วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 260

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 260 ข้าเรียกว่าเฮยเซียง (3)

เผชิญกับการโจมตีนับสิบของอาวุโสหลี่อย่างต่อเนื่อง เฮยเซียงยังไม่อาจต่อยถูกสักครั้ง ร่างกายถูกทำร้ายจนเจ็บปวด ทว่าอาวุโสหลี่กลับไม่ได้รู้สึกดีไปกว่าเขา ไม่เพียงไม่กล้าลดละความระวัง หมัดที่กวาดผ่านยังทำให้ร่างกายอึดอัด

ปัง....เกิดเสียงปะทะหนักหน่วงขึ้นอีกครั้ง เฮยเซียงถูกฟาดเข้าที่อกอย่างจัง ร่างกายตีลังกากลางอากาศหลายตลบ ลิ่วร่างลงพื้นยืนอยู่ห่างออกไปนับสิบก้าว แม้ว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งไร้ที่เปรียบ แต่อย่างไรอาวุโสหลี่ก็นับเป็นยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ เมื่อถูกโจมตีครั้งแรกๆเขายังพอทน แต่เมื่อถูกจู่โจมซ้ำๆพลังป้องกันย่อมอ่อนโทรม ฝ่ามือที่ฟาดถูกอกทำให้เขาแทบกระอัก ทั้งในสมองยังคงมึนงง คนพลันโมโหทะยานร่างขึ้น เหวี่ยงหมัดกลางอากาศแผ่พลังดุจขุนเขาหมายซัดที่อาวุโสหลี่

อาวุโสหลี่ชะงักร่างไปครู่หนึ่ง เคลื่อนเท้าขยับหลอกเบี่ยงหลบอย่างปลอดภัย หมัดนั้นทุ่มอัดลงตรงบนเวที ทั่วพื้นสนั่น “ตูม” สะเทือนไหว รอยแยกแตกออกลามไปทั่ว ใต้หมัดตอนนี้เกิดหลุมลึก อาวุโสหลี่ไม่รอช้าฟาดมือขวาเข้าใส่อก ระเบิดพลังอัดใส่ราวกับหินยักษ์ เกิดเสียงหนักทึบพร้อมร่างเฮยเซียงที่ปลิวไปอีกครั้ง

อาวุโสหลี่หอบหายใจเอาอากาศ บนหน้าผากไม่ทราบผุดเหงื่อเย็นตั้งแต่เมื่อไหร่ เฮยเซียงลิ่วลงยืนโดยไร้รอยขีดข่วนอีกครั้ง หากตอนนี้ไม่ได้พุ่งเข้าจู่โจมแต่ค่อยๆยกแขนทั้งสองข้างขึ้น จากนั้นตะโกนกู่ร้อง....

“ย้าก!!”

ย่าห์!!

เสียงตะโกนกู่ร้องหูดับ เสื้อท่อนบนถูกพลังกระชากขาดวิ่นออก เผยให้เห็นร่างกายท่อนบนของเฮยเซียง เป็นกล้ามเนื้อหนาแน่นเข้มคล้ำราวเหล็กกล้า วาวแสงระยับบางราวกับโลหะ สีหน้าของเขาทะมึนคล้ำ แหงนเงยศีรษะขึ้นฟ้า โก่งคอคำรามก้องออกมาอีกครั้ง....

“ย้าก!!!!”

ตูม....

ฉับพลันผืนปฐพีสะเทือนลั่น ผู้คนในจัตุรัสล้วนรู้สึกถึงพื้นใต้เท้าที่กำลังสั่นไหว เหมือนกับมีโพรงถ้ำใต้ดินกำลังปริแตก ที่บนเวทีนั้น.... ราวกับมีระเบิดเกิดขึ้นขนาดใหญ่ เศษหินปลิวว่อนขึ้นไปบนฟ้า....

พลังที่เฮยเซียงระเบิดออก ยามนี้น่ากลัวสุดใดเปรียบ อาวุโสหลี่มีสีหน้าตระหนก ผู้ชมที่อยู่นอกเวทีเหมือนได้ประจักษ์ต่อเทพปีศาจ สายตาแตกตื่นมองยังเฮยเซียงด้วยความหวาดกลัว

เศษหินกระว่อนทุกแห่งหน พอฝุ่นทรายคลายจางลง เวทีสูงหนึ่งเมตรเหนือผืนดินได้หายไป เผยพื้นดินดำสนิท เฮยเซียงยังคงยืนอยู่ในท่วงท่าเดิม มวลเนื้อแผ่ประกายประหลาดดุจเหล็กกล้า แขนกำยำทั้งสองข้างยังดูหนาแน่นขึ้น เฮยเซียงมองไปที่อาวุโสหลี่ เขาเริ่มขยับเท้าออกเดินตรงมาหา

“ช้าก่อน ขอเวลานอก!” อาวุโสหลี่รีบโบกมือขึ้นหยุด เฮยเซียงก็พลันหยุดอย่างเชื่อฟัง ไม่ก้าวเท้าเข้าหาต่อ อาวุโสหลี่หันไปทางหลงหยินและกล่าว “ฝ่าบาท พลังแขนของเด็กคนนี้ ชั่วชีวิตชายชราอย่างข้าเพิ่งเคยเห็น หากข้าผู้ชราคิดเอาชนะเขา มีเพียงต้องใช้ความเร็วในการเคลื่อนตัว ทว่าสำหรับเขา ขอเพียงต่อยถูกแค่หนึ่งครั้ง ชายชราอย่างข้าถ้าไม่ตายก็ต้องเจ็บหนัก ข้ากับเขาไม่มีความบาดหมางต่อกัน ไม่ต้องการต่อสู้พัวพันอีก ดังนั้นการประลองครั้งนี้ ผู้ชราขอยอมเป็นฝ่ายแพ้!”

ไม่ใช่อาวุโสหลี่ไม่อาจรับมือกับเฮยเซียง แต่กล่าวได้ว่าการต่อสู้กับเขานับว่าอันตรายอย่างยิ่งยวด หลินเสี่ยวจบลงในหมัดเดียว หลินเหยียนก็จบลงในหมัดเดียวเช่นกัน มีสภาพเจ็บหนักแทบดับดิ้น แต่ตอนที่เขาสู้กับหลินเสี่ยว เขายังไม่ได้ใช้ออกเต็มกำลัง กระทั่งตอนสู้กับหลินเหยียนก็ยังไม่ใช่พลังเต็มที่ เวลานี้เมื่อเขาใช้พลังทั้งหมดออกมา อาโสหลี่จึงฉลาดเลือกขอยอมแพ้ด้วยตนเอง

อาวุโสหลี่เมื่อกล่าวจบก็กลับไปประจำที่ ความแตกตื่นกับฉากยังไม่จบ ทุกคนยังคงไม่จากไปไหน ทั้งตะลึงหวาดหวั่นและยากขยับ เด็กหนุ่มครอบครองพลังอันน่ากลัว หลินเหยียนกลับพุ่งเข้าประสานหมัดตรงๆโดยไม่ยั้ง กลายเป็นความพ่ายแพ้อย่างเสียท่า ทั้งโทษว่าได้เพียงตนเท่านั้น

“ข้าชนะ ข้าชนะแล้ว! ข้าจะได้มีตำแหน่งชั้นสูงแล้ว!” พอได้ยินอาวุโสหลี่ขอยอมแพ้ เฮยเซียงกระโดดลิงโลดราวกับเด็ก.... คือเขาก็ยังเป็นเด็กคนหนึ่ง ทว่าความรู้สึกต่อเขาจากใจในยามนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าหัวเราะหรือขบขัน

ไม่เคยคิดเลยว่า อาณาจักรเทียนหลงกลับมีเด็กหนุ่มที่ต้องใช้คำบรรยายด้วยคำ ‘สะเทือนฟ้า’ วัยเพียง 16 ปีกลับบรรลุระดับฝีมือถึงเพียงนี้ อีก 10 ปีให้หลัง หรือกระทั่ง 20 ปี บางทีเขาอาจบรรลุเขตขั้นเทพเซียน หากหลงหยินเก็บเขาไว้ข้างกาย...ภายหลังเขาจะต้องกลายเป็น ‘ฟงเฉาหยาง’ แห่งอาณาจักรเทียนหลง

“อาวุโสหลี่ ทักษะอันใดที่เขาฝึกฝน?” หลังจากอาวุโสหลี่กลับมาอยู่ข้างกาย หลงหยินก็ถามเสียงเบา

อาวุโสหลี่สั่นศีรษะ “ดูเหมือนเขาไม่โกหก ข้าอยู่มาจนเกือบอายุ 80 ปี รู้จักทักษะทั่วหล้าเป็นอย่างดี แต่พลังของเด็กหนุ่มผู้นี้ ข้ากลับไม่เคยเห็นมาก่อน กระทั่งคำเล่าก็ยังไม่เคยได้ยิน พลังประหลาดในร่างของเขาราวกับรับสืบทอดมา ไม่อย่างนั้น จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะบรรลุพลังลึกล้ำด้วยวัยเพียงเท่านี้”

“สืบทอด?” หลงหยินขมวดคิ้วเล็กน้อย ทว่าเหนือใบหน้ากลับผ่อนคลายอยู่หลายส่วน เด็กหนุ่มผู้มีพลังอันน่าหวาดหวั่น แม้การแสดงออกจะดูขัดเขิน มีลักษณะของชาวชนบทเต็มตัว แต่หลงหยินย่อมไม่อาจไม่ตรวจสอบเบื้องหลัง

“ข้าเองก็เห็นตามอาวุโสหลี่ พลังของเขาข้าล้วนไม่เคยเห็น สมควรเป็นการสืบทอดมาจริงๆ ผืนหล้าอันกว้างใหญ่ ยอดคนยังมีอยู่มากมาย จากลักษณะของเด็กหนุ่มผู้นี้ดูแล้วไม่เหมือนหลวกลวง ฝ่าบาท หากพระองค์ทรงสงสัย ก็ลองส่งคนไปบ้านเกิดของเขาเพื่อตรวจสอบให้แน่ชัด อย่างไรก็ตาม ผู้ชรานี้เชื่อว่าเป็นสวรรค์ประทานของขวัญล้ำค่าให้กับพระองค์!” อาวุโสหลิวกล่าวด้วยความปิติ

หลงหยินเมื่อได้ยินคำก็พยักหน้ายิ้ม เขาลุกขึ้นยืนหัวเราะร่าและกล่าว “ประเสริฐ! ประเสริฐ! ประเสริฐ! เฮยเซียง การประลองครั้งนี้เจ้าชนะ ข้าจะมอบตำแหน่งใหญ่ให้กับเจ้า ตอนนี้จงตามข้าเพื่อมารับรางวัล! กลับไปที่วังหลวง!”

หลงหยินลุกจากที่และเดินออกไปพร้อมคนคุ้มกันที่ล้อมรอบ เฮยเซียงดีใจเร่งรีบตามไปอยู่ใกล้เบื้องหลัง คิดถึงรางวัลจนโง่งม ผู้คนที่รายรอบมองเขาด้วยสีหน้าหวาดหวั่นและตื่นกลัว ไม่กล้ากล่าวคำหรือเผยรอยยิ้ม

คนผู้นี้น่ากลัวเกินไป ภายหลังย่อมกลายเป็นเทพข้างกายจักรพรรดิ เป็นเทพสังหาร เป็นมารทำลาย เป็นอาวุธกำจัดผู้ร้าย นี่คือสิ่งที่ผู้คนคิด


เมื่อเฮยเซียงเข้าสู่ราชวัง คนราวกับอาม่าเข้าสู่สวนใหญ่ มองตรงไปรอบๆด้วยสายตาไม่หยุดหย่อน ปากค่อยๆอ้ากว้าง ร่างกายหดลีบลง ด้วยเกรงตนจะทำสิ่งใดไม่ถูกต้อง บางครั้งเมื่อเห็นนางกำนัลผู้สวยสด ดวงตาก็จ้องมองตะลึง แต่เพียงพวกนางปราดตามา เขาก็รีบก้มศีรษะหลบ ใบหน้าฝาดแดง ราวเด็กน้อยกระทำความผิด หลงหยินดูไปหัวเราะไป ยิ่งเห็นยิ่งคิดว่าตนคงไม่จำเป็นต้องกังวลกับเรื่องนี้อีก

เมื่ออาหารเลิศรสทุกชนิดถูกยกวางตรงหน้า เขากลืนน้ำลายลงคอไม่ให้เกิดเสียง ทว่ากลับสายเกินไปที่จะกลืนน้ำลายที่ไหลออกตรงมุมปากและหยดลงพื้น นางกำนัลในวังไม่อาจอดทนขบขัน ขณะที่หลงหยินหัวร่อชอบใจพยักหน้า เฮยเซียงราวหิวโซมา 800 ปี เขาโยนตัวเองเข้าใส่ราวกับหมาป่า บนโต๊ะอาหารราวกับถูกพายุกวาดพัด จานชามถูกเลียเรียบจนเอี่ยมอ่อง คนครัวที่ยืนอยู่อย่างนอบน้อมต้องประหลาดใจ หลังจากจัดการอาหารเสร็จ เฮยเซียงยังเอ่ยถามโง่งม “ยัง มีอีกไหม....”

หลงหยินหัวเราะลั่น เขาลุกขึ้นยืนอีกครั้ง วันนี้ผลลัพธ์ที่เก็บเกี่ยวจากการประลองทำให้อารมณ์ของเขาดียิ่ง เขายิ้มขณะกล่าว “แน่นอนว่ายังมีอีก ตราบใดที่เจ้าติดตามข้า เชื่อฟังข้า เจ้าอยากกินเพียงใดก็จะได้กิน ข้าไม่เพียงจะมอบตำแหน่งใหญ่ให้กับเจ้า แต่ยังจะให้พ่อแม่ของเจ้าใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญ เจ้าต้องการหรือไม่?”

“ติดตาม....ติดตามจักรพรรดิ?” เฮยเซียงนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นกลืนน้ำลายอึกใหญ่ กล่าวคำตะกุกตะกัก “ตะ...แต่ท่านแม่บอกข้าว่า ผู้ติดตามข้างกายจักรพรรดิ....เป็นตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่สุด 100 หัวหน้าหมู่บ้านก็ยังไม่อาจเทียบได้ ข้า....”

“แน่นอนว่าข้าไม่ได้ล้อเล่น จักรพรรดิย่อมไม่กล่าวโกหก สรุปว่าเจ้าต้องการ หรือไม่ต้องการ?” หลงหยินยิ้มกล่าว

“ต้องการสิ ข้าต้องการ!” เฮยเซียงรีบผงกศีรษะรัวเร็ว สองมือกำเสื้อ ตื่นเต้นจนไม่รู้ควรเอามือวางไว้ตรงไหน

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ประเสริฐ เช่นนั้นข้าจะส่งคนไปพบพ่อแม่ของเจ้าเดี๋ยวนี้”

ในยามบ่าย หลงหยินส่งคนนับสิบไปยังเมืองอานชิง หลังจากนั้นอีกสิบวัน พวกเขากลับมาพร้อมคู่สามีภรรยาวัยกลางคนที่ดูผ่ายผอม แม้ว่าก่อนพวกเขาเข้าวังจะเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าอย่างดี แต่กลับไม่อาจปกปิดความหยาบกระด้างของร่างกาย ขณะที่เข้ามาในวัง พวกเขาหวาดกลัวจนมือเท้าเย็น ก้าวเดินตัวเกร็ง ไม่กล้ากระทั่งหายใจแรง

พวกเขาถูกพามารออยู่ในท้องพระโรง ทันใดนั้นก็มีเสียงขานการเสด็จของหลงหยิน  หลงหยินนำเฮยเซียงก้าวออกมา เมื่อเฮยเซียงเห็นพวกเขาก็พลันตื่นเต้น เขาตะโกนเรียก “ท่านพ่อ ท่านแม่” และรีบเข้าไปหา

“เฮยเซียง พวกเขาบอกว่าเจ้าได้รับตำแหน่งใหญ่ในเมือง และจะรับพวกเรามาอยู่ด้วยกัน เป็นความจริงหรือ?” สตรีวัยกลางคนร่างกายซูบผอม จับแขนเขากล่าวด้วยสายตาตื่นกลัว มองไปยังทางหลงหยินและกลุ่มคนที่พาเข้ามา

“ถูกต้อง!” เฮยเซียงหัวเราะฮี่ๆงมงาย “ข้าได้รับตำแหน่งใหญ่ เป็นตำแหน่งใหญ่ที่จักรพรรดิมอบให้กับข้า” จากนั้นเขาชี้นิ้วไปทางหลิงหยินอย่างหยาบคายและกล่าว “เขาคือจักรพรรดิ”

เมื่อได้ยินว่าคนผู้นี้คือจักรพรรดิ คนทั้งสองรีบคุกเข่าลงอย่างเร่งร้อน รู้สึกหวาดกลัวจนตัวแทบชา โขกคำนับเปล่งคำ “ทรงพระเจริญ” พวกเขาไม่กล้ายกศีรษะขึ้น

“พวกเจ้าคือพ่อแม่ของเฮยเซียงอย่างนั้นหรือ?” หลงหยินก้าวออกมาเบื้องหน้า สีหน้าภาคภูมิขณะกล่าว

“พะยะค่ะ....พะยะค่ะ....พวกเราคือพ่อแม่ของเขา” พวกเขาตอบกลับด้วยร่างกายที่สั่นเทิ้ม

“ฮ่าฮ่า ดี พวกเจ้ามีบุตรชายที่ประเสริฐ ภายหลังเฮยเซียงจะติดตามข้างกายข้า จะไม่มีผู้ใดรังแกพวกเจ้าได้อีก ข้าจะให้คนจัดเตรียมที่พักให้แก่พวกเจ้าทันที เป็นสถานที่เลิศหรูปูพรมไหมราคาแพง มีอาหารชั้นเลิศทุกชนิด มีเงินทองให้ใช้สอยไม่ขาดมือ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

คู่สามีภรรยาวัยกลางคนดีใจแทบสิ้นสติ คนรีบโขกคำนับเหมือนทุบหอม พวกเขาตะโกนกล่าวคำ “ขอบพระทัยฝ่ายาท....” สตรีวัยกลางคนจับเฮยเซียง กล่าวคำด้วยปากสั่นเครือ “เร็วเข้า....รีบคุกเข่าขอบพระทัยฝ่าบาทเร็ว”

เฮยเซียงคุกเข่าตามอยู่ข้างมารดาและกล่าว “จักรพรรดิไม่เพียงเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด แต่ยัง....เป็นคนที่ดีที่สุด นับจากนี้ ข้าเฮยเซียงจะเชื่อฟังคำของจักรพรรดิ หากจักรพรรดิให้ข้าทำสิ่งใดข้าย่อมทำตาม หากผู้ใดกล้ารังแกท่าน ข้าคนนี้จะสั่งสอนพวกมันเอง”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ประเสริฐ จงจำคำพูดของเจ้าวันนี้ไว้ให้ดี” หลงหยินหัวเราะร่า



<<<PREV    .    NEXT>>>