วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 268

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 268 หัวใจเย็นชาและการหลุดพ้น

เย่หวูหยุนคู้ร่าง ตะกายเข้าไปใกล้เท้าของเย่เว่ย ส่งเสียงอ้อนวอนสั่นเครือ “ท่านพ่อบุญธรรม....”

เปรี้ยง!

เย่เว่ยส่งเตะที่อัดแน่นด้วยความโกรธและชิงชังไร้สิ้นสุด กระแทกเข้าหน้าเย่หวูหยุนอย่างหนักหน่วง จากนั้นเตะร่างของมันกลิ้งกระเด็นไปบนพื้น เย่หวูหยุนกระอักไอออกมาสองสามครั้ง โลหิตไหลออกมาเป็นทาง ท่ามกลางความตระหนกและเจ็บปวด ตาของมันก็เหลือกขึ้นและสลบไป

กระทั่งหวังเวิ่นชูผู้มีจิตใจอ่อนโยนที่สุดก็ยังไม่รู้สึกเห็นใจ กลับกันนางมองร่างไร้สติของเย่หวูหยุนด้วยความขุ่นข้อง จากนั้นล้มซบเข้าอ้อมแขนของเย่เว่ยและระเบิดน้ำตา “พวกเรา....ทำผิดอะไร.... เหตุใดถึงทำกับพวกเราเช่นนี้ เหตุใดถึงต้องทำกับเฉินเอ๋อร์ของพวกเราแบบนี้ด้วย....”

เย่เว่ยเงยหน้าขึ้นฟ้า หลับตาลงด้วยความเจ็บปวด ผิดพลาด....ทุกสิ่งผิดพลาดมานับแต่ต้น เริ่มจากที่เย่หนู่เก็บเย่หวูหยุนผู้เหน็บหนาวและหิวโหยใกล้ตาย ตามด้วยมันเอากายเข้าบังกระบี่ให้เย่เว่ย จนเขายอมรับให้เป็นบุตรบุญธรรม ทุกสิ่งล้วนถูกวางแผนไว้ ตระกูลเย่ของเขาทุกรุ่นภักดีไม่มีสอง แต่กลับต้องแลกด้วยผลตอบแทนเช่นนี้ ความเจ็บปวดแผ่ท่วมหัวใจ เย็นชาบาดลึกจนถึงกระดูก

ใช่แล้ว ตระกูลเย่ทำผิดอะไร เหตุใดตระกูลหลงถึงต้องวางแผนนานกว่า 20 ปี เพื่อทำร้ายกันอย่างสาหัส.... ผู้ใดจะตอบเขาได้

หากไม่ใช่เพราะสวรรค์เมตตาอยู่หลายครั้ง ตระกูลเย่ของเขาคงถูกแผนร้ายทำลายแล้ว หลังจากนั้นอีกหลายสิบปี ตระกูลเย่ทั้งหมดก็คงตกสู่มือคนอื่น

“ท่านพ่อ ท่านเข้าใจแล้วหรือยัง? นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการจะบอกกับท่าน” เย่หวูเฉินกล่าวกับเย่เว่ย

วันนี้เป็นวันที่สองที่เขากลับมาบ้าน เพียงแค่สองวัน เขาก็ทำการใหญ่สำเร็จไปหลายสิ่ง ย่างก้าวของเขารวดเร็วยิ่ง ทั้งเปิดโปงแผนร้ายของหลงหยินและตัวตนของเย่หวูหยุน เขาทราบเรื่องมาตั้งแต่สามปีก่อน แต่ตอนนั้นไม่ได้บอกชัดเจนแก่ตระกูลเย่ เพียงกล่าวคำแฝงความนัยไว้สองสามครั้ง คราวนี้เมื่อเขากลับมาตระกูลเย่เป็นหนสอง เขาก็เดินหน้ากระทำการโดยไม่มียั้ง เพราะตอนนี้เขามีพลังเพียงพอแล้ว 

“เรื่องในเช้าวันนี้....ก็เป็นฝีมือของเจ้าด้วยสินะ” เย่เว่ยแววตานิ่งซึม สีหน้าของเขาแสดงให้เห็นว่ากำลังเจ็บปวดหัวใจเพียงใด

“ถูกต้อง ที่เมื่อวานข้าไม่ไว้หน้าหลงหยิน เพราะต้องการให้มันเดาออกว่าเรื่องเช้านี้เป็นฝีมือข้า บีบคั้นให้มันชิงชังข้าถึงกระดูก ให้มันคิดอยากฉีกข้าเป็นชิ้นๆทันที ซึ่งวิธีดีสุดที่จะสังหารข้า ก็คือสั่งการโดยตรงกับเย่หวูหยุน  ที่เย่หวูหยุนออกไปในตอนเช้าก็เพื่อพบหลงหยิน ดังนั้น ข้าจึงมอบโอกาสที่พันปีจะมีหนหนึ่งให้แก่มัน” เย่หวูเฉินตอบกลับช้าๆ เหลือบมองเย่หวูหยุนที่นอนนิ่งเป็นสุนัขตาย จากนั้นแค่นเสียงกล่าว “การที่มันทำงานเป็นเบี้ยหมาก ถูกใช้เป็นเครื่องมือมาเนิ่นนาน พอได้ประสบโอกาสใหญ่ จึงเผลอลืมตัวเปิดไผ่ในมือทั้งหมดออกมา”

“ในเมื่อเจ้ารู้มานานแล้ว เหตุใดจึงไม่บอกแก่พวกเรา” เย่เว่ยเอ่ยถามราวกับคนสูญสิ้นวิญญาณ

เย่หวูเฉินส่ายศีรษะเบาๆ “ข้าไม่อาจบอกกับท่านได้ หากข้าบอกเรื่องทั้งหมดนี้โดยตรง ท่านจะเชื่อหรือ? ท่านพ่อ”

เย่เว่ยเงียบงัน

“ถูกต้อง ท่านย่อมไม่เชื่อ อย่างมากท่านก็แค่สงสัยเพียงเล็กน้อย อีกอย่าง ท่านพ่อเป็นผู้ที่ฉลาดหลักแหลม ตลอดหลายปีมานี้ท่านไม่เคยคิดสงสัยเลยจริงๆหรือ?” เย่หวูเฉินถาม

เย่เว่ยส่ายศีรษะอย่างเจ็บปวด “มิใช่ไม่สงสัย แต่ไม่กล้าสงสัย ทั้งยังไม่อาจสงสัยได้”

“ถูกต้อง ท่านย่อมไม่กล้าสงสัย ทั้งยังไม่อาจสงสัย นอกจากจะให้มันพูดออกจากปากเอง ไม่เช่นนั้นต่อให้ข้าบอกท่านจนสิ้นความจิตใต้สำนึกของท่านก็จะปฏิเสธ ไม่อยากที่จะเชื่อว่าการอุทิศตัวทุกชั่วรุ่นกลับแลกมาด้วยผลลัพธ์เช่นนี้”

“เฉินเอ๋อร์.... ลูกชายที่น่าสงสารของข้า ไม่แปลกใจเลยที่ร่างกายเจ้าอ่อนแอมาตั้งแต่เกิด.... เป็นแม่ที่ไม่ดีเอง หากแม่รับยาอย่างระวัง ก็คงไม่ต้องทำให้เจ้าทุกข์ลำบากถึงเพียงนี้ ปีนั้นยังเกือบมีคนสังหารเจ้าได้ เป็นแม่เองที่ไม่ดีกับเจ้า” หวังเวิ่นชูเข้ามาที่เตียงของเย่หวูเฉิน กอดเขาแล้วร้องไห้อย่างเศร้าโศก เสียใจที่มอบความรักต่อบุตรบุญธรรมอย่างเย่หวูหยุน คิดไม่ถึงเลยว่าหลายปีที่ผ่านมา ตนกลับเชื่อใจและชื่นชมเขาอย่างสูง กลายเป็นนางวางหอกไว้ข้างแคร่ตนเอง ตระกูลเย่เกือบถูกทำลายด้วยน้ำมือมัน บุตรชายแท้ๆเกือบต้องตายด้วยเพราะมือมัน (ตัวจริงอะตายไปแล้ว) นางเสียใจ เกลียดชัง และหวั่นกลัว

“เฉินเอ๋อร์ ทำไมถึงเลือกวันนี้ที่ปู่ของเจ้าไม่อยู่ หรือเจ้าไม่อยากให้เขารู้?” เย่เว่ยถามช้าๆ

“ให้ท่านปู่รู้เรื่องนี้ไม่ได้” เย่หวูเฉินสั่นศีรษะอย่างอ่อนโยน ถอนใจบางและกล่าวอย่างสลด “ท่านพ่อ ท่านปู่กับท่านนั้นต่างกัน เขาเกิดมาในช่วงที่ทวีปวุ่นวาย ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อาบชะโลมโลหิตในสมรภูมิเพื่ออาณาจักรเทียนหลง ในอดีต เมื่อคราวที่รัชทายาทฟงหลิงใช้วิธีบังคับพี่สาวให้แต่งงาน ตอนนั้นท่านพ่อสมควรถูกท่านปู่ดุว่าอย่างเข้มงวด หากตอนนั้นท่านปู่รู้เรื่องนี้ เขาย่อมปฏิเสธโดยไม่ลังเล ไม่ทราบว่าข้าพูดถูกหรือไม่? สำหรับท่านปู่แล้ว เขาภักดีต่อตระกูลหลง ภักดีต่อจักรพรรดิ กล่าวได้ว่าทั้งชีวิตเขายืนกรานที่จะภักดี ใช้ชีวิตแบบนั้นมาจนถึงตอนนี้ แม้เขาจะลาออกจากราชสำนักแล้ว แต่ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนรู้ว่าหากอาณาจักรเทียนหลงประสบกับหายนะอีก เขาย่อมลืมความชราสิ้นและก้าวเข้าสู่สนามรบด้วยตัวเอง หากท่านปู่รู้เรื่องในตอนนี้ ท่านทราบหรือไม่ว่าจะเกิดสิ่งใด? หลังทราบความจริง เขาจะไม่โกรธเกรี้ยว ไม่ตกตะลึงหรือผ่อนคลาย เพราะว่า.... เมื่อคนๆหนึ่งอุทิศทั้งชีวิตยืนหยัดภักดี เมื่อถึงคราวพบความผิดหวังอย่างแรงกล้า ทั้งชีวิตที่เหลือของเขาจะมีแต่ความเจ็บปวด หรืออาจถึงขั้นล้มป่วยหนัก”

เย่เว่ย “........”

“ดังนั้น จึงไม่อาจให้ท่านปู่รู้ได้ ปล่อยให้เรื่องนี้เป็นความลับต่อเขาตลอดไป ส่วนเรื่องของเย่หวูหยุน ให้บอกแค่ว่ามันวางแผนฮุบสมบัติตระกูลเย่และคิดทำร้ายข้า เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว อย่าให้ท่านปู่ต้องกังวลกับเรื่องการเมืองอีก ให้เขาได้มีชีวิตบั้นปลายด้วยความสุขใจ” เย่หวูเฉินกล่าวพร้อมเผยยิ้มบาง จากนั้นเอ่ยเสียงเบาอย่างปลอดโปร่ง “อย่างไรก็ตาม ข้ารู้ว่าท่านพ่อเป็นคนที่เข้มแข็ง”

เย่เว่ยขยับมุมปาก หากแต่ไม่อาจยิ้ม คนที่เข้มแข็งย่อมไม่ใช่คนที่เอาแต่เงียบงัน ยามที่เผชิญหน้ากับเรื่องเสียดสีใหญ่โตเช่นนี้

“เหตุที่เมื่อวานหลงหยินเอาแต่อดทนต่อเจ้า และการที่วันนี้ทั้งเมืองกระพือโหมเป็นพายุฟ้าฝน เพราะเนื่องจากนางใช่หรือไม่?” เย่เว่ยส่งสายตาไปที่ทงซิน เมื่อครู่นี้เป็นทงซินที่พาพวกเขาบินขึ้นฟ้า ราวกับพวกเขากลายเป็นอัสนีสีดำ ถูกนำกลับมาที่ตระกูลเย่ผ่านประตูห้องของเย่หวูเฉินเข้ามาในพริบตา จากนั้นซ่อนอยู่หลังฉากกั้น รอบกายของพวกเขาถูกรัศมีสีดำห่อหุ้มไว้ ทำให้ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา

เย่เว่ยและหวังเวิ่นชูไม่เคยรู้ถึงความผิดธรรมดาของทงซิน จวบจนกระทั่งวันนี้ ในใจพวกเขาสะท้านไหวอย่างรุนแรง

เย่หวูเฉินพยักหน้าอย่างอ่อนโยน ผู้ภักดีและอุทิศตัวเสมอมาอย่างเย่เว่ย ตอนนี้ไม่เรียกขานฝ่าบาทอีกต่อไป แต่กลับเรียกนามของ ‘หลงหยิน’ โดยตรงแทน เห็นได้ชัดว่าหัวใจเขาสงบเย็นลงแล้ว หลงหยินจิตใจคับแคบวางแผนการ คิดตอบแทนด้วยการครอบงำตระกูลเย่ ความเกลียดชังครั้งนี้ย่อมไม่อาจที่จะลงรอยกันได้

“สามารถทำให้หลงหยินหวาดกลัวเป็นหนู ดูเหมือนว่า กระทั่งเฮยเซียงและสามผู้ปกปักษ์ก็ไม่อาจเป็นคู่มือของนางได้ เฉินเอ๋อร์ สามปีก่อนเจ้าเป็นตัวตนที่พวกเราไม่อาจเข้าใจ ตอนนี้ข้ายิ่งไม่อาจเข้าใจเจ้าได้อย่างสิ้นเชิง พวกเราราวกับอยู่กันคนละโลก ในใจเจ้าคิดสิ่งใด วางแผนอะไรไว้ จะไปยืนอยู่ตรงจุดใด ไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะเทียบได้เลย แต่ข้าก็พึงพอใจยิ่งนัก”

สำหรับบิดาแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่น่าภาคภูมิใจยิ่งกว่าการได้เห็นบุตรชายของตนก้าวข้ามตัวเอง

“เจ้าต้องการทำสิ่งใด จงลงมือได้โดยไม่ต้องยั้ง ครอบครัวของเจ้า จะไม่มีใครขวางทางเจ้า ทั้งตัวข้ายังจะใช้ชีวิตนี้เพื่อสนับสนุน แม้ข้าจะอยู่มาถึงครึ่งชีวิตแล้ว แต่ก็มิใช่คนที่ไร้สามารถ” เย่เว่ยกำหมัดแน่น น้ำเสียงค่อยๆเยียบเย็น “ข้าเย่เว่ยขอเป็นกบฎ ขอสาบานต่อฟ้าว่าจะสู้จนตัวตาย”

เขาไม่ถามว่าทงซินเป็นใครมาจากไหน ไม่ไต่ถามว่าที่ผ่านมาเย่หวูเฉินทำสิ่งใดลงไปบ้าง รวมถึงตอนนี้เขาคิดกระทำสิ่งใด เมื่อถึงเวลาเย่หวูเฉินย่อมบอกแก่เขาด้วยตนเอง หากยังไม่ถึงเวลาแม้ถามไปก็ไม่ได้คำตอบ ที่จำเป็นต้องทำคือยืนอยู่หลังเขาเงียบๆและคอยสนับสนุนเท่านั้น

“ขอบคุณ ท่านพ่อ” เย่หวูเฉินเอ่ยเสียงเบา

เย่เว่ยเหลือบมองเย่หวูหยุนที่อยู่บนพื้น เขากล่าวอย่างอ่อนแรง “ข้าเหนื่อยแล้ว ให้เจ้าจัดการกับเขาได้ตามใจ”

“รอเดี๋ยว ท่านพ่อ” เย่หวูเฉินส่งเสียงหยุดเขา “ยังมีเรื่องที่ท่านต้องรู้”

“ทงซิน ปลุกมันขึ้นมา” เย่หวูเฉินใช้สายตามองนำไปที่เย่หวูหยุน ทงซินพยักหน้าหากไม่ได้ขยับกาย ที่นัยน์ตาวาบแสงทมิฬ เย่หวูหยุนที่นอนเป็นผักอยู่บนพื้นราวกับถูกสายฟ้าฟาด ทั้งร่างกระตุกอย่างรุนแรง จากนั้นราวกับคนที่ผวาตื่นจากฝันร้าย ดวงตาเบิกกว้างอ้าปากหอบหายใจ

เมื่อเห็นมันตื่นขึ้น เย่เว่ยที่ระงับโทสะไว้ก็พลันทะลักพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง เขาสูดหายใจลึก ดวงตาฉายแววเกรี้ยวกราดจดจ้องอยู่ที่มัน เย่หวูหยุนที่เพิ่งตื่นขึ้นรวบรวมสติได้หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ พอตระหนักได้ว่าตนเองตกอยู่ใต้สถานการณ์น่ากลัวเพียงใด มันก็รีบตะกายไปอยู่เบื้องหน้าเย่เว่ย อ้อนวอนด้วยเสียงสั่นเครือ “พ่อบุญธรรม ข้า....”

“พ่อบุญธรรม?” เย่เว่ยแค่นเสียงขัดจังหวะ “เจ้ายังมีหน้าเรียกข้าเช่นนี้อีก!!”

เย่หวูหยุนดิ้นรนดันร่างขึ้น คุกเข่าอยู่ต่อหน้าเย่เว่ย “ความผิดใหญ่หลวงที่บุตรได้กระทำลงไป เป็นเพราะว่าบุตรถูกบังคับ.... ข้าไร้บิดามารดามาตั้งแต่เกิด เป็นจักรพรรดิที่ช่วยข้าไว้ เขาเลี้ยงดูข้าอยู่หลายปี จากนั้นจึงบังคับให้ข้ากระทำการนี้ แม้ว่าข้าไม่ต้องการ แต่ไหนเลยจะกล้าขัดขืนคำสั่งของจักรพรรดิได้ ตลอดหลายปีที่ได้อยู่ร่วมกับพ่อบุญธรรม ในใจล้วนถือว่าที่นี่คือครอบครัวจริงๆของข้า ถือว่าท่านคือบิดาแท้ๆของตนเอง ท่านพ่อโปรดเห็นแก่ความสัมพันธ์เราสองพ่อลูกในตลอดหลายปี ได้โปรดไว้ชีวิตของข้าด้วยเถอะ.... เหมือนคำกล่าวที่ว่า พยัคฆ์ย่อมไม่กินเนื้อพิษ หลายปีมานี้ แม้พวกเราไม่ใช่พ่อลูกกันจริงๆ แต่ก็ได้ร่วมผ่านเรื่องราวพ่อลูกมาหลายอย่าง....”

………

เย่หวูเฉินปรบมือ แสดงสีหน้าเย้ยหยัน “เย่หวูหยุน เจ้าทำให้ข้าต้องนับถือจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีพรสวรรค์เล่นละครได้ดีถึงเพียงนี้ ข้าต้องชมจากใจว่าเจ้าแสดงอารมณ์ได้ยอดเยี่ยม หากเจ้ายังแสดงต่ออีก บางทีพ่อของข้าอาจลังเลที่จะฆ่าเจ้าจริงๆ”



<<<PREV    .    NEXT>>>