วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 394

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 394 เสวี่ยหนี่จอมยั่วยวน

“ซือเฉิน.... ซือเฉิน? นางหายไปไหน?!” ม่านตาหมอกมัวงามของเสวี่ยเฟยเยี่ยนกำลังแตกตื่น นางคว้าไหล่ของเย่หวูเฉินและพยายามมองหาซือเฉิน เมื่อครู่ นางทำได้เพียงมองซือเฉินหายตัวไปอย่างหมดหวัง ทุกอย่างน่าเหลือเชื่อราวกับฝันไป

สิ่งที่ประสบในวันนี้ มีแต่สิ่งน่าเหลือเชื่อไม่ใช่หรือ? ใช่ วันนี้เกิดเรื่องน่าเหลือเชื่อมากเกินไป และซือเฉินเป็นผู้ที่สร้างมันขึ้น ทว่าตอนนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นกลับนำความกลัวมาสู่นาง

“ซือเฉินสบายดี เชื่อข้า นางจะไม่เป็นไร นางเพียงแค่เหนื่อยเท่านั้น แค่ต้องการเวลาพักผ่อน” เย่หวูเฉินจับไหล่ของเสวี่ยเฟยเยี่ยน ปลอบนางด้วยเสียงนุ่มนวล

น้ำเสียงสงบและสายตาของเย่หวูเฉิน ทำให้เสวี่ยเฟยเยี่ยนพอระงับหัวใจลงบ้าง นางถามอย่างกังวล “ซือเฉินอยู่ไหน? เกิดอะไรขึ้น?”

“ข้าไม่รู้” เย่หวูเฉินตอบได้เพียงเท่านี้ “แต่ซือเฉินสบายดี นางเพียงไปยังสถานที่ที่นางต้องไป อีกไม่นานนางจะกลับมา อย่ากังวลเลย ข้าเป็นพ่อของนาง จะไม่ยอมให้นางเป็นอะไรแน่”

สามปีก่อนเย่หวูเฉินตกหน้าผา เหยียนจื่อเมิ่งถูกแช่แข็ง ซือเฉินกลายเป็นสิ่งเดียวที่หล่อเลี้ยงหัวใจนาง นางมอบความรักให้ซือเฉินอย่างล้ำลึก แม้ไม่ใช่มารดาแต่มอบความรักให้ยิ่งกว่า ฟังคำของเย่หวูเฉินแล้ว แม้ว่าภายในใจยังปั่นป่วน แต่ในที่สุดก็เชื่อคำและคลายใจลง มือของนางวางทาบอก ทันทีที่ผ่อนคลายนางก็เผยรอยยิ้ม เพียงพริบตานางก็เปลี่ยนไปสิ้นเชิง “น้องชายน้อย เจ้าเรียกพี่หญิงว่า ‘เฟยเยี่ยน’ แบบนี้แล้ว วันหน้าเจ้าจะให้พี่หญิงเรียกเจ้าว่าอย่างไร....”

เพียงถ้อยคำสั้นๆ ก็ทำให้เย่หวูเฉินคืนความทรงจำ รอยยับย่นสามเส้นปรากฎบนหน้าผาก “อย่าเรียกข้าว่าน้องชายน้อย!”

“คิกๆ.... หรือควรเรียกเจ้าว่าน้องชายใหญ่?” เสวี่ยเฟยเยี่ยนเอามือปิดปากขณะยิ้มสรวล หัวเราะคิกคักจนอกและสะโพกสั่น ทำผู้คนให้ลุ่มหลงงมงาย บรรยากาศหดหู่และตื่นตกใจหายไปทันที ราวกับย้อนไปเมื่อสามปีก่อน เป็นมารเสน่ห์ที่ยั่วยวนเขาอย่างใจกล้าเหมือนตอนนั้น

เสี่ยวโม่เอียงศีรษะฟังบทสนทนาของพวกเขา ใบหน้าเผยแววสงสัย นางเป็นดุจผ้าขาวบริสุทธิ์ ไม่อาจเข้าใจความหมายอันหยาบโลน

สองแขนหิมะดุจเหง้าบัวเกี่ยวแขนของเย่หวูเฉิน เสวี่ยเฟยเยี่ยนขยับร่างเข้าประชิด สองก้อนกลมขนาบแขนเขาไว้ ร่างของเย่หวูเฉินแข็งค้างเล็กน้อยโดยไม่อาจสังเกต ริมฝีปากนางเผยอเล็กน้อย ลมหายใจหอมหวานแผ่กระทบใบหู “งั้นให้พี่หญิงเรียกเจ้าว่าน้องชายแสนดี ดีไหม? น้องชายแสนดี เจ้ายังไม่ได้บอกพี่หญิงเลยว่าหลายปีมานี้เจ้าทำอะไรบ้าง.... แล้วก็ สามปีที่เจ้าไม่ได้มาหาพี่หญิง พี่หญิงยังมีธุระที่ยังไม่ได้จัดการกับเจ้า....”

น้ำเสียงและท่าทางตรงหน้า กลับมาเป็นร่างมารเสน่ห์ น่าหลงใหลและเจ้าเล่ห์ เสียงที่กล่าวข้างหูทำร่างกายอ่อนระทวย เขาได้สายตากลับคืนมาแล้ว จึงมองเห็นว่าเสวี่ยเฟยเยี่ยนยามนี้เย้ายวนเพียงใด เพียงมองนางแค่ปราดตาเดียว เพลิงกลุ่มหนึ่งในใจก็ลุกติดขึ้น ไม่ว่าจะกดยั้งเพียงใดก็ไม่อาจระงับลง

ในสติส่วนลึก เขาเห็นซือเฉินหลับไหลอยู่ มุมปากของเย่หวูเฉินยกโค้งขึ้นเล็กน้อย ในใจกล่าวคำ “ซือเฉิน พักผ่อนให้มาก พ่อจะรอเจ้าให้ตื่นขึ้นมา....”

.................

.................

ในวังสตรีหิมะ อุณหภูมิต่ำกว่าขอบเขตที่มนุษย์ธรรมดาจะทานทนได้ หากคนทั่วไปอยู่ที่นี่จะตายใน 45 นาที เย่หวูเฉินไม่เกรงกลัวความเย็น เสี่ยวโม่มีพลังทมิฬอันแกร่งกล้า จึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แม้ว่าเสวี่ยเฟยเยี่ยนจะสูญเสียพลังเมื่อสามปีก่อน แต่นางอาศัยอยู่ใต้สภาพแวดล้อมนี้มาตลอดหลายปี ร่างกายจึงเปลี่ยนไปด้วยพลังหิมะและน้ำแข็ง แม้ว่านางสูญเสียพลัง แต่ร่างกายยังคงอยู่ ดังนั้น นางจึงไม่กลัวความหนาวเย็น ยิ่งกว่านั้น ภายใต้สภาพแวดล้อมนี้พลังยังคืนกลับมาช้าๆ เสวี่ยซิน และ เสวี่ยอู่ ต่างก็ไม่หวาดกลัวความเย็นใดๆเพราะเหตุผลเดียวกัน

ผ่านไปถึงช่วงบ่าย เย่หวูเฉินเล่าทุกสิ่งที่เสวี่ยเฟยเยี่ยนต้องการให้ฟัง กระทั่งรวมถึงอีกตัวตนหนึ่งของเขาคือจักรพรรดิมาร เช่นเดียวกับสำนักมารของเขา เพราะเขารู้สึกผิดต่อนาง ทั้งยังขอบคุณด้วยอารมณ์ซับซ้อน เขาจึงไม่ปิดบังสิ่งใด บอกเล่าทุกอย่างตั้งแต่แยกจากกันเมื่อสามปีก่อน

เสวี่ยเฟยเยี่ยนคราแรกยิ้มแย้ม ทว่าเมื่อรู้ว่าเขาหมดสติไปสองปี สีหน้าก็สงบลง ฟังเขาเล่าเรื่องที่ผ่านมาอย่างนิ่งงัน จนกระทั่งเสียงของเขาจบลง นางก็จมจ่อมอยู่ในโลกภวังค์ เนิ่นนานไม่อาจตื่นขึ้น

นางมองบุคคลแห่งโชคชะตาตรงหน้า ใบหน้าคล้ายค่อยๆเลื่อนลอย หลังจากสติหายไปเป็นเวลานาน สายตานางก็จดจ่ออีกครั้ง นางกัดฟัน ใช้แขนขาวทั้งสองข้างดุจงูเลื้อยรอบลำคอของเย่หวูเฉิน ริมฝีปากเชอร์รี่กล่าวคำบางเบา “น้องชายแสนดี ยอดดวงใจ พี่หญิงรู้ว่าบุรุษของข้าย่อมเหนือล้ำกว่าบุรุษในโลกนี้ทั้งหมด เป็นบุรุษผู้ยืนบนจุดสูงสุดของโลก ทว่าเจ้าประสบความทุกข์ทรมานมามากนัก เวลานั้นพี่หญิงกลับไม่ได้อยู่ข้างกายเจ้า.... สามปีก่อน พี่หญิงตกหลุมรักเจ้าโดยไม่รู้ตัว ปรารถนาที่จะอยู่ข้างเจ้า แต่บางคำไหนเลยข้าจะกล้าพูด.... เพราะว่าข้าหวาดกลัว ดังนั้นจึงทำได้เพียงยั่วยวนเจ้า เพื่อหวังทำให้เจ้าหลงใหล.... พี่หญิงอายุมากกว่าเจ้าหลายปี เจ้าจะยังต้องการพี่หญิงอยู่ไหม?”

เย่หวูเฉินไม่กล่าวตอบทันที ริมฝีปากอ่อนนุ่มยื่นเข้ามาใกล้ จากนั้นกัดริมฝีปากของเขาฉับพลัน เย่หวูเฉินเบิกตาขึ้นและถอยร่างเล็กน้อย การเคลื่อนไหวนี้ไม่ใช่การปฏิเสธ แต่เป็นปฏิกิริยาตอบสนองเพราะถูกจู่โจมกะทันหัน เสวี่ยเฟยเยี่ยนทำหัวใจปั่นป่วนเกินคำบรรยาย ริมฝีปากนุ่มนวลทว่ากราดเกรี้ยว กดริมฝีปากของเย่หวูเฉินไว้เบาบางไม่ยอมปล่อย ตอนนี้ในดวงตากำลังพร่ามัวช้าๆอย่างเห็นได้ชัด อารมณ์พลุ่งพล่านจุดติดในหัวใจ ลอบยิ้มอย่างพึงใจอย่างเงียบงัน ความปรารถนาถาโถมดุจคลื่นน้ำ นัยน์ตาค่อยๆพร่าเลือน เมื่อริมฝีปากประกบกัน กลิ่นหอมหวานอันมอมเมาก็แผ่ลามอยู่ในปาก ลามสู่หัวใจจนกระเพื่อมไหวอีกครั้ง

“ที่แท้การได้สัมผัสกับคนรักก็รู้สึกเช่นนี้ ราวกับล่องลอยอยู่บนก้อนเมฆ.... ทำให้ร่างกายอ่อนแรงไร้พลัง....” เสียงหมอกมัวของเสวี่ยเฟยเยี่ยนดังขึ้นในห้วงความคิด โลกภายในสั่นไหวตั้งแต่เบื้องบนจนเบื้องล่าง ต่อหน้าเย่หวูเฉินนางแสดงออกราวกับจัดเจนโลก ทว่านี่คือครั้งแรกที่นางได้ประกบริมฝีปากกับบุรุษ ระหว่างที่หัวใจกำลังสับสน นางพลันรู้สึกว่าริมฝีปากของเย่หวูเฉินกำลังเปิดออก ลิ้นอันเร่าร้อนรุกรานเข้ามาในปาก กระทบเข้ากับฟันงามนาง โดยแทบไม่รู้ตัว ลิ้นเล็กๆอันหอมหวานก็ต้อนรับการเยือนโดยไม่อาจอดทน ประหวัดพัวพันกันทันที แม้ว่าไม่เคยทำมาก่อน แต่ก็เป็นธรรมชาติอย่างมาก ของเหลวไหลผสานกันในปาก นางพบว่าสติตัวเองดูคล้ายไม่กระจ่างชัด

คาดไม่ถึงเลยว่า เสวี่ยเฟยเยี่ยนจะลุ่มหลงกับจูบอันดูดด่ำ หัวใจสั่นสะท้าน มือของเย่หวูเฉินยื่นออกมาเงียบงัน วางลงบนหน้าอกนาง ทันทีที่นางรู้ว่ามือของเย่หวูเฉินมาถึง นางก็ใช้ความเร็วสูงสุดจัดการกับเครื่องแต่งกาย เผยด้านอันยั่วยวนสูงสุด ผ้าบางที่พันร่างกับประโปรงยาว แยกออกเป็นช่องใหญ่ตรงคอเสื้อ เผยสองก้อนหิมะกลมกลึง กระทั่งผ้ารัดเอวที่อยู่ด้านในยังถูกแกะออกเงียบเชียบ มือของเย่หวูเฉินไม่ต้องลำบากกับเสื้อผ้านาง ก็คว้าเนื้อนุ่มไว้เต็มกำมือ

“อา!” เสียงอุทานบางเบา มือลามกจับปลายยอดทรวงอกหิมะและออกแรงบีบ ความรู้สึกชาวูบซ่านไปทั่วร่างจนสั่นเทา ทว่าที่ตามมาอย่างกระชั้น คือสัมผัสที่ดุดันขึ้น แรงบีบจากมือเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ก้อนเนื้อมันเมื่อมราวจะถูกคั้นออกจากมือ ปลายยอดถันอันบอบบางถูกกระตุ้นจนร่างสั่น ความเจ็บปวดเล็กน้อยยิ่งมายิ่งจางลง กลายเป็นความสุขสมหฤหรรษ์ สองกลีบฝีปากไม่อาจทนรับริมฝีปากของเขาได้อีก เสียงนุ่มนวลระทวยกระดูกเปล่งขึ้นจากลำคอ ผสานเสียงครางที่ทำกระดูกอ่อนยวบ นางไม่ได้ต่อต้าน ไม่ได้ขัดขืน ยอมรับกับการกระทำ ที่นางรอคอยมาจนถึงวันนี้

“ท่านพ่อ ท่านพ่อ?”

เสียงชัดใสปลุกชายหญิงที่อารมณ์กำลังพุ่งพล่าน เสี่ยวโม่ไม่ทราบว่ายืนอยู่ตรงประตูตั้งแต่เมื่อใด มองทั้งสองพัวพันกันอย่างเงียบเชียบ จากนั้นส่งเสียงออกมาโดยไม่ทราบเหตุผล

ร่างทั้งสองดีดออกจากกันทันที เย่หวูเฉินปรับเสียงตัวเองเล็กน้อย ค่อยๆสงบลมหายใจที่ปั่นป่วน เสวี่ยเฟยเยี่ยนหอบหายใจบาง ใบหน้าละมุนฝาดสีแดงจาง งดงามจนไม่มีสิ่งใดเทียบ นางไม่ได้กระชับร่องคอเสื้อ เนื่องจากเย่หวูเฉินพยายามคว้าอกคู่ใหญ่มากเกินไป เสื้อจึงถูกดึงออกหลวม เมื่ออกกลับเข้าไปในเสื้อ นางก็กล่าวด้วยยิ้มบาง “เสี่ยวโม่น้อย แอบดูท่านพ่อกับอาไม่ดีเลยนะ”

“ท่านพ่อออกไปเล่นหิมะกับข้าได้รึเปล่า?” เสี่ยวโม่ลอบมองที่เสวี่ยเฟยเยี่ยน และกล่าวคำกับเย่หวูเฉิน

ความหวังส่องประกายในดวงตา พร้อมอารมณ์ผิดปกติบางอย่าง ทำให้เย่หวูเฉินไม่อาจปฏิเสธลง เขาฝืนระงับจิตใจ และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตกลง เราออกไปเล่นข้างนอกกัน”

ขณะจูงมือเสี่ยวโม่ออกไป เขารู้สึกได้ว่าที่เบื้องหลัง มีคู่ดวงตาอ่อนโยนมองมาด้วยความขัดเคืองที่ซ่อนไว้ล้ำลึก

เสวี่ยเฟยเยี่ยนกัดเม้มริมฝีปากเชอร์รี่ จากนั้นบุ้ยปากราวกับสาวน้อย “ยอดดวงใจ ช่างไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเลย.... รอดูพี่หญิงลงโทษเจ้าในค่ำคืนนี้.... ฮิๆ จะเป็นทัณฑ์ที่ทารุณอย่างมาก”

ด้านนอกวังสตรีหิมะ เป็นผืนหิมะกว้างขวาง ท้องฟ้าถูกแช่แข็งเป็นแผ่นผืนสีขาวเดียวกัน ที่นี่ไม่อาจมองเห็นดวงตะวัน ดวงจันทร์ และดวงดาว ทว่าแสงสว่างไม่ได้หม่นหมอง แสงอ่อนโยนไม่ทราบมาจากไหน มันส่องสว่างทั่วทุกมุม

“เสี่ยวโม่ เจ้าโกรธหรือ?” เย่หวูเฉินกล่าวที่ข้างหูเสี่ยวโม่ด้วยรอยยิ้ม

“ข้า.... ท่านพ่อ ข้าไม่อยากให้ท่านทำดีกับคนอื่น.... ข้า....” เสี่ยวโม่กลัวจะกล่าวคำต่อ เพียงเห็นเขากับเสวี่ยเฟยเยี่ยนใกล้ชิดกันอย่างดูดดื่ม วางริมฝีปากประกบกัน ในใจนางก็เกิดความรู้สึกประหลาดที่ไม่อาจอธิบายได้ ทำให้นางต้องส่งเสียงทำลายบรรยากาศที่เร่าร้อน

“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?”

“ข้ากลัวว่าถ้าท่านพ่อทำดีกับคนอื่น ท่านจะ.... ไม่ต้องการข้าอีก” เสี่ยวโม่เม้มริมฝีปาก นางพบคำตอบที่ต้องการในใจ นางอยากมีเวลาอยู่กับเย่หวูเฉิน ค้นพบว่าตนยึดติดอารมณ์ที่ได้อยู่ใกล้เขา ไม่อยากแยกอยู่ห่าง และที่หวาดกลัวยิ่งกว่าก็คือ.... เนื่องจากนางเป็นปีศาจ ปีศาจที่มนุษย์รังเกียจ นางจึงกลัวว่าวันหนึ่งเขาจะรังเกียจนาง

“เด็กโง่” เย่หวูเฉินส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม เขาหยุดเท้าและโค้งเอวลง ยื่นมือจับมือขวาของเสี่ยวโม่ อีกข้างหนึ่งชูนิ้วก้อย “งั้นพ่อกับเจ้า พวกเรามาเกี่ยวก้อยกัน ข้าสัญญาว่าจะดีต่อเสี่ยวโม่ตลอดไป ไม่มีวันรังเกียจเสี่ยวโม่ หากผิดคำพูด ข้าจะต้องถูกลงโทษโดยเล่นกับเสี่ยวโม่ทุกวัน”

สองนิ้วใหญ่และเล็กเกี่ยวกัน คู่ดวงตาอ่อนโยนและคู่ดวงตาสั่นไหวจ้องมองกันเป็นเวลานาน....

“อื้ม!”

เสียงเบิกบานฟังชัดดังมาจากเสี่ยวโม่ นิ้วก้อยของนางที่เกี่ยวกับเย่หวูเฉินไกวไปมาสองสามครั้ง จากนั้นนางหันกายและวิ่งออกไปอย่างมีความสุข หัวเราะร่าและหันกลับมา โยนหิมะก้อนใหญ่ใส่เย่หวูเฉิน ในสายตาของเขา ปรากฎรอยยิ้มไร้เดียงสาและน่ารักอย่างยิ่ง

...................

...................



<<<PREV    .    NEXT>>>