วันเสาร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 274

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 274 หลบหนี

......

“ฝ่าบาท! แย่แล้ว! มีมือสังหารลอบเข้าไปในคุกใต้ดิน บ่าวเพิ่งไปตรวจดูและพบว่า.... พบว่าเสี่ยวหลินถูกช่วยออกไปแล้ว” ขันทีส่วนพระองค์รีบตะโกนบอกหลงหยิน ผู้ที่รู้ว่าหลินเสี่ยวถูกขังอยู่ในนั้นมีไม่มากนัก ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในนั้น

ท้องฟ้ายังสว่างไม่เต็มที่ หลงหยินกำลังออกจากที่ประทับเตรียมตัวเข้าประชุมเช้า พอได้ยินคำก็ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “เฮยเซียง ไปที่คุกใต้ดินกับข้า!”

หลงหยินเกลียดเย่หวูเฉินถึงขีดสุด เช่นเดียวกับที่เกลียดหลินเสี่ยว หากไม่ใช่เพราะคำนึงถึงจิตใจตระกูลหลิน เขาคงฉีกหลินเสี่ยวออกเป็นชิ้นในวันนั้น ทันทีที่ได้ยินว่าเขาถูกช่วยออกไป หัวใจที่อัดอั้นโทสะมาจากเย่หวูเฉินก็แทบปะทุออก

หลงหยินใบหน้ากลายเป็นสีม่วง ย่ำเท้าหนักตรงไปที่คุกใต้ดินอย่างเร่งรีบ เฮยเซียงตามไปอย่างโง่งม พวกขุนนางและยามเฝ้าเมื่อเห็นสีหน้าของจักรพรรดิก็ไม่กล้าหายใจแรง รีบคารวะและเปิดประตูด้วยความเร็วสูงสุด เมื่อลงไปถึงคุกใต้ดินชั้นลึกสุด ก็พบว่าประตูเปิดอ้าค้างไว้โดยไร้หลินเสี่ยว ยามเฝ้าคุกนอนร่วงกระจาย มีรอยเลือดมากมายอยู่บนพื้น

“มีอย่างที่ไหน!!” หลงหยินโกรธจนตัวสั่น

เฮยเซียงมองไปรอบๆ พ่นลมเล็กน้อย จากนั้นตรงไปที่ยามเฝ้าผู้หนึ่งซึ่งดูเหมือนตายไปแล้ว เขาเอ่ยด้วยความแปลกใจ “ฝ่าบาท คนผู้นี้ยังไม่ตาย เขายังมีลมหายใจอยู่”

เฮยเซียงลอบสอดมือข้างหนึ่งไปที่อกและที่เหนือท้องของชายคนนั้น ฝ่ามือเรืองแสงสีแดงจาง มืออีกข้างตบหน้าของชายคนนั้นเบาๆ “เฮ้ น้องชาย ตื่นๆ เฮ้....”

หลงหยินมุ่นคิ้วแล้วเดินมาหา เมื่อหยุดยืนข้างชายคนนั้น เขาที่เหมือนกับตายในยามแรกกลับลืมตาขึ้นและไออย่างรุนแรง

“เขายังไม่ตาย เขายังไม่ตาย” เฮยเซียงใบหน้ามีความสุข ขยับกายแบกร่างเขาขึ้น “ฝ่าบาท พวกเราพาเขาไปหาหมอหลวงกันเถอะ เขายังมีโอกาสรอดอยู่”

“วางมันลง” หลงหยินตะคอกเสียง สีหน้ายิ่งทะมึนคล้ำ

“....!” เฮยเซียงรับคำคราหนึ่ง จากนั้นวางร่างเขาลง

หลงหยินยืนนิ่ง กล่าวน้ำเสียงจริงจัง “ข้าขอถาม ว่าใครช่วยหลินเสี่ยวออกไป?”

ชายคนนั้นแม้จะคืนสติ แต่ลมหายใจก็อ่อนล้าอย่างยิ่ง สติที่กลับมาราวกับแสงสุดท้ายก่อนดับลง เขาหอบหายใจเอาอากาศ กล่าวด้วยเสียงอ่อนแอ “เป็น....ใต้เท้า....หลิน....”

หลงหยินหน้าคล้ำเป็นถ่านดำ ก่อนจะมายังที่นี่เขาได้คิดถึงความเป็นไปได้ คนที่จะยอมเสี่ยงตายเพื่อช่วยหลินเสี่ยว นอกจากตระกูลหลินแล้วก็ไม่อาจคิดหาผู้ใด นอกจากนั้น คนที่ถูกสังหารแต่รอดมาได้ไหนเลยจะพูดโกหก

“ประเสริฐมาก ตระกูลหลิน ข้าประเมินพวกเจ้าต่ำไปจริงๆ!” หลงหยินขบฟันแน่น แม้ตอนแรกเขาสงสัยตระกูลหลิน หากยังไม่อยากเชื่อว่าผู้ที่อยู่ใต้บัญชาตน ตระกูลหลินผู้ถวายตัวภักดีจะกล้ากระทำเช่นนี้ บุกรุกสังหารเข้ามาในคุก ไม่ว่าจะเป็นกฎบัญญัติของที่ใด  นี่ถือเป็นความผิดถึงประหารเก้าชั่วโคตร ยิ่งกว่านั้น สามารถลอบเข้าคุกและพาหลินเสี่ยวออกไปได้อย่างปลอดภัย ย่อมต้องเป็นยอดฝีมือระดับสูง ตระกูลหลินกลับมีตัวตนเช่นนี้อยู่.... ดูเหมือนว่า ตระกูลหลินที่เขาเข้าใจว่าอยู่ใต้อาณัติมาตลอด แท้จริงกลับซ่อนบางอย่างไว้โดยที่เขาไม่เคยรู้!!

ความรู้สึกถูกหักหลังยิ่งแรงกล้า ความโกรธที่ถูกเย่หวูเฉินหยามอัปยศประสมร่วมแทบทำให้เขาเสียสติ

“ฝ่าบาท เขาเหมือนมีบางอย่างจะพูด” เฮยเซียงเอ่ยขึ้นมา

ชายคนนั้นพยายามอ้าปากพะงาบอย่างยากลำบาก ในที่สุดก็เอ่ยเสียงบางออกมาได้ “พวกเขา....ทางเหนือ....”

นัยน์ตาของเฮยเซียงเป็นประกายประหลาด มือที่ลอบกดไว้คลายออก ลมหายใจของชายคนนั้นหยุดลงทันที สายตานิ่งค้าง ศีรษะตกลง

“เขาตายแล้ว ฝ่าบาท เมื่อกี้เหมือนเขาจะพูดว่า....ทางเหนือ? มันคืออะไรกัน?” เฮยเซียงสีหน้าสลดลง เขาเอ่ยถามอย่างสงสัย

หลงหยินหมุนกายไม่กล่าวคำ จากนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อกลับมาถึงในวัง เขาก็ตะเบ็งสั่งการเสียงขุ่น “ถ่ายทอดคำสั่งข้า ส่งคนไปทางทิศเหนือตามจับหลินเสี่ยวกลับมา จำไว้ว่าต้องจับเป็นเท่านั้น ข้าจะดูว่าตระกูลหลินจะตอบเรื่องนี้ว่ายังไง!!”

ในขณะเดียวกัน ตระกูลหลินผู้ไม่รู้เรื่องราวใดๆกำลังตกอยู่ในความสิ้นหวัง เพราะจากความหมายของจักรพรรดิ วันนี้เขาย่อมกำจัดหลินเสี่ยวเป็นการลับ การประชุมเช้าของวันนี้ หลินขวงและหลินซานไม่ได้เข้าร่วม ในสองวันแรกพวกเขาอ้อนวอนอย่างสุดกำลัง แต่ในใจล้วนรู้ว่าหลิงเสี่ยวได้กระทำความผิดร้ายแรงลงไป ถึงแม้ไม่ได้ตั้งใจ แต่อย่างไรก็ทำไปแล้ว.... จักรพรรดิไม่ระบายโทสะใส่ตระกูลหลินทั้งหมดก็นับว่าเมตตาไม่น้อยแล้ว พวกเขาไม่กล้าที่จะคาดหวังสิ่งใดอีก

เมื่อท้องฟ้าสว่างเต็มที่ ตระกูลหลินก็ได้รับข่าวน่าตระหนก ในวังแอบลือกันว่าก่อนรุ่งสางของเช้าวันนี้ หลินเสี่ยวผู้กระทำเรื่องอื้อฉาวสะเทือนฟ้าถูกลอบพาตัวออกจากคุกใต้ดิน ทั้งยังหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

หลินซานเมื่อได้ทราบข่าว ยังไม่ทันตื่นเต้นดีใจ ก็พลันเห็นสีหน้าของหลินขวงกลายเป็นน่าเกลียดยิ่ง เขาถาม “ท่านพ่อ ท่านส่งคนไปช่วยเสี่ยวเอ๋อร์หรือ?”

หลินขวงสีหน้าสลดลง “ขนาดเจ้ายังคิดเช่นนี้ แล้วจักรพรรดิกับคนอื่นๆ เมื่อได้ยินข่าวนี้จะคิดยังไงกับตระกูลหลินของข้า!”

หลินซานได้ยินก็มองค้าง สีหน้าเปลี่ยนเป็นตระหนกและถาม “ท่านพ่อ ท่านหมายถึงอะไร?”

“สังหารและชิงตัวนักโทษ กฎบัญญัติว่าเป็นความผิดร้ายแรงเท่ากับก่อกบฎ ความผิดที่หลินเสี่ยวกระทำ แม้ข้าอยากช่วยเพียงใดก็ไม่อาจช่วยได้ ทว่าในสายตาของคนนอก ผู้ที่จะกล้าเสี่ยงตายช่วยหลินเสี่ยวออกไป ก็มีแต่เพียงตระกูลหลินของพวกเราเท่านั้น ยิ่งกว่านั้น จักรพรรดิยังสั่งการคุ้มกันคุกใต้ดินอย่างหนาแน่น ฉะนั้นผู้ที่ช่วยเสี่ยวเอ๋อร์ออกไปได้ย่อมต้องมีพลังสูงยิ่ง จักรพรรดิ....ย่อมสงสัยว่าตระกูลหลินปิดบังบางสิ่งอยู่ และอาจกำลังคิดการไม่ซื่อ!” หลินขวงถอนหายใจหนัก กล่าวคำอย่างเจ็บปวด “คนที่ช่วยเสี่ยวเอ๋อร์ เป้าหมายของมันย่อมไม่ใช่เพื่อรักษาสายเลือดตระกูลหลิน แต่เป็นแผนการที่ดำเนินต่อเนื่องกัน เสี่ยวเอ๋อร์ถูกจัดฉากวันนั้นเป็นเพียงการเริ่มต้น เป้าหมายของมันไม่ใช่เสี่ยวเอ๋อร์ หากแต่เป็นตระกูลหลินของพวกเราทั้งหมด!”

หลินซานพอได้ยินคำเหงื่อเย็นเยียบก็หลั่งออก หัวใจเต้น ‘ตึกๆ’ อย่างหนักหน่วง เขาถาม “เรื่องนี้มัน....ท่านพ่อ มันร้ายแรงขนาดนั้นเชียวหรือ? นี่มัน....”

“ตอนนี้พวกเราต้องรีบไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง มาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าจะไม่ปิดบังความจริงกับเจ้าอีกต่อไป ที่จริงแล้ว ตระกูลหลินของพวกเรา เป็นจักรพรรดิที่....”

หลินซาน “.......!!”

หลินเสี่ยวควบม้าวิ่งฝุ่นตลบ ระหว่างทางไม่กล้าหยุดพักแม้แต่น้อย เมื่อตะวันลอยขึ้นเด่นฟ้า เขาก็ออกห่างจากเมืองเทียนหลงไปไกล ในใจผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขาหันศีรษะกลับไปมองอย่างเศร้าสลด โลกมนุษย์อันสับสน ชะตาเล่นกลตลกกับเขา เพียงไม่กี่วัน เขาก็กลายเป็นตัวสำส่อนเหมือนสุนัข ชื่อเสียงย่อยยับทำลายลง หากไม่หลบหนีกระทั่งชีวิตก็จะจบสิ้น

“ข้าหลินเสี่ยวไม่เคยก่อกรรมทำเข็ญ เหตุใดสวรรค์ถึงทำต่อข้าเช่นนี้!!” เขาเงยหน้าขึ้นฟ้า ตะโกนออกสุดเสียง ปลดปล่อยความคับข้องใจ ตะเบ็งเสียงจนแทบเหนื่อยหอบ

ท้องร้องประท้วงหิวโหย หลายวันในคุกเขาแทบไม่ได้กินอะไร เขาแกะห่อสัมภาระและพบว่าในนั้นมีขลุ่ยหยกขาวสมบัติอันล้ำค่าที่สุดของเขา มีทั้งเสื้อผ้าที่เขาชอบสวมใส่ ขวดยา ตั๋วเงินปึกใหญ่ จดหมาย และอาหารแห้ง... เป็นขนมปังขาวแข็งๆเพียงสามก้อนเท่านั้น

เขาหยิบขนมปังขาวขึ้นมากัดกินอย่างหิวโหย อาหารที่เขาไม่เคยชายตามอง ยามนี้กลับอร่อยยอดสุด อร่อยกว่าสมบัติขุนเขาทะเลที่เขาชอบทานนับพันเท่า เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขากินอย่างมูมมามขณะนั่งบนหลังม้า

อีกทั้งยังจะเป็นครั้งสุดท้าย

ขณะที่ควบม้าวิ่งไป ม้าของหลินเสี่ยวก็พลันส่งเสียงร้อง เขาเริ่มมองเห็นบางสิ่ง เป็นกลุ่มคนจำนวนมากปิดทางอยู่ข้างหน้าไม่ไกล ดูด้วยสายตามีอยู่ราว 50-60 คน ถนนเส้นนี้ไม่กว้างนักจึงถูกปิดขวางไว้มิด บางคนถือมีดยาวอยู่ในมือ บางคนถือท่อนไม้ บางคนถือคราดหรือสิ่งอื่น หลินเสี่ยวรู้ตัวทันทีว่าได้พบเข้ากับกลุ่มโจร บนถนนที่ห่างไกลจากตัวเมือง มักจะมีโจรปล้นอยู่บ่อยครั้ง

ทว่ากลุ่มโจรที่หลินเสี่ยวมาเจอเข้า แม้ว่าจะเป็นกลุ่มใหญ่ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยมีประสบการณ์....เท่าใด ประการแรก พวกมันไม่รู้จักกระจายกำลังคนเพื่อกอบโกยได้มากขึ้น ประการที่สอง พวกมันไม่แยกกันอยู่สองฝั่ง กลับปิดทางอยู่ข้างหน้าตรงๆ หากหลินเสี่ยวหมุนม้ากลับแล้วหนีจากไป พวกมันก็ไม่อาจทำอันใดได้

แต่หลินเสี่ยวไม่ได้ถอย เขาไม่กลัวโจรกลุ่มนี้ ทั้งควบม้าเข้าหาโดยไร้ความเกรงกลัว เมื่อเข้าไปใกล้พวกมัน กลุ่มโจรชูอาวุธในมือและตะโกนก้อง  มีชายร่างสูงใหญ่ใบหน้าดุร้ายคนหนึ่งก้าวออกมา มันตะโกนกล่าวประโยคที่ใช้พูดมาไม่รู้นับกี่ปี “ถนนเส้นนี้....ข้าเป็นเจ้าของ....หากจะผ่านทางจงส่งเงินมา! พวกเราคือโจร! แต่จะไม่ทำร้ายหากเจ้าส่งเงินและของมีค่าออกมา!”

หลินเสี่ยวไม่อยากมีปัญหา จึงดึงม้าให้หยุด หยิบตั๋วกระดาษโปรยให้อย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นยิ้มกล่าว “บิดามารดาที่บ้านกล่าวไว้ว่า  หากออกมาภายนอกจงผูกมิตรสหายไว้ ในเมื่อสหายต้องการ เรื่องเล็กน้อยเท่านี้ข้าย่อมช่วยเหลือ แต่พวกท่านช่วยเปิดทางให้ข้าด้วย”

หลังจากนั้น พวกเขาไม่ได้ขยับ กลุ่มโจรกลับจ้องมองและตะโกนร้อง ยังไม่เปิดทางให้ทันที พวกเขามองชายตัวสูงใหญ่คล้ายรอฟังคำสั่งเขา

ชายตัวสูงหยิบตั๋วเงินขึ้นจากพื้น เมื่อเห็นชัดก็จ้องตากว้าง ร้องออกมาเหมือนเสียงระฆังทองแดง “สาม....สามพันตำลึง!” เขารีบหยิบอีกแผ่นขึ้นมาและร้องอีกครั้ง “นี่ก็สามพันตำลึง....รวมแล้ว...เป็น....เป็นหกพันตำลึง! พวกเรารวยแล้ว พวกเรารวยแล้ว!!”

พวกโจรตะโกนเป็นเด็กน้อย พุ่งเข้ามาเหมือนคลื่นน้ำล้อมชายตัวสูง พริบตาเดียวชายตัวสูงก็ถูกล้อมเป็นชั้นๆ ถนนถูกเปิดออกเป็นทาง หลินเสี่ยวหวดม้าเดินแทรกผ่านออกไป ทว่าทันใดนั้นกลับได้ยินเสียงตามจากด้านหลัง “มารดามันเถอะ มันให้เป็นเศษเงินเลย นี่มันปลาตัวโตชัดๆ อย่าให้มันหนีไป.... จับเอาไว้เร็วเข้า หลังจากนี้ พวกเราจะไม่ต้องห่วงหาอาหารหรือเสื้อผ้าอีก ไม่ต้องกลับมาทำเรื่องแบบนี้อีกแล้ว รีบจับมันไว้ เร็วเข้า!!”



<<<PREV    .    NEXT>>>