วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 396

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 396 หยกเทพหิมะ

เย่หวูเฉินลืมตาขึ้น ตอนนี้สมควรเป็นยามเช้า ตะเกียงน้ำแข็งถูกจุดขึ้นด้วยวิธีประหลาด ทำให้ทั่วทั้งวังสตรีหิมะกลับสู่แสงสว่างอีกครั้ง พอเขาตื่นขึ้น ในอ้อมกอดก็มีเสียงเคลื่อนไหวของหญิงสาว ศีรษะของสตรีงดงามหนุนอยู่บนแขนขวา ปากน้อยๆมีน้ำลายไหลย้อย ขนตาขยับไหว ดวงตาค่อยๆเปิดออก ทว่าจากนั้นปิดลงแน่นทันที อุทานร้องอย่างน่าฟัง แขนขาวบอบบางปิดป้องตัวเองไว้ ซุกศีรษะและร่างกายลงในอกของเย่หวูเฉิน ไม่กล้าสบตากับเขา บิดบังเรือนร่างที่เปลือยเปล่าด้วยความอาย เมื่อทรวงอกคู่งามสัมผัสกับอกของเย่หวูเฉิน คนก็ตื่นตระหนก

เย่หวูเฉินผุดความอ่อนโยนในใจ ก้มลงจุมพิตที่จมูกหยกอย่างแผ่วเบา แล้วเอ่ยเรียก “เสวี่ยซิน”

หญิงสาวในอ้อมอกยังไม่กล้าเงยศีรษะขึ้น เพียงส่งเสียง “อิ๋ง~” เบาๆคราหนึ่ง จากนั้นถามเสียงแผ่วเบา “ท่าน....ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าคือเสวี่ยซิน? ขนาดท่านจ้าววังยังเรียกพวกเราสลับกันอยู่บ่อยครั้ง”

“เพราะคิ้วของเสวี่ยซินจะโค้งกว่า ผมตรงหน้าจะปัดไปทางซ้ายเล็กน้อย และ.... ตรงนี้ของเสวี่ยซินยังใหญ่กว่าของพี่สาวนางเล็กน้อย” เย่หวูเฉินพูดจบก็จับลงตรงอกของเสวี่ยซิน จากนั้นบีบเล่นอย่างสบายใจ ทว่าข้างในไม่ทราบว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ ด้วยแผนของมารเสน่ห์ ทำให้เขาพิชิตความบริสุทธิ์ของหญิงสาวทั้งสองคน จากนั้น.... เขาต้องรับผิดชอบพี่น้องสองเสวี่ยนี้ชั่วชีวิต แม้ว่าเขาเพิ่งได้รู้จักกับพวกนาง ทั้งยังไม่ทันเกิดความรู้สึกรักใคร่ระหว่างชายหญิง แต่เขาจะไม่ทอดทิ้งพวกนางเพราะเรื่องนี้

“อ๊ะ....” เสวี่ยซินตกใจจนร่างหด แต่นางไม่ได้ปฏิเสธการลูบคลำของเขา เพียงลอบซุกศีรษะลงไปอีก พิษกำหนัดของเสวี่ยเฟยเยี่ยนสามารถปลุกเพลิงราคะให้แผดเผาหัวใจ นางและเสวี่ยอู่ทราบดีว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่เขากระทำนั้นหยาบช้าเพียงใด.... ใบหน้าของนางร้อนผ่าว หัวใจเต้นเร็ว ทว่าลึกๆในใจผุดความรู้สึกชอบพอ พวกนางทราบดีว่านี่คือบุรุษที่จ้าววังเฝ้าถวิลหา เป็นบุรุษผู้สมบูรณ์แบบของจ้าววัง เป็นบิดาของซือเฉิน สำหรับพวกนางแล้ว เพียงได้ปรนนิบัติเขาชั่วชีวิตก็นับว่าเป็นชีวิตที่สมบูรณ์


“เสวี่ยอู่ ถ้ายังทำเป็นหลับอีก ข้าจะตีก้นเล็กๆของเจ้า” มืออีกข้างของเย่หวูเฉินจับหมับลงบนก้นของหญิงสาวที่อยู่ด้านขวา นางปิดดวงตาแน่น แต่ขนตาที่สั่นไหวเป็นสิ่งแสดงว่านางตื่นแล้วจริงๆ พอถูกเย่หวูเฉินเรียกหัวใจนางก็ปั่นป่วน ทว่ายังคงหลับตาปี๋โดยไม่กล้าลืมขึ้นทันที

ครืด! ประตูน้ำแข็งถูกผลักเปิด ใบหน้าทรงเสน่ห์ของเสวี่ยเฟยเยี่ยนยืนอยู่ตรงประตู มองคนทั้งสามด้วยยิ้มหวาน ม่านตากระจ่างงามยังคงน่าหลงใหลเหมือนทุกครา หลังจากหมดเรี่ยวแรงจากปรารถนาที่ท่วมท้น และได้รับความชุ่มช่ำ ใบหน้านางก็ฉายความงามออกมาอย่างเจิดจ้า ดุจตัวไหมที่รุ่งเรืองในฤดูใบไม้ผลิ ความงามเฉิดฉายจนคนไม่อาจมองตรง ราวกับว่านางอายุน้อยลงหลายปี เสน่ห์ของผู้ใหญ่ผสานกับความงามของสาวน้อยอย่างลงตัว

วังสตรีหิมะมีกันอยู่ไม่กี่คน เมื่อได้ยินเสียง เสวี่ยซินและเสวี่ยอู่ก็ทราบทันทีว่าเป็นใคร ในใจพลันกลายเป็นปั่นป่วน เสวี่ยอู่ไม่อาจทำเป็นหลับได้อีก รีบผวาคว้าบางสิ่งเพื่อปิดบังร่างเช่นเดียวกับเสวี่ยซิน ทว่าเสื้อผ้าของพวกนางถูกฉีกทึ้งไปเมื่อคืน จึงไม่อาจหาสิ่งใดมาปิดบังร่างได้ ในที่สุดทำได้เพียงหดร่างหลบอยู่กับเย่หวูเฉิน ก้มศีรษะเล็กๆลงไม่กล้าเงยขึ้น

เสวี่ยเฟยเยี่ยนยิ้มบาง แทบจะหัวเราะออกมา บนร่างของเสวี่ยซินและเสวี่ยอู่มีร่องรอยดุเดือดกระจายทั่ว พวกนางร้อนผ่าวไปทั่วร่าง แม้ว่าร่างกายของพวกนางจะเป็นดุจหิมะและน้ำแข็งต่างจากหญิงสาวธรรมดาทั่วไป ทั้งผสานความงามที่ให้กลิ่นอายบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ แต่พวกนางก็ไม่ได้ว้าวุ่นหรือรู้สึกไม่เป็นธรรม กลับกันพวกนางดูคล้ายชมชอบอยู่ลับๆ

“ได้เวลาตื่นแล้ว คิกๆ....” ในที่สุด เสวี่ยเฟยเยี่ยนไม่อาจอดเสียงหัวเราะได้ แววตาทรงเสน่ห์มองยังเย่หวูเฉิน จากนั้นบิดเอวหันสะโพกออกไปด้วยเสียงหัวเราะ

....................

....................

วังสตรีหิมะ ในหอน้ำแข็ง เสวี่ยเฟยเยี่ยนนั่งอยู่ใต้ต้นดอกน้ำแข็งที่ส่งแสงระยิบระยับงดงาม หลังมือขาวละมุนลูบสัมผัสที่แก้ม แววตาเป็นประกายสีสันงดงาม

เสวี่ยซินถือถาดน้ำชาเดินเข้ามาหา จากนั้นวางลงบนโต๊ะตรงหน้าเย่หวูเฉิน ลอบชำเลืองมองเขาครั้งหนึ่ง จากนั้นรีบก้มศีรษะลง ใบหน้าแดงผ่าว และวิ่งออกไป เย่หวูเฉินถือถ้วยน้ำชาขึ้นจิบสัมผัสรส มองเสวี่ยเฟยเยี่ยนใต้ต้นดอกน้ำแข็งอย่างเงียบงัน ราวกับคนกำลังชื่นชมภาพศิลปะตรงหน้า

“พี่หญิงดูดีหรือไม่?” เผชิญกับสายตาที่จ้องมองไม่ละวาง เสวี่ยเฟยเยี่ยนยิ้มบางเอามือป้องปาก ดวงตางามมองมาด้วยเสน่ห์ร้ายกาจ ผสานกับแสงประกายของน้ำแข็งบริสุทธิ์ ไม่เพียงก่อให้เกิดภาพอันศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังกระตุ้นตัณหาทำหัวใจคนกระเพื่อม

“......” สตรีตรงหน้าเป็นผู้งามล้ำ ไม่อาจหาคำใดมาอธิบายได้ โดยเฉพาะเมื่อยามบุปผาเบ่งบาน ความงามที่แผ่ออกมาราวกับไร้ขอบเขต งดงามจนเย่หวูเฉินไม่อาจพรรณนาออกมาเป็นคำพูด

“น้องชายตัวร้าย พี่หญิงชอบสีหน้าของเจ้าในยามนี้นัก....” เสวี่ยเฟยเยี่ยนสะบัดผมไปอีกด้านและยิ้มบาง เสียงอ่อนหวานขณะกล่าวคำ แก้มของนางเรื่อเป็นสีแดงอย่างเงียบเชียบ ชวนลุ่มหลงถึงไขกระดูก เย่หวูเฉินจ้องตาค้าง เทียบกับเมื่อวาน เสน่ห์มนต์มารของสตรีหิมะเพิ่มขึ้นหลายเท่า รอยยิ้มธรรมชาติแผ่เสน่ห์ไร้ต้าน เย่หวูเฉินรู้สึกว่าตนเองแทบไม่อาจระงับอารมณ์ได้

“หากได้อยู่ที่นี่ตลอดไป ก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย” เย่หวูเฉินเคลื่อนสายตามองไปยังที่ไกล ชื่นชมผืนหิมะสีขาวและเกล็ดน้ำแข็ง กล่าวคำบางเบา ที่แห่งนี้เป็นสรวงสวรรค์อีกแห่ง เป็นโลกอันบริสุทธิ์ไร้สิ่งแปดเปื้อน

สองสายตาของเสวี่ยเฟยเยี่ยนวาบประกายน่าลุ่มหลง ม่านตางามมองตรงที่เย่หวูเฉินและกล่าว “น้องชายแสนดี พี่หญิงเองก็หวังอยากให้เจ้าอยู่ที่ตลอดไป.... รวมถึงน้องหญิงเสวี่ยเอ๋อร์ และเพื่อนสตรีของเจ้าอีกหลายคน พี่หญิงมีวิธีทำให้พวกนางไม่เกรงกลัวความหนาวเย็นของที่นี่”

นางกล่าวความปรารถนาสูงสุดออกมาอย่างเงียบงัน แม้นางจะทราบดีว่าความหวังนี้ไม่มีวันเป็นจริง เพราะเย่หวูเฉินไม่ใช่บุคคลที่ยินดีกับการอยู่นิ่ง ลึกๆในใจนางอยากเห็นเย่หวูเฉินเคลื่อนลมฟ้าของโลกนี้ ให้ทั้งทวีปเปลี่ยนไปด้วยฝีมือเขา

เย่หวูเฉินวางถ้วยน้ำชาลง สายตามองไปยังทางเหนือ จากนั้นค่อยๆกล่าวอย่างล้ำลึก “แต่ตอนนี้ข้าต้องไป”

“เอ๋?....” เสวี่ยเฟยเยี่ยนอุทานอย่างเกินธรรมดา แววตาสั่นไหวเล็กน้อย กัดเม้มริมฝีปากของตัวเอง ทรวงอกทรนงกระเพื่อม ทันใดนั้น ความร้อนรนสลายไปอย่างรวดเร็ว นางยกไหล่บางขึ้นเล็กน้อย เดินมาด้วยท่าทางออดอ้อน นั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ใกล้เย่หวูเฉิน ท่วงท่าเป็นธรรมชาติ เผยส่วนโค้งน่าหลงใหลโดยไม่รู้ตัว

เย่หวูเฉินอดไม่ได้และยิ้มกล่าว “ข้าไม่ได้จะกลับไปยังอาณาจักรเทียนหลง แต่อยากไปดูบนตอนเหนือที่ไกลกว่านี้”

“ตอนเหนือที่ไกลกว่านี้?” เสวี่ยเฟยเยี่ยนประหลาดใจ หรี่ตาลงอย่างยั่วยวนเล็กน้อย และกล่าวคำแผ่วเบา “จากที่นี่ไปทางเหนือ ทุกๆก้าวอุณหภูมิจะลดลงหลายจุด เหนือขึ้นไปเกินสิบลี้ กระทั่งพี่หญิงยังไม่อาจทานทน น้องชายน้อย เจ้าอยากไปที่นั่นทำไมหรือ?”

พลังหิมะและน้ำแข็งที่ฝึกฝน ทำให้นางไม่หวั่นเกรงต่อความหนาวเย็น แต่อุณหภูมิต่ำสุดที่นางทนได้ยังคงมีขอบเขต เหนือขึ้นไปจากวังสตรีหิมะราวสิบลี้ อุณหภูมิจะเย็นจัดจนกระทั่งพลังหดหาย หากขึ้นเหนือไปอีกยิ่งน่าหวาดกลัว ที่เหนือสุดมีสิ่งใดอยู่นั้นไม่มีใครรู้ เนื่องจากไม่เคยมีผู้ใดไปถึง ไม่เคยมีเสวี่ยหนี่คนใดไปถึงที่แห่งนั้น

“อืม ข้ากำลังตามหาบางสิ่ง หากข้าเดาไม่ผิด มันจะต้องอยู่ที่นั่น” เย่หวูเฉินกล่าว

“เอ๋? มันคืออะไรเหรอ?”

“มันคือ.... บางสิ่งที่ทำให้ที่นี่เหน็บหนาว” เย่หวูเฉินกล่าวขณะมองไปที่ไกล

ตอนเหนือของอาณาจักรชางหลาน อุณหภูมิลดต่ำลงรวดเร็วผิดธรรมดา ในความทรงจำของเขา โลกที่ครั้งหนึ่งเขาเคยอยู่ กระทั่งขั้วเหนือและขั้วใต้ที่เย็นจัดมากที่สุด ยังไม่อาจเทียบได้กับวังสตรีหิมะ ขณะเดียวกัน ตอนใต้ของอาณาจักรชางหลาน กับตอนเหนือของอาณาเทียนหลง มีการไล่อุณภูมิบนผืนโลกอย่างปกติ ทว่าเมื่อเทียบกับตอนเหนือของอาณาจักรชางหลานแล้ว มันกลับผิดเพี้ยนเกินจริง เรื่องนี้จะต้องมีเหตุผลของมันอยู่

“....น้องชายน้อย เจ้าพูดจากำกวมอีกแล้ว นิสัยแย่นัก ชอบกล่าววาจาเพียงครึ่งเดียวให้พี่หญิงเข้าใจผิด” เสวี่ยเฟยเยี่ยนถลึงตามอง ทำท่าขัดเคืองแต่ยังกล่าวด้วยยิ้มบาง

“แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ น้องชายน้อย วังสตรีหิมะของพวกเรามีตำนานน่าสนใจอยู่ เจ้าอยากฟังหรือไม่?”

“โอ้? ตำนานอะไร?” เย่หวูเฉินหันมาถาม ในเมื่อเสวี่ยเฟยเยี่ยนเอ่ยถึงมัน หมายความว่ามันจะต้องเกี่ยวข้องกับความลึกลับของทางตอนเหนือในอาณาจักรชางหลาน

เสวี่ยเฟยเยี่ยนลุกขึ้นยืน ย้ายร่างมาอยู่ข้างเย่หวูเฉิน และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเดิมทีทวีปเทียนเฉินไม่ได้มีเสวี่ยหนี่ ภายหลังต่อมา มีคนผู้หนึ่งได้ล่วงล้ำเข้าไปในสถานที่ซึ่งไม่ควรล่วงล้ำ ที่แห่งนั้นบรรจุพลังลึกลับของหิมะและน้ำแข็ง ดังนั้น นางจึงกลายเป็นเสวี่ยหนี่คนแรก พลังของนางสามารถส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น แต่ละครั้งสามารถมอบให้ได้เพียงคนเดียว เสวี่ยหนี่สืบทอดต่อกันมาหลายชั่วรุ่น จนกระทั่งปัจจุบัน พี่หญิงได้รับพลังมาเมื่อห้าปีก่อน และกลายเป็นจ้าววังสตรีหิมะคนใหม่”

“สถานที่ซึ่งไม่ควรล่วงล้ำ.... ท่านหมายถึง นางเดินทางไปยังตอนเหนือ และได้รับพลังหิมะและน้ำแข็งจากที่นั่น?”

“น้องชายน้อยเดาผิดแล้ว ท่านย่าผู้ก่อตั้งไม่ได้เดินทางไปที่นั่น แต่นางได้รับของสิ่งหนึ่ง มันมีพลังลึกลับและพานางไปยังที่แห่งนั้น.... ที่นั่นหนาวเย็นสุดขั้ว หนาวเย็นกว่าที่นี่หลายเท่า นางเกือบจะตกตาย ทว่ากลับได้รับพลังลึกลับอย่างอัศจรรย์ จากนั้นนางถูกส่งกลับมายังที่เดิม ภายหลังนางเป็นที่รู้จักกันในนามเทพหิมะ นางลองใช้พลังบรรจุลงไป เพื่อหวังให้มันส่งนางกลับไปยังที่นั่นอีกครั้ง.... ท่านย่าผู้ก่อตั้งพยายามอยู่หลายครั้งแต่ก็ล้มเหลว แต่มีวันหนึ่ง พี่สาวของท่านย่าผู้ก่อตั้งบังเอิญไปแตะมัน นางได้หายไปพร้อมกับของสิ่งนั้นและไม่กลับมาอีก ทว่าถัดมาอีกวัน ของสิ่งนั้นได้กลับมาอยู่ข้างกายท่านย่าผู้ก่อตั้ง หลังจากนั้น ไม่ว่าผู้ใดจะลองใช้มัน เพื่อไปยังสถานที่ซึ่งท่านย่าผู้ก่อตั้งเคยไป พวกเขาทั้งหมดล้วนไม่เคยกลับมาอีก มีเพียงของสิ่งนั้นที่กลับมา ท่านย่าผู้ก่อตั้งจึงเรียกมันว่า หยกเทพหิมะ”



<<<PREV    .    NEXT>>>