วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 401

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 401 ตระกูลหลินก่อกบฎ

ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆ บดบังดวงจันทร์และดวงดาวจนหมดสิ้น ใต้ท้องฟ้ารัตติกาล แผ่นดินเป็นผืนมืดดำ บ่อยครั้งมีเสียงลมกรรโชก นำพาความเย็นเยียบมาสู่ผู้คนที่ได้ยิน สำหรับยอดฝีมือแล้ว นี่เป็นคืนที่เหมาะแก่การสังหาร

ตระกูลเย่ยามค่ำคืนเงียบสงบตามปกติ มีตะเกียงไฟไม่กี่ดวงที่ส่องสว่าง ส่งแสงสลัวเจือจาง ในความเงียบงัน มีเงาดำร่างหนึ่งตรงไปยังปากประตูหน้าของตระกูลเย่ช้าๆ อาศัยความมืดอำพรางกาย จากนั้นพริ้วร่างกระโดดขึ้นอย่างเงียบงัน มันลอยอยู่กลางอากาศครู่หนึ่ง ก่อนจะร่วงลงบนหลังคา แนบกายลงด้วยเสียงแผ่วเบาจนแทบไม่อาจสังเกต

อย่างไรก็ตาม เสียงที่ไม่ควรมีใครได้ยิน กลับมีบางคนรู้ตัวและส่งเสียงตะโกนลั่น

“ผู้ใด!”

เสียงเย็นชาดังเข้ามาในหู ชายชุดดำไร้ความตกใจใดๆ เมื่อรู้สึกถึงกระแสลมเย็นเชียบเข้ามาใกล้จากใต้เท้า มันก็ยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นขยับร่างหลบออกไป

ตูม! กระเบื้องบนหลังคาปลิวว่อน เกิดช่องโหว่ขนาดใหญ่บนนั้น ร่างแรกที่ทะยานออกมาเป็นชายร่างผอมในชุดสีเขียวที่ดูรุ่มร่าม เขาหยุดอยู่ตรงข้ามกับชายชุดดำ ดูจากสภาพเสื้อเห็นได้ชัดว่าเพิ่งตื่น และสิ่งที่ทำให้ชายชุดดำตกใจเล็กน้อยก็คือ กลิ่นอายเย็นเยียบที่ชายผู้นี้แผ่ออกมาเต็มไปด้วยจิตสังหาร

เล่งหยา!

“เกิดอะไรขึ้น!?”

ประตูด้านล่างถูกเปิดออก เงาร่างสูงใหญ่ทะยานขึ้นมาดุจพยัคฆ์และหยุดอยู่ข้างเล่งหยา หลังจากมองยังชายชุดดำ สีหน้าเขาก็ตื่นตกใจและกล่าวอย่างเคร่งเครียด “เจ้าเป็นใคร?”

เสียงหลังคาพลังถล่มดังไปทั่ว กระตุ้นผู้คุ้มกันกะดึกของตระกูลเย่ให้รู้ตัวทันที จากนั้นมีเสียงฝีเท้าเร่งร้อนหลายคู่ดังมาไกลๆ ชายชุดดำและคนทั้งสองจ้องมองกัน ทันใดนั้นมันไม่กล่าวคำ หมุนร่างและหนีออกไป ความเร็วของมันสูงล้ำ พริบตาเดียวก็หายลับไปในม่านความมืด

มันกำลังจะแตะเท้าลงพื้น แต่ฉับพลันมีสายลมไล่ตามมาจากเบื้องหลัง ด้วยความเร็วที่เทียบกับมันได้อย่างคาดไม่ถึง ในใจตื่นตะลึงทันที ทว่าจู่ๆสายลมนั้นก็หยุดลง ด้วยเสียงห้ามปรามดังลอยมา “ไม่ต้องตามไป.... ไม่จำเป็นต้องทุบตีมัน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าศัตรูใช้แผนล่อเสือออกจากถ้ำ น้องเย่อยู่ในสภาพเช่นนี้ พวกเราจะต้องไม่ละทิ้งจากที่นี่”

มุมปากของชายชุดดำยกขึ้นและแค่นเสียง มันวิ่งหนีออกไปไกล คืนนี้มันได้บรรลุเป้าหมายแล้ว

จนกระทั่งชายชุดดำจากไป ฉู่จิงเทียนจึงถอนหายใจคราหนึ่ง จากนั้นกล่าวกับเล่งหยา “เออ เจ้าหน้าน้ำแข็ง เจ้านั่นน่าจะเป็นพวกที่น้องเย่พูดถึง มันคงจะมาสำรวจ พวกเราหลอกมันสำเร็จแล้วใช่มั้ย?”

เล่งหยาไม่สนใจ เขากระโดดลงไปในช่องโหว่ของหลังคา จากนั้นล้มนอนลงบนเตียง ปรับลมหายใจเล็กน้อยจนสงบดุจแผ่นน้ำ

ฉู่จิงเทียนเกาศีรษะแกรกๆ จากนั้นกลับไปยังห้องของตัวเอง เขาไม่อาจนอนหลับได้ คอยฟังเสียงจากข้างนอกด้วยใจจดจ่อ

ข่าวเรื่องที่เย่หวูเฉินตาบอดไม่ได้เป็นความลับนับแต่วันแรกที่เขาตื่นขึ้น หลายวันต่อมา ตระกูลเย่ตั้งแต่สูงยันต่ำคอยเที่ยวเสาะหาหมอที่เชี่ยวชาญด้านดวงตา ทว่าสำหรับคนที่สายตาเฉียบแหลมแล้ว เทียบกับคนตาบอดอย่างเย่หวูเฉิน สภาพของเด็กหญิงชุดดำทำให้พวกเขาสนใจมากกว่า

เมื่อครั้งที่เหยียนซีหมิงเสนอให้หาโอกาสสังหารเย่หวูเฉิน เหยียนต้วนหุนปฏิเสธอย่างจริงจัง เมื่อเขารู้ว่าสตรีเทพพิโรธไม่ได้สติ และไม่ตื่นขึ้นมา เขาก็รออยู่นานในความเงียบงันเพื่อวางแผน สำนักจักรพรรดิใต้ถูกทำลายรากฐานจนสิ้น เขาไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไร ทว่าสตรีเทพพิโรธเคยทำให้สำนักจักรพรรดิใต้ตกอยู่ในความกลัว เขาจึงหวั่นเกรงนางล้ำลึกอยู่ข้างใน การสังหารเย่หวูเฉินไม่ใช่เรื่องเล็ก เขาต้องกันสตรีเทพพิโรธออกไปก่อน มิเช่นนั้น นางย่อมกลายเป็นความเสี่ยงใหญ่หลวง ทำให้คนไม่อาจหลับนอนเหมือนอยู่บนเตียงเข็ม

สิ่งแรกที่ต้องทำคือสำรวจ พวกเขาอาจไม่สนใจว่าสภาพของเย่หวูเฉินเป็นเรื่องจริงหรือหลอก แต่สิ่งที่ต้องยืนยันให้ชัด คือสตรีเทพพิโรธต้องไร้สติจริง ดังนั้นพวกเขาจึงส่งคนไป และตอนนี้ก็ได้ผลลัพธ์แล้ว.... การเคลื่อนไหวเล็กน้อยที่สร้างขึ้นอย่างจงใจไม่ได้ปลุกสตรีเทพพิโรธ แต่ปลุกสหายสองคนของเย่หวูเฉิน

หลังจากที่ได้รับข่าว ยอดฝีมือสำนักจักรพรรดิเหนือหลายคนที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดก็ตรงไปที่ตระกูลเย่

ค่ำคืนนี้ในเมืองเทียนหลง ถูกกำหนดให้ไม่ใช่คืนที่เงียบสงัดนัก

เบื้องหน้าราชวังเทียนหลง

“รักษาการหลิน ดึกดื่นป่านนี้ เจ้านำทหารและม้ามากมายมาด้วยเหตุอันใด!”

มีกองกำลังกลุ่มใหญ่จำนวนสองกลุ่มประจัญหน้ากันอยู่หน้าประตูทางเข้าราชวัง ภายใต้แสงไฟที่ส่องสว่าง กระบี่ หอก โล่ สะท้อนแสงเย็นของโลหะ หัวหน้ากลุ่มทั้งสองยืนแยกประจัญหน้ากัน สีหน้าโกรธเกรี้ยวจ้องมองกันอย่างน่าเศร้า

“วางใจได้ ข้ารับบัญชาจากขุนพลชราหลิน ให้มาคอยคุ้มกันราชวังเป็นการเฉพาะ”

“คุ้มกันราชวัง? น่าหัวร่อ ดูแล้วพวกเจ้าจะก่อกบฎซะมากกว่า” หัวหน้ากองทัพในชุดเกราะหนักคอยป้องกันประตูทางเข้าราชวัง ตะโกนส่งเสียงออกไป

“เห่อ.... ขุนพลชราหลินมีพระคุณอันใหญ่หลวงต่อข้าดุจขุนเขา ต่อให้เขาต้องการให้ข้าตกตาย ข้าก็จะทำโดยไม่กระพริบตา หากจะโทษก็จงโทษจักรพรรดิที่โหดเหี้ยมนัก.... ในเมื่อรู้อยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมากความอีก ลงมือ”

หลังจากที่ หลินเสี่ยว และ หลินซาน แห่งตระกูลหลินตกตาย ปากประตูหน้าของตระกูลหลินก็ปิดเงียบ หลินขวงเองก็เงียบงัน เขาย่อมไม่ป่วยไข้นานถึงขนาดนั้น คืนนี้ ในที่สุดตระกูลหลินที่เงียบงันก็เคลื่อนไหว และเป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่.... เมื่อม่านราตรีเข้าปกคลุม กองกำลังทั้งหมดของตระกูลหลินทั้งนอกเมืองและในเมืองล้วนถูกระดมมายังเมืองเทียนหลง

ทหารและม้าจำนวนมากที่ยกพลมาย่อมส่งเสียงดังไปถึงภายในราชวัง ตระกูลหลินเคลื่อนทัพทหารและม้าจำนวนมากมาถึงเบื้องหน้า ทำให้เหล่าองครักษ์และทหารประจำเมืองต่างเร่งรุดมาที่นี่ด้วยความตื่นตระหนก กองทัพขนาดใหญ่ตั้งแถวขบวนอยู่หน้าราชวังพร้อมระเบิดศึก

ประตูราชวังถูกปิดแน่น เหนือกำแพงมีพลธนูน้าวลูกศรเล็งไปยังเบื้องล่าง กลุ่มป้องกันราชวังตั้งแถวอย่างหนาแน่น ใบหน้าทหารแต่ละนายเคร่งเครียดจริงจัง ตระกูลหลินที่เศร้าโศกย่อมเป็นที่สงสัยของผู้คน และแล้ววันนี้ข้อสงสัยที่ถกกันมานานก็กลายเป็นจริง จากสถานการณ์ในยามนี้ หากบอกว่าตระกูลหลินไม่ได้ก่อกบฎ เกรงว่ากระทั่งภูตผีก็ยังเชื่อไม่ลง

“เฮอะ! คนทรยศอย่างพวกเจ้า ยังมีหน้ามาพูดเรื่องบุญคุณดุจขุนเขา!” หัวหน้าฝ่ายป้องกันแค่นเสียง หอกยาวในมือชูขึ้นช้าๆ

หัวหน้ากองทัพตระกูลหลินขมวดคิ้ว สะบัดมือขึ้นและตะโกนลั่น “ลงมือ! บุกเข้าไปในราชวัง สังหารจักรพรรดิทันทีที่พบเห็น! ในเมื่อจักรพรรดิรังเกียจพวกเรา เหตุใดพวกเราต้องภักดีต่อมันด้วย บุก!!”

“เฮ!!”

แสงกระบี่สะท้อนวูบวาบ ฝ่ายตระกูลหลินบุกเข้าใส่ฝ่ายป้องกันตามคำสั่งหัวหน้าดุจคลื่นน้ำ ศึกนองเลือดกำลังจะระเบิดขึ้นที่เบื้องหน้าราชวัง

ตูม!!

ทันใดนั้น มีเสียงระเบิดดังขึ้น ผู้คนหันความสนใจไปทางเสียงทันที ต่างต้องตกใจเมื่อพบว่ากำแพงวังที่หนาหลายเมตรถล่มลง เศษซากกระจัดกระจายไปทั่ว ทหารที่อยู่ใกล้ถูกฝังกลุ่มใหญ่ เสียงร้องโหยหวนดังระงม ในม่านความมืด กำแพงวังทั้งสองฝั่งถล่มลงเป็นช่องกว้างนับสิบเมตร

ใต้ท้องฟ้าอันมืดมิด มีสองร่างในชุดดำจากไป ท่ามกลางคนนับหมื่น กลับไม่มีผู้ใดตรวจพบตัวตนของทั้งสองคน

“เกิดอะไรขึ้น!” หัวหน้าฝ่ายป้องกันตกใจอย่างมาก ส่งเสียงตะโกนลั่น การถล่มของกำแพงทำให้ผู้คนโกลาหล เสียงสนั่นทำให้ผู้คนที่อาศัยในวังตื่นกลัว “ดูนั่น.... กระทั่งสวรรค์ยังส่งเสริมพวกเรา กำแพงวังถล่มลงแล้ว ไม่บุกเข้าไปตอนนี้แล้วจะบุกตอนไหน ไป!”

“เฮ!!!”

กองทัพของตระกูลหลินตะโกนกู่ร้องเสียงดังกว่าครั้งก่อนอย่างเห็นได้ชัด ถ้อยคำของหัวหน้าที่บอกว่ากำแพงวังถล่มเพราะการช่วยเหลือของสวรรค์ ทำให้ขวัญกำลังใจพุ่งขึ้น ความลังเลใจสลายไปเกือบหมด กองทัพตระกูลหลินพุ่งเข้าปะทะฝ่ายป้องกันราชวังอย่างดุเดือด เงาแสงกระบี่วูบวาบพร้อมเลือดสาดกระจาย กองทัพตระกูลหลินถาโถมไปยังช่องว่างของกำแพง สังหารเพื่อหมายเข้าไปในราชวังจนเกิดโกลาหล

เป็นการยากที่จะป้องกันเมือง โดยเฉพาะเมืองที่ไร้กำแพง หากนี่เป็นสงครามที่หมายฆ่าล้าง เช่นนั้นตระกูลหลินย่อมไม่รอให้ทัพกำลังเสริมของราชวังมาถึง ยิ่งเวลานี้กำแพงถล่มลง ฝ่ายป้องกันราชวังทำได้เพียงมองคลื่นกองทัพตระกูลหลินบุกโถมเข้ามา และตั้งกำแพงมนุษย์ต้านรับไว้อย่างโชกเลือด

เมื่อได้รับข่าวว่าตระกูลหลินกำลังระดมกำลังพล หลงหยินจึงตื่นอยู่ตลอดคืน จากนั้นก็ทราบข่าวว่าตระกูลหลินยกทัพมาหน้าราชวัง ทัพใต้บัญชาของตระกูลหลินถึงแม้จะด้อยกว่าตระกูลเย่ แต่ก็นับได้ว่าแข็งแกร่งอย่างมาก แข็งแกร่งพอทำให้หลงหยินหวาดกลัว หลงหยินใช้เวลาส่วนใหญ่ของค่ำคืนไปกับความคับใจ ความภักดีของหลินขวงเขาไม่เคยสงสัย ทว่าแม้เขาเองก็ได้กลิ่นไม่ชอบมาพากลนานแล้ว แต่ในใจยังคงไม่อยากเชื่อว่าหลินขวงจะก่อกบฎ คิดไม่ถึงว่าวันนั้นจะมาถึงเร็วเช่นนี้

หลังจากได้รับข่าวกองทัพตระกูลหลินบุกเพียงไม่นาน ด้านนอกก็ได้ยินเสียงระเบิดดังมาแต่ไกล หลงหยินกำลังจะตะโกนถาม องครักษ์ด้านนอกก็วิ่งเข้ามาอย่างแตกตื่น “ฝ่าบาท ไม่ทราบว่าเหตุใด จู่ๆกำแพงก็ถล่มลง กองทัพตระกูลหลินเริ่มบุกเพื่อจะเข้ามาแล้ว....”

“อะไรนะ!?” หลงหยินตื่นตกใจ ผุดลุกขึ้นจากที่นั่ง หัวใจเย็นเยียบทันที เมืองที่ไร้กำแพงกางกั้น วิกฤตกดดันย่อมเพิ่มขึ้นหลายเท่าโดยไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องกล่าวถึงเมืองที่ไร้กำแพง หากเป็นราชวังที่ไร้กำแพง ผลลัพธ์ย่อมน่ากลัวกว่าหลายเท่า หลงหยินร่างสั่นสะท้าน ตะโกนออกไปดังลั่น “ส่งองครักษ์ครึ่งกองไปป้องกันที่ประตูมังกร ที่เหลือห้ามเคลื่อนไหวตามใจชอบ ก่อนที่กำลังเสริมจะมาถึง ห้ามให้ผู้ใดข้ามผ่านประตูมังกรได้แม้แต่ครึ่งก้าว ไปเดี๋ยวนี้!”

“พะยะค่ะ!”

หลงหยินฟาดมือลง หลังจากองครักษ์ออกไปแล้ว เขาก็เดินกลับไปกลับมาอย่างไม่อาจอดทน คนกวาดถ้วยน้ำชาบนโต๊ะลงพื้นอย่างรุนแรง

“ฝ่าบาทวางใจได้ หากผู้ใดคิดทำร้ายฝ่าบาท ข้าเฮยเซียงจะระเบิดศีรษะของมันเอง” เฮยเซียงยืนอยู่ด้านหลังหลงหยิน กล่าวคำอย่างระวัง

“ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย ด้วยพลังของตระกูลหลิน หายนะที่สร้างได้ย่อมไม่ถึงระดับเคลื่อนลมฝน เมื่อมีพวกเราอยู่ที่นี่ ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย” อาวุโสหลี่ส่งเสียงมาจากที่ซ่อน

“ฮ่าย!” หลงหยินถอนหายใจยาว นั่งลงอย่างหนักหน่วงบนที่นั่ง หัวคิ้วขมวดมุ่นกล่าวกับตัวเอง “ที่ข้ากังวลมากที่สุดก็คือ เหตุใดจู่ๆกำแพงถึงถล่มลง....”



<<<PREV    .    NEXT>>>