วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 428

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 428 มอบเป็นของขวัญ

แววหน้ามีความสุขของฟงหลิงสลายไปทันที ถ้อยคำของเย่หวูเฉินเป็นดั่งมีดเสียบแทงหัวใจมันอย่างไม่ต้องสงสัย อารมณ์หลากหลายหลั่งขึ้นในหัวใจจนยากจะทานทน ประสาททั้งห้าปั่นป่วน เห็นอยู่ว่าเย่หวูเฉินติดหนี้อยู่ 300 ล้าน แต่เหตุใดตอนนี้มันจึงระรื่นได้ ฟงหลิงไม่รู้สึกถึงชัยชนะใดๆ อารมณ์อัดแน่นในใจกลับเป็นความอิจฉา.... มันเป็นน้องชายของนาง สามารถนั่งข้างๆ สามารถสบตา กระทั่งสามารถปาดเช็ดน้ำตาให้นางได้....

ทว่า.... ความรู้สึกเลือนลางจากสัญชาตญาณได้บอกกับมันว่า บรรยากาศซับซ้อนระหว่างเย่หวูเฉินกับเย่ฉุ่ยเหยานั้นไม่ใช่ความรักระหว่างพี่น้องธรรมดา

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” ซีเหมินชิงตอบสนองด้วยเสียงหัวเราะร่าเช่นเดียวกัน “นายน้อยเย่ ช่างเป็นบุคคลที่จริงใจและเข้าถึงอารมณ์ผู้คนในโลกจริงๆ ถูกต้อง ไหนเลยเงินเล็กน้อยจะเทียบกับรักนิรันดร์ได้ ที่นายน้อยเย่ต้องการย่อมไม่ใช่หยกแดงครามสมุทรประจิม และด้วยหัวใจปานนี้ หากพูดถึงเรื่องเงินอีก ย่อมเป็นการหยามน้ำใจของนายน้อยเย่แล้ว ในเมื่อกล้ากล่าวคำอย่างกล้าหาญ เช่นนั้น หยกแดงครามสมุทรประจิมชิ้นนี้ ถือว่าข้ามอบเป็นของขวัญระหว่างนายน้อยเย่กับคุณหนู่เย่ ให้เป็นหลักฐานยืนยัน ‘ความรัก’ ของพวกท่าน!”

ถ้อยคำที่หลุดออกมานี้ สร้างความตะลึงไปทั้งสี่ทิศ

ของขวัญ!?

ราคา 300 ล้าน แทบจะซื้อตระกูลซีเหมินได้ทั้งตระกูล อ๊า!! นี่มันบ้าเกินไปแล้ว

“ทุกๆท่านโปรดฟังคำของข้าก่อน แล้วจึงค่อยวิจารณ์กันภายหลัง!” ซีเหมินชิงยกมือขึ้นขัด หยุดเสียงอื้ออึงที่ทะลักท่วมโถงประมูล จากนั้นเริ่มสาธยาย “ผู้น้อยมอบหยกแดงครามสมุทรประจิมชิ้นนี้ให้เป็นของขวัญแก่นายน้อยเย่และคุณหนูเย่ ล้วนไม่ใช่เกิดขึ้นจากอารมณ์หุนหัน ประการแรก หยกงดงามย่อมควรคู่กับสตรีงามล้ำ คุณหนูเย่มีรูปโฉมดุจนางสวรรค์ หยกแดงครามสมุทรประจิมซึ่งมีชิ้นเดียวในโลกย่อมเหมาะสมกับคุณหนูเย่โดยสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม สามปีก่อน คุณหนูเย่เพื่อปกป้องอาณาจักรเทียนหลงให้ดำรงความสงบ นางไม่ลังเลทำลายความสุขของตัวเอง มุ่งหน้าไปยังอาณาจักรต้าฟงเพื่อแต่งงานสร้างสันติ หัวใจปานนี้คู่ควรให้โลกชื่นชม เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ผู้น้อยได้พบนางในวันนี้ ประการที่สอง ตระกูลเย่จงรักภักดี ปกป้องอาณาจักรเทียนหลงด้วยเกียรติภูมิมั่นคงมาหลายชั่วรุ่น หากไร้ตระกูลเย่ ผู้น้อยเกรงว่าอาณาจักรเทียนหลงอาจถึงคราวต้องเปลี่ยนชื่อ! ในขณะเดียวกัน กล่าวได้ว่าทุกคนในเมืองเทียนหลงล้วนติดค้างต่อตระกูลเย่ หยกแดงครามสมุทรประจิมหนึ่งเดียวชิ้นนี้ยังยากชดใช้บุญคุณตระกูลเย่ ประการที่สาม ในอดีต นายน้อยเย่เดือดดาลเพราะคุณหนู่เย่ สร้างตำนานลือลั่นสะเทือนทุกทิศจนกล่าวขานมาถึงทุกวันนี้ ความจริงใจถึงปานนี้ ผู้ใดจะปฏิเสธได้ ยังมีผู้ใดที่คู่ควรปฏิเสธ ประการที่สี่ อาณาจักรเทียนหลงของพวกเรายามนี้เผชิญหน้าการรุกราน ผู้นำในงานนี้ก็ยังคงเป็นตระกูลเย่ นายน้อยเย่และคุณหนูเย่เป็นคนของตระกูลเย่ ตระกูลซีเหมินของข้าได้แต่ถอนใจมอง ไม่ได้ร่วมรบสังหารศัตรูใดๆ ไหนเลยจะกล้าเรียกร้องเงินทองจากตระกูลเย่ มิเช่นนั้น ตระกูลซีเหมินของข้าตั้งแต่สูงยันต่ำคงกลายเป็นเศษสวะในสายตาผู้คนอาณาจักรเทียนหลง ประการที่ห้า ในปีนั้นผู้น้อยกับนายน้อยเย่ได้บังเอิญพบกัน ผู้น้อยรู้สึกประทับใจอย่างล้ำลึก เสียใจก็แต่ไม่ได้พบกันเร็วกว่านั้น จึงมิทันทำความรู้จักเป็นสหายต่อกัน” เขาเผยรอยยิ้มบาง จากนั้นกล่าวคำเปี่ยมความมั่นใจ “หากนี่สามารถช่วยให้ผู้น้อยเป็นสหายกับนายน้อยเย่ได้ ก็ถือเป็นกำไรยิ่งใหญ่สำหรับข้าซีเหมินชิงแล้ว”

“ดังนั้น สหายท่านใดยังคงคิดว่า การมอบหยกแดงครามสมุทรประจิมชิ้นนี้ให้กับนายน้อยเย่และคุณหนูเย่ เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอีก?”

บรรยากาศกลายเป็นสงบเงียบทันที แต่ละคนกลั่นกรองถ้อยคำของซีเหมินชิงอย่างเงียบงัน ทุกถ้อยคำล้วนเป็นเหตุผลที่ไม่เกินเลย และเขากล่าวคำอย่างจริงใจมั่นเหมาะ เมื่อทุกอย่างเหล่านี้รวมกัน ผู้คนจึงรู้สึกว่าการมอบหยกแดงครามสมุทรประจิมชิ้นนี้ให้ตระกูลเย่ล้วนนับเป็นเรื่องสมควร ความรู้สึกตกตะลึงเหลือเชื่อจึงหายไป

ผู้คนเริ่มกล่าวคำสรรเสริญในความคิดและความสามารถของซีเหมินชิง ไม่เพียงถ้อยคำที่สร้างความตกตะลึงจนยากยอมรับ แต่ผลลัพธ์ยังหมายถึงตระกูลซีเหมินต้องสูญเงินกว่า 300 ล้าน ทว่าความจริงก็คือ.... ต่อให้ซีเหมินชิงไม่ทำเช่นนี้ มีหรือที่ตระกูลเย่ต้องจ่ายเงินถึง 300 ล้านจริงๆ? ต่อให้ตระกูลจ่ายจริงๆ ในเวลาวิกฤตสงครามเช่นนี้ ตระกูลซีเหมินจะมีหน้ากล้ารับอย่างนั้นหรือ? ซีเหมินชิงเข้าใจกระจ่างแจ้งว่ายามนี้เงิน 300 ล้านย่อมไม่มีหวัง ดังนั้นจึงมอบเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ต่อตระกูลเย่ และหลังจากที่เรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ชื่อเสียงและเกียรติภูมิของตระกูลซีเหมินย่อมพุ่งทะยานสูงขึ้น ง่ายที่จะหาเงินกลับคืน แต่ความรู้สึกของผู้คนนั้นยากที่จะหวนกลับ ภายใต้สถานการณ์ยามนี้ ตระกูลซีเหมินนับว่าทำกำไรมหาศาลแล้ว

ซีเหมินชิง บุรุษผู้นี้ย่อมกลายเป็นตัวตนยิ่งใหญ่ในภายหน้า!

ใบหน้าของฟงหลิงยิ่งมายิ่งน่าเกลียด ถ้อยคำของซีเหมินชิงแม้ว่ามิได้กล่าวถึงมัน แต่ทุกประโยคล้วนยืนอยู่ฝ่ายอาณาจักรเทียนหลง และแทบจะยกยอตระกูลเย่จนลอยขึ้นฟ้า.... ขณะที่ตัวมัน คือรัชทายาทต้าฟง ผู้บังคับเย่ฉุ่ยเหยาให้แต่งงานสู่ต้าฟงในอดีต คือศัตรูผู้รุกรานอาณาจักรเทียนหลง ถ้อยคำของซีเหมินชิงสร้างเส้นแบ่งฝ่ายระหว่างตัวมัน ขณะกล่าวถึงเย่ฉุ่ยเหยาแต่ละครั้งยังแฝงด้วยความเย้ยหยันต่อมัน และการที่หยกแดงครามสมุทรประจิมถูกมอบให้กับเย่หวูเฉินและเย่ฉุ่ยเหยา ยังหมายความว่าแผนของมันได้สลายเป็นอากาศ เมื่อมองย้อนกลับไป ตัวมันที่หมายคว้าหยกแดงครามสมุทรประจิมเพื่อเย่ฉุ่ยเหยา ตอนนี้ได้กลายเป็นตัวตลกไปแล้ว

ฟงหลิงถอนใจยาว กล่าวกระซิบกับตัวเอง “เย่หวูเฉิน.... กลายเป็นว่าเจ้าคาดการณ์ไว้แล้วตั้งแต่ต้น ดังนั้นจึงไร้ความกังวล ข้าเองก็นึกว่าจะหยุดเจ้าได้แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่า....”

สามปีให้หลัง ได้เผชิญหน้ากับเย่หวูเฉินอีกครั้ง มันยังคงรู้สึกไร้อำนาจโดยที่ไม่เต็มใจ

คนที่ติดตามข้างกายเงียบงันไร้คำพูด

“เมื่อเป็นเช่นนี้ หวูเฉินก็ไม่ขอเกรงใจ ของขวัญที่พี่ซีเหมินมอบให้ หวูเฉินจะจดจำไว้มั่นในใจ” ได้รับของขวัญชิ้นใหญ่ เย่หวูเฉินไร้อาการตื่นเต้นดีใจแม้แต่น้อย ยังคงพูดจาสงบราบเรียบ เขาหยุดเสียงลง ยกมือขึ้นและกล่าว “พี่ซีเหมิน หวูเฉินร่างกายอ่อนแอ ตอนนี้รู้สึกเหนื่อยล้า ต้องขอตัวไปพักผ่อน หวังว่าพี่ซีเหมินจะไม่ถือสา”

ซีเหมินชิงรีบกล่าวคำพร้อมพยักหน้า “หามิได้ๆ.... หลิงอวิ๋น หลิงลู่ รีบพานายน้อยเย่กลับไปพักเร็วเข้า”

คนใช้สองคนของตระกูลซีเหมินก้าวออกมาจากประตูที่อยู่ข้างๆเวที ช่วยประคองแขนของเย่หวูเฉินนั่งลงบนรถเข็น เย่หวูเฉินพยักหน้าให้กับซีเหมินชิง จากนั้นออกไปพร้อมกับเย่ฉุ่ยเหยาและหนิงเสวี่ยท่ามกลางสายตาผู้คน ทว่าในขณะที่กำลังออกไปนั้น มุมปากก็เหยียดขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“พวกเราเองก็ไปกันเถอะ” เห็นแผ่นหลังของเย่ฉุ่ยเหยาหายลับไปจากสายตา ฟงหลิงถอนหายใจอย่างเงียบงัน ขณะเดียวกันก็ลุกขึ้นเดินออกไป

“แต่ว่าองค์รัชทายาท พวกเรามาครั้งนี้เพื่อรอดูว่าผู้ใดจะได้ครอบครองแผนที่คลังสมบัติ ถ้าหาก....” ผู้ติดตามส่งเสียงกระวนกระวายตามมาจากข้างหลัง

“สำคัญด้วยรึ?” ฟงหลิงส่ายศีรษะและเดินออกจากประตูด้านหลังโถงประมูล

สำคัญหรือไม่? เห็นได้ชัดว่าเหตุใดมันจึงมาที่นี่ แต่เย่ฉุ่ยเหยาไม่เคยเหลือบแลมันแม้สักครา กระทั่งไม่เคยเหลียวมายังทิศที่มันอยู่ ราวกับว่าไม่เคยสนใจคนผู้นี้ สายตานางแทบจะจดจ้องที่เย่หวูเฉินตลอดเวลา.... แรงกระทบกระเทือนปานนี้ มันไม่อาจมีใจคิดถึงเรื่องอื่นได้ หัวใจเหลือเพียงความโศกเศร้าเดียวดาย

หลังจากหยกแดงครามสมุทรประจิม ก็ถึงคราวประมูลของชิ้นที่สาม แม้เกิดเหตุไม่คาดฝันระหว่างประมูล แต่ในที่สุดก็สามารถจบลงได้ ซีเหมินชิงปรบมือ ถาดหยกถูกยกออกมา ทว่าครั้งนี้ผู้ที่ยกถาดหยกไม่ใช่พานจินเหลียน แต่เป็นบุรุษสองคนร่างกายกำยำ ท่าทางคล้ายย่างก้าวอย่างยากลำบาก สิ่งของที่นำมานั้นสมควรหนักเกินธรรมดา เทียบกับของขนาดเล็กก่อนหน้า ตอนนี้ถาดหยกดูใหญ่ขึ้นหลายเท่า

“สหายทุกท่าน นี่คือสมบัติล้ำค่าชิ้นที่สาม ทว่าสมบัติชิ้นที่สามนี้ มูลค่าของมันสูงล้ำกว่าชิ้นแรกและชิ้นที่สองไปไกล” ซีเหมินชิงกล่าวคำโดยไม่รีบเปิดผ้า กลับกันเขากล่าวช้าๆ “ทั่วทั้งโลก นอกจากสิ่งของที่มีอยู่ในตำนานแล้ว เวลานี้ศาสตราต้องห้ามอย่างกระบี่หนานฮวง – ตัดดารา และคันศรเป่ยตี้ – บาปวิบัติ ได้ปรากฎขึ้นในโลก เป็นที่รับรู้กันว่าในทวีปเทียนเฉินมีวัตถุเทพทั้งหมดเจ็ดชิ้น และสามในเจ็ดวัตถุเทพที่ทรงพลังสูงสุดล้วนเป็นที่รู้จัก ชิ้นแรกคืออาวุธที่เทพกระบี่ถือสืบทอดต่อกันมานับพันๆปี สามารถหยุดยั้งทัพทหารเกรียงไกรของโลกหล้า นั่นคือกระบี่ชางหมิง ชิ้นที่สอง คือกระบี่คร่าสายลมที่สามารถคร่าชีวิตผู้คนได้ในระยะไกลเกินลี้ ชิ้นที่สามคือกระบี่หิมะที่บรรจุพลังน้ำแข็งอันแกร่งกล้า อย่างไรก็ตาม ไม่ทราบว่าสหายท่านใดพอทราบบ้าง ว่าเมื่อ 300 ปีที่ผ่านมา ยังมีอีกกระบี่อีกหนึ่งเล่มที่ลือเลื่องร่วมกับกระบี่ชางหมิง!”

300 ปีก่อน กระบี่ที่ลื่อเลื่องร่วมกับกระบี่ชางหมิง?

ผู้คนหันมองกันด้วยใบหน้าว่างเปล่า กระบี่เมื่อ 300 ปีก่อน ต่อให้ยังเหลือบันทึกอยู่ ก็คงเลือนลางจากความทรงจำไม่มีผู้ใดสนใจ ทว่าทันใดนั้น มีเสียงแจ่มใสดังชัดขึ้นมา “หรือท่านหมายถึงกระบี่สั่งฟ้า!?”

ซีเหมินชิงมองไปยังต้นเสียงนั้น และพบเจ้าของเสียงผู้สง่า เป็นบุรุษอายุราว 20 ปี คิ้วยกขึ้นสูงบ่งบอกว่ารักอิสระ จากลักษณะบอกได้เลยว่ามีสถานะไม่ธรรมดา และคำที่เปล่งออกมาว่ากระบี่สั่งฟ้า หมายถึงคนผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ

“สหายท่านนี้ ในเมื่อท่านรู้จักกระบี่สั่งฟ้า ไม่ทราบว่าท่านพอจะรู้ที่มาของมันหรือไม่?” ในสมองของซีเหมินชิงกำลังค้นหาสถานะของคนผู้นี้ ในขณะที่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

ฉุ่ยอู๋เชว ประมุขน้อยแห่งสำนักจักรพรรดิใต้!

ฉุ่ยอู๋เชวนั่งอยู่ในท่าเกียจคร้าน กล่าวคำอย่างเรียบเรื่อย “เมื่อ 300 ปีก่อน ในอาณาจักรเทียนหลงปรากฎคนผู้หนึ่งที่เรียกว่า ‘จอมกระบี่ปีศาจ’ วิถีกระบี่ของมันแปลกประหลาดล้ำลึก ในมือถือกระบี่สั่งฟ้า มันมักลงมือตามอำเภอใจ บางครั้งเป็นมิตร บางครั้งโหดเหี้ยม เป็นเวลาหลายปีที่ตัวมันและกระบี่สั่งฟ้าในมือสร้างชื่อลือเลื่องไปทั่วทวีป หลังจากนั้น มันได้ตัดสินเป็นตายต่อสู้กับเทพกระบี่ฉู่เซียวเหอในหุบเขาห่างไกล สุดท้ายมันพ่ายแพ้ลงด้วยน้ำมือของเทพกระบี่ นับแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ไม่มีผู้ใดพบเห็นร่องรอยของมันและกระบี่สั่งฟ้า”

ฉุ่ยอู๋เชวลุกขึ้น รอยยิ้มดูแปลกแปร่ง “ได้ชื่อว่าจอมกระบี่ปีศาจ แต่มันต้องการก้าวข้ามเทพกระบี่ ชื่อแท้จริงของมัน หากข้าจำไม่ผิดมันเรียกว่า เย่ตู๋ชาง หากแต่แซ่ดั้งเดิมของมันนั้น.... คือซีเหมิน!”

ม่านตาของซีเหมินชิงหดวูบทันที หากกลับเป็นปกติในทันใด แผ่นหลังหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ อารมณ์สั่นไหวอยู่ในใจ เขาลอบอุทานในใจว่าสมแล้วที่เป็นสำนักจักรพรรดิใต้ ไม่มีสิ่งใดในโลกที่หลุดรอดสายตา เมื่อ 300 ก่อน จอมกระบี่ปีศาจไม่เคยเผยสถานะแท้จริงต่อผู้ใด รวมทั้งคนของสำนักจักรพรรดิใต้ ทว่าจอมกระบี่ปีศาจมีชื่อเสียงทัดเทียมเทพกระบี่ ไหนเลยจะไม่ดึงความสนใจของสำนักจักรพรรดิใต้ แม้ว่าเวลานั้นสำนักจักรพรรดิใต้ยังไร้ความทะเยอทะยาน ทว่าพวกมันคอยเฝ้ามองความเป็นไปในโลกทุกการเคลื่อนไหว จอมกระบี่ปีศาจเย่ตู๋ชางเป็นที่รู้จักของพวกมันมานานแล้ว และยิ่งสำนักจักรพรรดิใต้ใช้กระบี่เป็นอาวุธ พวกมันย่อมให้ความสนใจในกระบี่เทพเป็นพิเศษ กระบี่สั่งฟ้าจึงถูกบันทึกไว้ไม่เคยสูญหายไปไหน

ซีเหมินชิงไม่ได้ปฏิเสธ ถอนหายใจอย่างชื่นชมและกล่าว “สหายท่านนี้ช่างมีหูตากว้างขวางนัก! ผู้น้อยขอเลื่อมใส และสมบัติชิ้นที่สามนี้ คือกระบี่ที่ถืออยู่ในมือจอมกระบี่ปีศาจเย่ตู๋ชาง เลื่องชื่อร่วมกับกระบี่ชางหมิงเมื่อสามร้อยปีก่อน – กระบี่สั่งฟ้า!”



<<<PREV    .    NEXT>>>