วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 276

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 276 ความตายของหลินเสี่ยว

.....

“เฮอะ คิดหนีไปจากที่นี่ ผ่านข้าให้ได้ก่อน! รับมือ!” หวู่ชางคำรามต่ำ ทิ้งกระบี่ออกจากมือ เหวี่ยงหมัดตรงใส่ไหล่ของหลินเสี่ยว

หลินเสี่ยวไม่กล้ารับโดยตรง เขาถอยหลังร่นหลายก้าว สายตาขยับไหว จากนั้นคำรามร้อง ใช้สองฝ่ามือซัดใส่หวู่ชาง หวู่ชางแค่นเสียงต่อยสองหมัดออกไป สองหมัดตรงปะทะกับสองฝ่ามือ หวู่ชางถอยไปหนึ่งก้าว ทันใดนั้นพบว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง หลินเสี่ยวกลับยืมพลังส่งร่างไปอีกทาง กระโดดขึ้นม้าที่หวู่ชางพึ่งขี่มาเมื่อครู่

ทันใดนั้น มีลูกธนูพุ่งออกมาจากกลุ่มองครักษ์ ลิ่วตรงใส่หลังของหลินเสี่ยว หลินเสี่ยวพึ่งใช้พลังออกไป จึงยังไม่ทันฟื้นคืน ทั้งเขาไม่ทันระวังหลัง ลูกธนูจึงพุ่งปักทะลุร่างของเขาไป หวู่ชางได้ยินเพียงเสียงปักขณะลูกธนูตัดหัวใจของหลินเสี่ยว ด้วยความรีบร้อน หวู่ชางจึงไม่ทันดูว่าลูกธนูพุ่งมาจากทางไหน

หลินเสี่ยวตกลงจากหลังม้าทันที ดวงตาเบิกกว้างแตกตื่น เพียงชั่วขณะสั้นๆหลังจากล้มลง ลมหายใจก็ดับสิ้น

หวู่ชางตื่นตระหนก ตรงเข้ามาตรวจลมหายใจอย่างเร่งรีบ หัวใจสั่นสะท้านทันใด เขาตะโกนลั่น “ผู้ใดเป็นคนยิงธนู!!”

สายตาจ้องไปทางเบื้องหลังของกลุ่มองครักษ์ ที่นั่นมีมือธนูทองอยู่ 20 คน พวกเขาหันซ้ายมองขวา ต่างสั่นศีรษะว่าไม่ใช่ตน แน่นอนความผิดพลาดใหญ่หลวงเช่นนี้ ใครจะบ้ายอมรับว่าเป็นตน จักรพรรดิประกาศว่าต้องจับเป็นชัดเจนถึงเพียงนั้น!

หวู่ชางปราดตามองมือธนูทั้ง 20 คน จากนั้นมองร่างของหลินเสี่ยวที่มีลูกธนูขององครักษ์ปักอยู่ เขาเอ่ยเสียงต่ำ “นำร่างของเขากลับไปที่เมืองทันที ข้าจะสอบสวนเรื่องนี้ทั้งหมดอีกครั้ง ฮึ่ม!”

“หัวหน้า มีห่อสัมภาระอยู่ตรงนั้นด้วย”

“ไปเอามา!”

“ขอรับ”

ขณะมองห่อสัมภาระของหลินเสี่ยว ในที่สุดก็เห็นจดหมายที่ยังไม่ถูกเปิด เขาครุ่นคิดเล็กน้อยและกล่าว “กลับไปที่เมือง!”

เหล่าองครักษ์ที่ทำงานลุล่วงเริ่มเดินทางกลับ หลังจากที่ห่างออกไปไกล ชายกลางคนที่วิ่งหนีไปเมื่อครู่กลับปรากฎตัวขึ้น เขายืนอยู่บนเนินสูง ยิ้มเยาะมองพวกเขาที่ไกลออกไป เขาแค่นเสียงกล่าว “ขวัญกล้าจะแต่งกับสตรีของจอมราชัน ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”

ในมือของเขา มีธนูไม้คันยาวที่ไม่ทราบว่านำมาจากที่ใด

..............

..............

ตระกูลเย่

ใต้ท้องฟ้าอันอบอุ่น เย่หวูเฉินเอนร่างอยู่บนรถเข็น หลับตาอาบแดดอย่างสบายใจ มีทงซินคอยคุ้มกันอยู่ใกล้ๆ หนิงเสวี่ยช่วยนวดร่างไม่ให้รัดรึง ผ่านไปครู่หนึ่ง เย่หวูเฉินเปิดเปลือกตาเล็กน้อย เขากล่าวพึมพำ “คำนวณจากเวลา ยามนี้หลินเสี่ยวสมควรตายลงแล้ว นี่คือบุคคลที่สามารถเป็นสหายต่อกัน น่าเสียดายที่เขาเกิดอยู่ผิดที่”

“ที่ยอดเยี่ยมสุดไม่ใช่การฆ่าสุนัขด้วยตัวเอง แต่เป็นได้เห็นเจ้าของกับสองสุนัขกัดกัน ตระกูลหลิน ข้าอยากรู้นักว่าพวกเจ้าจะทนได้อีกสักกี่วัน....” เย่หวูเฉินยกยิ้มมุมปากอย่างเงียบงัน

ควบคุมโลกหล้าเพียงนิ้วเดียว เย่หวูเฉินแม้ไม่ขยับออกจากตระกูล แต่ทั่วเมืองเทียนหลงก็ถูกเขาครอบงำไว้หมดสิ้น

หวู่ชางเข้าไปในห้องหนังสือของหลงหยินอย่างรีบร้อน หากกลับพบว่าในนั้นมีหลงหยิน หลินซาน และหลินขวงอยู่ในสภาพใบหน้าไม่น่ามองนัก หวู่ชางเหลือบมองหลินซานกับหลินขวงอย่างสลดใจ  จากก้าวตรงไปและกล่าว “ถวายบังคมฝ่าบาท”

หลงหยินขมวดคิ้ว “เหตุใดจึงกลับมาเร็วนัก เหตุการณ์เป็นยังไงบ้าง?”

หวู่ชางตอบ “ทูลฝ่าบาท โชคดีที่นายน้อยหลินถูกโจรกลุ่มหนึ่งจับตัวไว้ระหว่างทาง ทำให้บ่าวตามไปพบเขาได้รวดเร็ว”

“พบแล้ว?” หลงหยินหันขวับกลับมาและตะโกนถาม “ตอนนี้มันอยู่ไหน?”

หัวใจของหลินซานและหลินขวงเต้นกระหน่ำ หากพวกเขาเลือกได้จริงๆ พวกเขายอมถูกจักรพรรดิเข้าใจผิด ดีกว่าให้หลินเสี่ยวถูกจับตัวได้แบบนี้ หวู่ชางก้มศีรษะลง กล่าวด้วยความสลดใจ “บ่าวผู้ต่ำต้อยจัดการได้ไม่ดี ขณะที่กำลังจะจับกุมนายน้อยหลิน กลับมีลูกธนูจากคนของกระหม่อม.... พุ่งเข้าปักเขาจนถึงแก่ความตาย บ่าวผู้ต่ำต้อยจึงเพียงนำร่างของเขากลับมาเท่านั้น ขอฝ่าบาทโปรดลงโทษด้วย”

“อะไร....เจ้าว่าอะไร.... เสี่ยวเอ๋อร์.... ตาย? ตายแล้ว?” หลินขวงกับหลินซานเหมือนถูกฟ้าฟาด พุ่งมาอยู่ต่อหน้าหวู่ชางและตะโกนอย่างตระหนก

“ถูกต้อง.... ฝ่าบาทต้องการให้ข้าจับตัวนายน้อยหลินกลับมาเป็นๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่า....” หวู่ชางกล่าวด้วยความละอาย

“เสี่ยวเอ๋อร์....” หลินขวงโหยหวนเสียใจ จากนั้นไม่มีเสียงอีก ทั้งร่างสั่นเทา น้ำตาชราไหลร่วงออกมา ร่างอ่อนจนทรุดยวบลง แม้จะรู้ว่าหลินเสี่ยวไม่อาจหลีกเลี่ยงความตาย แต่เมื่อได้ยินข่าวเศร้ากะทันหัน ความเจ็บปวดก็ยังชำแรกบาดจิต หลินซานเข้ามาประคองร่างเขาอย่างเร่งรีบ กัดฟันกล่าวเสียงสั่นสะท้าน “ใคร....เจ้าบัดซบคนใดที่ยิงธนูสังหารเขา ข้าจะให้มัน....ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ!!”

หลงหยินมองพวกเขาอย่างไร้อารมณ์ แค่นเสียงกล่าว “เขาอาจสมควรตาย.... แต่คิดไม่ถึงว่าจะตายโดยไม่ทันตรวจสอบ เรื่องในวันนี้ ข้าจะไม่ปล่อยไปง่ายๆแน่นอน”

“ฝ่าบาท” หลินขวงน้ำเสียงเศร้าโศก “ความภักดีของบ่าวชราเป็นที่รู้ทั่ว ฟ้าดินเป็นพยานได้ว่าตระกูลหลินบริสุทธิ์ พวกเราไม่เคยคิดร้ายใดๆต่อฝ่าบาท.... ฝ่าบาท เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่ามีคนมุ่งหมายทำร้ายพวกเราตระกูลหลิน!”

หากเขาไม่ได้ยินคำกล่าวของยามเฝ้าก่อนตาย หลงหยินคงไม่แคลงใจต่อตระกูลหลิน ทว่าตอนนี้กลับพบหลินเสี่ยวในทางเหนือจริงๆ ยิ่งยืนยันว่ายามเฝ้าไม่ได้โกหก คำพูดสั้นๆไม่กี่คำวนเวียนอยู่ในหัว ทำให้หลงหยินมองตระกูลหลินในแง่ร้ายในที่สุด แม้เขาไม่อยากคิดก็ต้องคิด

หวู่ชางก้าวออกมาและกล่าว “ฝ่าบาท นี่คือสัมภาระของหลินเสี่ยว เชิญฝ่าบาททอดพระเนตร”

หลงหยินเปิดห่อสัมภาระออก พลิกดูสองสามครั้ง หากยิ่งดูสีหน้ายิ่งทะมึน เพราะไม่ว่าจะเป็นชุดหรือขลุ่ยหยกขาว เห็นได้ชัดว่าเป็นของหลินเสี่ยว ตอนที่หลินเสี่ยวถูกขังอยู่ในคุกใต้ดิน ของเหล่านี้ล้วนอยู่ในตระกูลหลิน ในที่สุดเขาหยิบจดหมายออกมา ปราดมองใบหน้าซับซ้อนของหลินซานและหลินขวง จากนั้นฉีกซองและนำจดหมายในนั้นออกมาทันที

…..เสี่ยวเอ๋อร์ พ่อรู้อยู่เต็มอกว่าเจ้าถูกกลั่นแกล้ง หากกลับไม่อาจช่วยเจ้าได้ พ่อทำได้เพียงใช้เงินจำนวนมากจ้างสองยอดฝีมือให้ช่วยเจ้าออกมา เจ้าจงหนีไปทางเหนือให้ไกลพันลี้ จากนั้นปิดบังชื่อแซ่ของตนเอง ภายใน 20 ปีอย่าได้กลับมา น้องชายเจ้าร่างกายพิการ หากเจ้ายังตายไปอีกคน ตระกูลหลินย่อมไม่เหลือผู้สืบทอด หวังว่าเจ้าจะอยู่ข้างนอกอย่างระวังตัว จงยอมสูญเสียทุกอย่างแต่อย่าได้สูญสิ้นชีวิต

ถึงตอนนี้ ข้ามีบางอย่างต้องบอกเจ้าไว้ ปู่ของเจ้าแอบบอกข้าว่า ที่แท้ตระกูลหลินเกิดขึ้นได้เพราะฝ่าบาท ดำรงอยู่เพื่อขัดขวางตระกูลเย่ กล่าวได้ว่าพวกเราตระกูลหลินทั้งหมดคือเบี้ยหมากของจักรพรรดิ ทว่าเรื่องนี้มีเพียงจักรพรรดิและท่านปู่เท่านั้นที่ทราบ เรื่องการช่วยเจ้าออกมา ข้าไม่กล้าบอกให้ปู่เจ้ารู้ มิเช่นนั้นด้วยความภักดีเขาย่อมคัดค้าน เฮ้อ.... พอคิดถึงว่าตระกูลหลินเราภักดีต่อจักรพรรดิ แต่จักรพรรดิกลับตอบแทนพวกเราเช่นนี้ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นการจัดฉาก แต่กลับไม่ลังเลกำจัดสายเลือดตระกูลหลิน พ่อทั้งเจ็บปวดและเสียใจ เสียใจที่ภักดีรับใช้ตระกูลหลง เสี่ยวเอ๋อร์ รอจนกว่าจักรพรรดิกลับคืนสู่สวรรค์ วันนั้นเจ้าค่อยกลับมา จำไว้ว่าอย่าภักดีถวายหัวต่อใคร ขนาดตระกูลเย่และตระกูลหลินภักดีไม่สอง กลับได้ผลตอบแทนถึงเพียงนี้....ให้จำใส่ใจเอาไว้

มีเพียงบิดาผู้ห่วงใยเหนือใครเท่านั้น ถึงกระทำเรื่องเช่นนี้ได้

หลงหยินถือจดหมายด้วยมืออันสั่นเทา ปราดตามองหลินซานอย่างชิงชังคราหนึ่ง ทันใดนั้นใช้มือควานหารายงานเก่าบนโต๊ะ เมื่อพบม้วนที่มีชื่อหลินซานประทับอยู่ เขาก็รีบเปิดกางออกมันทันที  จากนั้นวางเทียบกับจดหมาย.... สายตามองสลับไปมา เห็นได้ชัดว่าเป็นลายมือของคนเดียวกัน

“ประเสริฐมาก หลินซาน.... ประเสริฐเยี่ยมยอดจริงๆ” ริมฝีปากหลงหยินสั่นเทา ภายใต้ความโกรธ ลมหายใจพลันกลายเป็นหนักหน่วง

“ฝ่าบาท.... ฝ่าบาท บ่าวทำสิ่งใดผิด?” หลินซานตื่นตระหนก หัวใจเต้นระรัว เขาถามอย่างระวัง

“หวู่ชาง เจ้าออกไปได้ ความตายของหลินเสี่ยว ไม่ใช่ความผิดของเจ้า!” หลงหยินหายใจหนักหน่วง เห็นได้ชัดว่าใกล้คลั่งเต็มที่

หวู่ชางตระหนักได้ทันทีว่าสถานการณ์ไม่ปกติ เขาถอยออกไปอย่างรวดเร็ว หลงหยินหันกลับมาอย่างกราดเกรี้ยว น้ำเสียงต่ำลึกกล่าวกับหลินขวง “หลินขวง.... เรื่องที่ข้าเกี่ยวพันกับตระกูลหลิน เจ้าได้บอกแก่บุตรชายของเจ้า หลินซานหรือไม่!”

หลินขวงสะดุ้งตกใจ กล่าวคำขอโทษทันที เขาไม่อาจเข้าใจได้เลยว่า เขาเพิ่งบอกหลินซานในตอนเช้าจากเหตุที่หลินเสี่ยว ‘ถูกช่วย’ แต่เหตุใดจักรพรรดิกลับล่วงรู้ได้

การตอบของหลินขวงทำให้หลงหยินสิ้นสงสัยในที่สุด เขาแค่นเสียงกล่าว “ประเสริฐ ประเสริฐนัก.... ตระกูลหลินของพวกเจ้าไม่อาจประเมินต่ำได้จริงๆ....เฮอะ! เจ้าจงดูสิ่งที่บุตรชายของเจ้าทำไว้!”

หลงหยินสะบัดมือ โยนจดหมายไปตรงหน้าหลินขวง หลินขวงรีบหยิบขึ้นมาอ่านอย่างจริงจัง มือเริ่มสั่นช้าๆ จากนั้นสั่นแรงขึ้นเรื่อยๆ นี่คือลายมือของลูกชายตน เหตุใดเขาจะจำไม่ได้

“นี่....นี่มัน....” หลินขวงสมองหมุนติ้ว จดหมายฉบับนี้ไม่เพียงยืนยันว่าหลินเสี่ยวถูกช่วยโดยหลินซาน แต่ยังแสดงความผิดหวังและโกรธเคืองต่อจักรพรรดิอย่างชัดแจ้ง....มีแม้กระทั่งความคิดทรยศ

“หลินซาน! เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก!” หลงหยินตะโกนลั่นชี้นิ้วไปที่หลินซาน

หลินซานอ่านจดหมาย จากนั้นมือเท้าเย็นเยียบทันที เขาคุกเข่าตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “ฝ่าบาท....นี่ไม่ใช่ข้าเขียน นี่ไม่ใช่ข้า มีบางคนกำลังใส่ความข้า!”

“ยังจะปากแข็งอีก!” หลงหยินปอดแทบระเบิดด้วยโทสะ “เจ้าบอกว่ามีคนใส่ความ งั้นข้าขอถาม เรื่องที่ข้าเกี่ยวพันกับตระกูลหลิน นอกจากพวกเราแล้ว โลกนี้ยังมีใครรู้อีก? เมื่อหลินขวงยอมรับว่าบอกเรื่องนี้แก่เจ้า ข้าก็รู้ว่ายากนักที่จะเป็นคนอื่น คงมีแต่ภูติผีที่จะใส่ความเจ้า ทั้งหมดนี้ก็มากพอแล้วที่จะเดาได้!!”

“แต่ว่า....ฝ่าบาท ท่านพ่อเพิ่งบอกกับข้าหลังจากที่เสี่ยวเอ๋อร์ถูกช่วยออกไป เป็นไปไม่ได้ที่....” หลินซานกล่าวได้ครึ่งหนึ่งก็พลันหยุดคำ รู้สึกแปลกใจอย่างยิ่ง ถูกต้อง เห็นได้ชัดว่าท่านพ่อบอกมาหลังจากที่เสี่ยวเอ๋อร์หนีไปแล้ว แต่จดหมายนี้สมควรเขียนขึ้นก่อนที่เขาจะหนีไป.... หรือว่าจะเป็นภูติผีจริงๆ? ถึงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้เช่นนี้!?

หลงหยินแค่นเสียง “ให้โอกาสพูด....กลับพ่นวาจาน่าหัวร่อออกมา หลินซานเอ๋ยหลินซาน แม้ข้าเคยมองเจ้าต่ำจริงๆ แต่คิดไม่ถึงว่าข้าจะมองเจ้าไม่ผิด”

“ฝ่าบาท ข้าไม่ได้เขียนจริงๆ....” หลินซานแทบจะร้องไห้

“ดี....ถ้าอย่างนั้น ข้าจะให้เจ้าลองดูข้อพิสูจน์แน่นหนาอีกข้อ เข้ามา!”

องครักษ์ชุดเหลืองก้าวเข้ามา หลงหยินตะโกนลั่นออกไป “ส่งคนไปตรวจสอบบัญชีของตระกูลหลินทันที ดูว่าภายในสามวันที่ผ่านมานี้ มีการโยกย้ายเงินจำนวนมากหรือไม่ ไปได้! ภายในสิบหน้านาที ข้าต้องได้คำตอบ!”

“พะยะค่ะ!”

ในจดหมายระบุว่าหลินซานจ่ายเงินจำนวนมากจ้างยอดฝีมือ แต่ยอดฝีมือระดับนั้นสมควรต้องจ่ายด้วยราคาที่สูงลิ่ว หลงหยินย่อมทราบดี เขาไม่เคยลืมเลยว่า เมื่อสามปีที่แล้วเสียต้องเงินมากเพียงใดเพื่อจ้างเถาไปไป

เพียงไม่นาน องครักษ์ก็รีบเร่งกลับมา “ทูลฝ่าบาท เงินในบัญชีของตระกูลหลินถูกใช้ไปเมื่อวานทั้งสิ้น 6 ล้านตำลึง ส่วนในช่วงเวลาอื่นไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก”

หลงหยินพยักหน้าและให้พวกเขาออกไป จากนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้มราบเรียบ “หกล้านตำลึง ช่างเป็นเงินก้อนโตเสียจริง.... เจ้าจะบอกข้าได้หรือไม่ว่า เงินก้อนนี้ถูกจ่ายไปไหน!!”


<<<PREV    .    NEXT>>>