วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 279

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 279 ความตายของหลินซาน

สุนัขที่เลี้ยงไว้ไม่เชื่อง....หลินซานหัวใจเย็นเยียบไปถึงไขกระดูก เขานั่งลงพิงหลังกับประตูเหล็กที่เย็นจัด ยิ้มอย่างเศร้าสลด เขาถูกสั่งสอนให้ภักดีมาตั้งแต่เด็ก ตลอดหลายปีรับใช้ไม่เคยไขว้เขว หากสุดท้ายกลับมีจุดจบที่น่าเศร้าเช่นนี้....ถูกลอบกำจัด! เขาเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่า ที่หลงหยินส่งคนที่เชื่อใจที่สุดมาในยามวิกาล เพราะไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเขาถูกบังคับให้ฆ่าตัวตาย อย่างน้อยก็ไม่ให้บิดาของเขารู้ว่าเขาตายเพราะหลงหยิน พ่อของเขาคือ ‘สุนัขที่เลี้ยงเชื่อง’ ทำให้เขาไว้วางใจ ส่วนเขานั้นเป็น ‘สุนัขที่เลี้ยงไม่เชื่อง’ และต้องถูกกำจัดทิ้ง

“ใต้เท้าหลิน ข้ารู้ว่าท่านไม่อยากตาย ข้าเฮยเซียงก็กลัวความตายมากเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม คำพูดของจักรพรรดินั้นถูกต้องเสมอ ฝ่าบาทต้องการให้ท่านตายข้าย่อมไม่กล้าขัดบัญชา ท่านกินนี่ลงไปเถอะ ข้าเฮยเซียงไม่อยากทุบศีรษะผู้ใดให้แตกออก” เฮยเซียงสะอื้นกล่าวด้วยความสงสาร

ยามเฝ้าที่เดิมทีกลัวอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งสั่นหนักเข้าไปอีก....ลอบกำจัดขุนพลหลินซาน....ในเมื่อนี่เป็นการสังหารลับ เช่นนั้นตัวเขาที่ได้เห็นและได้ยินมาโดยตลอดก็ต้อง.... เมื่อคิดได้เช่นนั้น ตัวก็สั่นไปทั่วร่างทั้งหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ

“ฮี่ ฮี่ ฮ่าๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า.... ตาย กลัวอะไรกับความตาย โลกนี้ยังมีอีกหลายสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าความตาย ในเมื่อต้องการให้ข้าตายนัก เช่นนั้นข้าจะตายให้ เสี่ยวเอ๋อร์ก็จากไปแล้ว ข้าผู้เป็นบิดา สามารถร่วมทางกับเขาไปยังปรภพได้ ยังมีสิ่งใดให้ข้าต้องกลัว”

หลินซานผู้เศร้าโศกขว้าขวดเล็กๆมาจากมือของเฮยเซียง ดึงฝาจุกออก เงยหน้าเทใส่ปากจนหมดขวดแล้วกลืนลงไป ร่างของเขาค่อยๆอ่อนแรงลง นอนยวบลงกับพื้น ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท สิ้นเสียงใดๆอีก

“ใต้เท้าหลิน? ใต้เท้าหลิน?” เฮยเซียงมองเขาไหลลงไปกองในชั่วขณะ ในใจประหลาดยิ่ง เขาเอามือแตะดูสองครั้ง พอเห็นเขาไม่ตอบสนองใดๆอีก ใบหน้าก็ตระหนกและหวาดกลัว เขาพึมพำเสียงเบา “จักรพรรดิเก่งกาจจริงๆ สามารถฆ่าคนได้ในพริบตา กระทั่งยังยอดเยี่ยมกว่าหมัดข้าอยู่หลายเท่า นับว่าจักรพรรดิเป็นผู้ที่เก่งกาจที่สุดจริงๆ”

เขาหันไปมองยามเฝ้าที่กำลังตัวสั่น กระแอมไอคราหนึ่งและกล่าวอย่างจริงจัง “สหายผู้เฝ้าใต้เท้าหลิน เรื่องที่จักรพรรดิส่งข้ามาบังคับใต้เท้าหลินให้ฆ่าตัวตายก่อนรุ่งสางขออย่าได้บอกผู้ใด จะดีที่สุดหากบอกว่าไม่มีผู้ใดมาที่นี่ หากขุนพลชราหลินมาที่นี่ในวันพรุ่งนี้ ให้ท่านบอกกับเขาว่าใต้เท้าหลินคร่ำครวญถึงความไม่ยุติธรรมของฝ่าบาทตลอดคืน จากนั้นได้กินยาพิษฆ่าตัวตาย ไม่มีผู้ใดเข้ามาที่นี่ทั้งสิ้น เจ้าจำได้หรือไม่? ฝ่าบาทยังบอกอีกว่า เขารู้ว่าครอบครัวเจ้ามีกันทั้งหมดเจ็ดคน ตราบใดที่เชื่อฟังคำของจักรพรรดิ ตราบนั้นครอบครัวของเจ้าจะปลอดภัย หากไม่เชื่อฟังเมื่อไหร่ครอบครัวเจ้ามีภัยเมื่อนั้น”

“บ่าว....บ่าว....ผู้ต่ำต้อยน้อมรับบัญชาของฝ่าบาท” ยามเฝ้าหลั่งเหงื่อกาฬเต็มแผ่นหลัง เปล่งเสียงตะกุกตะกักรับคำ กระทั่งผู้นำแห่งตระกูลหลินอันรุ่งโรจน์ยังถูกบังคับกินยาพิษสังหาร แล้วเขาที่เป็นยามเฝ้าคุกตัวเล็กๆเท่ามดจะเหลืออะไรหากจักรพรรดิคิดฆ่าทิ้ง

“ดีมาก” เฮยเซียงพยักหน้าอย่างพึงใจ จากนั้นมองหลินซานที่นอนอย่างไร้เสียง เขาตรวจลมหายใจใต้จมูก ส่ายศีรษะและลุกจากไป

เมื่อออกมานอกประตูคุกใต้ดิน นัยน์ตาของเฮยเซียงวาบแสงบางในฉับพลัน มุมปากยังบิดขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กๆ.... แสดงความเย้ยหยันและดูถูก ในชั่วเวลานี้เอง มีเงาสีดำร่างหนึ่งลิ่วออกมาจากความมืด ชูนิ้วโป้งให้เขา จากนั้นไหวร่างอีกครั้งหายวับไปราวกับควันบาง ตั้งแต่ที่เฮยเซียงเข้าไปและออกมา ไม่มีผู้ใดรู้ตัวแม้สักคน....หากไม่นับหลินซานและยามเฝ้าข้างในที่กำลังหวาดกลัว

เพียงชั่วเวลาสั้นๆหลังจากเฮยเซียงเดินออกไป หลินซานที่ดูเหมือนกับตายกลับตาค่อยๆลืมตา เขาหยัดกายลุกขึ้นอย่างยากเย็น แม้ว่าร่างกายจะเจ็บปวดอย่างไร้ที่เปรียบ ทั้งสมองยังเริ่มมึนงง แต่ยังคงไม่สูญสิ้นสติทั้งหมดไป การขยับร่างของเขาทำให้ยามเฝ้าหวาดสะพรึง แตกตื่นกล่าวคำทดสอบดู “ใต้....ใต้เท้าหลิน....ท่านยังไม่....”

หลินซานถอดชุดนอกส่วนบนออก จากนั้นกางชุดด้านในตรงอก แล้วยกมือขวาขึ้นมา กัดปลายนิ้วด้วยฟันอย่างรุนแรง โลหิตหยดย้อยทันที เขาใช้นิ้วที่ไหลรินด้วยโลหิตเขียนข้อความลงไปช้าๆ

“ใต้เท้าหลิน ท่าน....” ไฉนเลยยามเฝ้าจะไม่รู้ว่าเขากำลังเขียนสิ่งใด แน่นอนว่าย่อมต้องเป็น....

ลมหายใจของหลินซานค่อยๆอ่อนแอลง เขาหอบหายใจเอาอากาศ “ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากเพราะฝ่าฝืนคำสั่งจักรพรรดิ.... แต่หากเจ้ายังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี จงอย่าบอกจักรพรรดิว่าข้าเขียนข้อความเอาไว้ที่อก ข้าอาจตายได้ แต่ข้าจะปล่อยให้คนของตระกูลข้ารับใช้คนผิดจนตัวตายไม่ได้ ไม่อย่างนั้นวันหนึ่งเขาจะต้องเดินซ้ำรอยเดิมแบบข้า เจ้าเองก็มีทั้งพ่อแม่ภรรยา เจ้าจะช่วย....รับคำขอร้องสุดท้าย....ของคนที่กำลังจะตายอย่างข้า ได้มั้ย....ได้โปรด....”

คำขอครั้งสุดท้ายของขุนพลหลินซาน สลดจับใจอย่างไม่อาจห้ามได้ เขากล่าวคำพร้อมพยักหน้า “ตกลง ถึงข้าเป็นเพียงแค่ยามเฝ้าคุก ไม่มีความกล้าขัดขืนคำสั่งฝ่าบาท แต่สิ่งใดที่ไม่สมควรพูด ข้าก็จะไม่พูด”

แผลบนนิ้วค่อยๆปิด เลือดค่อยๆแข็งตัว เมื่อหลินซานเขียนอักษรตัวสุดท้ายจบลง มันก็เลือนลางจนแทบมองไม่ออก ในเวลานี้สายตาของเขาพร่ามัวจนแทบไม่เห็นสิ่งใด สติและพลังทั้งหมดถูกใช้ในการเขียนเสื้อของตัวเอง เขากล่าวเสียงแผ่วเบา “ขอบคุณ....ขอบคุณ....เจ้ามาก....”

สิ้นเสียงสามคำ ครานี้เขาไร้ซึ่งเสียงใดๆอีก

ยามเฝ้าเข้ามาตรวจลมหายใจของเขาอย่างระมัดระวัง สีหน้าซีดสลดซับซ้อน เขาพึมพำกับตนเองเสียงเบา “อยู่กับกษัตริย์ล้วนไม่ต่างจากอยู่ร่วมกับเสือ โดยเฉพาะกับจักรพรรดิผู้ไร้หัวใจ แต่เหตุใดผู้คนมากมายจึงยังปรารถนา ให้ได้รับใช้เป็นคนของจักรพรรดิ....”

วันต่อมา เพียงแค่เพิ่งรุ่งเช้าเท่านั้น หลินขวงย่ำเท้าเร่งรีบตรงเข้าไปในคุกใต้ดิน ตลอดทั้งคืนเขาไม่อาจหลับลง เคราะห์ร้ายประดังใส่ทีละคนทำให้ผมหงอกเพิ่มขึ้นบนหัว ผมเผ้ายังยุ่งเหยิงรุงรัง เนื่องเพราะพอพิธีฝังศพถูกรู้ออกไป ข่าวลือของหลินเสี่ยวกับจักรพรรดินีที่ว่านั้น....แม้จะเป็นเรื่องราวสะเทือนฟ้าแต่ยามนี้ไม่มีผู้ใดไม่เชื่อแล้ว

หลานชายตกตายไปคนหนึ่ง ลูกชายต้องมาทุกข์ทนติดคุกด้วยอีกคน หัวใจของเขาชืดชา รวดร้าว ทรมาน ความสับสนถาโถมเข้ามา ราวกับว่ามีเงาดำท่วมทับในหัวใจ

เขาเข้าไปในคุก ตรงไปยังชั้นล่างโดยไม่มีใครหยุด เพราะหลงหยินสั่งกำชับเอาไว้เมื่อวาน ว่าหลินซานจะถูกคุมขังในที่นี้ และหลินขวงมาเยี่ยมได้สองครั้งต่อวันไม่จำกัดช่วงเวลา เมื่อเข้าไปถึงชั้นที่ลึกสุด เขาก็ผลักประตูเหล็กเปิดเข้าไป หลินขวงพลันเห็นหลินซานนอนอยู่ไม่ไหวติง ร่างของเขาคู้งอ ดวงตาสองข้างปิดสนิท สีหน้าซีดขาว สองมือวางพาดอยู่บนพื้น ไร้สุ้มเสียงใดแม้แต่น้อย แม้หลินขวงผลักประตูเหล็กเปิดเข้ามาเสียงดัง แต่เขากลับไม่ตอบสนองเลยแม้แต่น้อย

หัวใจของหลินขวงดิ่งวูบ ท่าทางแบบนั้นไม่ได้ดูคล้ายกับหลับ แต่กลับเหมือน.... อีกทั้ง เมื่อรวมกับสีหน้าของยามที่เฝ้าอยู่ตลอดเวลา ขณะนี้ได้ตอกย้ำความคิดเลวร้าวที่สุดที่ผุดขึ้นในใจ.... อีกไม่ถึงชั่วโมงก็จะเป็นเวลาผลัดเปลี่ยนเวรแล้ว แต่ยามเฝ้ากลับไม่ง่วงเหงาเลยแม้แต่น้อยทั้งที่เฝ้าตลอดคืน เขานั่งนิ่งไม่กล้าขยับตัว เมื่อเห็นหลินขวงเข้ามาหัวใจก็เต้นเร็วรัวขึ้น ลืมแม้กระทั่งกระทำคารวะ

“ซานเอ๋อร์? ซานเอ๋อร์!” หลินขวงพุ่งเข้าไป จับร่างเขาแล้วเขย่า แต่ไม่ว่าจะตะโกนออกมากี่ครั้ง หรือเขย่าร่างเขาสักกี่ครา เขาก็ไร้การตอบสนองใดๆ หากความรู้สึกที่สัมผัสได้ผ่านมือ กลับมีเพียงความเย็นเยียบเท่านั้น ม่านตาหลินขวงขยายออก หัวใจเต้นโครมครามบ้าคลั่ง รุนแรงแทบหลุดออกจากอก เขายื่นมืออันสั่นเทาไปอังไว้ใต้จมูก....ทันใดนั้นเขาก็ทรุดนั่งลงบนพื้น จิตใจกระทบกระเทือนรุนแรงจนแทบหมดสติไป

“ขุน....ขุนพลชราหลิน ใต้เท้าหลิน เขา.... เขา....” ยามเฝ้าค่อยๆเข้ามา และเอ่ยปากอย่างระวัง

“ซานเอ๋อร์....” หลินขวงกล่าวซ้ำๆดั่งคนไร้วิญญาณ ทันในนั้นเขาพรวดลุกขึ้น คว้าปกเสื้อของยามเฝ้าเอาไว้ คำรามลั่นเสียงแหบพร่า “ซานเอ๋อร์ เขา....เป็นแบบนี้ได้ยังไง บอกข้ามาเดี๋ยวนี้!!”

เสียงร่ำร้องของเขาโศกเศร้าอย่างสาหัส เมื่อเสียงสะท้อนดังออกไปไกล ทันใดนั้นยามเฝ้าคนอื่นๆก็พากันกรูมาที่นี่....

“ใต้เท้าหลิน เขา.... เขาตายแล้ว เขากินยาพิษฆ่าตัวตาย....” ยามเฝ้าคุกคนนั้นกล่าวคำ หากลำคอถูกรัดแน่นจนยากที่จะหายใจ

คำตอบของเขาทำให้ยามเฝ้าทั้งหลายที่รีบร้อนเข้ามาตกใจอย่างหนัก มีบางส่วนรีบวิ่งไปรายงานเรื่องให้กับจักรพรรดิ ผู้นำแห่งตระกูลหลิน ผู้เป็นขุนพลกลับตกตายอยู่ในคุกใต้ดิน นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่หลวงยิ่ง

“อะไรนะ!” หลงหยินที่เสวยมื้อเช้าอยู่ตกใจเมื่อได้ยินรายงานข่าว ตะเกียบในมือร่วงลงสู่พื้น เขาตะโกน “พาข้าไปเร็ว!!”

ความตายของหลินซานทำให้คุกใต้ดินเกิดความโกลาหล คนแล้วคนเล่าผ่านเข้าออก แต่ไม่มีผู้ใดกล้าย้ายร่างของหลินซาน เพียงกำลังรอการตัดสินใจของจักรพรรดิเท่านั้น หลินซานถูกคุมขังอยู่ในคุกใต้ดิน ไหนเลยเขาจะถูกปองร้ายได้ ทว่าหลินขวงยังคงคว้ายามเฝ้าคนนั้นไว้แน่น คำรามถามซ้ำๆด้วยใบหน้าดุร้าย “เขาตายยังไงกันแน่....พูดเร็วเข้า! พูดมาเร็ว! พูด!!!”

ยามเฝ้าคนนั้นหน้าซีดแล้วซีดอีกจนไม่อาจซีดได้ เขากล่าวตอบอย่างยากลำบาก “ใต้เท้าหลิน....กินยาพิษฆ่าตัวตาย เมื่อคืนนี้....”

“หุบปาก! ไม่มีทางที่เขาจะกินยาพิษฆ่าตัวตาย เป็นไปไม่ได้ เจ้าบอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่าเขาตายยังไงกันแน่” หลินขวงที่จิตใจสะเทือนสาหัสยามนี้สูญสิ้นเหตุผล สายตาจ้องที่หน้ายามเฝ้าอย่างเกรี้ยวกราด หากยามเฝ้าคนนั้นไม่กล้ามองตรง ขณะตอบคำก็พยายามหลบตา

“ฝ่าบาทเสด็จมาถึงแล้ว....”

ด้านนอกมีเสียงขานแจ้งว่าจักรพรรดิกำลังมา หลินขวงราวกับฟื้นคืนสติจากเสียงขาน เขาขว้างยามเฝ้าคนนั้นออกจากประตูห้องขังที่เปิดอยู่ ก้มลงกอดร่างหลินซานและร้องไห้โหยหวน ใบหน้าอาบชุ่มไปด้วยน้ำตา

ห่างออกไปไกล หลงหยินพลันได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญของหลินขวง คิ้วเขาขมวดชิดแน่น ฝีเท้าเร่งความเร็วขึ้น ทันทีที่หลงหยินเข้าไปถึง ก็เห็นหลินขวงร้องไห้อย่างน่าสงสาร กอดร่างหลินซานที่ใบหน้าซีดขาวไร้ที่เปรียบ เห็นได้ชัดว่าเขาตายมาได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้ว

ที่พื้นมีขวดขนาดนิ้วโป้งวางอยู่ หลงหยินดวงตาสั่นไหว กล่าวเสียงต่ำ “ผงผนึกใจ!”



<<<PREV    .    NEXT>>>