วันพุธที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 414

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 414 จักรพรรดินีเฟยฮวง

“อะไรนะ!?”

ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา เย่หนู่และหวังป๋อล้วนสีหน้าตะลึงค้าง หวังป๋อหัวเราะแห้งๆและกล่าว “องค์รัชทายาททรงล้อเล่นแล้ว ราชตระกูลเทียนหลงที่ผ่านมาไม่เคยมีสตรีขึ้นครองราชย์เป็นแบบอย่าง คำล้อเล่นเช่นนี้นับว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง”

“ไม่เคยมีแบบอย่าง มิได้หมายความว่าทำไม่ได้ ถูกหรือไม่? เหตุใดวันนี้จะทำให้เป็นแบบอย่างไม่ได้?” หลงเจิ้งหยางกล่าวตอบอย่างราบเรียบ “เวลานี้ข้าไม่ได้ล้อเล่น องค์ชายสองน้องชายของข้าไร้ความกระหายในอำนาจ ไม่เหมาะกับตำแหน่งจักรพรรดิเช่นเดียวกับข้า ทว่าน้องสาวของข้าองค์หญิงเจ็ดเป็นผู้เหมาะสมที่สุดในบัลลังก์ มีเหตุผลมากมายที่หากครุ่นคิดแล้วย่อมเข้าใจได้ เป็นสตรีแล้วอย่างไร? น้องสาวของข้าใช้แซ่หลงแห่งราชตระกูลเช่นเดียวกัน เทียนหลงคือแผ่นดินของแซ่หลง เหตุใดจะทำไม่ได้!?”

หวังป๋อกำลังจะอ้าปากก็ต้องชะงักทันที เขาเป็นผู้มีสติปัญญากว้างขวาง เห็นคลื่นลมฝนฟ้ามามากมายทั้งชีวิต หลงเจิ้งหยางมิใช่คนที่กล้าสร้างปัญหา เขาได้กลิ่นผิดปกติจากอารมณ์ไม่ปกติของหลงเจิ้งหยาง ยิ่งลองพินิจถึงคำที่เขาพึ่งกล่าว “น้องสาวของข้าองค์หญิงเจ็ดเป็นผู้เหมาะสมที่สุดในบัลลังก์” องค์หญิงเจ็ด หรือองค์หญิงเฟยฮวงมีพระนามว่าหลงฮวงเอ๋อร์ เป็นผู้มีชื่อเลื่องลือในความดื้อรั้น ไม่มีองค์หญิงพระองค์ใดในวังที่จะเทียบได้ และนอกจากเรื่องนี้ แน่นอนว่ายังมีเหตุผลอื่นซ่อนอยู่

อย่างไรก็ตาม ขุนนางคนอื่นไม่อาจเข้าใจอาการนิ่งเงียบของหวังป๋อหลังจากที่ได้ยินถ้อยคำน่าตะลึงนี้ ต่างรีบก้าวออกมาและห้ามปราม “ฝ่าบาท องค์ชายรัชทายาท เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ แม้ว่าองค์หญิงเฟยฮวงจะทรงฉลาดเฉลียว แต่เรื่องครองราชย์เกี่ยวพันถึงอนาคตของอาณาจักรเทียนหลง ไม่อาจทำเป็นเรื่องเด็กเล่น หากอาณาจักรเทียนหลงสืบทอดอำนาจโดยสตรี ประชาชนในอาณาจักรเทียนหลงย่อมเกิดความสับสน อาณาจักรเทียนหลงจะต้องไม่มีแบบอย่างเช่นนี้!”

“ใต้เท้าเยี่ยนกล่าวผิดแล้ว แม้ว่าไม่เคยมีแบบอย่างมาก่อน แต่บรรพชนไม่เคยสั่งห้ามว่ามิให้สตรีขึ้นครองบัลลังก์สืบทอดเป็นจักรพรรดิ เพียงแค่ไม่เคยลองทำเท่านั้น ในเมื่อองค์รัชทายาทมิได้สนใจในราชบัลลังก์ เช่นนั้นเหตุใดจึงไม่สถาปนาองค์หญิงเจ็ดขึ้นครองราชย์ บ่าวผู้ต่ำต้อยไม่คิดว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสมแต่อย่างใด” ใต้เท้าฉื่อยังคงมุ่นคิ้วขณะกล่าว

“ใต้เท้าฉื่อกล่าวถูกต้องที่สุด แม้ว่าองค์รัชทายาทมิได้มีใจฝักใฝ่ในเรื่องการปกครอง แต่หัวใจล้วนดีงามและทรงสติปัญญาหลักแหลม ท่านย่อมไม่คิดต่ออาณาจักรเทียนหลงเหมือนเช่นเด็กเล่น ในเมื่อองค์ชายรัชทายาทปรารถนาหลีกทางให้องค์หญิงเฟยฮวง ท่านย่อมหมายความเช่นนั้นจริงๆ องค์หญิงเฟยฮวงคือทายาทแห่งตระกูลหลงเช่นเดียวกับคนอื่น แน่นอนว่าย่อมคู่ควรขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งเทียนหลง”

“ถูกต้องที่สุด ถูกต้องที่สุด! ฮี่ ฮี่ ไม่ทราบขุนนางทุกท่านยังจำได้หรือไม่ ครั้งหนึ่งจักรพรรดิผู้ล่วงลับเคยสัญญาด้วยพระองค์เองว่าจะยกองค์หญิงเฟยเฮยฮวงให้แต่งงานกับนายน้อยตระกูลเย่ หากองค์หญิงเฟยฮวงได้ขึ้นครองบัลลังค์ ตระกูลเย่ย่อมหนุนหลังตระกูลหลงตลอดไป เมื่อมีตระกูลเย่คอยปกป้อง พวกเรายังต้องกลัวสิ่งใดอีก” ยังมีขุนนางระดับสูงวัยกลางคนอีกผู้หนึ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม

หลงเจิ้งหยางนิ่งฟังคำพูดของพวกเขาด้วยสีหน้าราบเรียบ ทว่าในใจตกตะลึงไร้ที่เปรียบ เนื่องจากในเหล่าขุนนางที่เงียบงัน กลับมีอยู่ถึงครึ่งหนึ่งที่สนับสนุนหลงฮวงเอ๋อร์ พวกเขาพยายามโน้มน้าวเหล่าขุนนางที่ยังหวาดกลัว ซึ่งผิดจากที่เขาคาดไว้ว่าจะมีสิ่งบั่นทอนกำลังใจ

สมแล้วที่เป็นเย่หวูเฉิน สมแล้วที่เป็นจักรพรรดิมาร.... คนกว่าครึ่งในราชสำนักที่มีใบหน้าคุ้นตาและกำอำนาจในมือ คิดไม่ถึงว่ากลับเป็นคนของเขา บางคนอยู่มานานห้าปี หลายคนอยู่มานับสิบๆปี ทุกคนล้วนมีตำแหน่งใหญ่โตในราชสำนัก ทว่ากลับไม่มีผู้ใดสงสัยหรือรู้ตัวเลยจนถึงตอนนี้

เขาลอบถอนหายใจยาว อารมณ์ยามนี้ซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง ทว่าอารมณ์เหล่านั้นปลิวไปกับลมหายใจออก เขาเชื่อว่าเย่หวูเฉินจะต้องรักษาสัญญา ไม่ทำเรื่องไม่ดีต่อหลงฮวงเอ๋อร์จนชั่วชีวิต เย่หวูเฉินกล่าวแล้วย่อมทำได้ ส่วนตัวเขากำลังจะใช้ชีวิตในอนาคตเพื่อตัวเอง เหตุใดยังต้องห่วงเรื่องยุ่งยากที่กำลังจะห่างไกลจากตัวเอง

ทว่าในเหล่าคนที่เงียบงันรวมถึงหวังป๋อ ต่างตกตะลึงอย่างยิ่งไม่ต่างกัน การเสนอให้องค์หญิงขึ้นครองบัลลังก์อย่างฉับพลัน อย่างน้อยควรเกิดคำถามมากมายในทางต่อต้าน ทว่าเสียงคัดค้านกลับอ่อนลงเพราะถูกกดข่มด้วยเสียงสนับสนุน แบบนี้พวกเขาจะไม่ตกตะลึงได้อย่างไร

สายตาผู้คนตกไปที่หลงฮวงเอ๋อร์ ผู้ซึ่งยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบงัน สีหน้านางเปลี่ยนไปเล็กน้อย หากยังคงนับว่าสงบอยู่ ไม่มีอาการตกใจมากนัก เห็นได้ชัดว่านางเตรียมตัวรับมือกับฉากนี้เป็นอย่างดี

ประหลาดเกินไปแล้ว!

เวลานี้เอง ตัวตนที่ไม่มีใครคาดคิดได้ก้าวเข้ามาในท้องพระโรงเทียนหลง พร้อมเสียงหัวเราะอ่อนโยน

“เฮอๆๆๆ ผู้ใดบอกว่าฮวงเอ๋อร์ของข้าไม่อาจนั่งบัลลังก์นี้”

น้ำเสียงชรานี้ไม่เพียงอ่อนโยน แต่ยังแผ่ความวิเวกเหนือคำกล่าว เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาพร้อมเสียงคำพูด สายตาของคนทุกผู้เคลื่อนมองมายังเขาทันที

นี่คือชายชราอายุราว 70 ปี สวมใส่เสื้อผ้าบ้านๆ รองเท้าสองข้างเปื้อนเศษดิน มองปราดแรกจะได้กลิ่นชนบทอย่างชัดเจน ทว่าเมื่อเขาเผชิญหน้ากับเหล่าขุนนางจำนวนมากแห่งอาณาจักรเทียนหลง ชายชราที่ดูธรรมดานี้กลับไร้อาการตื่นเต้นแต่อย่างใด สีหน้าราบเรียบอย่างผิดธรรมชาติ ภายใต้รูปลักษณ์ธรรมดานี้ ผู้คนเริ่มรู้สึกถึงกลิ่นอายอันสูงส่งไร้ที่เปรียบ

เมื่อสิ้นเสียงนี้ลง เย่หนู่และหวังป๋อต่างตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ยามนี้เมื่อได้เห็นร่างของบุคคล ทั้งสองไม่อาจรักษาความสงบได้อีก รีบร้อนก้าวออกมาและคุกเข่าลง “บ่าวผู้ชราเย่หนู่/หวังป๋อ ถวายบังคมอดีตองค์จักรพรรดิ!!”

อดีตองค์จักรพรรดิ.... สามคำนำความตะลึงดุจฟ้าฟาด

เล่ากันว่าอดีตองค์จักรพรรดิสละราชบัลลังก์และมอบให้แก่องค์รัชทายาทหลงหยิน จากนั้นออกจากเมืองเทียนหลงไปนานกว่า 20 ปี ภายใต้คำสั่งเด็ดขาดที่ห้ามผู้ใดตามหาและรบกวน ทำให้ไร้ร่องรอยของเขานับตั้งแต่วันนั้น นานกว่า 20 ปีที่ไม่เคยเห็นเขากลับมายังเมืองเทียนหลง ดังนั้น ขุนนางของราชสำนักในยุคปัจจุบันจึงเหลือไม่กี่คนที่เคยเห็นเขา ทว่าเย่หนู่และหวังป๋อสองตัวตนที่สูงส่งและทรงเกียรติกลับคุกเข่าลง ไหนเลยพวกเขาจะเสแสร้ง ทันใดนั้น ผู้คนที่ยืนอยู่ในท้องพระโรงต่างก้มศีรษะให้กับหลงเจิ้ง เปล่งเสียงเรียกขานชายชราผู้นี้ดังลั่น “อดีตองค์จักรพรรดิ”

“ลุกขึ้นเถอะ ตอนนี้ข้าเป็นเพียงคนเก็บสมุนไพรบ้านนอกคนหนึ่ง อย่าได้ยกสมญาอดีตองค์จักรพรรดิขึ้นอีกเลย พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องคุกเข่าให้ข้า ลุกขึ้นๆ” หลงเจิ้งส่ายศีรษะบางพร้อมกับยกมือ

เย่หนู่ลุกขึ้นยืน อารมณ์ปนกันทั้งยินดีและเคารพ “อดีตองค์จักรพรรดิ ในที่สุดท่านก็อยากกลับมาเยือนเมืองเทียนหลงแล้ว”

ตลอด 20 ปี หลงเจิ้งไม่เคยกลับมายังเมืองเทียนหลง แต่เย่หนู่และหวังป๋อไปเยี่ยมเขาหลายครั้งหลังจากที่เขาจากไปได้หลายปี ดังนั้นจึงจำเขาได้ในทันที ทว่าคนอื่นเพียงยืนนิ่งอยู่ในอาการเคารพ มองดูอดีตจักรพรรดิที่หายตัวไปนานกว่า 20 ปี รูปลักษณ์ธรรมดากลับแผ่ความอ่อนโยนที่รู้สึกได้ กลิ่นอายสูงส่งนี้มีเพียงต้องเคยกุมอำนาจสูงสุดในไว้มือเท่านั้น

“จักรพรรดิจากไปแล้ว ข้าจะไม่กลับมาดูได้อย่างไร” หลงเจิ้งถอนหายใจบาง น้ำเสียงโศกเศร้าขณะกล่าว

หวังป๋อโค้งกายลงและปลอบโยน “ฝ่าบาทถูกขบถหลินขวงทำลาย....เฮ้อ อดีตองค์จักรพรรดิโปรดรำงับความเสียใจ”

“เป็นหรือตายล้วนขึ้นอยู่กับฟ้า ข้าเป็นคนที่ก้าวขาลงโลงไปแล้วครึ่งหนึ่ง ไม่มีสิ่งใดไม่เคยพบเจอ เพียงแต่คิดถึงทายาทของข้า” หลงเจิ้งถอนหายใจ

“เสด็จปู่” หลงเจิ้งหยางตรงเข้ามาหาและกล่าวเรียก

“เรียกท่านปู่เหมือนเดิมดีอยู่แล้ว ไม่ต้องใช้ศัพท์ของ ‘ราชา’ ข้าฟังสบายใจกว่า” หลงเจิ้งลูบอย่างเอ็นดูและกล่าวแผ่วเบา สายตาลอบมองสำรวจที่หลงฮวงเอ๋อร์ ครั้งล่าสุดที่เห็นหลานสาวตัวเองคือเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นหลงฮวงเอ๋อร์ยังมีอายุเพียงสี่ขวบ แต่ความดื้อรั้นเจ้าเล่ห์ของนางทำให้เขานึกทีไรก็อดยิ้มไม่ได้

“ฮวงเอ๋อร์ มาหาปู่หน่อยสิ” หลงเจิ้งมองไปยังหลานสาวผู้เติบโตเป็นสตรีงดงาม แววตาฉายความอบอุ่น นางถูกวางให้เป็นจักรพรรดิคนต่อไปแห่งเทียนหลง ถูกกำหนดไว้ก่อนหน้าและไร้พลังใดที่จะเปลี่ยนแปลงได้ แต่สำหรับเขาแล้วเรื่องนี้ไม่สำคัญ ในสายตาของเขาที่กระจ่างดุจน้ำใส พลังอำนาจ หรือความมั่งคั่ง ล้วนแต่ไร้สาระ ที่เขาห่วงใยมีเพียงหลานสาวเท่านั้น

หลงฮวงเอ๋อร์ก้าวเท้าเข้ามาหา จนกระทั่งมาถึง คู่ดวงตาเป็นประกายมองสำรวจใบหน้าชายชราอย่างเงียบงัน “ท่านเป็นปู่ของข้าจริงๆเหรอ? ทำไมจู่ๆท่านถึงได้ชราถึงเพียงนี้?”

หลงเจิ้งเมื่อได้ยินก็หัวเราะลั่น “เพราะว่าปู่ของเจ้าแก่แล้วนะสิ แต่ฮวงเอ๋อร์ เจ้าเองก็โตขึ้นเช่นกัน ไม่เพียงแค่เติบโตขึ้น แต่นางยังจะกลายเป็นจักรพรรดินี ปู่ไม่คิดเลยว่ายัยหนูเจ้าเล่ห์ในอดีตที่เคยเอาหนอนผีเสื้อใส่ในรองเท้าของปู่กำลังจะกลายเป็นจักรพรรดินี”

ถ้อยคำและน้ำเสียงของหลงเจิ้งที่เย้าแหย่ทำให้หลงฮวงเอ๋อร์คล้ายเขินอายและขบขัน สามปีก่อน ‘ความตาย’ ของเย่หวูเฉินทำให้เด็กหญิงผู้หัวรั้นสงบลงมากเพราะความโศกเศร้า อุปนิสัยของนางยังเปลี่ยนไปไม่ทะเล้นเหมือนแต่ก่อน ทว่าถ้อยคำของหลงเจิ้งทำให้ท้องพระโรงเทียนหลงเงียบกริบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตก

เขากล่าวออกมาชัดถ้อยชัดคำว่ากลายเป็นจักรพรรดินี หรือว่าที่หลงเจิ้งมาที่นี่ ก็เพื่อผลักดันหลงฮวงเอ๋อร์?

เวลานี้ กระทั่งคนบ้ายังได้กลิ่นไม่ชอบมาพากล ตั้งแต่หลงเจิ้งหยางหลีกทางให้กับองค์หญิงเฟยฮวง ตามด้วยผู้คนมากมายที่สนับสนุนเป็นเสียงเดียวกัน จากนั้นอดีตจักรพรรดิที่ไม่เคยเห็นหน้ามากว่า 20 ปีได้ปรากฎตัวขึ้น และยังพูดอีกว่านางคือจักรพรรดิคนต่อไป เรื่องทั้งหมดนี้ แม้มองไม่เห็นเบื้องหลังแต่มีขุมพลังลึกลับอยู่อย่างแน่นอน

“ฮวงเอ๋อร์ เจ้าอยากทำงานในฐานะจักรพรรดิหรือไม่?” หลงเจิ้งกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“อยากสิ ข้าอยากเป็นจักรพรรดินีแห่งอาณาจักรเทียนหลง” หลงฮวงเอ๋อร์ให้คำตอบหลงเจิ้งโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ขณะที่ให้คำตอบออกไป ในใจนางนึกถึงคำพูดของเย่หวูเฉินอย่างเงียบงัน เพื่อเขาแล้ว นางจะกุมอำนาจสูงสุดแห่งอาณาจักรเทียนหลงไว้ในกำมือ และเพื่อเขา นางตั้งใจว่าจะไม่ยอมแพ้ให้แก่จักรพรรดิคนใด

“เฮ่อๆ ประเสริฐ ตราบใดที่ฮวงเอ๋อร์ปรารถนาย่อมนับว่าดี หากฮวงเอ๋อร์ไม่ปรารถนา ต่อให้ผู้คนบังคับเจ้า ปู่ก็ไม่มีวันเห็นชอบ” หลงเจิ้งยิ้มร่า เสียงหัวเราะแผ่วไหวดุจสายลม ใบหน้าไร้ความคับข้องใดๆ ราวกับว่า การกล่าวคำยอมรับเจ้าของบัลลังก์นี้เป็นเรื่องสามัญธรรมดายิ่ง

สายตาของเขาเคลื่อนออก แววความสุขบนหน้าหายไป เขามองเย่หนู่และเย่เว่ยอย่างจริงจังและกล่าว “ขุนพลเย่ ราชครูหวังป๋อ พวกเจ้าคือขุนนางระดับสูงสุดแห่งอาณาจักรเทียนหลง พวกเจ้าคงอยากช่วยหลานสาวข้าให้กลายเป็นจักรพรรดินีที่ไม่เคยมีมาก่อน!”

เขาไม่ได้กล่าวว่า “พวกเจ้าคงมีเรื่องคัดค้าน” แต่กลับตัดสินใจและปิดตายต่อคำถาม ปิดกั้นพวกเขาไม่ให้ปฏิเสธ ไหนเลยเย่หนู่และหวังป๋อจะไม่รู้จักสติปัญญาและการงัดข้อของอดีตจักรพรรดิหลงเจิ้ง ในช่วงเวลาที่เขาครองราชย์ เกียรติภูมิของเขาเหนือล้ำกว่าหลงหยินไปห่างไกล เรื่องบัลลังก์ที่สำคัญระดับนี้ เขาย่อมไม่ตัดสินใจส่งเดช ทั้งสองจึงกล่าวคำอย่างพร้อมเพรียง “บ่าวผู้ชราขอสาบาน จะต่อสู้จนตัวตาย ถวายความภักดีต่อจักรพรรดิองค์ใหม่ ไม่มีวันคิดทรยศ!”

“บ่าวผู้ต่ำต้อยขอสาบาน จะต่อสู้จนตัวตาย ถวายความภักดีต่อจักรพรรดิองค์ใหม่ ไม่มีวันคิดทรยศ!” เพียงสิ้นเสียงของเย่หนู่และหวังป๋อ พวกขุนนางที่สนับสนุนหลงฮวงเอ๋อร์ต่างคุกเข่าหันหน้าไปทางหลงฮวงเอ๋อร์และหลงเจิ้งทันที ตะโกนกล่าวคำปฏิญาณความภักดี คนที่เหลือต่างยืนตะลึงโง่งม ไร้โอกาสให้กล่าวคำคัดค้านอีก

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ประเสิรฐ! สมแล้วที่เป็นขุนนางแห่งเทียนหลง พลังเหลือล้นมิได้ลดลงจากเมื่อก่อนเลย” หลงเจิ้งหัวเราะครึ่งจริงครึ่งเสแสร้ง “ฮวงเอ๋อร์ วันนี้ให้ปู่ได้รับผิดชอบพิธีสวมมงกุฎด้วยตัวเองเถอะ เฮ่อๆๆๆ!”

ภาพที่ดูเหมือนธรรมดานี้ แท้จริงเต็มไปด้วยบรรยากาศแปลกแปร่ง พิธีสวมมงกุฎจักรพรรดิองค์ใหม่ได้เริ่มขึ้นในที่สุด จนกระทั่งจบลงอย่างราบรื่น องค์หญิงเฟยฮวงขึ้นครองบัลลังก์โดยที่หลายคนยังคงไม่ทันตั้งตัว สถาปนาขึ้นเป็นจักรพรรดินีเฟยฮวง

[ปล.ตอนที่แล้วแก้จากวังหลงเจิ้งเป็นราชวังเทียนหลง]



<<<PREV    .    NEXT>>>