกสวะ ข้าจะจัดการเจ้าตัวจ้อยนี่อยู่แล้ว ไม่ต้องให้พวกเจ้ามาปอปั้น” ชายกลางคนม้วนแขนเสื้อขณะเดินตรงเข้าหาหลินเสี่ยว “บิดาจะสั่งสอนเจ้าเอง!”

หลินเสี่ยวแค่นเสียงขุ่น ไม่สนใจมันอีก เขาหวดแส้ม้าให้วิ่งออกไป ชายกลางคนสายตาระยับ ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว  “คิดหนีเหรอ? เจ้าถามปู่ผู้นี้รึยัง?”

หลินเสี่ยวไม่คิดฝันว่าจะได้ยินเสียงลมพุ่งมาจากเบื้องหลัง เขาหันศีรษะอย่างตระหนก และพบว่าชายกลางคนกำลังพุ่งเข้ามาใกล้ ความเร็วของเขาเหนือล้ำกว่าม้ามาก หลินเสี่ยวรีบหวดแส้ไปที่ไหล่มัน ทว่ามีเสียง ‘เพี๊ยะ’ ดังขึ้นเท่านั้น ชายกลางคนถูกฟาดอย่างหนักหน่วง ผ้าตรงไหล่ขาดออก หากร่างของมันไม่ได้ปลิวไป ไม่มีแม้อาการชะงัก ผิวที่เผยออกมาเห็นได้ชัดว่าไร้รอยบาดเจ็บแม้แต่น้อย

หลินเสี่ยวตกตะลึง ชายกลางคนคำรามก้อง “มารดาเอ๊ย กล้าฉีกชุดของบิดาผู้นี้ จงตกลงไปซะ!!”

เกิดสายลมพัดแรงราวกับพายุ หลินเสี่ยวไม่อาจต้านรับมันได้ เขาถูกพัดปลิวตกจากหลังม้า ร่างเกลือกกลิ้งไปบนพื้นหลายตลบกว่าจะหยุดทรงกาย ชายกลางคนปราดเข้าถึงตัว ส่งหมัดเข้าใส่อกดังปัง หลินเสี่ยวหัวใจกระตุกวูบ ตวัดแส้ม้าเข้าพันแขนมัน ชายกลางคนแค่นเสียงเย็นสะบัดแขนออก แส้ม้าขาดเป็นชิ้นๆ  มือขวาของหลินเสี่ยวเจ็บร้าวขณะที่แส้กระชากออกจากมือ เขาค่อยๆกระอักโลหิตออกมา

คนผู้นี้แข็งแกร่งยิ่ง! หลินเสี่ยวหัวใจสะท้าน ด้วยพลังเพียงนี้ เหตุใดจึงกลายเป็นโจรได้!

ชายกลางคนคว้าปกเสื้อและขว้างเขากลับไป เพียงชั่วเวลาสั้นๆนี้เอง หลินเสี่ยวพลันรู้สึกว่าร่างกายตนเองมีกระแสลมประหลาดแผ่ห่อหุ้ม ทำให้ร่างกายอ่อนแรงและไม่อาจเคลื่อนพลังได้อีก

“หัวหน้ากล้าหาญ หัวหน้าเก่งกาจ หัวหน้าไร้เทียมทาน.... หัวหน้ากล้าหาญ หัวหน้าเก่งกาจ หัวหน้าไร้เทียมทาน....” กลุ่มโจรพากันร้องดีอกดีใจ เสียงร้องผสมปนกันค่อนข้างประหลาด มีเสียงโหยหวนเจ็บปวดที่ยังไม่จางลง ชายกลางคนเดินเข้ามาและกล่าวเสียงขรึม “เฮอะ เรื่องแค่นี้ยังต้องให้ถึงมือบิดา แมงป่องสอง เจ้าค้นตัวมัน ดูซิว่ายังเหลืออะไรดีๆซ่อนอยู่อีก เจ้าทึ่มสาม เจ้ามัดมันไว้ หากเจ้ากล้าขโมยสิ่งใดละก็ ระวังบิดาจะหักมือเจ้า”

“มิกล้าขอรับ มิกล้าแน่นอน”

ชายกลางคนหันมายิ้มฮี่ๆกล่าว “ไอ้หนู ของขวัญนี้พวกเราขอรับไว้ ตกอยู่ในมือพวกเรานับว่าเจ้าโชคดีแล้ว หลังจากนี้ เจ้าอยู่กับบิดารับรองว่าเจ้าดังแน่ ดังแน่ๆ”

หลินเสี่ยวหลังตกใจในทีแรก ตอนนี้ได้คืนความสงบกลับ เขาถาม “ผู้อาวุโส ด้วยความสามารถของท่าน แน่นอนว่าต้องมีชื่อเสียงเหนือผืนทวีป เหตุใดท่านต้องลดตัวเองมาเป็นโจรเช่นนี้?”

ชายกลางคนกระพริบตาปริบ “ดูเหมือนเจ้าจะหูตาคับแคบ บริเวณโดยรอบหลายสิบลี้นี้ มีใครบ้างไม่รู้จักข้าเถี่ยต้วนจื่อ? ข้าชอบเป็นโจรภูเขา ชอบความสุขเสรี แม้แต่หมูหมาในเมืองหรือจักรพรรดิก็ไม่มีความสุขเท่าบิดาผู้นี้”

หลินเสี่ยวขมวดคิ้วแน่น เริ่มตระหนักว่าไม่อาจใช้เหตุผลกับคนพวกนี้ เขาลดเสียงลงและกล่าว “ผู้อาวุโส....”

“คำก็อาวุโส สองคำก็อาวุโส บิดาผู้นี้แก่มากนักหรือไง?”

“พวกเราไม่มีเรื่องบาดหมางต่อกัน ในเมื่อท่านได้สิ่งที่ต้องการไปแล้ว เหตุใดถึงยังบังคับข้าเช่นนี้”

“โอ้?” ชายกลางคนส่งเสียงทำให้หลินเสี่ยวงุนงง แววตามีเลสนัยขณะยิ้มกล่าว “เจ้าหนุ่ม เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเราไม่มีเรื่องบาดหมางต่อกัน”

จากนั้นมันยืนขึ้นและตะโกนกล่าว “พวกเจ้า ไปนำหม้อกับกระทะมา ลากวัวที่ปล้นได้เมื่อวานมาด้วย แล้วก็ม้าของเจ้าเด็กนี่อีกตัว วันนี้พวกเราจะกินมื้อใหญ่กัน หลังจากผ่านวันนี้ไป พวกเราไม่ต้องเป็นโจรอีกแล้ว เราจะมีอาหารกินกันอิ่มหนำ แล้วข้าจะพาพวกเจ้าไปทำเรื่องยิ่งใหญ่กว่านี้!”

“เฮ!!”

หัวหน้าผู้นี้เป็นที่นับถือไม่น้อย กลุ่มโจรเล็กๆตะโกนร้องราวกับนกและฝูงสัตว์ เพียงไม่นานหม้อชามก็ถูกขนออกมา มีทั้งแบกไม้เชื้อเพลิง ไม่นานนักบนท้องถนนกลับมีหม้อไฟตั้งอยู่ พวกเขาฆ่าวัวและม้า หลินเสี่ยวอับอายหาที่เปรียบมิได้ ถอนหายใจกับโชคชะตาของตน ถอนหายใจกับนิสัยอันประหลาดของคนกลุ่มนี้

ผ่านไปนาน เนื้อเริ่มส่งกลิ่นหอมเตะจมูก กลุ่มโจร 50-60 คนเริ่มมาล้อมหม้อไฟ พากันกิน ‘อาหารทิ้งทวน’ บางครั้งมีคนเดินทางผ่านไปมา พวกเขาต่างมองด้วยความแปลกใจ ทว่ากลุ่มโจรพวกนี้ก็มิได้เหลือบแลแม้หางตา ไม่ว่าจะมีคนเดินทางผ่านไปกี่คน เนื่องจากหัวหน้าบอกไว้แล้วว่าหลังจากนี้พวกเขาไม่ต้องเป็นโจรอีก

หลินเสี่ยวถูกปล่อยให้อยู่คนเดียว ไม่มีใครเรียกเขา ดูเหมือนพวกมันจะลืมเขาแล้ว ทว่าร่างของเขาถูกพลังประหลาดสกัดกั้นพลังเอาไว้ ทำให้ไร้พลังแม้จะหยัดยืนขึ้น ถึงตอนนี้แม้พวกมันจะกินกันมานานกว่าหนึ่งชั่วโมง แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ตอนนี้เวลายิ่งผ่านหลินเสี่ยวยิ่งกระสับกระส่าย

เวลานี้เอง ทางทิศใต้มีเสียงเกือกม้าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ดูเหมือนจะเป็นกลุ่มคนจำนวนมากที่ใกล้เข้ามา พวกโจรตื่นตระหนกทันที ชายกลางคนที่ชื่อ ‘เถี่ยต้วนจื่อ’  โยนกระดูกออกจากมือแล้วรีบกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ข้างถนนเพื่อมองสำรวจ จากนั้นมันตะโกนร้องเสียงหลงออกมา “ไม่ดีแล้ว เจ้าหน้าที่ทางการกำลังมาทางนี้....วิ่งหนีเร็วโว้ย!!”

เห็นได้ชัดว่าได้ยินเสียงเกือกม้าช้าเกินไป เพียงสิ้นเสียงของชายกลางคน องครักษ์กลุ่มใหญ่ที่ควบม้ามาก็ปรากฎให้เห็น เพียงไม่ถึงร้อยเมตรห่างจากพวกมัน เมื่อพวกมันเห็นกลุ่มองครักษ์ อีกฝ่ายก็เห็นพวกมันเช่นกัน

กลุ่มโจรวิ่งหนีรังแตก ถ้วยชามหกกระจายเกลื่อน ไม่มีใครกล้าอยู่กับที่ ชายกลางคนที่เรียกว่าหัวหน้าวิ่งเร็วจี๋กว่าใครเพื่อน ทันทีที่พวกมันแตกกระจายกันไป ตอนนี้ก็เหลือหลินเสี่ยวเพียงผู้เดียว ดูเด่นสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อหลินเสี่ยวเห็นชุดของกลุ่มคนพวกนั้น หัวใจเขาดิ่งวูบและรู้ว่าจะมีชะตากรรมเช่นใด

“หัวหน้า ตั๋วเงิน ตั๋วเงิน!”

“ตั๋วเงินน้องสาวเจ้าสิ ชีวิตเจ้ากับตั๋วเงินอะไรสำคัญกว่ากันวะ!!” ชายกลางคนตะโกนออก แม้ปากจะพูดเช่นนั้น แต่ร่างของเขาถลาพุ่งกลับมาด้วยความเร็วสูงสุด เมื่อมาถึงห่อสัมภาระ ก็ล้วงจับตั๋วเงินไว้เต็มมือ เวลานี้ องครักษ์มาถึงห่างออกไปไม่ถึงสิบเมตรแล้ว เขาวิ่งกลับไปอย่างบ้าคลั่งพร้อมตะโกน “พวกเจ้าโว้ย ข้าได้ตั๋วเงินแล้ว กลับไปที่รังเก่าของพวกเรา ข้าจะแบ่งให้พวกเจ้าทุกคน....”

เมื่อชายกลางคนจากไป หลินเสี่ยวก็พลันรู้สึกว่าพลังในร่างฟื้นคืนมา เขาลุกขึ้นทันที เวลานี้องครักษ์ได้มาถึงเบื้องหน้าเขาแล้ว และผู้ที่นำหน้ามากลับเป็นหัวหน้าองครักษ์หวู่ชาง!

เมื่อคำนึงถึงพลังยุทธของหลินเสี่ยวที่ไม่ธรรมดา กองกำลังทั่วไปย่อมไม่อาจรับมือกับเขาได้ ภายใต้ความโกรธของหลงหยิน เขาจึงให้หวู่ชางนำคนมาจับหลินเสี่ยวด้วยตัวเอง และต้องจับกลับไปแบบเป็นๆเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าเป็นหวู่ชาง หัวใจหลินเสี่ยวก็ตกไปอยู่ตาตุ่ม หากเป็นองครักษ์ธรรมดา ต่อให้มาเป็นร้อยเขาก็ไม่หวั่นเกรง แต่นี่คือหัวหน้าองครักษ์หวู่ชาง คนที่เขาไม่ต้องการเผชิญหน้าด้วย

หวู่ชางคร้านจะใส่ใจกับกลุ่มโจรที่หนีไปอย่างบ้าคลั่ง ตรงกันข้าม เขารู้สึกขอบคุณพวกมัน จากสถานการณ์ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าหลินเสี่ยวถูกโจรพวกนั้นจับไว้ ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรเขาไม่สนใจ เขาหยุดอยู่ตรงหน้าหลินเสี่ยวและกล่าว “หลินเสี่ยว เจ้าหนีมาที่นี่จริงๆ! แต่เจ้าไม่มีทางหนีไม่พ้นหรอก อย่าขัดขืนแล้วกลับไปรับผิดกับข้าซะดีๆ!”

หลินเสี่ยวถอยไปก้าวหนึ่ง ทั้งสีหน้าและถ้อยคำล้วนผิดหวัง “ท่านหวู่ชาง พวกเรารู้จักกันมาหลายปีนัก เคยแลกเปลี่ยนชี้แนะกันมาหลายครั้ง ข้าหลินเสี่ยวเป็นคนมีนิสัยอย่างไร ท่านไม่รู้จริงๆหรือ?”

หวู่ชางแค่นเสียงเย็น “ข้ารู้จักแต่หลินเสี่ยวที่ทำเรื่องอื้อฉาว ฝ่าบาทเห็นแก่หน้าเจ้าจึงไม่แพร่งพรายเรื่องต่อภายนอก แต่เจ้ากลับกลัวถูกลงโทษและแหกคุกออกมา ตอนนี้ทั่วราชวังล้วนรู้กันทั่ว ในเมืองเล่าลือกันทุกสารทิศ ทำให้ฝ่าบาทเสียพระพักตร์ครั้งใหญ่ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นเพราะเจ้า หากเจ้ายังมีสำนึกอยู่ เหตุใดถึงยังทำเรื่องร้ายแรงเช่นนี้! รีบกลับไปพร้อมกับข้า ข้ายังอาจขอความเมตตาช่วยเจ้าได้”

หลินเสี่ยวขบฟันแน่น กล่าวออกมาอย่างกล้าหาญ “ตอนนี้ ข้าไม่เหลือทางเลือกอีกแล้ว ข้าไม่อาจอยู่แค่เพื่อชีวิตตัวเอง แต่ยังต้องอยู่เพื่อสืบทอดตระกูลหลิน ข้าไม่อาจกลับไปได้!”



<<<PREV    .    NEXT>>>