วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 405

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 405 โกลาหล

เย่หวูเฉินแสร้งทำตัวเป็นคนพิการในปีนี้ ประการแรกเพื่อหลีกเลี่ยงหูตาผู้คนไม่ให้สนใจมายังเขา เป็นการปิดบังสถานะจักรพรรดิมารได้อย่างสมบูรณ์แบบ ที่สำคัญสุดก็คือ เพื่อแผนการที่วางไว้ยาวนาน ล่อเจวี๋ยเทียนมายังสำนักจักรพรรดิใต้ ตอนนี้เจวี๋ยเทียนตกตาย สถานการณ์ในเมืองเทียนหลงกำลังดำเนินไปตามแผนที่วางไว้ หลังจากนี้ไม่นาน เขาจะเริ่มทำลายสำนักจักรพรรดิเหนือ ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น เขาก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป

สำนักจักรพรรดิเหนือ เพราะเรื่องของซือเฉิน ทำให้พวกมันกลายเป็นที่เกลียดชังสูงสุดสำหรับเย่หวูเฉิน โดยเฉพาะนายน้อยสำนักจักรพรรดิเหนือเหยียนซีหมิง!  ต่อให้แล่เนื้อมันจนตายก็ไม่อาจลบล้างความเกลียดชังในใจของเย่หวูเฉิน

เฮยเซียงเดินตรงไปหาสามอาวุโสใหญ่ด้วยสีหน้าทะมึน ปัดฝ่ามือตัวเองเล็กน้อย ทั้งสามไม่เคยทราบเลยว่าเด็กหนุ่มที่มักโง่งมผู้นี้ แท้จริงกลับดุร้ายกระหายเลือด เนื่องจากเย่หวูเฉินเปิดเผยสถานะจักรพรรดิมารต่อหน้าทั้งสามคน ทั้งยังบอกเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง นั่นแปลว่าเขาไม่คิดปล่อยให้ทั้งสามคนมีชีวิตรอด ถึงแม้เฮยเซียงไม่รู้ว่าเย่หวูเฉินแข็งแกร่งขึ้นกะทันหันได้อย่างไร เพียงอาศัยน้ำแข็งประหลาดที่ไม่เคยใช้มาก่อน ก็สามารถผนึกสามยอดฝีมือขอบเขตสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย แต่เรื่องเหล่านี้ไม่สำคัญ ในการรับรู้ของเขา เจ้านายย่อมร้ายกาจอยู่เสมอ เย่หวูเฉินสามารถพาพวกเขาออกจากหุบเหวปลิดวิญญาณ ในใจของทุกคนจึงประทับความภักดีไว้อย่างหนาแน่น

ตูม!

หมัดหนักหน่วงทุบไปที่อาวุโสหลี่ ทว่าไม่ได้ทุบไปที่ร่างเขา แต่เป็นชั้นน้ำแข็งใต้ร่างกาย หลังจากเสียงดังลั่น เฮยเซียงก็ถอนมือออกราวกับถูกกระแสไฟฟ้า มองดูมือขวาที่เจ็บปวดของตน หมัดดุจเหล็กกล้าที่ทรงพลังทำลาย กลับไม่อาจทำให้น้ำแข็งที่ดูคล้ายธรรมดานี้เกิดรอยใดๆได้

“น้ำแข็งอะไรกันเนี่ย.... ผืนน้ำแข็งที่เจ้านายสร้างขึ้นมาแข็งแกร่งเกินไปแล้ว มิน่าเจ้าจิ้งจอกเฒ่าสามตัวถึงเคลื่อนไหวไม่ได้” เฮยเซียงมองจดจ้อง เปล่งเสียงด้วยสีหน้าเทิดทูน

น้ำแข็งที่ดูเหมือนธรรมดา แท้จริงคือน้ำแข็งแบบเดียวกับที่เย่หวูเฉินใช้กระบี่ตัดดาราซัดท่า ‘แยกฟ้าผ่าปฐี’ ทำลายได้เพียงสองเมตร และใช้ ‘แยกฟ้าสังหารโลหิต’ ของคันศรบาปวิบัติเจาะลงไปได้เพียงสิบเมตร

.....................

.....................

หลินเหยียนราวกับพยัฆค์ที่กระโจนใส่ฝูงแกะ เผลิงผลาญทำลายชั้นป้องกันของประตูมังกรเข้าไปทีละแถว สุดท้าย กองทัพตระกูลหลินจำนวนมากก็ทะลักผ่านประตูมังกร ในราชวังได้ยินเสียงตื่นตระหนกอย่างต่อเนื่อง

เย่หวูเฉินลอยร่างอยู่กลางอากาศโดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น ภายใต้ม่านตาเย็นชาที่มองลงมา เขายกมือขวาขึ้น หอกน้ำแข็งยาวสองเมตรปรากฎขึ้นในมือ จากนั้นขว้างลงไปตรงสู่หลินเหยียนอย่างไร้อารมณ์

มีสายลมเย็นเยียบเสียดหัวใจพุ่งลงมา หลินเหยียนเงยศีรษะขึ้นฉับพลัน เพียงพบว่า มีหอกน้ำแข็งเล่มยาวพุ่งปักศีรษะอย่างง่ายดาย แล้วทะลุร่างสู่ผืนดิน ร่างกายอ่อนยวบลงกับพื้นทันที ก่อนที่จะตกตาย หลินเหยียนยังไม่ทันแม้แต่จะส่งเสียงร้อง

ความตายกะทันหันของหลินเหยียนทำให้กองทัพตระกูลหลินแตกตื่นโกลาหล เวลานี้เอง กลิ่นอายโลหะและคาวเลือดน่าหวาดหวั่นใกล้เข้ามา เพียงไม่นานนัก กองทัพเกรียงไกรของตระกูลเย่ก็ทะลักเข้ามา หัวใจกองทัพตระกูลหลินราวกับถูกมีดเสียบ

ตระกูลเย่มาถึงเป็นกำลังเสริมอย่างรวดเร็ว อันที่จริง ขณะที่ตระกูลหลินกำลังจะเคลื่อนทัพ เย่เว่ยก็เตรียมพร้อมไว้รอแล้ว เมื่อทัพตระกูลหลินบุกทะลวงเข้าสู่ประตูหน้าราชวัง เย่หนู่ก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นโดยเย่เว่ย ทัพไร้ต้านของตระกูลเย่ก็เคลื่อนพลครั้งใหญ่ไปยังราชวัง พร้อมเหยียบย่ำสังหารทัพตระกูลหลินด้วยแสงกระบี่ที่สาดทอ

ทั้งหมดนี้ แน่นนอนว่าเป็นแผนซึ่งเย่หวูเฉินและเย่เว่ยเตรียมการไว้ก่อนแล้ว

“ขุนพลเว่ยหลงอยู่นี่แล้ว พวกขบถตระกูลหลินยังไม่รีบยอมแพ้.... สมควรตายยิ่งนัก!”

เย่เว่ยองอาจดุจพยัคฆ์ พุ่งไปข้างหน้าด้วยหอกยาวในมือ เสียบทะลุร่างผู้คนในพริบตา ขุนพลเว่ยหลงเหยียบย่างไปทางใด ทัพตระกูลหลินจะแตกตื่นสูญเสียจิตใจทันที ไม่มีใครหันหน้าเข้าสู้ เมื่อแนวป้องกันสุดท้ายของราชวังได้ยินว่าตระกูลเย่มาถึง ผู้คนก็เกิดขวัญตระโกนอย่างตื่นเต้น ทัพตระกูลหลินถูกฉุดให้หยุดฝีเท้า หลังจากโกลาหลเป็นเวลานาน สถานการณ์ก็เริ่มบรรเทา กองทัพตระกูลหลินต่อสู้ใต้แรงกดดัน จึงยากยิ่งที่จะเดินหน้าอีก

“ขบถหลินขวงถูกสำเร็จโทษสูงสุด เมื่อครู่มันเพิ่งจะถูกกุดหัว ทัพตระกูลหลินยังไม่หยุดสู้อีก!!”

เสียงดุจสายฟ้าดังก้องขึ้น ปรากฎคนผู้หนึ่งท่าทางทรงอำนาจ ทะยานร่างกระโดดไปยังใจกลางการต่อสู้ เมื่อตกลงถึงพื้นก็แผ่พลังรุนแรง ผู้คนในรัศมีสิบเมตรปลิวออกไปจนเกิดเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ปรากฎว่าเป็นเฮยเซียง เขาถือกระบี่ยาวไว้ในหนึ่งมือ อีกมือหนึ่งหิ้วศีรษะของคนไว้ ดวงตาของศีรษะนั้นปิดอยู่กึ่งหนึ่ง เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ผู้ที่ตายอย่างน่าอนาถนี้คือหลินขวง!

ความตายของหลินขวงทำให้ขวัญกำลังใจของทัพตระกูลหลินร่วงสู่ก้นหุบเหวทันที พวกเขาเปิดหน้าก่อกบฎอย่างเต็มที่ ทว่าเมื่อสูญเสียเสาหลักก็ไร้เหตุผลในการสู้อีก พวกเขาโยนอาวุธลงบนพื้น ชูมือขึ้นยอมแพ้ ทว่าเวลานี้เอง เฮยเซียงคุกเข่าลงต่อหน้าเย่เว่ยและเย่หนู่ แล้วเริ่มร่ำไห้ “ขุนพลชราเย่ เฮยเซียงไร้ความสามารถ ไม่อาจปกป้องจักรพรรดิได้.... ข้าเฮยเซียงไม่เคยคิดเลยว่า อาวุโสหลี่และอาวุโสหลิวจะพาหลินขวงเข้ามาโดยไม่ทราบว่าวิธีใด ฝ่าบาทและข้าไม่ทันตั้งตัว ทำให้หลินขวงเสียบกริชเข้าใส่ร่างฝ่าบาท.... ข้าและอาวุโสเยี่ยนแม้ว่าจะฆ่าพวกมันจนหมด แต่จักรพรรดิถูกแทงตรงจุดสำคัญ ไม่อาจที่จะรักษาได้ ทำให้พระองค์.... ตายแล้ว.... อาวุโสเยี่ยนบาดเจ็บสาหัสและตายด้วยอีกคน....”

“อะไรนะ!!?”

ถ้อยคำของเฮยเซียงไม่ต่างจากสายฟ้าฟาดในราตรี ร่างของเย่หนู่สั่นสะท้านรุนแรงอย่างตระหนก องครักษ์และทหารโดยรอบปล่อยเสียงโฮอย่างโศกเศร้า เสียงร่ำไห้ดังขึ้นจากการสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิ เสียงแผ่สะท้อนไปทั่วราชวังอย่างรวดเร็ว อากาศเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้....

ในขณะเดียวกับที่ราชวังเกิดความโกลาหล ตระกูลเย่กำลังเผชิญการลอบสังหารที่ใกล้มาถึง อย่างไรก็ตาม การจู่โจมใต้ม่านราตรี ย่อมเหมาะแก่การซ่อนตัวเป็นอย่างยิ่ง ไม่ทราบว่าใครกันแน่ที่กำลังจะถูกลอบโจมตี....

การก่อกบฎของตระกูลหลินทำให้เมืองเทียนหลงสว่างไสว ทางทิศราชวังเกิดเสียงจลาจลอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศเช่นนี้ช่วยอำพรางคนกลุ่มหนึ่งอย่างดี มีสี่เงาร่างเรียงแถวตรงไปยังตระกูลเย่อย่างเงียบงัน ถึงแม้ว่ายามนี้ พวกมันเชื่อมั่นว่าไม่จำเป็นต้องระวังตระกูลเย่ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม พวกมันยังไม่ทันเข้าใกล้ตระกูลเย่ ก็พลันพบว่าบรรยากาศโดยรอบไม่ถูกต้อง ทันใดนั้น มีเงาร่างหนึ่งโผล่ออกมาเบื้องหน้าพวกมัน.... คนผู้นี้สวมชุดและหน้ากากดำเช่นเดียวกับพวกมัน ปรากฎร่างขึ้นต่อหน้าราวกับภูติผี แววตาสาดประกายเย็นเยียบในความมืด แฝงแววเหยียดหยันมิใช่น้อย


“หนึ่ง , สอง , สาม และ สี่.... สี่คนเหมือนที่เจ้านายบอกไว้จริงๆ” คนผู้นั้นแสยะยิ้มและยื่นมือออกช้าๆ “สามขอบเขตสวรรค์ กับอีกหนึ่งเทวะ สำนักจักรพรรดิเหนือของพวกเจ้าช่างคิดเผื่อไว้มากจริงๆ แต่แน่นอนนายท่านย่อมคาดไว้แล้วเช่นกัน.... อ่า ในเมื่อมาถึงนี่แล้ว ก็จงอยู่ที่นี่ตลอดไป”

ชายชุดดำทั้งสี่คนเลิกคิ้วขึ้นมองหน้ากัน ความกระสับกระส่ายแผ่ลามในใจ ชายที่อยู่ตรงกลางกระซิบ “ไป!”

ในเมื่อของพวกตนถูกเปิดเผยที่มา ทั้งยังเห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามรอพวกตนมาหา เพียงบุคคลแรกที่พบเจอก็สร้างแรงกดดันหนักหน่วงไร้ที่เปรียบ ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะกลวงเปล่าหรือแกร่งกล้า พวกมันก็จำต้องเลือกทางกลับไป ขณะที่พวกมันกำลังจะหันร่าง ฉับพลันที่เบื้องหลังก็มียินเสียงเย็นเยือกและโหดเหี้ยมดังขึ้น “ฮี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่ ในเมื่อมาถึงแล้ว เหตุใดต้องรีบหนีด้วยเล่า หรือสำนักจักรพรรดิเหนือของพวกเจ้า จะเป็นเพียงฝูงขยะที่เชี่ยวชาญการหลบหนี?”

นี่คือเสียงที่พวกมันเคยได้ยิน เพราะเจ้าของน้ำเสียงนี้.... พวกมันหมุนกายอย่างรวดเร็ว ในสายตาเห็นร่างสีเงิน บุคคลในชุดเงินประสานมือกอดอก สายตาน่าหวาดหวั่นมองลอดรูหน้ากากตกลงที่พวกมัน ถึงแม้มองไม่เห็นใบหน้า แต่ความรู้สึกที่สัมผัสได้คือการยิ้มหยัน

“จักรพรรดิมาร!” ในจำนวนคนทั้งสี่ มีสองคนที่กระซิบแผ่วอย่างไม่อาจควบคุม

นอกจากเสียงที่ดังมาจากทางราชวังแล้ว บนท้องถนนก็เงียบงันอย่างน่ากลัว ชายที่แก่สุดตรงกลางมองไปรอบๆอย่างรวดเร็ว จากนั้นสืบเท้าไปข้างหน้าและกล่าวอย่างเคร่งเครียด “จักรพรรดิมาร เจ้าต้องการอะไร?”

“เหยียนเทียนหยุนผู้สูงส่ง กลับเอ่ยถามเสียงป้อแป้ จักรพรรดิผู้นี้บังเอิญได้ยินว่าสำนักจักรพรรดิเหนือหลายคน จะมาเยี่ยมเยือนยังเมืองเทียนหลง ดังนั้นข้าจึงเตรียมการต้อนรับไว้เล็กน้อย คิดไม่ถึงว่า.... ฮี่ ฮี่ กลับเป็นหนูหลายตัวที่ทำลับๆล่อๆ สำนักจักรพรรดิเหนือของพวกเจ้าคงชื่นชอบอำพรางด้วยวิธีนี้ ทำตัวเป็นหมาลอบขโมยไก่ ทำให้จักรพรรดิผู้นี้ได้เปิดหูเปิดตายิ่งนัก”

เห็นจักรพรรดิมารเอ่ยชื่อของตนอย่างคาดไม่ถึง ใบหน้าของคนผู้นั้นฉายความตื่นตระหนก หัวใจสั่นไหวไม่อาจสงบ คำร่ำลือด้านการข่าวของสำนักมารน่าตกใจ ในคืนนี้พวกมันได้ประจักษ์แล้วว่าน่ากลัวแค่ไหน ในเมื่ออีกฝ่ายทราบชื่อของมัน เช่นนั้นอีกสามคนก็ย่อมต้องรู้ และย่อมเตรียมรับมือกับพวกมันทุกคนไว้แล้ว....

มีเพียงสองเป้าหมายที่ลอบจู่โจมตระกูลเย่ในคืนนี้ หนึ่งคือเย่หวูเฉิน ขณะที่สตรีเทพพิโรธอยู่ในสภาพไร้สติ พลังแกร่งกล้าในตระกูลเย่ก็เหลือเพียงสหายสองคนของเย่หวูเฉิน ได้แก่ฉู่จิงเทียนและเล่งหยา คนอื่นๆย่อมไม่คู่ควรให้กังวล ทั้งที่เป็นเช่นนั้น สำนักจักรพรรดิเหนือเพื่อความปลอดภัยสูงสุด เหยียนต้วนหุนยังถึงกับส่งเหยียนเทียนหยุน หนึ่งในหกเทวะนำกลุ่มคนมาที่นี่  เนื่องจากในกลุ่มนี้ มีผู้หนึ่งที่ต้องการสับเย่หวูเฉินเป็นพันๆชิ้นด้วยมือตัวเอง เหยียนซีหมิงมาที่นี่ด้วยตัวเอง เพราะหากไม่ได้ระบายความแค้น ความอัปยศในชีวิตนี้ย่อมไม่อาจลบล้าง ดังนั้น เหยียนเทียนหยุนจึงติดตามมาคอยป้องกัน

เมฆทะมึนเคลื่อนคลุมหัวใจของพวกมัน หนึ่งระดับเทวะ สามระดับสวรรค์ ขุมกำลังยิ่งใหญ่ไม่เป็นรองใคร ทว่ายามนี้กลับรู้สึกกดดันอย่างไม่อาจสงบใจ



<<<PREV    .    NEXT>>>