วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2561

สวรรค์มวลดาว ตอนที่ 419

Font size: S , M , L , L+ , L++
ตอนที่ 419 ความจริง

ผู้คนมองยังสองบุคคลผู้เหมือนกัน ขณะที่สองคนนั้นต่างก็จ้องมองกัน ความสงสัยผุดขึ้นในหัวใจผู้คน ลมหายใจยังกลายเป็นปั่นป่วน ฉุ่ยเสวียนฟงใบหน้าขาวซีดอยู่แล้วยิ่งซีดลงอีก ร่างกายอ่อนแอค่อยๆหยัดยืนขึ้นอย่างสั่นเทา มองฉุ่ยหยุนเทียนด้วยความแตกตื่นเต็มใบหน้า ราวกับคนเห็นผีปีศาจ ไม่อาจเชื่อสายตาตัวเอง

ไม่! ต้องไม่ใช่มัน! เห็นอยู่ชัดๆว่ามันบ้า ถูกล่ามไว้ด้วยโซ่ตรวนผนึกปีศาจที่กระทั่งฟ้าดินยังไม่อาจต่อต้าน ลิ้นของมันยังถูกตัดออก วันนั้นสำนักจักรพรรดิใต้ประสบเคราะห์ใหญ่ มันย่อมตกตายภายใต้การโจมตีของเจวี๋ยเทียน คนผู้นี้ย่อมไม่อาจเป็นมันได้! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!

อย่างไรก็ตาม ฉุ่ยหยุนหลันมิได้กล่าวคำ เพียงจดจ้องอยู่ที่ฉุ่ยหยุนเทียน ราวกับมันหวังมองทุกจุดในร่างตั้งแต่หัวยันเท้า.... ผลลัพธ์หวังให้เป็นสวรรค์ประทานพร ทว่ากลับกลายเป็นสวรรค์ลงทัณฑ์

ตัวมันและสำนักจักรพรรดิใต้ทั้งหมดถูกสวรรค์ลงทัณฑ์มาแล้วครั้งหนึ่ง

ทว่าคนตรงหน้า.... ดูแล้วเป็นมันแน่ๆ ความรู้สึกนี้ย่อมไม่มีผิดพลาด มันไม่ควรจะพูดได้ ไม่ควรเป็นฉุ่ยหยุนเทียนในสภาพนี้ หรือว่ามัน....ได้รับพรจากสวรรค์?

“เจ้าโจรเฒ่า สังหารปู่ของข้า สังหารย่าของข้า ทำร้ายบิดาบังเกิดเกล้าของข้าแล้วยังแอบอ้างกลายเป็นประมุขสำนัก วันนี้ ข้าจะแก้แค้นให้กับครอบครัวของข้าทุกคน จะทำให้เจ้าตกตายโดยไร้หลุมฝัง” ฉุ่ยอู๋เชวสืบเท้าออกมาก้าวหนึ่ง ยืนอยู่เบื้องหน้าฉุ่ยหยุนเทียน  สีหน้าเฉื่อยชาอันเดิมได้หายไปสิ้น แทนที่ด้วยความเกลียดชังและดุร้าย

“ต้องเรียกหาเจ้าเป็นพ่อมานานกว่า 20 ปี นับเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตข้า หากไม่ได้ผู้อื่นช่วยเหลือไว้ ข้าคงต้องผิดพลาดไปตลอดชีวิต ฉุ่ยหยุนหลัน เจ้าทำให้ข้าสูญเสียครอบครัว แม้ไม่อาจทวงคืนทุกสิ่งจากมือเจ้า แต่อย่างน้อย เจ้าจะต้องสูญเสียทุกอย่างจนหมดสิ้น” ฉุ่ยเมิ่งฉานเริ่มมีโทสะพวยพุ่ง พลังหยกวารีที่ไม่ค่อยได้ใช้นักกำลังโคจรในมือบอบบางอย่างเงียบงัน

ฉุ่ยเสวียนฟงตกตะลึงจากแรงกดดันของพี่น้องสองฉุ่ย จากนั้นหันขวับมองไปที่ฉุ่ยหยุนหลัน เพียงพบว่ามันยังไร้วี่แววเปิดปากเหมือนเช่นเคย มันกดเสียงลงและตะโกนลั่น “องค์หญิง ประมุขน้อย พวกท่านโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว เหตุใดยังเที่ยวส่งเสียงเอะอะเล่น พวกท่านนำเจ้าคนที่เหมือนประมุขผู้นี้มาจากที่ใด ก็จงรีบพามันกลับไปทางนั้น มิเช่นนั้น.... ช่างเถอะ คนผู้นี้มิใช่ศิษย์สำนักจักรพรรดิใต้ บังอาจกล้าเข้ามาและยังแอบอ้างเป็นประมุขสำนักจักรพรรดิใต้ ทุกอย่างล้วนเป็นความผิดมหันต์ รีบกำจัดมันเดี๋ยวนี้!”

หากฉุ่ยเสวียนฟงมิได้สูญเสียพลังหยกวารีทั้งหมดไป มันคงลงมือสังหารฉุ่ยหยุนเทียนด้วยตัวเองทันที

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฉุ่ยเสวียนฟง เจ้าร้อนตัวเลยคิดหวังทำลายพยานอย่างนั้นรึ?” จักรพรรดิมารแค่นคำเหยียดหยันออกจากปาก เสียงแหบพร่าเสียดแก้วหูผู้คนจนอึดอัด

ฉุ่ยเสวียนฟงเงยหน้ามองจักรพรรดิมาร ตอบกลับพร้อมแค่นเสียงเช่นเดียวกัน “จักรพรรดิมาร ประเสริฐนักจักรพรรดิมาร ร่ำลือกันว่าเจ้าใช้เคล็ดสวรรค์ร่วงหล่นต่อเนื่องกันถึงสี่ครั้ง เอาชนะสามสุดยอดแห่งสำนักจักรพรรดิเหนือ เหยียนเทียนสง , เหยียนต้วนหุน , และเหยียนเทียนอ้าว ด้วยพลังของตัวเจ้าเพียงลำพัง ก่อนหน้านี้ยังใช้วิธีโหดเหี้ยมสังหารเหยียนเทียนหยุนและประมุขน้อยเหยียนซีหมิง นับเป็นคนที่น่ากลัวอย่างแท้จริง ยั่วยุสำนักจักรพรรดิเหนือเสร็จแล้ว ตอนนี้ยังคิดเอื้อมมือมายังสำนักจักรพรรดิใต้ของข้า แต่กลับใช้วิธีน่าหัวร่อหามนุษย์หน้าเหมือนท่านประมุขมาแอบอ้าง คงหวังสร้างความสับสนให้แก่ผู้คน.... ฉุ่ยหยุนหลันเป็นบุตรชายแท้ๆของข้า เขาทำความผิดใหญ่หลวงเมื่อ 23 ปีก่อน ถูกจองจำตลอดชีวิต สูญเสียความสามารถในการพูด แต่คนผู้นี้.... เฮอะ ลูกไม้ของเจ้านอกจากไม่ฉลาดแล้วยังน่าหัวร่อ จักรพรรดิมาร ความทะเยอทะยานของเจ้าเป็นที่รู้กันทั่ว วันนี้ ต่อให้สำนักจักรพรรดิใต้ของข้าถูกกำจัดในมือเจ้า ก็อย่าคิดหวังว่าพวกเราจะกลัว!”

ฉุ่ยเสวียนฟงกล่าวคำเหล่านี้ด้วยความฉลาดหลักแหลมและไร้ตำหนิ ทำให้สำนักจักรพรรดิใต้ตั้งแต่สูงยันต่ำราวกับตื่นจากฝัน ความสงสัยในใจถูกแทนที่ด้วยความระวังตัว จากนั้นเพียงครู่เดียว เหล่าคนที่แข็งแกร่งสุดต่างล้อมรอบจักรพรรดิมารไว้ ทว่าด้วยหวาดกลัวพลังแกร่งกล้าของจักรพรรดิมารจากข่าวลือ พวกมันจึงไม่กล้าลงมือส่งเดช ฝ่ามือยังหลั่งเหงื่อเย็นอย่างรวดเร็ว

“เฮอะ! คิดล่วงล้ำสำนักจักรพรรดิใต้ของข้า เจ้าผ่านชายชราผู้นี้ให้ได้ก่อน!” ฉุ่ยม่านโล๋ว และ ฉุ่ยม่านเฉิง เคลื่อนมาจากทางซ้ายและทางขวา หยุดยืนถลึงตามองจักรพรรดิมารอยู่ไม่ไกล สองคนนี้ภักดีต่อสำนักจักรพรรดิใต้ตั้งแต่ครั้งยังเด็ก เป็นสองคนที่ฉุ่ยม่านชางบิดาผู้ล่วงลับของฉุ่ยหยุนเทียนเชื่อใจมากที่สุด หลังจากประมุขสำนักคนใหม่ขึ้นครองตำแหน่ง พวกเขาก็ถูกส่งแยกไปยังอาณาจักรต้าฟงและอาณาจักรคุยชุย หลายๆปีจึงจะได้กลับมายังสำนักสักครั้งหนึ่ง แต่ทั้งสองก็ไม่เคยปริปากบ่นใดๆ

“ท่านปู่ทมิฬ ท่านปู่เหลือง พวกท่านไม่เชื่อพวกเราหรือ! เขาคือพ่อของข้า แต่มัน.... เป็นคนที่สมอ้างเป็นพ่อข้า ในอดีตมันสังหารท่านปู่ กักขังท่านพ่อไว้ใต้ดินนานกว่า 23 ปี มันคือฉุ่ยหยุนหลัน! เหตุใดข้ากับท่านพี่ต้องเล่นตลกกับเรื่องนี้ด้วย!” ฉุ่ยอู๋เชวตะโกนกล่าว

ฉุ่ยม่านโล๋ว และ ฉุ่ยม่านเฉิง สีหน้าอ่อนลงเล็กน้อย หากยังคงส่ายศีรษะและจับจ้องที่ฉุ่ยหยุนเทียน “นายน้อย หากเป็นความจริงตามที่ท่านกล่าว คนผู้นั้นถูกประมุขขังไว้ใต้ดินนานกว่า 23 ปี.... เห็นได้ชัดว่าคนผู้นั้นถูกตัดลิ้น ไหนเลยจะเปล่งวาจาได้อีก ร่างกายยังถูกพันไว้ด้วยโซ่ตรวนผนึกปีศาจ กล่าวกันว่านอกจากกระบี่หนานฮวงแล้ว ไม่มีสิ่งใดตัดโซ่ตรวนผนึกปีศาจได้อีก ยิ่งกว่านั้น คนผู้นี้ยังมีสติดีเกินไป ต่อให้เป็นผู้มีจิตใจแกร่งกล้า เมื่อถูกขังอยู่ในที่แห่งนั้นเกินกว่า 20 ปี คนย่อมกลายเป็นคนบ้า!”

“งั้นพวกท่านรู้จักของสิ่งนี้หรือไม่?” ฉุ่ยหยุนเทียนเหยียดมือออกทันที เหนือฝ่ามือปรากฎหยกรูปกระบี่เปล่งแสงสีฟ้าจางๆ สายตาของฉุ่ยม่านโล๋วและฉุ่ยม่านเฉิงตกลงบนหยกชิ้นเล็กๆนั้น ม่านตาของพวกมันหดวูบทันที ตะโกนคำออกมาอย่างแตกตื่นพร้อมกัน “หยกจักรพรรดิใต้!”

“อะไรนะ!?”

‘หยกจักรพรรดิใต้’ สามคำนี้ ทำให้ภายในห้องโถงเกิดความโกลาหลทันที สายตาทั้งหมดจับจ้องไปที่หยกในมือของฉุ่ยหยุนเทียน หยกจักรพรรดิใต้คือสัญลักษณ์แห่งประมุขสำนักจักรพรรดิใต้ ทว่าหยกจักรพรรดิใต้ได้หายไปตอนที่ประมุขรุ่นนี้ขึ้นสู่ตำแหน่ง ประมุขสำนักตามหามันเป็นเวลานานโดยไม่อาจหาพบ

ฉุ่ยหยุนหลันสีหน้ามืดทะมึน ฉุ่ยเสวียนฟงหน้ามืดยิ่งกว่า สองมือกำแน่นอย่างเงียบงัน มันรู้อยู่แก่ใจว่าคนบ้าที่ถูกกักขังอยู่ใต้ดินนั้นแท้จริงแล้วคือฉุ่ยหยุนเทียน แต่มันไม่อาจเชื่อลงว่าคนที่อยู่เบื้องหน้าเวลานี้คือฉุ่ยหยุนเทียนตัวจริง

ฉุ่ยหยุนเทียนสะบัดข้อมือ หยกจักรพรรดิใต้ปลิวไปตกในมือฉุ่ยม่านโล๋ว ฉุ่ยหยุนเทียนถอนใจยาวคราหนึ่ง กล่าวคำเศร้าใจล้ำลึก “ท่านลุงทมิฬ ข้ารู้ว่าท่านย่อมสงสัย ไม่ว่ามันเป็นของจริงหรือของปลอม ท่านลองตรวจสอบดูก็จะรู้เอง”

เมื่อเห็นคนโยนหยกจักรพรรดิใต้มาให้ตัวมันโดยไม่ลังเล สีหน้าของฉุ่ยม่านโล๋วภายใต้ความภาคภูมิยังเปลี่ยนเล็กน้อย หยกจักรพรรดิใต้ที่ถืออยู่ในมือ ถูกบรรจุพลังหยกวารีเข้าไปข้างในเล็กน้อย

แสงสีฟ้าอ่อนโยนกลุ่มหนึ่งเปล่งออกมาจากหยกจักรพรรดิใต้ สะท้อนฉาบใบหน้าของฉุ่ยม่านโล๋วและฉุ่ยม่านเฉิง ระหว่างการเรืองรองของแสงอ่อนโยน สำนักจักรพรรดิใต้ทุกผู้ที่อยู่ในฉาก ล้วนรู้สึกชัดเจนว่าพลังหยกวารีในร่างกำลังสั่นพ้องตอบรับเล็กน้อยต่อมัน การสั่นพ้องนี้เขย่าหัวใจคนทุกผู้ เปลี่ยนสีหน้าและอารมณ์ให้กลับกลายอย่างเงียบงัน

“หยกจักรพรรดิใต้!”

“ใช่แล้ว! ความรู้สึกนี้.... มันคือหยกจักรพรรดิใต้ที่หายไปเมื่อครั้ง 20 กว่าปีก่อนจริงๆ!”

“อย่าบอกนะว่า จริงๆแล้วเขาเป็น....”

ฉุ่ยหยุนเทียนยื่นมือขวาออกคว้ากลางอากาศ หยกจักรพรรดิใต้ในมือฉุ่ยม่านโล๋วบินหวือกลับมาที่มือทันที จากนั้น ฉุ่ยหยุนเทียนปล่อยมือออก หยกจักรพรรดิใต้หล่นลงพื้นเกิดเสียง “ดิ้ง” ดังสะท้อน

“หยกจักรพรรดิใต้ตอบสนองต่อสายโลหิตตรงแห่งจักรพรรดิใต้ สามารถสร้างการสั่นพ้องอย่างรุนแรง การสั่นพ้องสามารถส่งสู่ผู้คนสำนักจักรพรรดิใต้ได้ในรอบรัศมีร้อยลี้ นี่ยังเป็นวิธีอันยอดเยี่ยมที่สุด ที่ประมุขสำนักจักรพรรดิใต้แต่ละรุ่นใช้เรียกความช่วยเหลือยามตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต”

เกิดเสียง “ชี่” แผ่วเบา ใบมีดเล็กๆไม่ทราบปรากฎขึ้นที่มือขวาของฉุ่ยหยุนเทียนตอนไหน  มันกรีดลงบนปลายนิ้วมือซ้าย เลือดหยดหนึ่งตกลงจากปลายนิ้วต่อสายตาทุกผู้คน หยดลงไปยังหยกจักรพรรดิใต้ที่อยู่บนพื้นพอดิบพอดี

ฟู่ม!!

แสงฟ้าระเบิดออก ส่องแสงสว่างแจ่มจ้าและเข้มเข้น ฉุ่ยหยุนเทียน , ฉุ่ยเมิ่งฉาน รวมทั้งฉุ่ยอู๋เชว ถูกแสงกลืนไว้หมดสิ้น แสงฟ้าซึมซ่านสู่ใจทุกผู้คน และสิ่งที่ทำให้พวกมันสั่นสะท้าน คือพลังหยกวารีในร่างที่โลดขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

ซู่ว!

ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงันสุดขีด หลังการคงตัวอยู่หลายชั่วอึดใจ แสงฟ้าก็พลันวอดลง หยกจักรพรรดิใต้บินกลับสู่มือของฉุ่ยหยุนเทียนอีกครั้ง สายตามองผ่านฉุ่ยม่านโล๋วและฉุ่ยม่านเฉิง จับจ้องไปยังฉุ่ยหยุนหลันที่อยู่ด้านหลัง กล่าวคำทะมึนต่ำไร้ที่เปรียบ “ฉุ่ยหยุนหลัน! เจ้ากล้าหยดเลือดลงบนหยกจักรพรรดิใต้ชิ้นนี้หรือไม่.... กล้าหรือไม่!!”

ผู้คนหันศีรษะตามกัน สายตามองไปยังฉุ่ยหยุนหลัน นี่คือคนที่พวกมันเรียกหาเป็นประมุขมานานกว่า 20 ปี เงียบงัน หนึ่งวินาทีผ่านไป สองวินาทีผ่านไป สามวินาทีผ่านไป.... ไร้คำตอบและการตอบสนองใดๆจากมัน

มันเงียบงันเท่ากับบรรยากาศรอบกายในเวลานี้

ฉุ่ยม่านโล๋ว และ ฉุ่ยม่านเฉิง มองหน้ากันคราหนึ่ง ความทรงจำเมื่อ 23 ปีก่อนวาบผ่านเข้ามาในหัว นับตั้งแต่ตอนนั้น ประมุขน้อยผู้มักร่าเริงต่อหน้าพวกมันได้เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ราวกับกลายเป็นคนเหินห่างต่อพวกมัน หลายเดือนต่อจากนั้นยังส่งพวกมันไปยังอาณาจักรอื่น พวกมันไม่ได้คิดสิ่งใด เพียงเข้าใจว่าพอขึ้นเป็นประมุขสำนักแล้วต้องวางตัวสุขุม ไม่อาจทำตัวอิสระเหมือนก่อนหน้าเพื่อมิให้เป็นที่ครหา อย่างไรก็ตาม หลายเดือนต่อจากนั้น สำนักจักรพรรดิใต้ได้ทราบความปรารถนาสูงสุดของประมุข คือคิดนำพาสำนักจักรพรรดิใต้ครอบงำโลกหล้า.... ยามนั้นพวกมันตกตะลึงอย่างล้ำลึก

เวลานี้ ฉับพลันความจริงทุกอย่างถูกเปิดเผย.... เป็นความจริงที่โหดร้ายทารุณถึงขีดสุด พริบตานั้น หัวใจของพวกมันรวดร้าวราวกับถูกเสียบแทง

“นายน้อย!”

ทันใดนั้น ฉุ่ยม่านโล๋วและฉุ่ยม่านเฉิงส่งเสียงครวญอย่างโศกเศร้า คุกเข่ากระแทกลงต่อหน้าฉุ่ยหยุนเทียน “เป็นพวกเราไร้ความสามารถ เป็นพวกเราไร้ความสามารถ! กลับปล่อยให้ท่านต้องเจ็บปวดเพราะอมนุษย์โดยมิได้ทำอันใด พวกเราละอายต่อท่านประมุขผู้ล่วงลับยิ่งนัก!”

อาวุโสทมิฬและอาวุโสเหลืองคุกเข่าลงหนักหน่วงต่อหน้าฉุ่ยหยุนเทียน เพราะพวกมันเข้าใจแจ่มแจ้งต่อสถานะของคนผู้นี้ ไร้ข้อสงสัยอีกต่อไป พวกมันเรียกหาฉุ่ยหยุนเทียนว่า ‘นายน้อย’ เพราะ 23 ปีก่อนพวกมันเรียกเขาแบบนั้น เวลาผ่านไป เขายังคงเป็นนายน้อยสำหรับพวกมัน หากคนที่ทำร้ายอดีตประมุขและฮูหยินนั้น พวกมันกลับทำงานรับใช้เจ้าประมุขสมอ้างนี้มานานกว่า 20 ปี

การคุกเข่าของอาวุโสทมิฬและอาวุโสเหลือง สร้างความโกลาหลขึ้นทันที ทั้งการครอบครองและการตอบสนองของหยกจักรพรรดิใต้ ล้วนเป็นสิ่งยืนยันสถานะของฉุ่ยหยุนเทียน ทว่าผู้คนไม่อยากเชื่อและไม่กล้ายอมรับ พวกมันหวังให้ประมุขสำนักโต้แย้ง หวังให้มันหักล้างทำลายข้อพิสูจน์นี้ พวกมันรอคอย หากได้รับเพียงความเงียบงันของฉุ่ยหยุนหลันกลับมา หลังจากจบคำถามของฉุ่ยหยุนเทียนแล้ว สายตามืดมัวของฉุ่ยหยุนหลันก็เลื่อนลอยขึ้นเรื่อยๆ ไม่เอ่ยปากพูดแม้สักคำ ไม่ทราบว่ามันกำลังคิดสิ่งใด แรงกระทบครั้งนี้ยากที่มันจะทนรับได้ คนตกตะลึงราวกับสติหลุดลอยไปจากโลกนี้

“เป็นไปไม่ได้! นี่มันเรื่องโกหกทั้งเพ!” ฉุ่ยเสวียนฟงคำราม ชี้นิ้วไปยังจักรพรรดิมารและตะโกนลั่น “อาวุโสทมิฬ อาวุโสเหลือง อย่าได้เชื่อพวกมัน! จักรพรรดิมารผู้นี้หวังสร้างความสับสนต่อสำนักจักรพรรดิใต้ พวกมันเล่นลูกไม้จัดฉาก อย่าได้หลงกลของพวกมัน!”

“เห?” จักรพรรดิมารยกยิ้มถากถาง “อันที่จริง ข้าเองก็ชอบเล่นลูกไม้จัดฉาก ทว่าละครของข้าต่อหน้าละครปีศาจของเจ้าแล้ว คงไม่อาจหยิบยกขึ้นเทียบได้”



<<<PREV    .    NEXT>>>