วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 402

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 402 ลอบสังหาร

เบื้องหน้าประตูราชวัง โลหิตและเปลวเพลิงเชื่อมต่อเป็นผืนเดียวกัน เสียงกระทบดังสะท้อนพร้อมกลิ่นคาวเลือด ในที่สุด เสียงอื้ออึงก็ทำให้เมืองเทียนหลงตื่นตระหนก แต่ละครอบครัวปิดบ้านไว้แน่นหนา รอคอยให้พรุ่งนี้เช้ามาถึง แม้ว่าตอนนี้เป็นยามราตรี แต่ข่าวเรื่องตระกูลหลินก่อกบฎ รวมถึงทหารจำนวนมากมุ่งหน้าไปยังราชวัง ได้แพร่สะพัดในราตรีอย่างรวดเร็ว

“อะไร?” เย่หนู่สะดุ้งตื่น ความง่วงเหงาไม่ปรากฎ เขาสวมเสื้อผ้าลวกๆและรีบพุ่งออกจากประตู เพียงครู่เดียว เสียงย่ำเท้าและเสียงโลหะกระทบก็ดังเป็นผืนตรงไปยังราชวัง นี่คือกองทัพอันเกรียงไกรของตระกูลเย่ เสียงอึกทึกทางราชวังปลุกพวกเขาไม่ใช่น้อย กองทัพนี้แม้กระทั่งจักรพรรดิยังไม่คู่ควรสั่งการ กองทัพเกรียงไกรแห่งทวีปเทียนเฉินรับบัญชาจากตระกูลเย่เท่านั้น

แสงสลัวแห่งความมืดเติมอากาศ แผ่นดินปกคลุมด้วยผืนดำมิด กำแพงถล่มลง กองทัพกบฎรุกคืบเข้ามา กลุ่มองครักษ์ที่ประตูมังกรคือแนวรับสุดท้าย แต่ทัพตระกูลหลินยิ่งบีบคั้นสร้างความกดดันให้องครักษ์ ภายในราชวังได้ยินเสียงฆ่าฟันดังชัดขึ้นเรื่อยๆ เหล่าสนมและนางกำนัลต่างหวาดกลัวจับใจ

“หลีกทางให้บิดา วันนี้ต่อให้บิดาตกตาย ก็จะต้องสังหารจักรพรรดิชาติสุนัขนั่นให้ได้!!”

ผมเผ้าและเคราขาวของหลินเหยียนชี้ชูชันบนศีรษะ ตรงปลายเป็นประกายไฟไม่หยุดหย่อน เขาทะยานร่างขึ้นจากกลางกองทัพทันที ตะโกนกู่ร้องพร้อมปล่อยกลุ่มอัคคีใส่ฝูงคนหน้าประตูมังกร

อัคคีร่วงถึงพื้น ระเบิดออกเป็นวงใหญ่ ฉับพลันทั่วประตูมังกรก็ห้อมล้อมไปด้วยเปลวเพลิง องครักษ์นับร้อยร่วงหล่นอยู่ในเพลิงผลาญ ตะโกนกรีดร้องระหว่างดิ้นเร่า หลินเหยียนเดินตรงไป เพลิงมังกรพุ่งทะยานออกจากมือ ส่งคลื่นอากาศร้อนแรงไปเบื้องหน้า เกิดเป็นทางอัคคีสีเข้ม

กบฎ? พวกเขากำลังก่อกบฎจริงๆ แต่ตัวเขาหลินเหยียนและหลินขวง ทราบดีว่าการกบฎครั้งนี้ถูกลิขิตให้ไม่อาจสำเร็จ การปฏิวัติไม่ใช่เป้าหมายของพวกเขา ทั้งยังทราบอยู่เต็มอกว่าพวกตนจะต้องพ่ายแพ้ บางทีอาจต้องประสบกับความตาย ถึงอย่างนั้นก็ต้องสร้างความปั่นป่วนต่อจักรพรรดิ หากเป็นไปได้ก็ต้องสังหาร! ปลดปล่อยความเกลียดชังในใจ แก้แค้นให้กับหลินเสี่ยวและหลินซาน

ในเมื่อกล้าทำกับตระกูลหลิน เช่นนั้นจงเผชิญโทสะของตระกูลหลิน หลินขวงและหลินเหยียนไม่หวังว่าตนเองจะมีชีวิตรอดพ้นไปจากคืนนี้

เพลิงของหลินเหยียนร่วงหล่นดุจหายนะต่อเนื่อง องครักษ์ที่ป้องกันประตูมังกรไร้พลังต่อต้าน ดิ้นเร่าเจ็บปวดในกองเพลิงผืนใหญ่ ท่ามกลางความอลม่าน กองทัพตระกูลหลินกรูกันเข้าไป มุ่งตรงเข้าสู่ราชวัง

ราชวังถูกจู่โจม ต่อให้หลังจากนี้ทัพกบฎตระกูลหลินจะถูกทำลายย่อยยับโดยกำลังเสริม แต่ดูแล้วคืนนี้ราชวังคงไม่พ้นถูกย้อมด้วยสีเลือด

เวลานี้เอง เสียงคำรามดุจสายฟ้าดังมาถึงประตูราชวัง “หลินขวงเจ้าโจรเฒ่า ผู้ชราเย่หนู่อยู่นี่แล้ว มอบชีวิตของเจ้ามาเดี๋ยวนี้!!”

.......................

.......................

“เจ้าเข้ามาได้ยังไง!” หลงหยินลุกขึ้นจากที่นั่งช้าๆ มองไปยังทางเข้าที่เปิดอยู่ ใบหน้าทะมึนมองไปยังหลินขวง เขาได้ยินเสียงต่อสู้แว่วมาจากที่ไกล กองทัพตระกูลหลินยังบุกมาไม่ถึงตรงนี้ ด้านนอกยังมีการป้องกันอย่างแน่นหนา ทั้งเหล่ายอดฝีมือ ทว่า หลินขวงราวกับเปิดประตูออกมาอยู่ต่อหน้า ทำให้เขารู้สึกราวกับเห็นภูติผี

แววหน้าตกใจฉายผ่านเพียงชั่วสั้นๆ จากนั้นสงบลงอย่างรวดเร็ว หลงหยินกล่าวเสียงหนัก “หลินขวง ข้าไม่เคยคิดเลยว่า คนแรกที่กบฎต่อข้าจะเป็นเจ้า!”

ฝั่งของเขามีเฮยเซียงผู้ภักดีไม่มีสอง รวมถึงสามผู้ปกปักษ์ที่คอยลอบคุ้มกันอยู่ ต่อให้กองทัพบุกมาถึงก็ยังมิอาจทำอันตรายเขาได้ แม้ว่าเขาสงสัยว่าเหตุใดหลินขวงถึงมาปรากฎตัวอยู่ที่นี่ แต่เขาก็ไม่หวาดกลัวใดๆ

แววตาของหลินขวงมืดมัวไร้ชีวิต ไร้สีสันดุจคนตายที่ไม่ฟื้นกลับอีก เขาเดินตรงเข้าหาหลงหยินทีละก้าว กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “บุตรชายของข้าตาย.... หลานชายของข้าตาย.... ตระกูลหลินจบสิ้นแล้ว หลายวันที่ผ่านมา ข้าอยากพาตัวเองไปอยู่กับทายาทเพียงใด ทว่ายังไม่อาจทำได้....”

ครั้งหนึ่ง เมื่อมองหลงหยินแววตาจะเต็มไปด้วยความเทิดทูนและภักดี ทว่าเวลานี้ แววตามีแต่ความเกลียดชังล้ำลึก ภายใต้สายตา หลงหยินรู้สึกราวกับมีน้ำแข็งแผ่คลุมในใจ

“ข้าภักดีต่อเจ้ามาตั้งแต่เด็ก ทั้งชีวิตมีอยู่ก็เพื่อเจ้า เพื่อความทะยานของเจ้า ข้ากระทั่งเต็มใจมอบหลานชายของตัวเอง ข้าหลินขวงไม่ยุติธรรมต่อคนมากมายมาทั้งชีวิต แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่ทำไม่ดีต่อเจ้า.... เหตุใดเจ้าต้องทำกับข้าแบบนี้? ทำกับตระกูลหลินของข้า” เกลียดชัง , โศกเศร้า , ขื่นขม.... ทุกอย่างออกมาพร้อมน้ำเสียงแหบพร่า เขาข่มกลั้นเป็นเวลานาน ในที่สุดเมื่อเผชิญหน้ากับหลงหยิน ก็ปลดปล่อยออกมาจนหมดสิ้น

หลงหยินขมวดคิ้วมุ่น สุดท้ายถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ และกล่าวคำอย่างสงบ “ความตายของหลินเสี่ยวถือเป็นเรื่องสุดวิสัย แม้แต่ข้ายังรู้สึกเสียใจกับเรื่องนั้น ที่เจ้าควรโทษไม่ควรเป็นข้า แต่เป็นหลินซาน....” หลงหยินมุ่นคิ้วลง “หรือเจ้าคิดว่าหลินซานถูกข้าบีบคั้นให้ฆ่าตัวตาย!?”

หลินขวงไม่สนใจคำ ‘แก้ตัว’ ใดๆของหลินหยินอีก เขากล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ฮ่าฮ่า.... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า! เป็นเพราะเจ้า ข้าจึงไม่เหลือสิ่งใด ตระกูลหลินรุ่งเรืองขึ้นมาได้ก็เพราะเจ้า แต่เมื่อผ่านคืนนี้ไป ทุกคนจะได้รู้ว่าตระกูลหลินต้องประสบกับสิ่งใด ต่อให้เจ้าไม่ตายในวันนี้ พรุ่งนี้เจ้าย่อมทำลายตระกูลหลินอยู่ดี.... ตระกูลหลินจบสิ้นแล้ว เจ้าเองก็อย่าหวังว่าจะได้ใช้พลังของตระกูลหลินอีก”

การปรากฎตัวของจักรพรรดิมารทำให้เขาตัดสินใจได้ ไม่เพียงเพื่อแก้แค้นให้หลินเสี่ยวและหลินซานเพื่อปลอบประโลมใจตน แต่ยังรวมถึงได้ทำลายตระกูลหลงที่เขาอุทิศตัวให้.... ก่อนหน้าที่จะถึงวันนี้ จักรพรรดิมารได้ให้สัญญา.... ว่าตัวเขาจะได้สังหารหลงหยิน

ดังนั้น เขาจึงถูกใครบางคนนำตัวมาที่นี่อย่างเงียบงัน คนพลันตระหนักทันทีว่าเรื่องทุกอย่างถูกจัดวางไว้ เป็นเกมกระดานที่ตัวเองเป็นเบี้ยหมาก ทว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่คิดอะไรให้มากความอีก ยิ่งเวลาผ่านไป ความเจ็บปวดและเกลียดชังยิ่งทวีขึ้น ความภักดีหนักแน่นกลายเป็นความชิงชังสุดขั้ว สังหารหลงหยินเพื่อแก้แค้นให้บุตรและหลานชาย มิใช่สิ่งที่เขาปรารถนามาตลอดหรอกหรือ?

และสำหรับหลงหยิน มีหรือที่เขาจะไม่ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงของตระกูลหลินที่แปลกอยู่หลายส่วน ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็พบแต่ความประหลาด เวลานี้ เมื่อเผชิญหน้ากับหลินขวง เขาไม่อาจบรรยายความรู้สึกในหัวใจ อย่างที่เขากล่าวไว้ เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนแรกที่ทรยศจะเป็นหลินขวง

กริชยาวเลื่อนออกจากแขนเสื้อของหลินขวง จับไว้มั่นในมือสั่นเทาของชายชรา เขาก้าวตรงไปข้างหน้า สีหน้าค่อยๆดุร้าย “ตระกูลหลินจบสิ้นแล้ว ข้าไม่คิดมีชีวิตอยู่ต่อถึงวันพรุ่งนี้ จักรพรรดิ.... เจ้าทำให้ข้าหมดสิ้นทุกอย่าง ทำลายตระกูลข้า ในเมื่อข้าต้องตาย ก็ขอลากเจ้าให้ตายไปด้วย!!”

ทันทีที่กริชถูกนำออกมา หลงหยินก็ขมวดคิ้วมุ่น เฮยเซียงสืบเท้ามาอยู่เบื้องหน้าหลงหยิน คิ้วหนาเลิกขึ้นสูง “บังอาจ! คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะคิดทำร้ายฝ่าบาท หากเจ้าขยับเท้าเข้ามาอีกก้าวเดียว ต่อให้เป็นใต้เท้าหลิน ข้าก็จะทุบกะโหลกเจ้าให้แตก!”

หลินขวงหูดับไปเรียบร้อย สองมือที่กุมด้ามกริชเริ่มสงบลง สายตามองเลยร่างของเฮยเซียง ตกลงที่หลงหยินที่สีหน้าทะมึนอยู่ข้างหลัง กริชคมในมือแทงออกไป ไม่สนใจเฮยเซียงที่อยู่ตรงหน้าหลงหยิน

หลงหยินไม่เคลื่อนไหวใดๆ ในเมื่อมีเฮยเซียงกับสามอาวุโสใหญ่อยู่ด้วย เรื่องที่เขาหวั่นกลัวไม่ใช่หลินขวงที่บ้าคลั่ง แต่พะวงอย่างยิ่งว่าหลินขวงเข้ามาได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้น ด้านนอกยังสงบเงียบอย่างน่ากลัว.... องครักษ์ที่ปกป้องรายล้อมรอบวัง กลับไม่มีสักคนพุ่งเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงของหลินขวง

สามอาวุโสใหญ่ไม่ได้ลงมือทันที มีเฮยเซียงปกป้องอยู่เบื้องหน้า พวกเขาไม่จำเป็นต้องห่วงความปลอดภัยของหลงหยิน ทว่าหลังจากนั้น พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง.... ขณะที่กริชกำลังจะแทงถูกร่างของเฮยเซียง ใบหน้าของเฮยเซียงกลับเปลี่ยนเป็นสีหน้าประหลาด ร่างกายหลบออกด้านข้างฉับพลัน กริชในมือหลินขวงพุ่งผ่านร่างของเฮยเซียง ปักเข้ากลางอกของหลงหยิน ม่านตาของสามอาวุโสใหญ่ต่างเบิกกว้าง

หลงหยินไม่ได้ฝึกฝนวรยุทธ แต่หลินขวงครั้งหนึ่งรบพุ่งในสมรภูมิ พลังยุทธจึงโดดเด่น เฮยเซียงเบี่ยงร่างหลบกะทันหันเหนือความคาดหมายของหลงหยิน หลงหยินย่อมไม่ทันตอบสนองใดๆในระยะประชิด เสียงเสียบ ‘ฉึก’ พร้อมกับโลหิตทะลัก ใบหน้าเย็นชาของหลินขวงบิดกระตุก กริชยาวเสียบเข้าอกของหลงหยิน ปลายกริชชุ่มเลือดทะลุออกด้านหลัง....

“เจ้า.... เจ้า....”

ดวงตาของหลงหยินเบิกโพลง เขาเคลื่อนสายตาออกจากหลินขวง ค่อยๆมองไปยังเฮยเซียงที่ใบหน้าสงบนิ่งอย่างน่ากลัว เวลานี้ เฮยเซียงไร้กลิ่นอายโง่งมอีกต่อไป ในความสงบนิ่งนั้น แฝงด้วยความเย้ยหยันอันประหลาด

ตูม! หลังคาระเบิดออกหลายจุดทันที ชายชราสามร่างพุ่งเข้ามาจากสามทิศทาง ตรงมาหาหลงหยินด้วยหัวใจแตกตื่นเกินบรรยาย เฮยเซียงที่สงบนิ่งเคลื่อนไหวในยามนี้ เขาทะยานร่างไปยังคนทั้งสามทันที กำหมัดเหวี่ยงเข้าหาอย่างเงียบงัน

ฮู่ว!

เสียงลมเย็นเชียบคำราม อัดกระแทกไปยังคนทั้งสาม ทั้งสามคนถูกบังคับให้หยุดลง หลังจากสลายพลังลงแล้วก็แล่นเท้าสู่พื้น ร่างกายถูกแยกห่าง กายสั่นด้วยพลังที่ปั่นป่วน พลังหมัดของเฮยเซียงทำหลังคาระเบิดเป็นรูกว้าง สายลมเย็นเชียบยังคงเหลือร่องรอย แทรกซึมเข้าสู่ใจของพวกเขา

สามอาวุโสใหญ่แห่งตระกูลหลง เป็นที่รู้จักกันทั่วทั้งเมืองเทียนหลง ยามนี้กลับถูกบังคับให้ล่าถอยด้วยกำลังกายของมนุษย์ พวกเขามองเฮยเซียงอย่างเย็นชา คนผู้หนึ่งสืบเท้ามาข้างหน้า เป็นอาวุโสหลี่ที่ขมวดคิ้วขณะถาม “เจ้า.... เป็นใครกันแน่!”

กริชในมือของหลินขวงยังคงปักคาอกของหลงหยิน สีหน้าของหลงหยินยิ่งมายิ่งซีดขาว หัวใจของหลินขวงรู้สึกหลุดพ้นอย่างไม่อาจบรรยาย เขาถอนกริชออกมา ถอยหลังไปสองก้าวและล้มลงนั่งบนพื้น กริชยาวที่แทงทะลุร่างหลงหยิน แทบจะสูบกลืนพลังทั้งหมดของเขา

“ฮ่า ฮ่า.... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า.....” หลินขวงชี้นิ้วไปที่หลงหยิน หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ปลดปล่อยความคั่งแค้นที่สั่งสมมานาน ในที่สุดเขาก็ได้ปักมีดลงกลางอกของหลงหยิน

“เจ้า.... เจ้า....” ฝ่ามือกุมอกที่เต็มไปด้วยโลหิต หลงหยินสั่นเทาไปทั่วร่าง ถอยเท้าแข็งทื่อไปหลายก้าว ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ แววตาเริ่มเลื่อนลอย ผสานกับความแปลกใจอันล้ำลึก อาวุโสหลี่ อาวุโสหลิว อาวุโสเยี่ยน หัวใจหดวูบ ตำแหน่งที่หลงหยินได้รับบาดเจ็บนั้น ผ่านไปอีกไม่นานเขาย่อมสิ้นชีวิตลง ไหนเลยทั้งสามจะรั้งรอได้อีก สามคนมองหน้ากันแล้วพุ่งออกไป

ครืนน.....

เสียงสะเทือนดังขึ้นมาจากด้านนอก นำมาพร้อมความกดดันประหลาด จากนั้น เสียงแหบพร่าเย้ยหยันก็แผ่ลงจากฟ้า “น่าชม น่าชมยิ่งนัก.... หนึ่งในผู้ภักดีสูงสุดทรยศต่อเจ้า ตอนนี้ยังตามติดด้วยอีกคน หลงหยิน อารมณ์ของเจ้าในยามนี้ สมควรวิเศษมาก”

ประกายสีเงินเย็นเยียบลอยลงมาจากรูใหญ่ ทั้งร่างสวมอยู่ในชุดสีเงิน ใบหน้าปิดบังไว้ด้วยหน้ากากเงิน สายตาเยาะหยันมองไปที่หลงหยิน ผู้มีใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความทรมาน มุมปากโค้งขึ้นช้าๆ.... ปรากฎรอยยิ้มแห่งการเยาะหยัน



<<<PREV    .    NEXT>>>