วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 421

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 421 กระบี่หนานฮวง

“นี่มัน.... นายน้อย....” ฉุ่ยม่านโล๋ว และ ฉุ่ยม่านเฉิง พอได้ยินคำก็ตกใจ คิดส่งเสียงห้าม หากฉุ่ยหยุนเทียนยกมือขึ้นหยุดทันที เปล่งเสียงดังลั่นด้วยโทสะ “เรื่องส่วนตัวของข้า ห้ามผู้ใดสอดมือเข้ามายุ่ง!!”

ฉุ่ยม่านโล๋ว และ ฉุ่ยม่านเฉิง หันหน้ามองกันอีกครั้ง พลันขยับเท้าถอยหลัง หัวใจอัดแน่นด้วยความกังวล แม้ฉุ่ยหยุนหลันได้รับบาดเจ็บหนักหลังถูกเจวี๋ยเทียนโจมตี แต่พลังหยกวารีเด่นล้ำในการรักษา ยามนี้สมควรฟื้นฟูสภาพร่างสมบูรณ์แล้ว จากพลังขอบเขตเทวะชั้นกลางของมัน

ส่วนฉุ่ยหยุนเทียนถูกขังไว้ใต้ดินตั้งแต่ 23 ปีก่อน โซ่ตรวนผนึกปีศาจสยบพลังหยกวารีได้หมดสิ้น เป็นไปไม่ได้ที่จะฝึกปรือ ด้วยพรสวรรค์ของมัน 23 ปีก่อนจึงบรรลุขอบเขตสวรรค์ชั้นต้น ผ่านไปให้หลังนับจากถูกผนึกไว้ 23 ปี มันย่อมไม่มีหวังต่อสู้ประชันกับฉุ่ยหยุนหลัน

“ประเสริฐ! ในเมื่อเจ้าพูดออกมาเอง ทุกคนในสำนักล้วนเป็นพยานได้ ท่านประมุข ท่านไปต่อสู้ตัดสินกับมันเลย!” ฉุ่ยเสวียนฟงตะเบ็งเสียง

ฉุ่ยหยุนหลันสะบัดมือขวาที่เหลืออยู่ ร่างลิ่วขึ้นและทะยานออกไป แตะเท้าลงในสวนที่อยู่นอกห้องโถง ผู้คนสำนักจักรพรรดิใต้ที่อยู่ในสวนแหวกออกเป็นทางทันที เปิดเป็นที่ว่างไว้ราวครึ่งสวน

ฉุ่ยหยุนเทียนก้าวเท้าตามออกมาอย่างไร้กังวล ไร้ความชักช้า ตามไปหยุดอยู่เบื้องหน้าฉุ่ยหยุนหลันราวสิบเมตร สายตาจ้องเขม็งตรงใบหน้าฉุ่ยหยุนหลันด้วยแววอำมหิต มันทั้งสองมีใบหน้าเหมือนกันอย่างแท้จริง วันนี้ จะมีเพียงผู้เดียวที่รอดชีวิต

สวนแห่งนี้กว้างขวางอย่างมาก ทว่าต่อให้ใหญ่กว่านี้อีกสิบเท่า ด้วยพลังสุดขั้วของเทวะยังล้วนนับว่าเล็กเกินไป ทุกผู้คนแห่งสำนักจักรพรรดิใต้ รวมทั้งฉุ่ยม่านโล๋วและฉุ่ยม่านเฉิง ล้วนคิดเห็นแบบเดียวกัน ฉุ่ยหยุนหลันได้รับถ่ายทอดพลังยุทธจากประมุขสำนักรุ่นก่อน เป็นบุคคลผู้ย่างเท้าสู่วิถีเทวะตั้งแต่ 20 กว่าปีก่อน ทว่าฉุ่ยหยุนเทียน.... ทั้งความมั่นใจและความสงบนิ่ง ไม่ทราบมันไปเอามาจากไหน

“กงล้อแห่งชะตา หมุนนำผลกรรมที่หว่านไว้มาสู่ คำเหล่านี้ข้าเคยเหยียดหยัน หากนับแต่วันที่เผชิญหายนะจากเจวี๋ยเทียน ข้าจากไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ วันที่ไม่น่ามีอยู่กลับมาถึงอย่างรวดเร็ว คือกงล้อแห่งชะตาโดยแท้ เหวี่ยงผลกรรมที่หว่านไว้มาถึง ดีเหมือนกัน หลายปีมานี้ บางอย่างในหัวใจข้าเหนื่อยล้ามามากแล้ว ฝันร้ายในยามค่ำคืนบ่อยครั้งทำให้ข้าหวาดกลัว ในเมื่อกงกรรมได้ตามมาถึง เช่นนั้นพวกเรามายุติเรื่องนี้กัน” ฉุ่ยหยุนหลันเอ่ยเสียงแผ่วเบา เงยศีรษะขึ้นเล็กน้อย สายตาพร่ามัวขณะกล่าว “แม้หัวใจนางไม่เคยมีข้า แต่ได้อยู่ร่วมกับนางมานานกว่า 20 ปี นับว่าเพียงพอแล้วจริงๆ....”

นาง?

ถ้อยคำไม่กี่ประโยคสุดท้าย ทำให้ฉุ่ยหยุนเทียนสะดุ้งวาบ ร่างกายค่อยๆสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ความเกลียดชังหนาแน่นและจิตสังหารไร้สิ้นสุดแผ่ล้นออกจากร่าง ประกายตาดุจอสรพิษ น้ำเสียงที่กล่าวหนักหน่วงไร้ที่เปรียบ “เจ้าสุนัขชาติชั่ว.... เป็นเพราะเจ้า ฟู๋เอ๋อร์เลยต้องตาย ตาย!!”

ราวกับสายฟ้าฟาดใส่กลางศีรษะ สีหน้าสงบนิ่งของฉุ่ยหยุนหลันกลายเป็นชะงักทื่อ ม่านตาขยายเบิกกว้างทันที มันเดินไปข้างหน้าด้วยร่างสะท้าน หยุดยืนตรงหน้าฉุ่ยหยุนเทียน ส่งเสียงสั่นเทิ้ม “เจ้าว่าอะไรนะ? พูดอีกทีซิ พูดอีกที!”

“ฟู๋เอ๋อร์ตายแล้ว! เจ้าสุนัขชาติชั่ว!!”

เปรี้ยง!!

หนึ่งหมัดอัดใส่ทรวงอกของฉุ่ยหยุนหลันที่เหม่อค้าง  ทิ้งแสงสีฟ้าตรงจุดที่ถูกกระแทก สีหน้าของฉุ่ยหยุนหลันซีดเผือดทันที ร่างปลิวดุจถุงกระสอบทราย ร่วงลงตรงพื้นห่างๆ มันดันแขนหยัดร่างส่วนบนขึ้น ไอออกมาพร้อมพ่นเลือด

“ท่านประมุข!” ฉุ่ยเสวียนฟงตื่นตกใจ รีบร้อนถลาไปทางฉุ่ยหยุนหลัน หากมันขยับได้เพียงไม่กี่ก้าว ปราการน้ำแข็งโปร่งใสก็ร่วงลงจากฟ้าทันที ตกลงกั้นเบื้องหน้าของฉุ่ยเสวียนฟง ทำให้ร่างมันพุ่งกระแทก ในขณะเดียวกัน ในหูก็ได้ยินเสียงของจักรพรรดิมาร “จักรพรรดิผู้นี้บอกแล้วว่าห้ามผู้ใดสอดมือ เราจักรพรรดิเห็นร่างของเจ้าพิการ ฉะนั้นจะละเว้นให้ชั่วคราว รอให้ฉุ่ยหยุนเทียนจัดการ หากยังขัดขืนอีกละก็ อย่าบ่นว่าจักรพรรดิผู้นี้ที่ทำให้เจ้าเสียใจที่ได้เกิดมายังโลก”

ความตายของฉุ่ยฟู๋เอ๋อร์ภรรยาของฉุ่ยหยุนเทียน เป็นไปตามที่เย่หวูเฉินคาดเดาไว้ ก่อนหน้านี้ เขาจึงบอกเป็นนัยกับฉุ่ยเมิ่งฉานว่าให้ “ดูแลแม่ของท่านให้ดี” ทว่าตอนนั้น เขาไม่ได้บอกแก่ฉุ่ยเมิ่งฉานโดยตรงว่าฉุ่ยฟู๋เอ๋อร์กำลังจะฆ่าตัวตาย เพราะความตายของนางไม่อาจหลีกเลี่ยง ด้วยเป็นความปรารถนาของนาง

ฉุ่ยฟู๋เอ๋อร์ไม่ใช่สตรีที่แข็งแรงนัก ออกไปทางอ่อนแอด้วยซ้ำ จุดนี้ทำให้เย่หวูเฉินรู้ได้ไม่ยากว่านางคิดทำสิ่งใด ในอดีตแม้นางอยู่กับฉุ่ยหยุนหลัน แต่นั่นคือเพื่อปกป้องลูกในท้องและชีวิตของฉุ่ยหยุนเทียน อย่างไรก็ตาม ร่างของนางทำผิดต่อฉุ่ยหยุนเทียนยาวนานกว่า 23 ปี ได้แต่มองฉุ่ยหยุนเทียนเจ็บปวดทรมานโดยไม่อาจช่วยได้ หลังจากทราบว่าเขาได้รับชีวิตใหม่ ไหนเลยนางจะมีหน้าไปพบเขา

ดังนั้น หลังจากที่ทราบข่าวจากฉุ่ยเมิ่งฉาน ว่าฉุ่ยหยุนเทียนได้รับการช่วยเหลือ พ่อและลูกๆได้พบหน้ากัน นางจึงไร้เรื่องห่วงกังวลอีก นางไม่ได้มาพบเขา แต่เลือกที่จะตกตาย เพื่อชดใช้ความอัปยศที่กระทำต่อเขา รักษาเกรียรติภูมิของฉุ่ยหยุนเทียนให้คงไว้ในสำนักจักรพรรดิใต้ นางติดตามฉุ่ยหยุนหลันมานานกว่า 23 ปี หากกลับไปอยู่ข้างกายฉุ่ยหยุนเทียนในตอนนี้ ผู้คนในสำนักจะมองอย่างไร จะกล่าวถึงกันอย่างไร มีหรือที่นางจะนึกภาพไม่ได้

นางตายโดยการดับพลังหยกวารี จึงไร้บาดแผลบนร่างกายแม้แต่น้อย เป็นหนทางตายที่นางปรารถนา เพราะฉุ่ยหยุนเทียนจะได้เห็นนางในสภาพสมบูรณ์ เมื่อฉุ่ยหยุนเทียนที่พรากจากกัน 23 ปีสัมผัสตัวนาง มันสัมผัสได้เพียงความเย็นเยียบ ฉุ่ยหยุนเทียนผู้ยืนหยัดทนทรมาน 23 ปีโดยไม่พังทลาย บุรุษดุจเหล็กกล้ากลับทรุดร่างลงโหยหวน ร้องไห้แหบพร่าดุจขาดใจ

ด้วยเหตุนี้ ความเกลียดชังที่มีต่อฉุ่ยหยุนหลัน จึงไม่มีทางลบล้างได้

“เป็นเพราะเจ้า เป็นเพราะเจ้า!!”

ดุจสัตว์ป่าดุร้ายกระหายหิว ฉุ่ยหยุนเทียนคำรามทะยานร่างไปที่ฉุ่ยหยุนหลัน ในขณะเดียวกัน มือมันดึงกระบี่อ่อนที่ดูธรรมดาออกจากเอว เมื่อใกล้ถึงยังร่างของฉุ่ยหยุนหลัน มันส่งความเกลียดชังล้ำลึกออกไปพร้อมกระบี่อ่อน....

ฟึ่บ!

ทันใดนั้น กระบี่อ่อนที่ยาวเพียงหนึ่งเมตรเปล่งแสงสีฟ้าแหวกอากาศนับสิบเมตร กระบี่อ่อนเรืองแสงฟ้าตวัดตรงใส่ร่างฉุ่ยหยุนหลันอย่างเกรี้ยวกราด

“ประกายหยกวารี!” ฉุ่ยม่านโล๋ว และ ฉุ่ยม่านเฉิง ตะโกนคำอย่างตกตะลึง ประกายหยกวารี คือพลังหยกวารีที่บรรจุลงในกระบี่ สามารถโคจรปลดปล่อยปราณกระบี่ได้ไม่ว่าสั้นหรือยาว ความเข้มข้นของปราณกระบี่นี้ยังสูงล้ำกว่าปราณกระบี่ทั่วไป ทว่าประกายหยกวารีนี้ มักมีเพียงประมุขสำนักเท่านั้นที่ใช้ออกได้ หลายคนทราบเหตุผลเรื่องนี้ ประกายหยกวารีคือท่ากระบี่สูงสุดที่มีเฉพาะผู้สืบสายโลหิตตรงจากจักรพรรดิใต้จึงสามารถแสดง นอกจากนั้น ยังใช้ออกได้ผ่านเพียงกระบี่เท่านั้น เนื่องจากกระบี่คือศาสตราแห่งแก่นชีวิตจักรพรรดิใต้

ใบกระบี่กลายเป็นยาวขึ้น พลังของกระบี่ยิ่งมายิ่งหนาแน่น แรงกดดันร้ายกาจอย่างชัดเจน แสงฟ้าของกระบี่ตวัดสู่ร่างฉุ่ยหยุนหลันทันที ฉุ่ยหยุนหลันราวกับไม่คิดสิ่งใด ดวงตาเหม่อลอยมองไปยังเบื้องหน้า ราวกับคนสูญเสียจิตวิญญาณ ข่าวการตายของฉุ่ยฟู๋เอ๋อร์นั้น ล้วนไม่ต่างจากโลกล่มสลายสำหรับมัน อุปนิสัยดั้งเดิมของมันไม่ได้เลวร้าย แต่เพราะความยึดถืองมงาย รักอย่างบ้าคลั่ง ทำให้มันกระทำเรื่องผิดพลาดสูงสุดในชีวิต เวลานี้ ฉุ่ยฟู๋เอ๋อร์ตกตาย.... และตายเพราะมัน!

“ท่านประมุข!!”

ฉุ่ยเสวียนฟงแหกปากคำราม ฉุ่ยหยุนหลันแม้เหม่อลอยก็ยังคงเห็นแสงสว่างได้แจ่มชัด ร่างกายหลบฉากออกด้านข้างโดยสัญชาตญาณ ปราณกระบี่สีฟ้าเฉี่ยวร่างมันและตัดลงพื้น ฉับพลันปราณกระบี่ก็ตวัดขึ้น วาดทางขวางตรงสู่ร่างมัน

“นายน้อย ที่แท้กลับ.... ก้าวข้ามพวกเราไปแล้ว!” ฉุ่ยม่านโล๋ว และ ฉุ่ยม่านเฉิง ตื่นตะลึงเต็มใบหน้า กล่าวให้ถูกคือทุกคนในสำนักจักรพรรดิใต้ล้วนตกตะลึงลึกล้ำ เพราะพวกมันเข้าใจพลังหยกวารีเป็นอย่างดี ความเข้มข้นนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นระดับเทวะ ทั้งยังบรรลุเทวะขั้นกลาง! ถูกผนึกกว่า 23 ปี ไม่มีผู้ใดถ่ายทอดพลังยุทธให้ เหตุใดพลังหยกวารีของฉุ่ยหยุนเทียนจึงแกร่งกล้าได้ถึงปานนี้!?

หากนับเฉพาะพลังหยกวารี ยามนี้ฉุ่ยหยุนเทียนและฉุ่ยหยุนหยันถือว่าเสมอกัน ทว่าฉุ่ยหยุนหยุนถูกตัดแขนไปข้างหนึ่งโดยทงซิน ไม่เพียงเท่านั้น ฉุ่ยหยุนเทียนยังลงมือหนักหน่วงด้วยความโกรธเกรี้ยว ปราณกระบี่ที่ฟาดฟันจึงสร้างความตกตะลึงแก่ผู้คน ใต้ความชิงชังของฉุ่ยหยุนเทียน ฉุ่ยหยุนหลันทำเพียงหลบเลี่ยง ไร้การตอบโต้ใดๆ ปราณกระบี่เหวี่ยงฟาดตัดพื้นอย่างรุนแรงและเกิดรอยลึก

ปัง!!

ทั้งสองร่างพัวพันกลางอากาศ คลื่นพลังแห่งเทวะแทบเป่าทั้งสวนให้กลายเป็นเถ้าและหมอกควัน ยอดฝีมือสำนักจักรพรรดิใต้ราวร้อยคนถูกกระแทกปลิวออกไป หลังจากที่ฝุ่นทรายสลายลง จึงค่อยๆปรากฎร่างของฉุ่ยหยุนเทียนและฉุ่ยหยุนหลัน ฉุ่ยหยุนหลันนั่งหมดสภาพบนพื้นยันกายไว้ด้วยแขนเดียว  สายตายังคงเลื่อนลอยด้วยความเจ็บปวด ฉุ่ยหยุนเทียนยืนอยู่เบื้องหน้ามัน กระบี่อ่อนจ่อตรงที่ลำคอ ในสายตาที่เหยียดมองลงมา แฝงความเกลียดชังไร้สิ้นสุด ดุจหินหลอมเหลวที่ระอุอยู่ใต้พิภพ

“ฆ่าข้าซะ” แววตาของฉุ่ยหยุนหลันยังคงเลื่อนลอย กล่าวคำราวกับคนไร้วิญญาณ

“ฆ่าเจ้างั้นเหรอ? เหอะๆ.... เหอะๆ.... ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” ฉุ่ยหยุนเทียนยิ้มอย่างน่าเกลียด กระบี่อ่อนในมือสั่นเทิ้มขณะหัวเราะลั่น “เจ้าฆ่าพ่อแม่ของข้า ทำร้ายข้ามาครึ่งชีวิต เกือบทำลายลูกชายและลูกสาวข้า ตอนนี้ยังทำให้ฟู๋เอ๋อร์ตายไปอีกคน เจ้า.... กลับคิดอยากตายเพื่อจบเรื่องทุกอย่างอย่างงั้นรึ!!”

“ข้าผิดต่อฟู๋เอ๋อร์ ผิดต่อพวกเจ้า....”

“สำนึกแล้วชดใช้ได้? แค่ความตาย....มันไม่พอ ความเจ็บปวดที่ข้าได้รับ จะตอบแทนคืนเจ้าหลายเท่าให้สาสม!!” น้ำเสียงของฉุ่ยหยุนเทียนเต็มไปด้วยความชิงชัง ริมฝีปากถูกกัดจนม่วงคล้ำ

“เป็นข้าที่ผิดต่อเจ้าเอง.... วางใจเถอะ ข้าจะไม่ฆ่าตัวตาย เจ้าจัดการข้าได้ตามใจชอบ ทำได้เท่าที่เจ้าสุขใจ” ฉุ่ยหยุนหลันยิ้มบางอย่างหดหู่ วันนี้มันหมดสิ้นทุกสิ่ง ทั้งชื่อเสียง เกรียรติยศ สถานะ ทุกอย่างล้วนกลายเป็นหมอกควัน ชีวิตยังตกอยู่ในมือของคนอื่น ฉุ่ยฟู๋เอ๋อร์ก็ตายไปแล้ว ชีวิตราวกับถ่านไฟมอด เสียใจและสูญสิ้นความหวัง จนกระทั่งไม่รู้สึกหวาดกลัวสิ่งใดอีก

“ข้าเพียงอยากถามเจ้า.... เจ้าหลบหนีออกจากโซ่ตรวนผนึกปีศาจได้อย่างไร หรือว่า.... กระบี่หนานฮวงปรากฎขึ้นแล้ว” ฉุ่ยหยุนหลันถามช้าๆ ใช่แล้ว.... ต้องเป็นกระบี่หนานฮวงที่ปรากฎขึ้น คำพร่ำสอนของบรรพชนสำนักจักรพรรดิใต้ยังคงดังสะท้อนอยู่ในหัว เชื่อฟังสวรรค์ประทานพร ฝ่าฝืนเผชิญรับทัณฑ์สวรรค์

ซู่ว!

แสงสีทองพุ่งสะท้านลงจากฟ้า วาบผ่านต่อหน้าสายตาผู้คน เสียบเข้าทะลุอกซ้ายของฉุ่ยหยุนหลัน ตรึงร่างไว้มั่นอยู่ที่พื้น

“ข้าตอบคำถามนี้ให้เจ้าแล้ว เจ้าพอใจหรือไม่?” จักรพรรดิมารยังคงอยู่บนฟ้าในท่าแทงกระบี่ กล่าวคำอย่างแห้งแล้ง

ในเวลานี้เอง หยกจักรพรรดิใต้ในมือซ้ายของฉุ่ยหยุนเทียนก็เปล่งแสงสีฟ้าอ่อนโยน แสงกระบี่สีทองเจิดจ้าอย่างมาก ทว่ามันไม่ได้บดบังแสงฟ้าของหยกจักรพรรดิใต้แม้แต่น้อย สายตาผู้คนจับจ้องและสั่นไหวไม่หยุดหย่อน กระบี่ทองที่เสียบคาร่างฉุ่ยหยุนหลันยังส่งประกายแสงอ่อนโยน ตอบรับต่อหยกจักรพรรดิใต้อย่างเหนือธรรมดา

“อย่าบอกนะว่า.... อย่าบอกนะว่า กระบี่นั่นเป็น.... เป็น....”

ฉุ่ยหยุนหลันถูกจักรพรรดิมารแทงกระบี่เข้าที่อก ตำแหน่งนั้นคือจุดตายอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าเรื่องนี้กลับไม่ใช่สิ่งที่ทำอารมณ์สั่นสะเทือน แทบทุกสายตาตกลงบนกระบี่ที่เสียบทะลุอกมัน กระบี่เป็นสีทองทั้งเล่ม ใบกระบี่ราบเรียบดุจผิวกระจก และด้วยสายตาของผู้คน สามารถมองเห็นตัวอักษร ‘ใต้’ ที่ปลายกระบี่อย่างชัดเจน

กระบี่หนานฮวง!?



<<<PREV    .    NEXT>>>