วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 420

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 420 บุญคุณความแค้น

“ผู้อาวุโสพูดได้ถูกต้อง!” ในห้องโถง ยังมีอีกหลายคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉุ่ยเสวียนฟงก้าวออกมาและกล่าว “ท่านประมุขทุ่มเททำงานให้กับสำนักจักรพรรดิใต้ของพวกเรานานกว่า 20 ปี เขาจะเป็นตัวปลอมได้อย่างไร นี่สมควรเป็นลูกไม้ของจักรพรรดิมาร!”

“หืม? ลูกไม้? ไหนเจ้าลองอธิบายเรื่องหยกจักรพรรดิใต้หน่อยสิ?” จักรพรรดิมารแค่นเสียงกล่าว

“เฮอะ!” ฉุ่ยเสวียนฟงแค่นเสียงต่ำ “จักรพรรดิมาร ข้าต้องขอยอมรับในทักษะชั้นเทพของเจ้า ถึงขนาดสร้างบางสิ่งที่เหมือนกับหยกจักรพรรดิใต้ได้อย่างคาดไม่ถึง ไม่เพียงแค่ดูเหมือนกันเท่านั้น แต่ยังแสร้งใช้เลือดของเจ้าคนแอบอ้างแสดงการสั่นพ้อง ใช้อุบายเหนี่ยวนำพลังหยกวารีในร่างคนสำนักจักรพรรดิใต้ให้สั่นไหว จักรพรรดิมาร เพื่อสร้างสิ่งนี้ เกรงว่าเจ้าคงสิ้นเปลืองความคิดไม่ใช่น้อย”

คำกล่าวอ้างของฉุ่ยเสวียนฟงฟังไม่ค่อยขึ้น ทว่าหลายคนในสำนักจักรพรรดิใต้มิได้อยากเชื่อความจริงมากนักอยู่แล้ว พวกมันหันความสนใจมาทางนี้ทันที หวังให้เรื่องนี้กลายเป็นความจริง

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” จักรพรรดิมารหัวเราะลั่น สายตามองลอดหน้ากาก จับจ้องที่ดวงตาของฉุ่ยเสวียนฟงโดยตรง “ฉุ่ยเสวียนฟง พลังหยกวารีของเจ้าสูญสิ้น แต่ฝีปากเล่นลิ้นของเจ้ากลับไม่เคยถดถอย ในอดีต ลูกชายของเจ้าเพราะเห็นฉุ่ยหยุนเทียนแต่งงานกับฉุ่ยฟู๋เอ๋อร์ เพราะมันหลงรักอย่างบ้าคลั่ง จึงทำเรื่องเศร้าอย่างน่ารังเกียจ ขณะเดียวกัน เพื่อครอบครองตัวฉุ่ยฟู๋เอ๋อร์และไม่ปล่อยให้นางฆ่าตัวตายเพื่อบูชารัก ดังนั้นมันจึงไม่ยอมสังหารฉุ่ยหยุนเทียน กล่าวได้ว่านี่คือความผิดพลาดใหญ่หลวงที่สุดของพวกเจ้า เจ้าคิดจริงๆหรือว่า ฉุ่ยหยุนเทียนตกตายในวันที่เจวี๋ยเทียนทำลายล้างสำนักของพวกเจ้า? โชคไม่ดีที่ไม่เป็นเช่นนั้น ข้าไปที่นั่นและพบว่ามันยังคงถูกฝังอยู่ใต้ดินในกรงเหล็ก โชคร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือ ในตัวมันมีหยกจักรพรรดิใต้ที่ใช้ยืนยันสถานะได้”

ฉุ่ยเสวียนฟงหรี่ตาลง ทันใดนั้น มันเงยหัวขึ้นและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ขณะหัวเราะก็พลางชี้นิ้วไปที่จักรพรรดิมารและตะโกน “น่าหัวร่อ น่าหัวร่อจริงๆ! จักรพรรดิมาร เจ้าเหนื่อยแรงเปล่าแล้ว วันนี้อย่าหวังได้บรรลุสิ่งใด กรงเหล็กอย่างงั้นรึ? สำนักจักรพรรดิใต้ตั้งแต่สูงยันต่ำล้วนแต่รู้ว่า ฉุ่ยหยุนเทียนไม่ได้ถูกขังอยู่ในกรงเหล็ก!”

คำพูดท้ายๆของมัน ทำให้สีหน้าผู้คนเปลี่ยนทันที

“เอ๋? ไม่ใช่กรงเหล็กหรอกหรือ?” จักรพรรดิมารเสียงแผ่วลงเล็กน้อย

“เฮอะ!” ฉุ่ยเสวียนฟงยังคงแค่นเสียงกล่าว “ตอนนั้น พวกเราล่ามฉุ่ยหยุนเทียนไว้ด้วยโซ่ตรวนผนึกปีศาจชัดๆ ตลอดเวลา 23 ปีไม่เคยเปลี่ยน แค่กรงเหล็กกระจอกงอกง่อย ไหนเลยจะสามารถ....” ฉุ่ยเสวียนฟงพูดได้เพียงครึ่งเดียว ใบหน้าก็พลันแข็งค้างทันที ดวงตาเบิกกว้างราวกับไร้วิญญาณ ตกตะลึงเสียใจอย่างใหญ่หลวง

“โอ.... ที่แท้ฉุ่ยหยุนเทียนก็ถูกเจ้าใช้โซ่ตรวนผนึกปีศาจล่ามไว้นานกว่า 23 ปี แล้วเจ้าคนที่ทำงานเป็นประมุขสำนักผู้นี้เล่า มันเป็นใคร?” จักรพรรดิมารเหยียดนิ้วชี้ไปที่ฉุ่ยหยุนหลัน ซึ่งตอนนี้มันนิ่งงันดุจคนตายไปแล้ว

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ฉุ่ยเสวียนฟงหลุดปากเอ่ยความจริงเรื่องที่มันทำร่ายฉุ่ยหยุนเทียนโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้มันเริ่มสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันแปลกแปร่ง , น่ากลัว และไม่เชื่อสายตา ราวกับถูกฟาดเข้าที่หัว มันยืนโง่งมอยู่ตรงนั้น

ยังมีสิ่งใดที่ไม่อาจโต้แย้งได้ นอกจากคำพูดของตัวเองอีก?

“ฉุ่ยเสวียนฟง.... เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก! 23 ปีก่อน ข้าก็คิดอยู่ว่ามีบางอย่างแปลกๆ ที่แท้เจ้าก็เป็นคนฆ่าอดีตท่านประมุข ทรมานทารุณนายน้อยนานถึง 23 ปี.... พวกเราทั้งสำนักได้รู้ความจริงทั้งหมดก็ในวันนี้ เจ้า โหดเหี้ยมได้ดีเหลือเกิน เพ้ย!!” ฉุ่ยม่านเฉิง หันขวับไปข้างหลัง สายตาโกรธเกรี้ยวจ้องเขม็งที่ฉุ่ยเสวียนฟง รวมถึงจ้องฉุ่ยหยุนหลันที่ตอนนี้สีหน้ายิ่งมืดมัวลง ฉุ่ยม่านเฉิงขบฟันแน่น กำหมัดสองข้างไว้แน่นหนา เพลิงโทสะในแววตาแทบปะทุออกโดยตรง ฉุ่ยหยุนเทียนปรากฎตัวกะทันหัน เปิดเผยความจริงอันโหดร้าย สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อความรู้สึกของผู้คน ความเสียใจบาดชำแรก ชิงชังอย่างเจ็บเสียด ไม่อาจรู้สึกผ่อนคลายหลังจากรู้ความจริง เพราะอดีตประมุขและฮูหยินตกตายไปแล้วไม่อาจหวนกลับ นายน้อยยังต้องทนทรมานนานกว่า 23 ปีราวกับไม่ใช่มนุษย์.... พวกมันกลับเรียกเขาว่าคนบ้าผู้กระทำความผิดใหญ่ และกลับภักดีต่อคนที่ทำร้ายประมุข....

เป็นเรื่องตลกร้ายที่เจ็บปวดอะไรเช่นนี้

เรื่องตลกร้ายและเจ็บปวดนี้ ไม่ทราบทำให้ผู้คนสำนักจักรพรรดิใต้มากเพียงใดตื่นขึ้นด้วยความตกตะลึงในห้องโถง

“ปลอม ประมุขสำนักเป็นตัวปลอม....”

“ฉุ่ยเสวียนฟง ไม่แปลกใจแล้วที่หลายปีมานี้เจ้ากับ ‘ประมุข’ มีความสัมพันธ์กันอย่างเหนือธรรมดา กลายเป็นว่ามันเป็นบุตรชายแท้ๆของเจ้า.... เพียงเพื่อตำแหน่งประมุข พวกเจ้ากลับทำเรื่องไร้หัวใจได้ถึงเพียงนี้! พวกเจ้าไม่คู่ควรกับสำนักจักรพรรดิใต้!”

“ไม่ต้องพูดให้มากความ ฉุ่ยเสวียนฟงมันยอมรับด้วยตัวเองแล้วว่านี่คือประมุขตัวปลอม ไม่ว่าจะเล่นลิ้นต่อยังไงก็ไร้ประโยชน์ ในเมื่อยอมรับโดยปริยาย เช่นนั้นก่อนอื่นก็ต้องถามมัน ว่ายังมีใครอีกบ้างที่ร่วมก่อการสังหารอดีตท่านประมุข ต่อให้ผ่านไปสิบปีหรือร้อยปี ก็ต้องลงโทษพวกมันให้สาสมถึงขีดสุด!”

ท่ามกลางเสียงดุด่าอย่างกราดเกรี้ยว ฉุ่ยหยุนหลันเวลานี้กลับค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้ ยื่นมือหยิบถ้วยน้ำชา ดื่มน้ำชาที่ค่อนข้างเย็นชืด สีหน้าสงบนิ่งราวกับไร้ความกังวลใดๆ

ฉุ่ยม่านโล๋ว และ ฉุ่ยม่านเฉิง หันมองกันและพยักหน้า จากนั้นเดินไปยืนอยู่เบื้องหน้า ฉุ่ยหยุนหลัน และ ฉุ่ยเสวียนฟง ทว่าทันใดนั้นเอง มีเสียงชราตะโกนออกมา “ช้าก่อน!”

ชายชราผู้นี้มีสถานะสูงส่งในสำนักจักรพรรดิใต้ มันก้าวออกมากลางโถง ยกมือขึ้นกล่าวคำด้วยสีหน้าเย็นชา “ฟังคำของข้าก่อน.... ข้ามีเรื่องอยากถาม ใน 20 กว่าปีที่ผ่านมานี้ มีครั้งใดบ้างที่ท่านประมุขทำเรื่องไม่ดีต่อสำนักจักรพรรดิใต้ของพวกเรา? หลายปีที่ท่านประมุขอยู่ในตำแหน่ง ทุกคนในสำนักจักรพรรดิใต้พึงพอใจหรือทุกข์ใจมากกว่า? ผู้ใดบ้างที่กล้าปฏิเสธ ว่าท่านประมุขทำงานด้วยใจมาตลอดหลายปี มีสายตาอันเฉียบแหลมยาวไกล และมีความสามารถอันเด่นล้ำ!”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า น่าขำ น่าขำจริงๆ ประมุขตัวปลอมผู้นี้ นับได้ว่าไม่เคยทำร้ายสำนักจักรพรรดิใต้จริงๆในตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ฉุ่ยซื่อซ่าย เจ้าคงไม่คิดอาศัยเรื่องนี้หักล้างเรื่องที่มันสังหารอดีตประมุข และเรื่องที่มันทำร้ายนายน้อยดุจเดียรัจฉานหรอกใช่หรือไม่? เจ้าไม่จำเป็นต้องกล่าวคำน่าหัวร่อพวกนี้ออกมา!” ฉุ่ยม่านเฉิงชี้นิ้วไปที่ฉุ่ยหยุนหลัน ถลึงตามองขณะกล่าว

“เฮอะ! ถูกต้อง ข้ากำลังเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับท่านประมุข แม้ว่าครั้งหนึ่งท่านประมุขเคยทำผิดพลาดร้ายแรง แต่เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ท่านประมุขยังเยาว์นัก เป็นวัยที่เลือดร้อนและง่ายต่อการหุนหัน ดังนั้นจึงทำความผิดพลาดครั้งใหญ่ ทว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ท่านประมุขทำงานสุดหัวใจเพื่อสำนัก หรือความดีความชอบทั้งหมดที่สร้างมาไม่อาจหักล้างความผิดที่เกิดขึ้นด้วยเพียงอารมณ์ชั่ววูบ? ยามนี้สำนักจักรพรรดิใต้ของพวกเราประสบหายนะร้ายแรงอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน ทั่วสำนักตั้งแต่สูงยันต่ำแต่ละคนล้วนต้องการให้ท่านประมุขชี้ทาง นำพาพวกเรากลับสู่ความยิ่งใหญ่ หากตอนนี้เอาแต่สืบสาวความผิดพลาดในอดีตของท่านประมุข ย่อมสร้างความสับสนวุ่ยวายต่อผู้คนในสำนักจักรพรรดิใต้” ฉุ่ยซื่อซ่ายเผชิญหน้าอย่างไม่ลดละ ถ้อยคำที่กล่าวล้วนถูกต้อง แต่ละประโยคเน้นย้ำถึงจุดสำคัญ ผู้คนสำนักจักรพรรดิใต้หัวใจหวั่นไหวอย่างไม่อาจควบคุม คำกล่าวของมันไม่ผิดพลาดแม้แต่น้อย

ฉุ่ยม่านโล๋ว ยังคงไม่เคลื่อนไหว หากไม่ว่าจะยกอ้างเหตุผลใดๆ มันก็ไม่มีวันอภัยให้กับบาปในวันนั้น มันแค่นเสียงกล่าว “ประเสริฐ งั้นให้ข้าดูสิว่า เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก”

ฉุ่ยซื่อซ่ายหรี่ดวงตาชราลง ปราดมองไปยังฉุ่ยหยุนเทียนอย่างน่ากลัว มันกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “แม้ว่าครั้งหนึ่งท่านประมุขเคยกระทำความผิดใหญ่หลวง แต่ใครจะสามารถปฏิเสธท่านประมุข ผู้ทำทุกอย่างเพื่อสำนักจักรพรรดิใต้ ส่วนมัน.... แม้ว่ามันคือฉุ่ยหยุนเทียนตัวจริง คืออดีตนายน้อยแห่งสำนัก แต่มันกลับสมรู้ร่วมคิดกับจักรพรรดิมาร เฮอะ! ความทะเยอทะยานของจักรพรรดิมารล้วนรู้กันทั่ว มันกับจักรพรรดิมารสมรู้ร่วมคิดบุกรุกสำนักจักรพรรดิใต้ เห็นได้ชัดว่าเพื่อความแค้นส่วนตัว.... บางทีหลังจากที่แก้แค้น มันคงยกสำนักจักรพรรดิใต้ทั้งหมดให้กับ....”

“ท่านไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว”

เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นขัดฉุ่ยซื่อซ่ายอย่างผิดความคาดหมายของผู้คน ฉุ่ยหยุนหลันที่นิ่งเงียบมาตลอดตอนนี้เริ่มเคลื่อนไหว ในที่สุดเวลานี้มันก็ลุกขึ้นยืน และกล่าวคำอย่างว่างเปล่า “ในอดีต ผู้ที่ติดต่อสำนักจักรพรรดิเหนือเพื่อสร้าง ‘ผงเพลิงวารีอิสระ’ ก็คือท่าน หากกล่าวถึงการสมรู้ร่วมคิด ฝ่ายแรกที่สมรู้ร่วมคิดทำร้ายสำนักก็คือพวกเรา คนที่ร่วมมือกันในครั้งนั้นนอกจากพวกเราแล้ว ที่เหลือล้วนตกตายด้วยน้ำมือของเจวี๋ยเทียน ประสบผลกรรมที่เหมาะสมแล้ว”

เป็นถ้อยคำที่ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจะออกจากปากของฉุ่ยหยุนหลัน มันนิ่งเงียบอย่างมาก สงบอย่างประหลาด ถ้อยคำของมันคือการยอมรับอย่างไม่ต้องสงสัย มันยังบอกถึงความผิดในอดีตของฉุ่ยซื่อซ่าย ไม่มีใครรู้ว่ายามนี้มันกำลังคิดสิ่งใด จะหยุดดิ้นรนเพื่อมองหาความสงบทางวิญญาณ หรือต้องการระบายความรู้สึกผิดที่เก็บไว้กว่าสิบๆปี

ใบหน้าของฉุ่ยซื่อซ่ายกลายเป็นน่าเกลียดทันที ซีดขาวอย่างไร้ที่เปรียบ แววตาเย็นชายังเปลี่ยนเป็นตกตะลึงล้ำลึก ราวกับมันพยายามกล่าวคำ ทว่าปากมันขยับพะเยิบพะยาบแต่กลับไม่มีเสียงใดออกมา ถ้อยคำของฉุ่ยหยุนหลันตัดสินชะตามันเรียบร้อย ไหนเลยมันจะดิ้นรนได้อีก ขัดขืนไปก็มีแต่ไร้ประโยชน์

จักรพรรดิมารมองฉุ่ยหยุนหลันปราดหนึ่ง แค่นเสียงบางเบาออกจมูก ฉุ่ยหยุนหลันเงียบงันมาตั้งแต่เริ่มต้น ทว่าในระหว่างที่เงียบนั้น มันมองสถานการณ์ไม่คลาดสายตา แม้การกระทำของมันจะเหนือความคาดหมาย แต่นี่คือวิธีป้องกันตัวที่ดีที่สุดสำหรับมันแล้ว

แต่ช่างน่าเสียดาย....

เสียงหัวเราะแผ่วออกจากมุมปากจักรพรรดิมาร มันลอยร่างขึ้นกลางอากาศ ส่งเสียงแหบพร่าขณะกล่าว “ฉุ่ยหยุนเทียน เราจักรพรรดิพาเจ้ามาที่นี่ในวันนี้ เพื่อให้เจ้าจัดการเรื่องราวด้วยตัวเอง จักรพรรดิผู้นี้จะไม่วุ่นวาย.... แต่จักรพรรดิผู้นี้จะไม่ปล่อยให้ผู้ใดวุ่ยวายเรื่องส่วนตัวของเจ้าเช่นกัน เจ้าอยากทำสิ่งใดให้เริ่มเสียตอนนี้ ผู้ใดกล้าสอดมือเข้ามายุ่ง จักรพรรดิผู้นี้จะทำให้มันไม่เหลือแม้แต่กระดูก”

เป็นถ้อยคำสั้นๆอันราบเรียบ ทว่ากลับคล้ายมีสายลมเย็นเชียบพัดผ่านผิวร่างและหัวใจผู้คน ทำให้ร่างกายและหัวใจสั่นเทา จักรพรรดิมารโหดเหี้ยมไร้หัวใจ ทั้งยังทรงพลังแกร่งกล้า สามารถสะกดข่มสามสุดยอดแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือได้ด้วยตัวลำพัง ถ้อยคำของมันราวกับหินหนักหน่วงกดถ่วงหัวใจของผู้คน ไม่มีผู้ใดกล้าอ้าปากกล่าวคำ

ฉุ่ยหยุนเทียนพยักหน้าให้จักรพรรดิมารเล็กน้อย จากนั้นก้าวตรงไปเบื้องหน้า แหวกระหว่างกลางร่างฉุ่ยม่านโล๋วและฉุ่ยม่านเฉิงด้วยมือช้าๆ ก่อนที่จะไปหยุดอยู่ตรงหน้าฉุ่ยหยุนหลัน เผยยิ้มบนใบหน้า นำพาความรู้สึกโหดเหี้ยมเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง “ฉุ่ยหยุนหลัน เจ้าทำร้ายครอบครัวของข้า แต่เจ้าแอบอ้างเป็นข้า และทำหน้าที่ประมุขสำนักจักรพรรดิใต้ โดยไร้สิ่งใดขาดตกบกพร่องจริงๆ เรื่องนี้นับว่าเป็นความแค้นส่วนตัวระหว่างพวกเรา ในเมื่อเป็นเรื่องส่วนตัว.... เจ้ากล้าประลองตัดสินกับข้าด้วยชีวิตหรือไม่ เป็นตายให้ขึ้นอยู่กับฟ้า! หากเจ้าสามารถพรากชีวิตข้าได้ เจ้าก็เป็นประมุขสำนักจักรพรรดิใต้ต่อไป แต่หากข้าชนะ....”

ฉุ่ยหยุนเทียนหยุดถ้อยคำลงตรงนี้โดยไม่กล่าวต่อ เรื่องวิธีจัดการกับฉุ่ยหยุนหลันมันยังไม่ได้คิดไว้ เพราะความเกลียดชังจากตลอดหลายปีที่ผ่านมาลึกล้ำเกินไป ไม่ว่าจะใช้วิธีเหี้ยมโหดเพียงใด ล้วนไม่อาจลบล้างความเกลียดชังของมันได้



<<<PREV    .    NEXT>>>