วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 404

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 404 ความตายของหลงหยิน

“ฝ่าบาท.... บ่าวชราผิดต่อท่านนัก ผิดต่อท่านนัก....” หลินขวงยังคงพูดพึมพำ ราวกับว่าไม่ได้ยินสิ่งใด ยังคงพังพาบอยู่บนพื้น กล่าวคำซ้ำๆอย่างคนไร้วิญญาณ หลงหยินหอบหายใจทางปากหนักหน่วง ลมหายใจยิ่งมายิ่งกระชั้น สีหน้าเริ่มซีดเซียว หวาดกลัว , ตัวสั่น , ตื่นตระหนก อารมณ์หลากหลายประดังเข้ามาในหัวใจ

“เจ้าไม่ได้ทำผิดต่อหลงหยิน หากกล่าวให้ถูกคือเป็นข้าเองที่บีบคั้นเจ้า แต่เจ้ารู้สึกเสียใจนั้นถูกแล้ว เจ้ามีบุตรกับหลานชาย และหลานชายเจ้าไม่ได้มีแค่เพียงหลินเสี่ยว”

สิ้นเสียงของเย่หวูเฉิน สายลมเย็นเชียบก็หอบเข้ามาจากรูกว้างเหนือศีรษะ ร่างของคนผู้หนึ่งร่วงลงมาอย่างรุนแรง หมุนกลิ้งไปบนพื้น พอหยุดลงก็หงายหน้าขึ้นฟ้า ร่างกายบิดกระตุกเล็กน้อย จากสภาพเห็นได้ชัดว่าไร้สติ

พอเห็นหน้าของคนผู้นั้นชัด ดวงตาของหลินขวงก็เบิกกว้างแทบสิ้นสติ ฟันสั่นกระทบกัน ตะโกนส่งเสียงอย่างโศกเศร้า “หยุนเอ๋อร์.... หยุนเอ๋อร์!”

“หยุนเอ๋อร์? เจ้ายังคู่ควรเรียกมันว่าหยุนเอ๋อร์อยู่อีกหรือ?” เย่หวูเฉินกล่าวอย่างราบเรียบ “เพื่อทำลายตระกูลเย่ ตอนที่มันเกิดมาเจ้าลอบพามันออกจากบ้าน ฝึกฝนมันให้กลายเป็นเครื่องมือ ตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่ พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดยังไม่เคยทราบถึงการมีอยู่ของตัวมัน มีคนอย่างเจ้าเป็นปู่ ข้าพูดได้เพียงว่าเป็นเคราะห์ร้ายสูงสุดของมัน แม้ว่าข้าจะหยาบคายต่อมัน แต่ที่รู้สึกยิ่งกว่านั้นคือความสงสาร”

ถ้อยคำของเย่หวูเฉินประดุจมีดน้ำแข็งเสียบเข้าหัวใจของหลินขวง สภาพของหลินหยุนที่ใกล้ตกตายยิ่งทำให้หัวใจของเขาบีบรัด เขาหยัดร่างขึ้น พยายามคลานไปหาเย่หวูเฉิน โขกศีรษะลงกับพื้นอย่างรุนแรง คำนับอย่างน่าหดหู่พร้อมส่งเสียง “ความผิดนับพันที่ข้าหลินขวงก่อไว้ ข้าหลินขวงขอยอมรับด้วยความเต็มใจ ข้าสมควรถูกสับเป็นชิ้นๆ หรือกระทั่งถูกสายฟ้าฟาด แต่หยุนเอ๋อร์ไม่ได้ผิดอะไร เขาเป็นเพียงเครื่องมือเท่านั้น ตั้งแต่เกิดมาก็มีชะตาน่าสงสาร ขอเจ้าได้โปรดเมตตา ปล่อยชีวิตเขาไป จะให้เขาเป็นทาสของตระกูลเย่ก็ยังได้ ขอเพียงปล่อยเขาไป ได้โปรดปล่อยเขาไป....”

หลังจากหลินเสี่ยวตกตาย หลินหยุนที่ถูกส่งมาตระกูลเย่ตั้งแต่เด็กก็กลายความหวังสุดท้ายของสายเลือด หลายวันที่ผ่านมา เขาจมจ่อมอยู่กับความเกลียดชังต่อหลงหยิน ทั้งภาวนาให้ตัวตนของหลินหยุนไม่ถูกเปิดเผย เพื่อไม่ให้สายเลือดตระกูลหลินถูกตัดขาดจริงๆ ตั้งแต่ได้ยินข่าวลือว่าเขาถูกส่งตัวไปทำการค้าในตอนใต้ นับจากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวของเขาอีกเลย หลินขวงจึงตระหนักได้ถึงเรื่องไม่น่าสบายใจ และเขาไม่อยากเชื่อเลยว่า เวลานี้ เขาจะเห็นหลินหยุนในสภาพน่าอเนจอนาถ ในที่สุด เขาก็ได้พบกับความสิ้นหวังที่แท้จริง

“ปล่อยมัน? ตอนที่เจ้าทำร้ายตระกูลเย่ของข้า เจ้าเคยมีเมตตาด้วยอย่างงั้นเหรอ? ตอนนี้ยังมีหน้าอ้อนวอนขอให้ข้าปล่อยทายาทของเจ้าไป....” ระหว่างที่หลินขวงหวาดกลัว เย่หวูเฉินก็เผยแววเหยียดหยันบนใบหน้า นั่นทำให้หัวใจของเขาเต้นรัว เขาค่อยๆยื่นมือซ้ายไปทางหลินหยุน....

ติ้ง!

แท่งน้ำแข็งเล็กๆพุ่งออกจากปลายนิ้ว สะท้อนประกายอันเย็นเยียบ เสียบเข้าไปในลำคอของหลินหยุน ปักลึกจนมีเลือดไหลซึมออกมา เสียงตัดเนื้อได้ยินถึงหูทุกคนชัดเจน ร่างของหลินหยุนชะงักค้าง ดวงตาเหลือกขึ้น ร่างที่เกร็งกระตุกตอนนี้ไร้การเคลื่อนไหวใดๆอีก

“หยุนเอ๋อร์!” หลินขวงตะโกนร้องอย่างโศกเศร้าและหดหู่ ร่างอ่อนปวกเปียกร้องโหยหวน หลินซานตาย , หลินเสี่ยวตาย , หลินหยุนตาย , หลินอวี้พิการ ความสุดท้ายของสายเลือดตระกูลหลินพังทลายลง หัวใจของหลินขวงร่ำร้องจนกลายเป็นเถ้าแห่งความตาย

“เสียใจมากงั้นหรือ?” เย่หวูเฉินถอนมือกลับอย่างไร้อารมณ์ ไม่ได้เหลือบมองหลินหยุนที่ไร้แววตาและไร้เสียง “หนึ่งเดือนก่อน มันตกอยู่ในกำมือข้า ข้าไม่รังเกียจที่จะสังหารมัน เพียงแต่ข้ารอเวลาให้ถึงวันนี้ รอให้เจ้าที่ทำร้ายผู้สัตย์ซื่อ ได้ลิ้มรสความตายของสายเลือดสุดท้ายด้วยตัวเอง!!”

ต่อหน้าหลินขวงที่ร้องไห้อย่างน่าเวทนา เย่หวูเฉินไม่แสดงความเห็นใจแม้แต่น้อย ทว่าในใจมิได้ผ่อนคลาย ทั้งยังสะเทือนใจอย่างล้ำลึก บนโลกนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ ว่าบุตรชายแห่งตระกูลเย่ เย่หวูเฉินตัวจริงไม่เคยถูกช่วยไว้เลย เขาตกตายตั้งแต่สี่ปีก่อน ด้วยน้ำมืออันโหดเหี้ยมของหลงหยินและตระกูลหลิน

เขาผูกพันธ์ลึกซึ้งต่อตระกูลเย่มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น เย่หนู่ , เย่เว่ย และ หวังเวิ่นชู เขาเสียใจต่อปู่และพ่อแม่ของเย่หวูเฉินตัวจริง และเตรียมบอกความจริงอันโหดร้ายต่อพวกเขา ทว่าเมื่อเขานับตัวเองเป็นคนของตระกูลเย่ เขาจึงไม่อาจปล่อยวางความแค้นที่ฝังในกระดูก หลงหยินและตระกูลหลินทำกับตระกูลเย่ถึงเพียงนี้ ดังนั้นเขาต้องตอบแทนคืนให้อย่างสาสมหลายเท่า ทำให้หลงหยินอับอายเพราะข่าวฉาวของหลินเสี่ยวและหลินซิว ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลหลินย่อยยับอัปยศ ทำให้หลินเสี่ยวตกตายตามด้วยหลินซาน ทำให้หลินขวงและหลงหยินบาดหมางกันเอง เมื่อหลินขวงสุนัขภักดีของหลงหยินเสียบคมมีดเข้าไปในร่างของเจ้านาย บทละครที่เขียนไว้ก็ได้ดำเนินมาถึงหน้าสุดท้าย

หลังจากที่เย่หวูเฉินกลับมาที่ตระกูลเย่อีกครั้ง ตระกูลหลินและหลงหยินก็ถูกกำไว้ในฝ่ามือของเย่หวูเฉิน หากเขาต้องการให้พวกนี้ตกตาย ก็สามารถทำได้ง่ายราวกับปอกกล้วย ทว่าเขาไม่ได้ทำเช่นนั้น แต่ปล่อยให้พวกมันเผชิญความสิ้นหวังสาหัสก่อนตกตาย ในขณะเดียวกัน ก็ให้หลินขวงทำลายตระกูลหลินให้ย่อยยับลงด้วยมือตัวเอง ยืมมือมันให้แทงหลงหยิน โดยที่เย่หวูเฉินไม่ต้องเปลืองคนของตัวเอง

“เย่หวูเฉิน เจ้าโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว....” หลงหยินฟันสั่นกระทบกัน ใบหน้าดุร้ายส่งเสียงออกไป

“โหดเหี้ยม?” เย่หวูเฉินเคลื่อนสายตามองไปยังหลงหยินที่นั่งเป็นอัมพาต แววตาที่ใช้ไม่เหมือนกับมองจักรพรรดิ แต่เป็นแววตาที่สงสารต่อคนที่ใกล้ตาย “แต่ข้าคิดว่าคำพูดต่อจากนี้ เจ้าคงสนใจมาก” เขาแค่นเสียงและกล่าวเนิบนาบ “ลูกชายคนที่สามของเจ้าสมควรเรียกว่าหลงเจิ้งฉี? ได้เห็นลูกชายตัวเองตายต่อหน้า ความรู้สึกของเจ้าคงต้องยอดเยี่ยมมาก.... ถูกต้อง นั่นเป็นฝีมือคนของข้าเช่นกัน”

ความเย็นเยียบแผ่คลุมทุกส่วนในร่างของหลงหยินฉับพลัน

“วางใจได้ ลูกชายคนโตของเจ้าหลงเจิ้งหยาง ข้าจะไม่ทำอันตรายใดๆทั้งยังจะช่วยเขาด้วย ส่วนลูกชายคนรองของเจ้าหลงเจิ้งเยว่ จะเป็นหรือตายข้าจะเลือกให้อีกที สำหรับคนอื่นๆข้าคร้านที่จะลงมือ อย่างไรเสีย ทั้งหมดก็นับเป็นคนในครอบครัวของฮวงเอ๋อร์ หลงหยิน ข้าพูดได้เพียงว่าเป็นโชคสูงสุดในชีวิตเจ้าที่มีลูกสาวแสนดี หากไม่ใช่เพราะหลงเจิ้งหยางและฮวงเอ๋อร์ ข้าคงไม่สนใจตระกูลหลงของเจ้า และจะทำให้ย่อยยับเช่นเดียวกับตระกูลหลิน แต่เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน หลังจากที่ฮวงเอ๋อร์ขึ้นครองบัลลังก์ จะไม่มีใครสั่นคลอนตระกูลเย่ของข้าได้อีก หลังจากผ่านคืนนี้ ผู้คนใต้หล้าจะรู้ว่าเจ้าถูกลอบสังหารโดยคมกริชของหลินขวง.... ฮี่ ฮี่ และมันก็เป็นความจริง เพราะข้าเย่หวูเฉินไม่ได้สัมผัสเจ้าแม้แต่นิด”

หลงหยินตกตายด้วยน้ำมือของหลินขวง ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับเย่หวูเฉิน ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวกับสำนักมาร เขาไม่อาจสังหารหลงหยินด้วยมือตัวเอง มิเช่นนั้น มันจะกลายเป็นความผิดต่อหลงฮวงเอ๋อร์

ด้านหลังของหลงหยิน พลังเพลิงวิญญาณถูกส่งเข้าในร่างเพื่อรักษาลมหายใจสุดท้ายของหลงหยิน ฝ่ามือที่รักษาชีวิตของหลงหยินถูกถอนออกฉับพลัน เฮยเซียงปัดมือตัวเองเบาๆ แล้วไปยืนอยู่เบื้องหลังเย่หวูเฉิน ยังคงมองหลงหยินด้วยความสงสาร พอถอนมือออกความเจ็บปวดก็แผ่ลามไปทั่วร่างของหลงหยิน ลมหายใจกลายเป็นหอบกระชั้น ดวงตาเบิกกว้าง และไม่อาจกล่าวคำ

“เฮยเซียงถูกข้าส่งมาให้คอยจับตาดูเจ้า หนึ่งปีที่ผ่านมา ทุกสิ่งที่เจ้าทำในแต่ละวัน , ทุกอย่างที่เจ้าคิดกระทำ , แม้แต่ทุกอย่างที่เจ้ากินในทุกๆวัน , หรือสนมคนใดที่เจ้าใช้เวลาในค่ำคืนด้วย ข้ารู้หมดทุกอย่าง ทุกความลับของตระกูลหลงข้าคุ้นเคยเป็นอย่างดี และเกือบทุกอย่างข้ารู้มาจากเฮยเซียง ความลับที่เจ้าปิดบังไว้จากคนนอก ไพ่ในมือที่เจ้าไม่เคยใช้ในสงคราม ข้ารู้ดีจนหมดสิ้น เจ้าจากไปได้อย่างคลายใจ ทุกสิ่งที่เจ้าครอบครองไม่อาจใช้ได้อีก ดังนั้น ข้าจะช่วยใช้พวกมันแทนเจ้าเอง”

“เจ้า....” ระหว่างซี่ฟันของหลงหยิน ในที่สุดก็มีเสียงเล็ดรอดออกมา

“อย่างไรก็ตาม อย่าได้คิดว่าสายตาที่เฝ้ามองเจ้ามีอยู่เพียงคู่เดียว ความลับของเจ้า ไม่ได้มีเพียงข้าเท่านั้นที่รู้ดี” เย่หวูเฉินเลิกคิ้วขึ้น ชี้นิ้วไปยังคนทั้งสามที่ถูกแช่แข็งอยู่ กล่าวคำอย่างแห้งแล้ง “หลงหยิน เจ้าคงไม่รู้สินะว่าทั้งสามคนนี้ ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่ สองคนที่เจ้าเชื่อใจมากที่สุด สองคนที่เจ้ามักพาไปด้วยอยู่บ่อยครั้ง พวกเขาคือคนของสำนักจักรพรรดิใต้ที่ถูกวางลงบนกระดานหมากของเจ้า สำนักจักรพรรดิใต้รู้เรื่องของเจ้าดีผ่านทั้งสองคนนี้ ส่วนอาวุโสเยี่ยนที่เจ้าไม่ค่อยโปรดปรานเท่าใดนัก เขาคือคนของสำนักจักรพรรดิเหนือ!”

หลงหยินดวงตาเบิกกว้างขึ้นอีกครั้ง ความตื่นตระหนกเปลี่ยนเป็นความหดหู่และสิ้นหวัง อาวุโสหลี่และอาวุโสหลิวหันศีรษะขวับไปทางอาวุโสเยี่ยน ขณะที่อาวุโสเยี่ยนก็หันขวับไปทางพวกเขา.... ความลับนี้ พวกเขาต่างไม่เคยรู้มาก่อน แต่เย่หวูเฉินกลับระบุสถานะตัวตนของพวกเขาออกมาได้อย่างถูกต้อง

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า รู้สึกตลกร้ายใช่มั้ย? ผู้คนรอบกายที่เจ้าเชื่อใจมากที่สุด คนหนึ่งเอากริชแทงอกเจ้า อีกสี่คนเป็นพวกของคนอื่นที่ถูกส่งมาคอยสอดแนมดูเจ้า ส่วนคนที่ภักดีต่อเจ้าเพียงหนึ่งเดียว ผู้พร้อมถวายชีวิตยอมสู้จนตัวตาย กลับถูกเจ้าวางแผนทำลายด้วยตัวเอง หลงหยิน ข้าไม่รู้ว่าควรเกลียดชังเจ้าหรือสงสารเจ้าดี”

ตุบ!

ร่างของหลงหยินอยู่ในท่าแข็งค้าง ไหลลงกระแทกพื้นอย่างหนักหน่วง ดวงตาเบิกกว้างไร้ลมหายใจ

จบสิ้นชีวิต

เขาไม่ได้ตายเพราะคมกริชของหลินขวง แต่ตายด้วยความโกรธจนหัวใจแตก ตกตายอย่างไม่เต็มใจไร้สิ้นสุด

บรรยากาศกลายเป็นเย็นเยียบและนิ่งงันไร้ที่เปรียบ เย่หวูเฉินเคลื่อนสายตาออกจากศพของหลงหยิน แค่นเสียงเย็นและหมุนร่างเตรียมจากไป หากไม่มีสิ่งมากมายคอยฉุดรั้งเท้าเขาเอาไว้ เรื่องในวันนี้คงมาถึงตั้งนานแล้ว

“เฮยเซียง ข้ามอบคนพวกนี้ให้เจ้าจัดการ” เย่หวูเฉินทิ้งคำพูดไว้เบื้องหลังไม่กี่คำ จากนั้นทะยานร่างขึ้น ลอยหายออกไปจากท้องพระโรงอันเยียบเย็น

“นายท่าน ข้ารับรองว่าจะทำหน้าที่ให้สมบูรณ์” เฮยเซียงตะโกนไปยังทิศทางที่เย่หวูเฉินจากไป เมื่อตวัดสายตากลับมาที่ร่างของสามอาวุโสใหญ่ เฮยเซียงก็ไม่อาจอดยิ้ม “ฮี่ฮี่” ได้ ใต้หุบเหวปลิดวิญญาณ เฮยเซียงมีพลังเป็นรองถัดจากเหยียนกงลั่วเท่านั้น ไม่เพียงมีพรสวรรค์ในวิชาเพลิงวิญญาณอันสูงล้ำ แต่ยังมีพลังกายแข็งแกร่งโดยธรรมชาติ เฮยเซียงเข้าใจพลังของสามอาวุโสใหญ่ได้อย่างชัดเจน ขณะที่พวกเขาไม่อาจเข้าใจในพลังของเฮยเซียงได้แจ่มแจ้ง เนื่องจากเฮยเซียงไม่เคยเผยพลังทั้งหมดของตัวเองออกมา เย่หวูเฉินเคยบอกกับเขาว่าอย่าเผยพลังทั้งหมดต่อหน้าศัตรู



<<<PREV    .    NEXT>>>