วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 410

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 410 สังหารบุตรชาย

[ปล.ตอนที่แล้วเปลี่ยนจากเหยียนเทียนสง เป็น เหยียนเทียนอ้าว นะครับ]

กล่าวกันว่าจักรพรรดิมารสามารถปลดปล่อยคมวายุตัดเฉือนผู้คนเป็นเศษชิ้น เหยียนต้วนหุนแน่นอนว่าย่อมทราบถึงเรื่องนี้ ครั้งก่อนที่จักรพรรดิมารปรากฎตัวในสำนักจักรพรรดิเหนืออย่างฉับพลัน  มันได้ปลดปล่อยขอบคมวายุอันบ้าคลั่ง ทว่าตอนนั้น นอกจากศรสะเทือนฟ้าที่จักรพรรดิมารยิงออกจากคันศรบาปวิบัติ คมวายุแกร่งกล้าไม่อาจทำอันตรายต่อมันได้ หากยามนี้จักรพรรดิมารกลับทำให้มันบาดเจ็บได้ด้วยคมวายุ ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือน้ำแข็ง.... ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนว่าจักรพรรดิมารสามารถใช้พลังน้ำแข็งได้ หรือว่าก่อนหน้านี้ จักรพรรดิมารซ่อนเร้นพลังไว้?

สามารถใช้ได้ทั้งพลังวารีและวายุ.... ในทวีปเทียนเฉินผู้ที่ใช้พลังธาตุได้สองชนิดมีอยู่น้อยยิ่ง และไม่เคยปรากฎผู้ใดที่ใช้พลังของสองธาตุได้เข้มข้นถึงเพียงนี้ เป็นเรื่องที่ไม่เคยได้ยิน เมื่อครู่คมวายุพุ่งออกจากน้ำแข็งโดยตรง หมายความว่าจักรพรรดิมารใช้ธาตุทั้งสองนี้ได้ในระดับน่าหวาดหวั่น ไม่เพียงไม่ขัดแย้งกัน แต่ยังส่งเสริมพลังให้แก่กัน ทำให้น้ำแข็งแกร่งกล้าจนยากจะทำลาย คมวายุที่ปลดปล่อยจากจักรพรรดิมารยังราวกับว่าทะลุผ่านชั้นน้ำแข็งออกมาโดยตรง

“ท่านประมุข เป็นอะไรหรือเปล่า?” เหยียนเทียนอ้าวพุ่งเข้ามาอยู่ข้างๆเหยียนต้วนหุน เอ่ยถามอย่างเคร่งเครียด เพียงเหยียนต้วนหุนและจักรพรรดิมารประมือกัน ก็ทำให้มันไม่อาจอดห้ามความตกใจ พลังของจักรพรรดิมารเหนือล้ำกว่าข่าวลือและการคาดหมายของมันไปไกลลิบ

“ข้าไม่เป็นไร” เหยียนต้วนหุนผ่อนคลายร่างกาย ส่ายศีรษะขณะกล่าวเสียงต่ำ “ไม่แปลกใจที่จักรพรรดิมารกล้าเฝ้าอยู่ที่นี่เพียงลำพัง คิดไม่ถึงว่ามันจะปิดซ่อนพลังไว้ตลอด ความแค้นวันนี้ไม่ตายไม่เลิกรา หากช่วยหมิงเอ๋อร์ไม่ได้ ประมุขสำนักจักรพรรดิเหนืออย่างข้าคงต้องกลายเป็นที่หัวเราะ”

“ข้าเข้าใจ” เหยียนเทียนอ้าวพยักหน้าช้าๆ ถอนหายใจบางเบา “จะว่าไปแล้ว ท่านประมุข ท่านกับข้าชั่วชีวิตนี้ยังไม่เคยร่วมลงมือกับผู้ใดมาก่อน”

“ลงมือ” เหยียนต้วนหุนโบกมือ ร่างเปลี่ยนตำแหน่งในพริบตา ปรากฎตัวอยู่ทางด้านขวา ขณะที่เหยียนเทียนอ้าวฉากร่างออกทางซ้าย ล็อคพลังติดตรึงที่จักรพรรดิมาร พร้อมจู่โจมทุกขณะ

ถ้อยคำก่อนหน้านี้ของจักรพรรดิมาร ไม่เพียงไม่ถูกยับยั้ง แต่เสียงยังกระจายไปไกลด้วยพลังประหลาด ผู้คนในเมืองเทียนชุยส่วนใหญ่ล้วนได้ยินชัดเจน ผู้คนที่มองอยู่ไกลๆยิ่งส่งเสียงดังขึ้น จากถ้อยคำของจักรพรรดิมาร ทุกคนรู้ว่าผู้ที่มาในยามนี้คือประมุขสำนักจักรพรรดิเหนือ! บุคคลที่ไม่เคยปรากฎกาย ประมุขสำนักจักรพรรดิเหนือผู้มีเกียรติภูมิสูงส่งยิ่งกว่าจักรพรรดิแห่งอาณาจักรทั้งสี่

ทว่าจากสถานการณ์ในยามนี้ สองบุคคลแห่งสำนักจักรพรรดิเหนืออันรวมถึงตัวประมุข กำลังเข้าต่อสู้กับจักรพรรดิมารชนิดที่ไม่ตายไม่เลิกรา

ภายใต้อารมณ์อันคลั่ง ผู้คนลืมหมดสิ้นว่าเทวะรบกันย่อมบังเกิดหายนะ ไม่มีผู้ใดหนีออกห่างอย่างคาดไม่ถึง กระทั่งรู้ว่าคลื่นพลังอาจทำอันตรายถึงชีวิต หากกลับไม่มีผู้ใดอยากพลาดเหตุการณ์ที่ทั้งชีวิตไม่มีทางได้เห็นเป็นครั้งที่สอง

เห็นได้ชัดว่า เหยียนต้วนหุนและเหยียนเทียนอ้าวตัดสินใจลงมือร่วมกัน สายตาของจักรพรรดิมารกวาดผ่านคนทั้งคู่ช้าๆ ฉับพลันก็หัวเราะเบาๆ “ขอให้พวกเจ้าโชคดี!”

ครั้งนี้ จักรพรรดิมารเป็นฝ่ายลงมือก่อน สองมือของจักรพรรดิมารเหยียดยื่นออกไป เหยียนต้วนหุนและเหยียนเทียนอ้าวก็ระเบิดพลังขึ้นพร้อมกัน เพียงการจู่โจมสองครั้งของจักรพรรดิมาร และท่าทางหยิ่งยโสถึงขีดสุด ก็ทำให้พวกมันรู้สึกกดดันหนักหน่วง ขณะที่พวกมันกำลังจะเคลื่อนไหว ฉับพลันร่างกายก็รู้สึกถึงความเย็นเยียบ

อุณหภูมิลดลงด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ ผู้คนที่มองชมฉากห่างออกไปนับร้อยเมตรต่างตัวสั่นอย่างตระหนกและกอดแขนตัวเองไว้ ดุจลมหนาวที่เย็นเชียบถึงกระดูกโบกพัดเข้ามาในฤดูร้อน เหยียนซีหมิงที่อยู่ใกล้จักรพรรดิมารมากที่สุดเกิดชั้นน้ำแข็งเกาะทั่วกายทันที แววตาแข็งทื่อหดลีบทันทีด้วยความหนาว ร่างกายสั่นเทาราวกับจับไข้

ความรู้สึกเย็นเยียบแผ่จากร่างสู่หัวใจ พลังน้ำแข็งคือรูปแบบหนึ่งของพลังวารี การใช้พลังน้ำแข็งลดอุณหภูมินั้นหาได้ไม่ยากนัก แต่การลดอุณหภูมิช่วงใหญ่ในเวลาสั้นๆ เหยียนต้วนหุนและเหยียนเทียนอ้าวไม่อาจควบคุมหัวใจให้ตกตะลึง พลังน้ำแข็งถึงปานนี้ กระทั่งเสวี่ยหนี่แห่งชางหลานยังด้อยกว่า.... อาศัยจุดนี้เพียงจุดเดียว ก็บอกได้ว่าพลังของมันเหนือล้ำกว่าเสวี่ยหนี่ ยิ่งกว่านั้นยังเหนือกว่าไม่ใช่เล็กน้อย

ทั้งสองไม่รู้ว่าพลังน้ำแข็งที่เย่หวูเฉินสามารถใช้ออกนั้น ไม่เพียงเหนือล้ำกว่าเสวี่ยเฟยเยี่ยนในอดีต แต่ความเร็วที่ใช้ออกยังไร้ผู้ใดที่จะเทียบเคียงได้ หากเหยียนต้วนหุนและเหยียนเทียนอ้าวรู้ว่าพลังน้ำแข็งของเย่หวูเฉินไม่เพียงควบกลั่นได้ในอากาศแต่ยังเป็นแหล่งพลังที่ไม่มีวันหมดสิ้น แม้เหยียนซีหมิงจะยังคงอยู่ในมือมัน และแม้จะเป็นความอัปยศอันใหญ่หลวง แต่พวกมันก็จะรีบหันกายหนีออกไปโดยไม่ลังเล กระทั่งละทิ้งความคิดที่จะช่วงชิงเหยียนซีหมิงกลับมา

พลังวารีที่ไม่มีวันหมด นี่เกินขอบเขตจินตนาการของมนุษยชาติ เป็นขอบเขตที่มนุษย์ธรรมดาไม่มีวันไปถึง เหยียนต้วนหุนและเหยียนเทียนอ้าวแม้จะเรียกว่า ‘เทพ’ แต่ถึงอย่างไรพวกมันก็เป็นเพียงมนุษย์ ยากยิ่งที่จะรับมือกับพลังของอมนุษย์ เหยียนเทียนเว่ยที่บรรลุพลังเทวะขั้นสูงสุดยังกล่าวออกมาตรงๆว่าทวีปเทียนเฉินสมควรไร้ผู้ใดเป็นคู่ต่อกรของเขาอีก การประเมินนี้ไม่ได้กล่าวเกินจริงเลย

จักรพรรดิมารลดมือลง เพียงพริบตาวายุและก้อนเมฆก็เปลี่ยนสี เหยียนต้วนหุนและเหยียนเทียนอ้าวพลันตระหนักได้และเงยศีรษะขึ้นทันที ท้องฟ้าปรากฎแท่งน้ำแข็งจำนวนมหาศาลร่วงลงมาดุจห่าฝนที่ปกคลุมผืนโลก

เหยียนต้วนหุนและเหยียนเทียนอ้าวเคลื่อนไหวทันที ผลักฝ่ามือขึ้นใช้พลังเพลิงวารีกั้นศีรษะไว้จากห่าน้ำแข็งแหลม ระยะปกคลุมของฝนน้ำแข็งนั้นกว้างเกินไป ตำแหน่งที่พวกมันอยู่นั้นไม่มีทางหลบได้ มีเพียงใช้พลังตนเองเข้าต้านทานเท่านั้น ทว่าพลังโจมตีที่แผ่เป็นวงกว้าง แท่งน้ำแข็งเล็กๆสมควรอ่อนแอ หากเมื่อพลังเพลิงวิญญาณของพวกมันสัมผัสเข้ากับแท่งน้ำแข็ง พวกมันก็ต้องตื่นตระหนกเมื่อพบว่าตนเองทำพลาดไปแล้ว.... แท่งน้ำแข็งชิ้นแรกที่สัมผัสพลังเพลิงวิญญาณทำให้เกิดการกระเพื่อมเหนือศีรษะ แท่งน้ำแข็งต่อมาฉีกพลังเพลิงวิญญาณให้ขาดออกโดยตรง

ติ้ง ติ้ง ติ้ง ติ้ง ติ้ง....

ราวกับเหล็กกล้ากระหน่ำลงมาเหนือศีรษะ เหยียนต้วนหุนและเหยียนเทียนอ้าวถูกกดให้ค่อยๆร่วงสู่พื้น สุดท้ายพวกมันก็ไม่กล้าเก็บงำพลังอีก ตะโกนกู่ร้องผลักมือขึ้นเบื้องบน เสียงระเบิดกึกก้องดังซ้อนกัน แท่งน้ำแข็งเหนือศีรษะสลายเป็นผงจนหมดสิ้น เปิดโอกาสให้ทั้งสองหอบหายใจ ทั้งยังพุ่งเข้าโจมตีจักรพรรดิมารทันที ยามนี้การย่นระยะเข้าใกล้จักรพรรดิมารคือทางเลือกเดียว ไม่อย่างนั้น ด้วยรัศมีการโจมตีและพลังอันน่าหวาดหวั่นย่อมทำให้พวกมันไม่มีหวังเข้าใกล้

ฮ่าห์.....

จักรพรรดิมารยังคงนิ่งงัน มุมปากยังคงแสยะเย้ยหยัน เผชิญหน้าพวกมันที่พร้อมใช้พลังสุดตัว จักรพรรดิมารไม่แยแสใดๆ ยามนี้คนมั่นใจในพลังตัวเองเป็นอย่างยิ่ง.... สองฝ่ามือผลักแยกออกยังสองทิศทาง เล็งไปที่สองคนที่พุ่งเข้ามา กลุ่มหมอกพวยพุ่งออกจากฝ่ามือสองกลุ่ม นี่ต่างจากหมอกธรรมดา หมอกประหลาดนี้ผสานพลังและความเร็วของวายุ พลังและผลลัพธ์จากการผสานกันไม่ใช่ธรรมดาเหมือนหนึ่งบวกหนึ่งเป็นสอง

ความเร็วอันเหนือล้ำ หมอกพวยพุ่งออกมาดุจระเบิด เหยียนต้วนหุนและเหยียนเทียนอ้าวมิได้หลบเลี่ยง ร่างกายจึงจมอยู่ในกลุ่มหมอกทันที กลุ่มหมอกหนาขึ้นเรื่อยๆ ภาพที่เห็นตรงหน้าเลือนลางและบิดเบี้ยว หมอกที่ดูไม่ต่างจากหมอกธรรมดาทั่วไปนี้มีชื่ออันน่ากลัวว่า “หมอกบังเทพ” จากชื่อของมันบอกเป็นนัยว่าท่านี้ใช้ออกยากอย่างยิ่ง ทว่าเมื่อใดที่ใช้สำเร็จ กระทั่งสายตาของเทพยังถูกปิดกั้น สามารถบดบังสายตาของศัตรูได้ เท่ากับว่าตัดแขนศัตรูทิ้งไปข้างหนึ่ง กระทั่งเพียงชั่วเวลาสั้นๆก็มีผลอย่างมากในการต่อสู้ระยะประชิด

เหยียนต้วนหุนเมื่อสูญเสียทัศนวิสัยแทบทั้งหมดก็หยุดร่างกลางอากาศ เหวี่ยงแขนด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อลบล้างพลังวายุแปลกประหลาด เวลานี้เอง มีสายลมพุ่งมาเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว ในสายตาที่พร่าเลือนนั้น มันบอกได้อย่างคลุมเครือว่านั่นเป็นเงาคน ใบหน้ามันสงบนิ่ง พร้อมเหวี่ยงมือขวาอันเกลียดชังเข้าใส่โดยไม่ลังเล “เพลิงวิญญาณดับเมฆา!”

ตูม!

หมัดที่บรรจุเต็มด้วยพลังเทวะกระทบใส่ร่างหนึ่งกลางอากาศ พลังเพลิงวิญญาณทะลักออกจากหมัดอย่างบ้าคลั่ง ทำให้อากาศโดยรอบจุดสัมผัสแตกออก.... ทว่าในพริบตา ‘หมอกบังเทพ’ ที่ปิดกั้นสายตาของเหยียนต้วนหุนและเหยียนเทียนอ้าวก็สลายหายไป ทัศนวิสัยกลับคืนสู่สภาพปกติ ปรากฎใบหน้าหนึ่งที่สิ้นหวังและหวาดกลัว และใบหน้านี้ดูคล้ายกับมัน....

พลังโจมตีของระดับเทวะ แกร่งกล้าพอสะเทือนแผ่นโลก ไม่ต้องกล่าวถึงบุคคลที่พลังต้านทาน.... เหยียนต้วนหุนอัดพลังใส่ร่างมัน หากมันไม่ได้ปลิวไปไหนและถูกทำลายเป็นเศษชิ้นนับไม่ถ้วนด้วยระเบิดพลัง กลายเป็นเศษธุลีเล็กๆอีกครั้ง เหยียนต้วนหุนจ้องหมอกโลหิตด้วยดวงตาเบิกกว้าง....

มันโจมตีถูกบุคคลผู้หนึ่ง แต่กลายเป็นว่าคนผู้นั้นคือบุตรของมันเหยียนซีหมิง ขณะที่สายตาถูกปิดกั้นเพียงชั่วขณะ เหยียนซีหมิงที่ห้อยอยู่ตรงนั้นกลับถูกจักรพรรดิมารโยนร่างมาทางนี้ มันใช้พลังสูงสุดในการโจมตี ทำให้บุตรชายของมันตกตายอย่างไร้เศษซาก

เหยียนต้วนหุนมองหมอกโลหิตที่กระจายออกช้าๆ หัวใจหดวูบลง แววตาค่อยๆว่างเปล่า ว่างเปล่าอย่างน่ากลัว เหยียนเทียนอ้าวที่ฟื้นคืนสายตาก็ตัวสั่นทั้งร่างเช่นเดียวกัน ใบหน้าซีดเผือด เป็นเวลาเนิ่นนานก่อนที่ริมฝีปากจะกล่าวคำอย่างสั่นเครือ “ท่านประมุข....”

พลั้งมือสังหารบุตรชายของตัวเอง ผู้ที่เสียใจยิ่งกว่าย่อมเป็นบิดา สำหรับบิดาแล้วยังมีสิ่งใดโหดเหี้ยมยิ่งกว่านี้ และวิธีการตายใดที่สิ้นหวังกว่านี้สำหรับบุตรชาย ราวกับวิญญาณหลุดลอยออกจากร่าง เหยียนต้วนหุนสายตาไร้จุดศูนย์รวมใดๆอีก แต่ละจุดบนใบหน้าบิดกระตุกโดยไม่รู้ตัว

หมอกโลหิตพรมลงช้าๆ ผืนดินเบื้องล่างกลายเป็นวงแดงกว้าง ผู้คนที่อยู่ไกลๆ เบิกตากว้างด้วยความตื่นตัว เป็นพยานต่อฉากโหดเหี้ยมและสะเทือนใจ นายน้อยสำนักจักรพรรดิเหนือกลับมิได้ตกตายในมือจักรพรรดิมาร แต่กลับเป็นน้ำมือของประมุขสำนักจักรพรรดิเหนือที่มาช่วยเหลือ ทำให้มันตกตายในสภาพไม่เหลือซากศพ

แปะ! แปะ! แปะ! แปะ!

ยังคงลอยร่างอยู่ในตำแหน่งเดิม จักรพรรดิมารปรบมือทำลายความเงียบ แม้ว่าการเคลื่อนไหวจะเชื่องช้า แต่เสียงปรบมือก็ดังสะท้อนไปไกล จักรพรรดิมารกล่าวคำด้วยรอยยิ้ม “น่าชม น่าชมยิ่งนัก ลงมือได้หนักหน่วงแม้กระทั่งกับลูกในไส้ของตัวเอง สมแล้วที่เป็นประมุขสำนักจักรพรรดิเหนือ สมแล้วที่เป็นสำนักจักรพรรดิเหนือ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

[ปล.งงมากกับ เหยียนเทียนสง ไม่รู้สรุปมันคนละคนกับเหยียนเทียนอ้าว หรือคนเดียวกัน ทำไมบริบทเหมือนเป็นคนเดียวกัน แต่ดันใช้ชื่อสลับไปสลับมา งงตั้งแต่ตอนนู้นละ ที่พระเอกกับเล่งหยาแอบเข้าไปในสำนักจักรพรรดิเหนือ แต่ช่างมันเถอะ เดี๋ยวก็ตายละมั้ง ถถถถ]



<<<PREV    .    NEXT>>>