วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 429

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 429 ช่วงชิงอย่างเปิดเผย

ซีเหมินชิงไม่ปฏิเสธว่าเย่ตู๋ชางมีแซ่เดิมคือซีเหมิน เหตุผลที่กระบี่เล่มนี้ปรากฎอยู่ในตระกูลซีเหมินจึงเป็นที่ชัดแจ้ง เมื่อผ้าคลุมถูกเปิดออก กระบี่สีทองสัมฤทธ์แบบโบราณก็ปรากฎต่อหน้าผู้คน

กระบี่ยาวราวสองเมตร ใบกระบี่กว้างราวหนึ่งศอก แรงกดดันหนักหน่วงแผ่พุ่งจากกระบี่ยักษ์ทันที.... ทรงอำนาจน่าเกรงขาม เป็นความรู้สึกที่กระบี่ยักษ์นำมาสู่ผู้คน อาศัยเพียงลักษณะของกระบี่ ผู้ใดจะสงสัยว่านี่ไม่ใช่กระบี่ธรรมดา ผู้คนได้แต่อุทานยกย่อง สมแล้วที่เป็นกระบี่เลื่องชื่อร่วมกับกระบี่ชางหมิง กระบี่สมบูรณ์ควรแก่การอวดโอ่ ทว่ากลับถูกซ่อนไว้โดยตระกูลซีเหมิน ปิดซ่อนสมบัติสวรรค์ไว้อย่างมิดชิด

ทว่าตระกูลซีเหมินมีเหตุผลที่ไม่อาจโต้แย้ง ในอดีตจอมกระบี่ปีศาจสร้างศัตรูไว้ไม่รู้เท่าไหร่ หากเปิดเผยกระบี่เล่มนี้ออกมา ย่อมเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับจอมกระบี่ปีศาจเย่ตู๋ชางและตระกูลซีเหมิน คนเหล่านั้นย่อมตามล้างแค้น ตอนนี้สามร้อยปีได้ผ่านไป บุญคุณความแค้นในอดีตย่อมกลายเป็นฝุ่นธุลี ไม่มีผู้ใดสนใจอีก ยิ่งกว่านั้น หากคนทั่วไปรู้ว่าตระกูลซีเหมินครอบครองกระบี่เทพย่อมเกิดความอิจฉา พออยากได้ย่อมก่อปัญหาตามมาหลายอย่าง ดังนั้น กระบี่สั่งฟ้าจึงถูกนำออกประมูลในวันนี้ เป็นวิธีจัดการปัญหาอันยอดเยี่ยมของตระกูลซีเหมิน

“กระบี่เล่มนี้จริงหรือปลอม คู่ควรเปรียบกับกระบี่ชางหมิงหรือไม่ เชื่อว่าทุกท่านสมควรรู้สึกได้ ดังนั้น ราคาเริ่มต้นของกระบี่สั่งฟ้าอยู่ที่.... 10 ล้าน! การเพิ่มราคาแต่ละครั้งห้ามต่ำกว่าหนึ่งแสน” ตอนนี้ซีเหมินชิงมีบทเรียนแล้ว เพื่อป้องกันสถานการณ์น่าอึดอัด อย่างเช่นการเพิ่มเงินทีละหนึ่งตำลึง เขาจึงกำหนดการเสนอราคาขั้นต่ำไว้

อย่างไรก็ตาม ผ่านไปครู่ใหญ่กลับไม่มีใครตะโกนเสนอราคาออกมา สายตาแรงร้อนตกอยู่บนกระบี่สั่งฟ้า สามารถได้ครองวัตถุเทพ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นความใฝ่ฝันของเหล่าผู้ฝึกยุทธ สำหรับพวกมันแล้ว วัตถุเทพคือสมบัติล้ำค่าที่ไม่อาจประเมินราคา หากสามารถบัญชาวัตถุเทพ พลังโดยรวมย่อมเพิ่มขึ้นขอบเขตใหญ่ แทบทุกคนล้วนใฝ่ฝันอยากได้วัตถุเทพมาครอบครอง

ทว่าทุกคนล้วนรู้ว่า ต่อให้ประมูลกระบี่สั่งฟ้าได้ไปในวันนี้ ยังไม่ได้แปลว่าจะได้ครอบครองมันจริงๆ เพราะต้องมีความสามารถรักษาเมื่อได้มันไป ยกตัวอย่างเช่น ไม่มีผู้ใดกล้าชิงกระบี่ชางหมิงจากเทพกระบี่ หรือกระบี่คร่าสายลมที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของฟงเฉาหยาง ผู้คนย่อมไม่กล้าฉกชิงจากเทพสงคราม ขณะที่กระบี่หิมะเป็นของเสวี่ยหนี่ สามวัตถุเทพที่ทรงพลังมากที่สุดในโลก ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่พวกมันอยู่ในมือบุคคลผู้แข็งแกร่งสุด หากท่านไร้พลังเพียงพอ ไม่เพียงท่านไม่อาจรักษามันได้ยามได้รับมา แต่มันยังกลายเป็นต้นตอของหายนะ บางทีวันนี้อาจถูกจู่โจมทันทีเมื่อออกจากตระกูลซีเหมิน วัตถุเทพที่ต้องทุ่มเงินเพื่อให้ได้มา จะพลันกลับกลายเป็นวัตถุอัปมงคล

“10 ล้าน 1 แสน! ข้าอยากได้กระบี่เล่มนี้!” ซีเหมินชิงสีหน้าคล้ายกังวล ทว่าในที่สุดก็มีคนยืนขึ้นตะโกนราคา ใบหน้าฉายความพออกพอใจ คนผู้นี้คือฉุ่ยอู๋เชว

เนื่องจากฝึกฝนวิชาหยกวารี ฉุ่ยอู๋เชวจึงดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงอยู่มาก ผิวพรรณยังปราณีตดุจสตรี ใบหน้ายังขาวผุดผ่อง หากเหวี่ยงวาดกระบี่ใหญ่ คงเป็นภาพที่ดูย้อนแย้งไม่น้อย

ซีเหมินชิงลอบถอนหายใจโล่งอก พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “สหายท่านนี้ ท่านสามารถบอกชื่อและที่มาของกระบี่สั่งฟ้า ผู้น้อยรู้สึกเลื่อมใสอย่างยิ่ง กระบี่เล่มนี้กับท่านสมควรมีวาสนาต่อกันล้ำลึก หากไม่มีสหายท่านใดต้องการกระบี่สั่งฟ้าเล่มนี้แล้ว เช่นนั้น ผู้น้อยขอมอบกระบี่เล่มนี้เป็นของขวัญแก่สหายท่านนี้เป็นอย่างไร?”

ของขวัญ? ให้เป็นของขวัญอีกแล้ว?

ตอนแรกก็มอบหยกแดงครามสมุทรประจิมที่ถูกประมูลในราคาสูงเสียดฟ้า ตอนนี้ยังมอบวัตถุเทพที่ผู้คนได้แต่มองน้ำลายยืด.... ยกหยกแดงครามสมุทรประจิมให้กับเย่หวูเฉิน พวกมันยอมรับได้ กระทั่งยังคิดว่าเป็นเรื่องสมควรและน่าชื่นชม ขณะเดียวกันยังต้องลอบยกย่องความคิดเจ้าเล่ห์ของซีเหมินชิง ทว่ามอบกระบี่สั่งฟ้าให้กับคนแปลกหน้า.... มันเสพติดการบริจาคหรือยังไง? หรือพวกมันร้อนใจอยากส่งต้นตอปัญหานี้ให้พ้นตัว? หากเป็นอย่างหลัง ตระกูลซีเหมินย่อมเสียชื่อเพราะความขลาดอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงแล้ว

“ไม่จำเป็น!” เหนือความคาดหมายของผู้คน ชายหนุ่มผู้นี้ไร้อาการดีใจ ทั้งยังปฏิเสธโดยตรง ราวกับไม่กลัวการล่วงเกินต่อตระกูลซีเหมิน มันยื่นแขนออกมา พลังไร้ตัวตนแหวกพุ่งไปในอากาศ ยกกระบี่สั่งฟ้าที่ต้องใช้บุรุษสองคนแบกไว้ให้ลอยขึ้น จากนั้นบินหวือมาสู่มือ

การกระทำของชายหนุ่มทำให้ยอดฝีมือมากมายในฉากสีหน้ากลับกลายทันที หัวใจยังรู้สึกตกตะลึง มิน่าคนผู้นี้ถึงได้ทรนง ด้วยวัยเท่านี้กลับมีพลังฝีมืออันน่ากลัว เกรงว่ากระทั่งเหล่าหัวหน้าของสี่ตระกูลเวทย์อันยิ่งใหญ่ยังด้อยกว่า ไม่ทราบว่าเจ้าหนุ่มผู้นี้เก่งกล้ามาจากไหน!

“กระบี่ดี เป็นกระบี่ที่ดีจริงๆ! ราคา 10 ล้าน 1 แสนนี้นับว่าคุ้มค่าจริงๆ” ฉุ่ยอู๋เชวจับประบี่ด้วยมือเดียว อุทานพลางชื่นชม กระบี่สั่งฟ้าเพียงเริ่มเสนอราคาและยังไม่ทันจบการประมูล มันก็ฉวยคว้ากระบี่มาแล้ว ไม่สนใจว่าผู้ใดจะให้ราคาสูงกว่า กำกระบี่ไว้มั่นราวกับไม่ยอมปล่อยให้ผู้ใด มันสอดมือเข้าไปในอกเสื้อ ขยับมือขยุกขยิก จากนั้นโยนตั๋วเงินปึกใหญ่ขึ้นไปบนเวที “นี่คือตั๋วเงินจำนวน 10 ล้านกับอีก 1 แสนตำลึง ไม่มีขาดเกิน”

พอโยนตั๋วเงินออกไปเสร็จ ฉุ่ยอู๋เชวก็ถือกระบี่เดินออกไปโดยไม่สนใจการประมูลที่เหลือ กระบี่ยักษ์ช่างตัดกับร่างผอมบาง อย่างไรก็ตาม หากมีใครอยู่ใกล้พอ พวกมันจะได้ยินเขากระซิบกับตัวเอง “น่าแปลก ทำไมเจ้านายถึงเดาได้ถูกต้องว่าเพียงเงิน 10 ล้าน 1 แสนตำลึงก็พอที่จะซื้อแล้ว.... น่าแปลกจริงๆ”

ผู้คนสีหน้าหลากอารมณ์มองดูฉุ่ยอู๋เชวเดินออกไปไกล ในใจคาดเดาสถานะของชายผู้นี้ ทว่าที่บนเวที ซีเหมินชิงนิ่งงันอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง จากนั้นหยิบตั๋วเงินขึ้นมานับ พอนับเสร็จสีหน้ายิ่งดูแปลกแปร่ง ตั๋วเงินมีมูลค่า 10 ล้าน 1 แสนโดยไม่ขาดไม่เกิน ราวกับว่าชายที่เพิ่งออกไปเตรียมเงินจำนวนนี้รอไว้ก่อนแล้ว

“ฮี่ ฮี่” ซีเหมินชิงหัวเราะคล้ายเจ้าเล่ห์ “สหายหนุ่มท่านนี้ช่างเป็นคนตรงไปตรงมา กระบี่สั่งฟ้าสามารถอยู่ในมือเขา นับว่าเป็นวาสนาแล้ว”

สมบัติล้ำค่าทั้งสามถูกประมูลไปจนหมด ผู้คนผ่อนคลายความคิดได้ในที่สุด หลายคนหลับตาลงเพื่อสงบจิตใจ บางคนแววตาทอเป็นประกาย เนื่องจากต่อจากนี้ คือฉากสำคัญที่สุด การประมูลแผนที่คลังสมบัติของจักรพรรดิบรรพชนแห่งอาณาจักรเทียนหลง

อย่างไรก็ตาม นอกจากกลุ่มคนที่ทำการลักขโมยแล้ว ไม่มีผู้ใดทราบว่ากระบี่เหล็กซึ่งมีแผนที่คลังสมบัติซ่อนไว้ได้ถูกขโมยไปแล้ว กระทั่งตระกูลซีเหมินเองยังไม่รู้เรื่องนี้

“ต่อจากนี้ สหายทุกท่านที่เดินทางมาไกล คงจะทราบกันดีแล้วว่าสมบัติชิ้นสุดท้ายคือสิ่งใด ดังนั้น ขอเริ่มการประมูลสมบัติชิ้นสุดท้าย ณ บัดนี้....” ซีเหมินชิงรักษาอารมณ์และสีหน้า จากนั้นปรบมือ “ปับ ปับ ปับ” สามครั้ง

เป็นอีกครั้งที่ไม่ใช่พานจินเหลียนที่ก้าวออกมาบนเวที แต่เป็นชายวัยกลางคนในชุดดำ ใบหน้าบึ้งตึงและผอมแห้ง มันถือกล่องทองคำใบยาวค่อยๆเดินออกมา ทั้งกลิ่นอายและฝีเท้า แม้ว่าจะอยู่ไกลๆก็ทราบได้ทันทีว่านี่คือตัวตนไม่ธรรมดา เป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือ

การปรากฎของกล่องทองคำดึงดูดความสนใจของผู้คน นั่นไม่ใช่กล่องทองชุบธรรมดาแต่เป็นทองแท้ทั้งกล่อง เฉพาะกล่องบรรจุก็จินตนาการได้ว่าล้ำค่าเพียงใด ดังนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าของที่อยู่ในกล่องนี้คือ....

ทุกสายตากลายเป็นกระตือรือร้น หรือไม่ก็ภูมิฐาน ชายชุดดำวางกล่องทองคำลงตรงหน้าซีเหมินชิง มันไม่ได้ถอยออกไปแต่ขยับไปยืนอยู่เบื้องหลัง คู่ดวงตาที่ปิดกึ่งหนึ่งมองลง จับจ้องบนฝากล่องทองคำ หน้าที่ของมันในวันนี้ คือจัดการกับเรื่องไม่คาดฝันทุกอย่างที่อาจเกิดขึ้น

“สมบัติชิ้นสุดท้าย เชื่อว่าทุกท่านคงทราบดีกันแล้ว” ซีเหมินชิงวางมือลงบนฝากล่องทองคำ “ถูกต้อง สิ่งที่อยู่ในนี้คือกระบี่เหล็กที่จักรพรรดิบรรพชนแห่งเทียนหลงได้ตกทอดไว้ หากข่าวลือไม่ผิดพลาด กระบี่เหล็กเล่มนี้ซ่อนแผนที่คลังสมบัติไว้ เป็นแผนที่ที่จะนำไปสู่ขุมทรัพย์มหาศาลที่ถูกฝังไว้”

โถงประมูลกลายเป็นเงียบสงัด แม้ว่าจะรู้ล่วงหน้าแล้ว แต่บรรยากาศยามนี้ยังคงนิ่งสงัด แววหน้าผู้คนแสดงความสับสนอย่างเห็นได้ชัด

“เหตุใดกระบี่เล่มนี้จึงตกอยู่ในมือตระกูลซีเหมิน  ผู้น้อยต้องขออภัยสหายทุกท่านที่ไม่อาจเปิดเผย แต่ด้วยสหายมากมายเป็นพยาน พวกเราตระกูลซีเหมินย่อมไม่กล้าหลอกลวง นี่คือกระบี่เหล็กที่จักรพรรดิบรรพชนทิ้งไว้ให้เบื้องหลังอย่างไม่ต้องสงสัย คงมีสหายหลายท่านสงสัยว่าเหตุใดพวกเราตระกูลซีเหมินถึงไม่ทำลายกระบี่ แล้วนำแผนที่คลังสมบัติไปตามหาขุมทรัพย์ที่ถูกฝังไว้ด้วยตัวเอง เหตุผลเรื่องนี้เรียบง่ายอย่างยิ่ง กล่าวกันตามตรง พวกเราตระกูลซีเหมินด้อยกำลังเกินไป ไม่อาจควบคุมขุมทรัพย์ขนาดใหญ่ในตำนานที่ถูกฝังไว้ได้ และวันนี้ เมื่อเปิดเผยออกไปแล้ว มีแต่จะทำให้พวกเราตระกูลซีเหมินเผชิญหายนะทั้งขึ้นและล่อง ยิ่งกว่านั้น ขุมทรัพย์นี้เป็นของจักรพรรดิบรรพชนที่ทิ้งไว้ให้กับทายาท ต่อให้พวกเราตระกูลซีเหมินอยากได้ ก็ไม่มีขวัญกล้าคิดครอบครอง บิดาของผู้น้อยคิดหาวิธีเป็นเวลาเนิ่นนาน ในที่สุดจึงตัดสินใจจัดงานประมูลครั้งนี้ขึ้น เพื่อส่งมอบต่อสหายผู้มีวาสนา พวกเราตระกูลซีเหมินเพียงต้องการกำไรพอเป็นค่าใช้จ่ายในตระกูลเท่านั้น”

ซีเหมินชิงกล่าวอธิบายอย่างมีเหตุผล ทำให้ผู้คนไม่พบข้อพิรุธหรือทำใจเชื่อยากแต่ประการใด เขาไม่ดึงเวลาให้ชักช้า หยิบค้อนทองยกขึ้นและตะโกน “ผู้น้อยเบาปัญญา ไม่ทราบว่าขุมทรัพย์มหาศาลนี้ตีเป็นมูลค่าเท่าใด ดังนั้นจึงขอบังอาจตั้งราคาเริ่มต้นที่....”

“ในเมื่อไม่รู้ความก็อย่าได้เอ่ยปาก ของสิ่งนี้ เราจักรพรรดิต้องการมัน !”

กระแสลมเย็นเยือกพัดเข้ามาในโถงประมูลโดยไร้สัญญาณเตือน นำพาความเหน็บหนาวมาสู่ ม่านหน้าต่างสะบัดพัด วูบไหวเป็นเงา หัวใจผู้คนรึงรัดกระสับกระส่ายจากบรรยากาศนี้ทันที

ผู้คนเคลื่อนสายตาตามเสียงมองไปที่ด้านบน เพดานห้องโถงประมูลอยู่สูงอย่างมาก ประมาณคร่าวๆราวสิบเมตร ไม่ทราบร่างสีเงินลอยอยู่เหนือเวทีตั้งแต่คราใด การปรากฎตัวของมันทำให้ผู้คนหัวใจเต้นรัวและเย็นเยือก ก่อนหน้านี้ไม่มีใครตระหนักถึงตัวตนของมัน ไม่ทราบมันใช้วิธีใดปรากฎตัวขึ้นที่นี่ ราวกับภูติผีปรากฎตัวออกมาจากอากาศว่าง

“จักรพรรดิมาร!” ภายในห้องโถงประมูล ผู้คนเกินกว่าครึ่งสูดหายใจเอาอากาศเย็นเยือก บางคนตัวสั่นอย่างไม่อาจควบคุม บางคนถอยหลังอย่างไม่อาจอดห้าม

จักรพรรดิมาร! มันปรากฎตัวขึ้นที่นี่จริงๆ!

แปลกใจ? ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าใดนัก ด้วยความทะเยอทะยานของสำนักมาร มีหรือที่มันจะทิ้งความมั่งคั่งมหาศาลที่สามารถฉวยคว้ามาได้มาง่ายๆ?

ขณะที่สายตาผู้คนจับจ้องอยู่ที่ร่างมัน กล่องทองคำใบยาวก็พุ่งไปหาจักรพรรดิมารดุจลูกศร จักรพรรดิมารคว้ามันไว้ในมือ ความเร็วเหนือล้ำกว่าตอนที่ฉุ่ยอู๋เชวเรียกกระบี่ไปห่างไกล รวดเร็วจนผู้คนไม่ทันตอบสนอง



<<<PREV    .    NEXT>>>